Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1967 กรุณาไสหัวกลับไป

ตอนที่ 1967 กรุณาไสหัวกลับไป
หลินสวินอ้าปากจะพูด

ในใจกลับมีเสียงศิษย์พี่สามรั่วซู่ดังขึ้น ‘อย่าพูด พวกเขาได้ยินการสื่อจิตของเจ้าได้อย่างชัดเจนทั้งนั้น เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้ข้าจัดการก็พอ”

จากนั้นก็เห็นว่ารั่วซู่ก้าวออกไปเบาๆ หนึ่งก้าว ปรากฏตัวกลางอากาศบนยอดเขา

นางยืนเด่นเพียงลำพัง เผชิญหน้ากับเหล่าจักรพรรดิ แต่ไม่มีใครกล้าดูเบา

หรือควรพูดว่า ขณะนี้ทุกสายตาในที่นั้นต่างถูกดึงดูดไปที่นางคนเดียว กลายเป็นจุดสนใจเพียงจุดเดียวกลางฟ้าดิน

“เจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกมาที่นี่ มาสอดเรื่องนี้”

เงาร่างจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพุ่งออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้างามเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว ในใจทั้งโกรธทั้งอายอย่างบอกไม่ถูก

ถูกคนอื่นโจมตีครั้งเดียวจนกลิ้งหล่นลงไปในทะเลเมฆท่ามกลางสายตาผู้คน ทำเอานางเสียหน้ายิ่ง

แต่พอได้เผชิญหน้ากับรั่วซู่ นางก็รู้สึกถึงความกดดันที่ปะทะเข้ามาเช่นกัน ชั่วพริบตาก็รับรู้ว่านี่เป็นคนน่ากลัวถึงที่สุดคนหนึ่ง

รั่วซู่ชำเลืองมองนางครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้ยกโทษให้เจ้าานะ กรุณาไสหัวกลับไป”

เสียงยังอ่อนโยนนุ่มนวลดังเก่า

แต่เมื่อพูดคำนี้ออกมาก็เกิดเสียงดังตูม จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เงาร่างกลิ้งออกไปอย่างรุนแรง พอกลิ้งถึงตำแหน่งเดิมถึงหยุดลงอย่างเหมาะเจาะพอดี

และตั้งแต่เริ่มจนจบ นางที่เป็นถึงระดับจักรพรรดิกลับไร้กำลังต่อต้านหรือดิ้นรน!

ภาพเช่นนั้นทำให้พวกไท่ซูหงหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง จิตใจหวาดผวา แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! หญิงผู้นี้เป็นใครกันแน่

ทั้งยังเกี่ยวข้องอย่างไรกับจินตู๋อีคนนั้น

พวกหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนงต่างสั่นสะท้านอยู่เช่นนั้น สมองว่างเปล่า

เป็นระดับจักรพรรดิเหมือนกัน แต่ในตอนนี้จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงกลับดูอ่อนแอปานนั้น เรื่องนี้แทบจะพลิกการรับรู้ของพวกเขาไป!

หลินสวินมองดูจนแทบหัวเราะออกมา สะใจหาใดเทียบ กรุณาไสหัวกลับไป… ต่อให้ศิษย์พี่สามโกรธก็ยังมีมารยาทเช่นนี้…

“เจ้าเป็นใครกันแน่ คิดจริงๆ หรือว่าพลังแข็งแกร่งแล้วจะเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงที่นี่ได้”

เสียงร้องตะโกนโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงดังอยู่ไกลๆ ตั้งแต่บรรลุจักรพรรดิจนวันนี้ นางยังไม่เคยถูกทำให้อับอายปานนี้มาก่อน

ไม่เคย!

รั่วซู่สีหน้าไม่เข้าใจ เอ่ยว่า “มีฐานะเป็นระดับจักรพรรดิ หรือเจ้าไม่รู้ว่าเมื่อพลังแข็งแกร่งก็เหิมเกริมไม่หวั่นเกรงได้”

พอเสียงพูดเงียบลง บนใบหน้าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็มีเสียงตบหน้าดังเผียะกังวาน แก้มฝั่งหนึ่งบวมแดงขึ้นมา

และตั้งแต่เริ่มจนจบ ยังไม่มีใครดูออกว่ารั่วซูลงมือเช่นไร!

“เจ้า… เจ้า…”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแทบคลั่งแล้ว ตาถลนแทบหลุดจากเบ้า

“อยู่สูงเหนือผู้อื่นมานานไปจนถึงขนาดลืมว่าตัวเองก็เคยเล็กจ้อยหรือ แน่นอนว่าในสายตาข้า เจ้าในตอนนี้ก็ยังเล็กจ้อยยิ่งเหมือนเดิม”

รั่วซู่เอ่ยเบาๆ

ชุดขาวของนางสะอาดสะอ้าน อ่อนโยนดุจสายธาร แต่พลังที่สำแดงออกมากลับขู่ขวัญทั้งที่นั้น กดข่มคมประกายเหล่าจักรพรรดิ!

“พี่ไท่ซู พวกเจ้าจะมองดูนางกำเริบเสิบสานที่นี่หรือ”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงโกรธจนไม่อาจควบคุมได้

“สหายมรรค โปรดหยุดลงมือด้วย”

ไท่ซูหงถอนใจยาว ขนาดเขายังคิดไม่ถึง ว่าเพราะจินตู๋อีคนเดียวจะชักนำคลื่นลมความวุ่นวายมากมายเช่นนี้มาได้

“หยุดมือหรือ”

ซย่าสิงเลี่ยพลันหัวเราะหยัน “เมื่อกี้ยายแก่หั่วหลิงเหิมเกริมไม่หวั่นกลัวปานไหน ใช้ฐานะระดับจักรพรรดิกัดคนรุ่นหลังอย่างจินตู๋อีไม่ปล่อย ทั้งวิธีการยังต่ำทรามจนน่าโมโห ตอนนั้นพี่ไท่ซูก็ไม่ได้เอ่ยปากยับยั้งนะ”

ไท่ซูหงหน้าเจื่อน ยิ้มขื่นส่ายหัว

เดิมซย่าสิงเลี่ยก็เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนี้เหมือนได้ระบายความไม่พอใจในใจออกมา เอ่ยว่า “จากที่ข้าดู ยายแก่อย่างหั่วหลิงสมควรโดนเล่นงานแล้ว นางรังแกคนอื่นได้ แล้วเหตุใดคนอื่นจะรังแกนางไม่ได้ แค่เพราะนางมาจากเรือนมรรคจักรวาลก็ไม่สนขื่อสนแปได้แล้วหรือ”

“กล่าวอย่างไม่เกรงใจ วันนี้โชคดีที่อยู่ที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ของพี่ไท่ซู ถ้าอยู่ในโลกภายนอกข้าคงฟันยายแก่นี่ไปนานแล้ว!”

ทั้งล้วนเหลือบมองมา ใครก็คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิกระบี่ยอดมารจะโมโหโทโสไปด้วยในตอนนี้

“ซย่าสิงเลี่ย!”

เสียงร้องแหลมของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงดังขึ้นไกลๆ เสียงเหมือนลอดไรฟันออกมา เผยแววโมโหและชิงชัง

“เรียกข้าทำไม ให้ไปเล่นงานเจ้าหรือ”

ขณะนี้คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิที่เหิมเกริมเหนือฟ้าดาราอย่างซย่าสิงเลี่ยกลับกลอกตาใส่ทันที

เรื่องนี้ทำให้จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว หน้าคล้ำเขียว

นางชี้รั่วซู่ เอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่สงสัยฐานะของผู้หญิงคนนี้เลยหรือ เป็นไปได้สูงมากที่นางจะเป็นเศษเดนจากคีรีดวงกมลเหมือนเจ้าหนุ่มนั่น”

คำพูดเดียวทำให้เหล่าระดับจักรพรรดิหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

ในสายตาของพวกเขา รั่วซู่น่ากลัวเกินคาดจริงๆ แต่พวกเขากลับนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ จะมีมหาจักรพรรดิคนไหนที่มีพลังน่ากลัวปานนี้

พูดอีกอย่าง ด้วยประสบการณ์และสิ่งที่เคยได้พบเห็นของพวกเขา ต่างไม่รู้ที่มาที่ไปของอีกฝ่าย

นี่จะผิดปกติไปแล้ว!

ควรรู้ว่าหากมองไปทั้งฟ้าดารา จำนวนของระดับจักรพรรดิมีน้อยนิดยิ่งนัก พอเพิ่มมาสักคนก็จะสะเทือนใต้หล้า เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันทันที

การปรากฏตัวของระดับจักรพรรดิแปลกหน้าคนหนึ่ง จึงมักจะหมายความว่าฐานะของเขาย่อมไม่ธรรมดา!

เผียะ!

ทว่าเสียงพูดของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเพิ่งเงียบลงก็ถูกตบหน้าอีกครั้งหนึ่ง เสียงดังกังวาน ใบหน้าล้วนบวมแดง

รั่วซู่เอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าพูดจาน่าเกลียดเกินไปแล้ว ต่อให้คีรีดวงกมลอ่อนแอแค่ไหน ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิตอนนั้นก็กดข่มจนเรือนมรรคจักรวาลโงหัวไม่ขึ้น เจ้า… มีคุณสมบัติอะไรมาลบหลู่คนสำนักเขา”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ตอนนั้นคีรีดวงกมลกดข่มเรือนมรรคจักรวาลจนโงหัวไม่ขึ้นเลยหรือนี่

เขาเพิ่งได้ยินเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก!

กลับเห็นว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงร้องแหลม “ทุกคนได้ยินหรือยัง นางกำลังแก้ตัวให้คีรีดวงกมล ฐานะของนางชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว! พวกเจ้ายังไม่ลงมืออีกหรือ”

ไท่ซูหงอึ้งไป เขาไม่เชื่อว่าคนจากคีรีดวงกมลจะใจกล้าเช่นนี้ กล้าเข้ามาเหิมเกริมในสำนักโลกาสวรรค์ของพวกเขาในช่วงเวลาแบบนี้

ส่วนพวกจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น จักรพรรดิมารผลาญนภาต่างสีหน้าแปลกไป สายตาที่มองดูรั่วซู่ก็เจือความระแวดระวังอยู่กลายๆ

เพียงแต่ไม่ว่าจะไตร่ตรองเช่นไรก็คิดไม่ออกอยู่ดี ว่าคีรีดวงกมลในตอนนั้นจะมีผู้สืบทอดคนไหนแข็งแกร่งเท่าหญิงผู้นี้

พูดอีกอย่างก็คือ ในบรรดาผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่พวกเขารู้จัก ไม่เคยได้ยินว่ายังมีคนอย่างหญิงผู้นี้ด้วยสักนิด

รั่วซู่กลับคล้ายไม่สังเกตเห็นทุกอย่างนี้ เอ่ยเสียงนุ่มนวลดังเก่า “เดิมทีข้าก็เกรงใจอยู่ ถ้าเจ้ายังกล้าดื้อแพ่งก็อย่าโทษที่ข้าจะทำลายพลังปราณของเจ้า”

เหล่าจักรพรรดิใจปั่นป่วนขึ้นมาอีกระลอก

พวกเขาเป็นระดับจักรพรรดิเหมือนกัน ต่างรู้ดียิ่งกว่าใครว่าคิดจะเอาชนะระดับจักรพรรดิคนหนึ่งนั้นง่าย แต่คิดจะฆ่าระดับจักรพรรดิสักคนนั้นยากเหมือนขึ้นสวรรค์!

เพราะเมื่อพลังปราณถึงระดับจักรพรรดิ แต่ละคนต่างก็ครอบครองพลังที่สามารถสะท้านทั่วหล้าได้ ขอเพียงทุ่มสุดตัว อย่างไรก็ดึงเอาพลังชีวิตมาได้เสี้ยวหนึ่ง

ต่อให้ถูกฆ่าจนเหลือแต่เจตจำนง ยังฟื้นคืนมาได้อย่างแกร่งกล้า!

แต่คิดจะทำลายพลังปราณของระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับยากเสียยิ่งกว่าฆ่าให้ตาย เว้นแต่มีพลังบดขยี้เบ็ดเสร็จ หาไม่แล้วไม่อาจทำได้อยู่แล้ว

แต่คำพูดนี้ของรั่วซู่ พิสูจน์ได้เพียงอย่างเดียวว่าในสายตาของนาง จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไม่มีพลังที่สามารถทัดเทียมกับนางได้โดยสิ้นเชิง!

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแข็งทื่อไปทั้งตัว สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ต่อให้นางจะโกรธเคืองหรือคลุ้มคลั่งแค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่าด้วยพลังของนางไม่อาจประชันกับอีกฝ่ายได้เลย

ถ้าอีกฝ่ายร้ายกาจถึงขั้นสามารถทำลายพลังตนจริงๆ…

แล้วจะต้านอย่างไรได้

ทันใดนั้นจักรพรรดิมารผลาญนภาก็เอ่ยปาก “สหายยุทธ์ ถ้าเจ้าไม่พิสูจน์ฐานะของตัวเองอีก เกรงว่าที่นี่จะไม่มีที่ให้เจ้าแล้ว”

นี่เป็นการเตือนรั่วซู่

ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์ มีบรรพจารย์มรรคควบคุมสั่งการ ทั้งยังมีระดับจักรพรรดิจากขุมอำนาจใหญ่มากมายอยู่ด้วย!

จักรพรรดิมารผลาญนภาไม่เชื่อว่าไท่ซูหงจะทนมองคนน่ากลัวที่ฐานะไม่แน่ชัดคนหนึ่ง มากำเริบเสิบสานในอาณาเขตของเรือนมรรคโลกาสวรรค์แน่

ดังคาด ไท่ซูหงก็มองไปที่รั่วซู่แล้วเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ หั่วหลิงชดใช้ค่าตอบแทนที่นางต้องจ่ายเพราะทำผิดแล้ว ตอนนี้ เจ้าจะเปิดเผยฐานะของตัวเองได้หรือไม่”

ขณะนี้สายตาของซย่าสิงเลี่ยรวมถึงทุกคนในที่นั้นต่างมองไปยังรั่วซู่

มีเพียงหลินสวินที่จิตใจบีบคั้น

แต่กลับเห็นรั่วซู่ยิ้ม เอ่ยเบาๆ ว่า “หรงชิง ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาอีก ภายหน้าข้าจะไม่มาเหยียบเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของพวกเจ้าสักก้าวแล้วนะ”

หรงชิงหรือ

ระดับจักรพรรดิหลายคนงุนงงเหมือนมีหมอกหนาทึบในหัว

ไท่ซูหงนัยน์ตาหดรัด เผยสีหน้าตกตะลึง

ซย่าสิงเลี่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “หรงชิงหรือ พี่ไท่ซู นี่คงไม่ใช่ท่านผู้นั้นของเรือนมรรคโลกาสวรรค์…”

ไท่ซูหงพยักหน้าด้วยสีหน้าประหลาด

ก็ในตอนนี้เอง เสียงหัวเราะภาคภูมิเสียงหนึ่งดังขึ้น “สหายยุทธ์หวั่นจ้าว ต่อให้เจ้าไม่เอ่ยปากข้าก็จะไม่นิ่งดูดายหรอก”

ฮูม…

กลางฟ้าดินแสงมรรคถาโถมกลายเป็นเงาร่างสูงร่างหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดนักพรต หนวดเคราเผ้าผมสีดอกเลากระเซอะกระเซิง เขาดูชราหาใดเทียบอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาทั้งสองกลับเปล่งประกายกระจ่างใสเหมือนทารก

พอเขาปรากฏตัวฟ้าดินแห่งนี้ก็เหมือนมีพลังชีวิตรุ่งโรจน์แผ่พุ่งออกมา กลิ่นอายมหามรรคน่ายินดีแผ่คลุมในฟ้าดิน

ทุกลมหายใจทุกการเคลื่อนไหวล้วนเทียมฟ้า วาสนาพวยพุ่ง!

ทั้งที่นั้นเงียบสงัด

มกุฎราชันอริยะหนึ่งร้อยแปดคนอย่างพวกหลินสวิน ขณะนี้ต่างรู้สึกเล็กจ้อยยำเกรงประหนึ่งได้เห็นนายเหนือหัวจากสวรรค์มาเยือนโลก

กลิ่นอายของชายชราคนนี้สูงส่งเกินไปจริงๆ!

“คารวะอาจารย์ลุง”

ไท่ซูหงกุมมือคารวะ

เหล่าจักรพรรดิเห็นดังนี้ในหัวก็เกิดเสียงอึงอล นึกถึงบุคคลที่ประหนึ่งตำนานเทพอมตะคนหนึ่ง…

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่!

ยอดคนผู้มีระดับบรรพจารย์สูงสูงในมรรคาจักรพรรดิ!

เฒ่าดึกดำบรรพ์มีชีวิตที่แจ้งมรรคบรรลุเป็นจักรพรรดิตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ควบคุมดูแลเรือนมรรคโลกาสวรรค์มาจนถึงตอนนี้

ถ้าบอกว่าในสายตาสรรพชีวิต ระดับจักรพรรดิเป็นผู้สูงส่งยิ่งยวด ทำได้เพียงแหงนมองอย่างเคารพ

เช่นนั้นในสายตาของระดับจักรพรรดิ ตัวตนของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ก็เหมือนกับเขาลูกใหญ่ที่สูงจนปีนไม่ถึงลูกหนึ่ง!

และในตอนนี้ ระดับเฒ่าดึกดำบรรพ์มีชีวิตในตำนานก็ปรากฏตัว ณ ที่นี้!

ทันใดนั้นสายตาที่มองดูรั่วซู่ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว

ประโยคเดียวก็เชิญบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ออกมาได้ หญิงผู้นี้… เป็นใครกันแน่

ด้านจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงคล้ายสังหรณ์ได้ว่าไม่เข้าที สีหน้าเหยเกอึ้งงันอยู่เช่นนั้น สาเหตุที่วันนี้นางบีบคั้นข่มขู่ก็เพราะมีหลักฐานอยู่ก่อนแล้ว

แต่ตอนนี้ใจนางไหวหวั่นอย่างอดไม่ได้แล้ว หรือตนจะถูกหลักฐานพวกนั้นหลอกแล้ว จินตู๋อีคนนี้กับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เศษเดนของคีรีดวงกมลหรือ

แม้แต่หลินสวินยังตกตะลึงอ้าปากค้าง รั่วซู่มาคราวนี้ได้เตรียมตัวไว้นานแล้วชัดๆ!

แต่กลับเห็นรั่วซู่มองประเมินบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ครั้งหนึ่ง ค่อยถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “ที่แท้เจ้าก็บรรลุระดับบรรพจารย์ไปแล้ว มิน่าถึงท่าทางใหญ่โตแบบนี้ ถ้าข้าไม่เอ่ยปากเกรงว่าเจ้าคงไม่แสดงตัวให้พบสักครั้ง”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset