Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง

ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง
ไอแรกกำเนิดอบอวล ฟ้าดินแห่งนี้เงียบเชียบไร้เสียง

พลังมหามรรคอุบัติขึ้นตรงหน้าหลินสวินช้าๆ ประหนึ่งความขุ่นมัวแรกกำเนิด ไม่อาจบ่งบอกลักษณะได้ กฎเกณฑ์พร่ามัวถักทอกันอยู่ในนั้น แผ่วลอยไหลเวียน

บางคราวควบรวมเป็นเตาหลอม มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุหมื่นมรรค มีอานุภาพกำราบอดีตปัจจุบันและอนาคต

บางคราวแปรสภาพเป็นหุบเหว ความลึกของมันไร้สิ้นสุด ความใหญ่ของมันเหลือประมาณ ประหนึ่งกลืนกินห้วงอากาศสิบทิศไปสิ้น

บางครั้งปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดก็กลับคืนสู่ความขุ่นมัวอีกครั้ง

มรรควิถีทั้งตัวหลินสวินก็วิวัฒน์เป็นวงจรเช่นนี้ หล่อหลอมและควบรวมอย่างต่อเนื่อง…

เขตแดนมรรค เป็นเขตแดนที่ควบรวมขึ้นด้วยมรรคที่ตนเองครอบครอง เปรียบดั่งโลกใบหนึ่ง เพราะคุณลักษณะแตกต่างกัน อานุภาพที่มีจึงไม่เหมือนกัน

โดยทั่วไปแล้ว มรรควิถียิ่งล้ำลึก คุณลักษณะของเขตแดนมรรคที่จะควบรวมได้ก็จะยิ่งสูง อานุภาพที่มีก็ยิ่งแข็งแกร่ง

เพียงแต่คิดจะควบรวมเขตแดนมรรคที่คุณลักษณะเรียกได้ว่าหายากในโลก นอกจากมรรควิถีล้ำลึกแล้ว ยังต้องมีความแน่วแน่ มีจิตวิญญาณและสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ด้วย จำต้องทุ่มเลือดเนื้อไม่สิ้นมาปรับปรุงให้สมบูรณ์

นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีจุดเปลี่ยน!

ดังเช่นหลินสวิน ตั้งแต่บรรลุระดับมกุฎราชันอริยะขั้นต้น ก็ควบรวมต้นแบบเขตแดนมรรคออกมาได้แล้ว

แต่กระทั่งตอนนี้ผ่านมาหลายปี เขามีพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายแล้ว แต่จะหลอมเขตแดนมรรคขั้นสมบูรณ์สูงสุดได้ ยังขาดจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งดังเดิม!

อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มเดินทางไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณแล้ว ถึงตอนนั้นอันตรายและการห้ำหั่นที่ต้องเผชิญจะต้องน่ากลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้

เรื่องนี้ทำให้หลินสวินเกิดความกดดันขึ้นในใจเช่นกัน

แต่ถ้าพัฒนาเขตแดนมรรคถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว ตอนที่เข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ก็เท่ากับมีรากฐานพลังในการรักษาชีวิตตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจสายน้ำ

หลินสวินดำดิ่งกับการอนุมานมรรควิถีของตนโดยสมบูรณ์ การหยั่งรู้และใจความที่ได้รับในช่วงหลังจากบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะทั้งหมดล้วนผุดขึ้นในใจ ดั่งน้ำพุอันใสกระจ่าง

หลายปีมานี้เขาศึกษาคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า จึงได้รู้นัยน์เร้นลับมหามรรคที่สรรพสิ่งในใต้หล้ามี…

เขาหยั่งรู้คัมภีร์มหามรรคหวงถิง หยั่งถึงสุดยอดความลับที่มีอยู่ในอวัยวะตันห้า…

คัมภีร์มรรคที่เขาครอบครอง ต่างหลอมรวมเข้าไปในมรรควิถีของตนในระหว่างที่ฝึกปราณโดยไม่รู้ตัวมานานแล้ว

อย่างคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด มรดกจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้าที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ คัมภีร์มหาครรภ์จุติที่อริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬสร้างขึ้น คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนที่มาจากจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน…

นอกจากนี้ การกรำศึกและเข่นฆ่านับไม่ถ้วนที่ประสบมาในหลายปีมานี้ ใจความและประสบการณ์ที่หล่อหลอมออกมาจากเลือดและเพลิง ความเป็นและความตาย ต่างก็เป็นดั่งการตกตะกอนและสั่งสมอย่างหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถี

แต่ว่าจะหยั่งรู้หรือได้ใจความขนาดไหน ก็ไม่อาจมีอิทธิพลและแปรเปลี่ยนหัวใจมหามรรคของหลินสวินได้

มรรควิถีของเขาบรรจุหมื่นมรรค สำแดงหมื่นวิชาได้ แต่กลับไม่อาจทดแทนได้!

เพราะมรรคที่เขาเสาะแสวง เป็นวิถีที่ ‘อดีตปัจจุบันอนาคต มรรคข้าเป็นหนึ่ง’!

ศิษย์พี่เสวียนคงเรียกได้ว่า ‘ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’ ในม้วนหยกที่เขาทิ้งเอาไว้ก็บันทึกการหยั่งรู้และใจความของการไร้ศัตรูในระดับอริยะ

การศึกษาม้วนหยกนี้ ทำให้ความเข้าใจต่อ ‘มรรคที่ไม่เคยมีมาก่อน’ ของหลินสวินยิ่งลึกซึ้งขึ้น ทั้งยังแน่วแน่ในมรรคาของตนยิ่งขึ้น

การสัมผัส หยั่งรู้ ใจความ และประสบการณ์ทั้งหมดนี้… ล้วนกำลังปะทุอยู่ในใจหลินสวิน เหมือนศักยภาพแฝงมหามรรคที่สั่งสมอย่างหนึ่ง

หอสูงเก้าชั้นขึ้นจากกองดิน ไม้ใหญ่หลายคนโอบเกิดจากหน่ออ่อน

คำกล่าวที่ว่าสั่งสมจนแน่นหนาแล้วแผ่ออกช้าๆ ก็เป็นเช่นนี้

หลินสวินค่อยๆ ลืมทุกสิ่ง จิตใจว่างเปล่า ล่องลอยไปกับทิวาราตรี ลืมกาลเวลาที่ผันผ่าน ประสานความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ทั้งยังลืมฟ้า ลืมดิน ลืมคนไปสิ้น…

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามีแต่มรรควิถีเฉกเช่นแรกกำเนิด แผ่วพลิ้วพลิกตลบ ไม่อาจบ่งบอกลักษณะ

กลิ่นอายพิบัติเคราะห์อุบัติขึ้นจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้า พลังน่าหวาดหวั่นอันตรายฉายวาบ ประหนึ่งระเบียบมหามรรคอันสูงส่งถูกละเมิด!

“หืม?”

“เคราะห์ต้องห้ามหรือ!”

ขณะนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่จำศีลอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์บางคนใจสั่นระรัว สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

“เคราะห์ต้องห้ามที่น่ากลัวนัก ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนตอนนี้เหมือนจะไม่เคยได้ยินว่ามีกลิ่นอายพิบัติเคราะห์เช่นนี้มาก่อน…”

“ทุกหนึ่งแสนปี ใต้หล้าแห่งนี้ก็จะเกิด ‘เคราะห์ฟ้าเปลี่ยน’ ที่ผิดปกติขึ้น ศึกมรรคสิบทิศในสมัยปลายยุคดึกดำบรรพ์ หรือศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาลล้วนปะทุขึ้นเพราะฟ้าดินแปรผันครั้งใหญ่ หรือพิบัติเคราะห์ต้องห้ามนี้จะเป็นเค้าลางทำนองนี้เช่นกัน”

“ไม่ นี่เป็นเพียงเคราะห์ต้องห้ามเท่านั้น ไม่ใช่ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับใต้หล้า ข้าสงสัยว่าเคราะห์ต้องห้ามนี้จะถูกใครกระตุ้นขึ้นมา”

“ถูกใครกระตุ้นหรือ ในแคว้นกลางมรรคแห่งนี้จะมีใครทำเช่นนี้ได้”

เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวสายแล้วสายเล่าม้วนตลบพุ่งทะลุเมฆาในเรือนมรรคโลกาสวรรค์

ในขณะเดียวกัน

ในอาณาเขตของเรือนมรรคใหญ่และขุมอำนาจเก่าแก่ต่างๆ ในแคว้นกลางมรรคอันกว้างใหญ่ไพศาล ต่างมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่หลบเร้นเก็บตัวมาไม่รู้นานเท่าไรคนแล้วคนเล่าตื่นตะลึง

“พลังต้องห้าม!”

“กี่ปี่แล้ว พลังน่ากลัวขนาดนี้ทำไมถึงปรากฏขึ้นอีกครั้งได้”

“ไปตรวจสอบเร็วเข้า!”

……

“เอ๋?”

ซย่าสิงเลี่ยที่มาเป็นแขกในเรือนมรรคโลกาสวรรค์เลิกคิ้ว มองไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แสงเทพมหามรรคอันน่าครั่นคร้ามไหววูบในดวงตาทั้งสอง

แววตาดุจคบเพลิง มองทะลุทั่วหล้าได้

ข้างๆ เขา พวกไท่ซูหง จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จักรพรรดิมารผลาญนภาต่างใจสะท้านเช่นกัน หยุดสิ่งที่ทำอยู่

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่หลบเร้นอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ สัตว์ประหลาดเฒ่าที่กระจายอยู่ตามขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในแคว้นกลางมรรค หรือพวกซย่าสิงเลี่ย ยังไม่ทันได้สัมผัสกลิ่นอายต้องห้ามนั้นโดยละเอียด ก็ถูกพลังมหัศจรรย์คลุมเครือชนิดหนึ่งปิดบัง

“นี่…”

“ใครลงมือกัน ถึงกับปิดบังพลังต้องห้ามได้”

“ฝีมือน่าตกตะลึงนัก!”

“เป็นคนระดับบรรพจารย์มรรคลงมือหรือ”

“พลังต้องห้ามจากฟ้า กลับถูกบดบังได้… เรื่องพิสดารพรรค์นี้ ในอดีตไม่เคยมีสักครั้ง…”

……

สัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนพิศวง ฉงนใจไม่ว่างเว้น

ณ เขตหวงห้ามโลกาสวรรค์ ท่ามกลางไอแรกกำเนิดขุ่นมัว หลินสวินที่ดำดิ่งกับการหลอมเขตแดนมรรคไม่สังเกตเลยว่า เมื่อกลิ่นอายพิบัติเคราะห์ที่ประหนึ่งสิ่งต้องห้ามสายนั้นปรากฏขึ้น บนศิลามรรคโลกาสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังก็มีอักษรมรรคดั้งเดิมตั้งแต่ต้นยุคดึกดำบรรพ์แถวหนึ่งอุบัติขึ้น

‘มรรคไม่เสาะแสวง วาสนามาเยือนเอง’!

อักษรกี่ตัวเพียงฉายวาบครั้งเดียวก็กลายเป็นพลังคลุมเครือพุ่งทะลุเมฆขึ้นไป บดบังกลิ่นอายพิบัติเคราะห์ราวต้องห้ามนั้นโดยสิ้นเชิง

มหาเคราะห์ต้องห้ามที่เดิมพุ่งเป้ามายังหลินสวินก็ถูกสลายไปอย่างเงียบเชียบไร้เสียงเช่นนี้!

ฮูม…

เจตจำนงน่าหวาดหวั่นสายแล้วสายเล่าปกคลุมลงมา

เพียงแต่ศิลามรรคโลกาสวรรค์ในขณะนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้ บนตัวหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิหน้าศิลามรรคโลกาสวรรค์ก็ไม่ปรากฏกลิ่นอายแปลกประหลาดแต่อย่างใด

“ไม่ใช่เจ้าหนุ่มนี่”

“ก็จริง เขาเป็นมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งเท่านั้น จะไปกระตุ้นพลังต้องห้ามน่ากลัวเช่นนั้นได้อย่างไร”

“เรื่องในวันนี้พิสดารเกินไป ก็ไม่รู้ว่าในแคว้นกลางมรรคแห่งนี้จะมีใครมองเบาะแสอะไรออกหรือไม่”

“ไปเถิด พวกเราก็ควรหารือเรื่องในภายภาคหน้ากันแล้ว เหลือไม่ถึงพันปีจากเส้นตายแสนปีของโลกปัจจุบันแล้ว…”

ระหว่างที่สนทนา เจตจำนงน่ากลัวเหล่านี้ต่างก็กระจายไปราวกระแสธาร

ส่วนหลินสวิน ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยเช่นกัน

ขณะที่เขาดำดิ่งกับการหยั่งรู้ ไอแรกกำเนิดรอบทิศอบอวล สภาวะจิตของเขาก็เลือนรางคลุมเครือเหมือนความขุ่นมัวแรกกำเนิด

แม้แต่เขตแดนมรรคที่ควบรวมอยู่ข้างหน้าเขายังขมุกขมัวไม่อาจบรรยายลักษณะได้ แต่กลิ่นอายที่กระจายออกมากลับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ถึงขั้นสุดอยู่รำไร!

‘ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง หนึ่งเกิดเป็นหมื่นมรรค’

ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไร ในใจหลินสวินเกิดความรู้แจ้งขึ้นเอง ‘มหามรรคคืนถิ่น สรรพสิ่งกลับสู่หนึ่งเดียว อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง มรรคข้า… มีเพียง ‘หนึ่ง’!’

ตูม!

ตรงหน้า เขตแดนมรรคลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึงพลิกม้วน กลิ่นอายน่ากลัวแผ่ออกมา ไอแรกกำเนิดใกล้ๆ ต่างถูกกลืนกิน

‘มรรคให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กำเนิดสอง!’

เมื่อความคิดหลินสวินไหวเคลื่อน เขตแดนมรรคที่ราวกับแดนแรกกำเนิดนั้นก็แปรสภาพเป็นรูปเตาหลอม ประหนึ่งเตาหลอมเทพนิรันดร์ สามารถบรรจุหมื่นมรรคทั่วหล้าได้!

จากนั้นเตาหลอมนั้นก็เปลี่ยนเป็นหุบเหวลึกแห่งหนึ่ง มันลึกสุดหยั่ง ใหญ่โตไร้สิ้นสุด ราวกับสามารถกลืนกินสรรพสิ่งทั่วหล้า

ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง เกิดเป็นรูปเตาหลอม แล้วแปลงเป็นรูปหุบเหวลึก สิ่งนี้เรียกว่า ‘หนึ่งให้กำเนิดสอง’!

ตูม!

เมื่อเขตแดนมรรคโคจรพวยพุ่ง สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งตัวหลินสวินก็ผสานเข้าไปในนั้นทั้งหมด

พริบตานั้นเขตแดนมรรคก็สำแดงภาพโลกแรกกำเนิด ใสขุ่นแบ่งแยกออกเป็นฟ้าดิน ห้วงอากาศมีสรรพสิ่งอุบัติขึ้น…

ประหนึ่งโลกไพศาลอันกว้างใหญ่และสมบูรณ์ รุ้งแวงฟ้าดิน สุริยันจันทราดารา หมื่นลักษณ์วัฏจักร สี่ฤดูหมุนเวียน สรรพสิ่งแปรเปลี่ยน…

มีลมเมฆรวมตัวเป็นครั้งคราว สายฟ้าฟาดเป็นพักๆ เผยภาพน่าตกตะลึงอย่างการเปลี่ยนผันของเรื่องราวในโลก วัฏจักรที่หมุนเวียนออกมา

สามเกิดเป็นสรรพสิ่ง!

หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนนายเหนือหัวของโลกแรกกำเนิด ความรู้สึกยอดเยี่ยมที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้เต็มเปี่ยมไปทั้งอก ในใจมีเสียงมรรคดังขึ้น

เขตแดนมรรคของข้า มีนามว่าแรกกำเนิด

ภายหน้า

จะสยบทั่วหล้า!

……

ขณะนี้บนศิลามรรคโลกาสวรรค์ที่อยู่ข้างหลังหลินสวิน มีอักษรมรรคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ปรากฏขึ้นแถวหนึ่งอีกครั้ง

‘มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง’!

……

ส่วนลึกของแดนแห่งปริศนาแห่งหนึ่ง

เวิ้งฟ้าขาดสะบั้น สายฟ้าดุจแม่น้ำสายหนึ่งฟาดฉับลงมาจากรอยขาด ประกายอสนีที่ถาโถมแปลงเป็นกระแสเชี่ยวกราก โหมซัดกลางฟ้าดิน

ภูเขาในบริเวณใกล้เคียงล้วนแข็งแกร่งจนน่ากลัว ถูกกระแสอสนีซัดใส่ก็ไม่ไหวติง

ยอดเขาหนึ่งในนั้นมีอารามมรรคหลังหนึ่งตั้งอยู่ หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าอารามมรรค ใบหน้าละมุน นิ้วเรียวยาวขาวกระจ่างถือเข็มปักผ้าเล่มหนึ่ง กำลังก้มหน้าเย็บเสื้อตัวหนึ่งอยู่เงียบๆ

เพียงแต่เส้นด้ายในรูเข็มปักผ้านั้นเป็นสายฟ้าคดเคี้ยวสว่างวาบสายหนึ่ง ส่วนเสื้อตัวนั้นก็ทำขึ้นจากหนังสัตว์ที่ปกคลุมด้วยลายมรรคฟ้าประทาน

เมื่อนางจรดแต่ละเข็มลงมา ก็จะมีกฏเกณฑ์มหามรรคนับไม่ถ้วนอุบัติขึ้นตามไปด้วย ราวกับลายเมฆที่มหัศจรรย์ยากบรรยายลายแล้วลายเล่า

‘เคราะห์ต้องห้ามหรือ’

จู่ๆ ในใจนางก็เกิดความหวั่นไหว หยุดสิ่งที่ทำอยู่ มองไปยังรอยแยกบนเวิ้งฟ้านั้น และเห็นพลังพิบัติเคราะห์ต้องห้ามเสี้ยวหนึ่ง

แต่ไม่ทันไรพิบัติเคราะห์ต้องห้ามนี้ก็ถูกบดบังเอาไว้

‘สิ่งที่สามารถบดบังกลิ่นอายต้องห้ามได้ เหมือนจะมีแต่มหาสมบัติแรกกำเนิดที่ถือกำเนิดขึ้นในแดนแห่งปริศนานี้ เป็นพลังของศิลามรรคโลกาสวรรค์หรือ’

นางครุ่นคิด

“ศิษย์พี่สาม”

เสียงต่ำลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset