Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1968 หมื่นยุคคืนกำเนิด

ตอนที่ 1968 หมื่นยุคคืนกำเนิด

ต่อหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ ไท่ซูหงซึ่งเป็นถึงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ยังต้องก้มหัวคารวะ เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นทำได้เพียงยืนนิ่งอย่างสงบเสงี่ยม

แต่รั่วซู่กลับคล้ายไม่มีปฏิกิริยาอะไร วาจาของนางยิ่งเจือน้ำเสียงกังขา

เหนือความคาดหมาย บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่กลับยิ้มขื่น อธิบายว่า  ถ้าข้าไม่ออกมา เกรงว่าเจ้าคงทำฟ้าดินแห่งนี้จมยุบหมด 

รั่วซู่คิดแล้วพยักหน้า  นี่ก็จริง 

ทุกคนต่างอึ้งไป

การสนทนาของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่กับรั่วซู่ทำให้พวกเขาต่างไม่อาจสงบใจได้ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงซึ่งมีที่มาลึกลับคนนี้ มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่!

 อาจารย์ลุง ขอเรียนถามว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือใคร 

ไท่ซูหงถามอย่างอดไม่ได้

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่หุบยิ้ม ชำเลืองมองไท่ซูหงครั้งหนึ่ง แล้วมองระดับจักรพรรดิที่อยู่ในที่นั้น เอ่ยถอนใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ว่า

 ก็ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะสงสัย ถึงอย่างไรผู้สืบทอดของเรือนมรรคคืนกำเนิดก็ไม่ได้ท่องในโลกหล้ามานานมากแล้ว… 

ประโยคเดียวราวกับฟ้าถล่มดินทลาย

ระดับจักรพรรดิอย่างไท่ซูหง ซย่าสิงเลี่ย จักรพรรดิมารผลาญนภาต่างอึ้งไป คลื่นความตกตะลึงซัดขึ้นในใจ

เรือนมรรคคืนกำเนิด!

เรือนมรรคที่เก็บตัวและลึกลับที่สุดในหกเรือนมรรคใหญ่ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ผู้สืบทอดของสำนักนี้แทบจะเก็บตัวเงียบไม่ออกมา ไม่สนใจเรื่องราวในโลก

แต่ใครก็ไม่อาจเพิกเฉยคนของเรือนมรรคคืนกำเนิดได้ ทั้งยังไม่กล้าลบชื่อออกจากหกเรือนมรรคใหญ่!

เหตุผลนั้น สามารถใช้ประโยคเดียวบรรยายได้โดยสมบูรณ์…

ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ หมื่นยุคคืนกำเนิด!

ขอเพียงเป็นระดับจักรพรรดิก็จะรู้ถึงพลังที่มีอยู่ในประโยคนี้อย่างแจ่มชัดหาใดเทียบ น่ากลัวปานไหน ก็น่ากลัวจนทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือน!

ชั่วขณะเดียวทั้งที่นั้นก็เงียบสงัด

ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดถึงกับปรากฏตัวบนโลกในงานชุมนุมถกมรรคคราวนี้ เรื่องนี้หากกระจายออกไป ทั่วหล้าต้องสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นใหญ่ทรงพลังซัดโหม!

หลินสวินก็อึ้งไปเช่นกัน

เรือนมรรคคืนกำเนิดหรือ

เหตุใดศิษย์พี่สามรั่วซู่ถึงเปลี่ยนฐานะไปในพริบตา

ในใจหลินสวินมีความเป็นไปได้ต่างๆ อุบัติขึ้น และมีความสงสัยหลายหลากผุดออกมา ถ้าไม่ใช่ว่าสถานการณ์ไม่เหมาะ เขาจะต้องถามศิษย์พี่สามรั่วซู่อย่างอดไม่ได้ทันทีว่าตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ควรรู้ว่าเมื่อนานมาแล้วหลินสวินก็เคยได้ยินเรื่องเรือนมรรคคืนกำเนิด และเคยทึ่งกับรากฐานพลังอันน่ากลัวที่เรือนมรรคนี้มี

แต่กลับไม่เคยคิดว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับสำนักที่ลึกลับหาใดเทียบเช่นนี้!

เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

 เป็นไปไม่ได้ นางจะเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดได้อย่างไร 

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงร้องเสียงหลง

ไม่ใช่ว่าสภาวะจิตของนางไม่หนักแน่นพอ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ถูกกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป เสียหน้าไปสิ้น ศักดิ์ศรีหดหาย ในใจแค้นรั่วซู่ถึงกระดูกไปนานแล้ว คิดอย่างบ้าคลั่งว่าภายหน้าจะแก้แค้นอย่างไรดี

แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิด…

นางจะยังแก้แค้นอย่างไรได้

ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะมีเรือนมรรคจักรวาลอยู่เบื้องหลัง ยังเกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ได้!

 เจ้ากังขาคำพูดของข้าอยู่หรือ 

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่นิ่วหน้า สีหน้าเย็นชา

ระดับจักรพรรดิ ยืนผยองอยู่เหนือหล้า แต่ละคนต่างมีพลังที่สามารถจองหองเหนือสรรพชีวิตได้ทั้งนั้น นี่จึงทำให้ยามพวกเขาทำอะไรก็มักจะเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง อาละวาดไร้ความกลัว

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงคนนี้ก็คือตัวอย่างชัดที่สุด!

นางไม่เพียงมีระดับจักรพรรดิ ทั้งยังมีเรือนมรรคจักรวาลอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นต่อให้อยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ นางก็ยังกล้ากดข่มคนรุ่นหลังอย่างไม่กลัวเกรง

นี่ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องจิตใจคับแคบ แต่เป็นเพราะไม่ใส่ใจ เป็นการดูถูกเพราะตนสูงส่ง จึงดูหมิ่นได้โดยสมบูรณ์

แต่โชคไม่ดี นางเตะโดนแผ่นเหล็กแล้ว ถึงขั้นทำให้นางเสียหน้าสิ้น เสียอาการครั้งแล้วครั้งเล่า อับอายต่อหน้าทุกคน

ทั้งหมดนี้บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ได้เห็นมานานแล้ว จึงดูมีท่าทีเย็นชาและผลักไสจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง

 มิกล้า 

พอถูกบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่กวาดมอง จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ได้สติโดยสมบูรณ์ สีหน้าหมองลงไป

นางรับรู้ได้ว่าหน้าตาและศักดิ์ศรีที่เสียไปในวันนี้ เกรงว่าจะเอาคืนมาไม่ได้แล้วแน่ๆ และใช้เวลาไม่นาน เกรงว่าใต้หล้าแห่งนี้จะมองนางเป็นตัวตลก!

มดตัวหนึ่งจะเสียหน้าก็เสียไป ไม่มีใครสนใจ กระทั่งคร้านจะเยาะเย้ย

แต่ถ้าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเสียหน้า เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่อึกทึกครึกโครมในใต้หล้า และจะรู้กันหมดในเวลาอันสั้นยิ่ง

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงยิ่งคิดก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ สายตาชำเลืองมองที่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว

ตรงนั้นมีชายผิวทองคนหนึ่งยืนอยู่ หนักแน่นดั่งโลหะ สูงใหญ่ดังภูเขา เป็นอู้เสวียนที่มาจากแดนกษิติครรภ์

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง ในที่สุดเขาก็หน้าเปลี่ยนสี ต้องกัดฟันแน่นถึงกดข่มความกลัวและหนาวสะท้านในจิตใจเอาไว้ได้

เพียงแต่เขารู้แก่ใจว่าด้วยเรื่องนี้ เกรงว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงจะแค้นแดนกษิติครรภ์ของพวกเขาเข้ากระดูกดำแล้ว!

คิดถึงตรงนี้เขาก็มองดูหลินสวินที่อยู่ไม่ไกลครั้งหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ไฟโทสะอัดอั้นไร้สิ้นสุดผุดออกมาจากใจ

เจ้านอกรีตระยำนี่ ดันพ้นเคราะห์ไปได้อีกครั้ง!

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา ว่าแท้จริงแล้วเจ้าคนที่ชื่อจินตู๋อีผู้นี้ก็คือผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!

ตอนอยู่บนยานลมกรด ภิกษุเฒ่าตู้คง ระดับจักรพรรดิของแดนกษิติครรภ์ถูกชายท่าทางเหมือนชาวนาคนหนึ่งสังหารด้วยสามหมัด

ขนาดอู้หมิงยังร่วงหล่นไปด้วย

เรื่องนี้ก่อให้เกิดคลื่นลมใหญ่ยิ่งในแดนกษิติครรภ์ ถึงกับทำให้บุคคลชั้นสูงที่ปิดด่านไม่รู้กี่ปีคนหนึ่งตกตะลึงเพราะเรื่องนี้ ทำการอนุมานทำนายและลงมือด้วยตัวเอง

ในที่สุดก็มั่นใจว่าชายชาวนาคนนั้นก็คือผู่เจิน ผู้สืบทอดลำดับที่สิบเอ็ดของคีรีดวงกมล!

และหลินสวินที่ถูกผู่เจินเรียกว่าศิษย์น้อง ก็ถูกแดนกษิติครรภ์หมายหัว!

ไม่ว่าฐานะอวี่เสวียนที่หลินสวินใช้ หรือฐานะจินตู๋อีที่ใช้มาจนถึงตอนนี้ ต่างก็ถูกแดนกษิติครรภ์คาดเดาฐานะได้จากร่องรอยและเบาะแสต่างๆ

เพียงแต่ลำบากที่ในมือไม่มีหลักฐานแน่ชัดมาพิสูจน์เรื่องนี้

กระทั่งในงานชุมนุมถกมรรคคราวนี้ เมื่อได้รู้ว่าจินตู๋อีที่เป็นหลินสวินปลอมตัวมาก็เข้าร่วมเช่นกัน อู้เสวียนจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเลว่าจะเปิดโปงฐานะของหลินสวิน

แต่ให้เขาเปิดโปง จะต้องไม่มีใครเชื่อแน่ ดังนั้นเขาจึงไปหาจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง…

ผู้สืบทอดของเรือนมรรคจักรวาลได้รับความเสียหายยับเยินในแดนลับโลกาสวรรค์ ใครก็รู้ว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงต้องรู้สึกไม่พอใจ

และทุกคนต่างรู้กันว่า เรือนมรรคจักรวาลที่จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงอยู่ เดิมทีก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับคีรีดวงกมล!

นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมอู้เสวียนถึงนำข่าวนี้ไปบอกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง

เดิมอู้เสวียนนึกว่าคราวนี้จะยืมมือคนอื่นฆ่า สะสางเรื่องหลินสวินได้ในคราวเดียว แต่จะคิดได้อย่างไรว่า…

สถานการณ์กลับดำเนินมาถึงขั้นนี้!

ฐานะของหลินสวินไม่ได้ถูกเปิดโปง กลับเป็นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่ประสบเภทภัย ถึงขนาดเอาความแค้นมาลงที่เขาทั้งหมด…

‘ถ้าพวกเจ้าแดนกษิติครรภ์ไม่ให้คำอธิบายกับข้า ภายหน้าคนของพวกเจ้าแดนกษิติครรภ์ ถ้าข้าพบจะฆ่าทุกคน!’

เสียงที่เจือความเหี้ยมเกรียมเคียดแค้นของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงดังขึ้นในโสตประสาทอู้เสวียน ทำให้เขาหนาวสะท้านไปทั้งตัวอย่างกับตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง

……

 หวั่นจ้าว คนผู้นี้คือใคร 

ขณะนี้สายตาของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่มองไปที่หลินสวิน

 ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดของข้า 

เสียงของรั่วซู่อ่อนโยน

แม้จะคาดเดาความจริงได้นานแล้ว แต่เมื่อได้รับการยืนยัน ทุกคนในที่นั้นต่างก็ใจสะท้านรุนแรง สายตาที่มองดูหลินสวินล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว

‘ที่แท้คุณชายก็เป็นผู้สืบทอดของเรือนมรรคคืนกำเนิดที่ลึกลับที่สุดในหกเรือนมรรคใหญ่ มิน่าศิษย์พี่ของเขาผู้นั้นถึงแข็งแกร่งและน่ากลัวปานนั้น…’

ในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยปั่นป่วน

พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวาก็สีหน้าซับซ้อน ก็จริง คนอย่างพี่จิน อาจจะมีแต่เรือนมรรคคืนกำเนิดในตำนานถึงบ่มเพาะออกมาได้

ขณะนี้ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ อย่างหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวงต่างดูเงียบงันนัก

ก่อนหน้านี้พวกเขามองหลินสวินเป็นผู้แข็งแกร่งจากแคว้นเมฆามาโดยตลอด ในแง่ตำแหน่งและฐานะแล้ว ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหนือกว่า

แต่ตอนนี้…

พวกเขาถึงพบว่าจินตู๋อีมีที่มาไม่ด้อยไปกว่าตนเลย เรือนมรรคคืนกำเนิดก็เป็นถึงหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่เช่นเดียวกัน!

เสวียนจิ่วอิ้นฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ในใจพึมพำ เรือนมรรคคืนกำเนิดจริงๆ หรือ…

 ไม่ใช่ว่าเรือนมรรคคืนกำเนิด ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิหรอกหรือ เหตุใดเจ้านี่กลับมีพลังปราณแค่ระดับมกุฎราชันอริยะ 

จู่ๆ จักรพรรดิมารผลาญนภาก็เอ่ยปากถาม

 ไม่ผ่านการเคี่ยวกรำในโลก ใครจะบรรลุจักรพรรดิในก้าวเดียวได้ 

รั่วซู่เอ่ยเสียงเรียบ  ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ถ้าข้าไม่ปรากฏตัว พวกเจ้าคนไหนจะรู้ว่าจินตู๋อีคนนี้เป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดของข้า 

จักรพรรดิมารผลาญนภาเงียบกริบไร้คำพูด

เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องในวันนี้ไม่ชอบกลเกินไป แต่ไม่ชอบกลตรงไหนกันแน่กลับบอกไม่ถูก

 ศิษย์น้อง เจ้าตามข้ามา 

หลังจากรั่วซู่พูดอะไรกับบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่แล้ว ก็พาหลินสวินมาถึงส่วนลึกของทะเลเมฆด้วยกัน

และในขณะเดียวกันทั่วทั้งลานก็ไม่อาจสงบได้

 อาจารย์ลุง สหายยุทธ์หวั่นจ้าวผู้นี้… ตกลงมีพลังปราณระดับไหนกันแน่ 

ไท่ซูหงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเขาหรือระดับจักรพรรดิคนอื่นต่างมองมาที่บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่

ฝีมือที่รั่วซู่สำแดงก่อนหน้านี้น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการได้ เพราะจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเป็นถึงระดับจักรพรรดิสามชั้น

แต่ภายใต้เงื้อมมือรั่วซู่ กลับอ่อนแอเหมือนมดเหมือนหญ้า

นี่จะน่าตกใจไปแล้ว!

ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านี้ต่างไม่อาจสงบใจได้

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่คิดๆ แล้วก็เผยข้อมูลบางส่วนอย่างไม่ถือสา  ตอนยุคดึกดำบรรพ์ปิดฉากลง นางก็บรรลุระดับจักรพรรดิเก้าชั้นไปแล้ว 

ประโยคเดียว ความหมายที่มีอยู่กลับทำให้ระดับจักรพรรดิต่างเงียบไป จิตใจสั่นระรัว

ยุคดึกดำบรรพ์!

บรรลุระดับจักรพรรดิเก้าชั้น!

นี่ช่างเหมือนตำนานเทพที่ยังมีชีวิต เป็นตำนานอมตะเรื่องหนึ่ง!

 มิน่ายายแก่อย่างหั่วหลิงถึงถูกจัดการจนน่าอนาถขนาดนี้ ฮ่าๆ ห่างกันแค่ระดับเดียวที่ไหนน่ะ 

ซย่าสิงเลี่ยหัวเราะขึ้นมา

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงหน้าเขียวแล้ว แค้นจนอยากไปสู้สุดตัวกับซย่าสิงเลี่ย

ในขณะเดียวกันในใจนางก็สั่นสะท้านไม่หยุด บรรลุระดับจักรพรรดิเก้าชั้น ระดับอันน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบเช่นนี้ ทั่วหล้ามีเพียงหยิบมือ!

ขณะที่มองรั่วซู่ที่อยู่ไกลๆ แววตาของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ก็ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยว่า

 ข้าแจ้งระดับจักรพรรดิในยุคดึกดำบรรพ์ กลายเป็นบรรพจารย์ในยุคบรรพกาล แต่นาง… เดินอยู่หน้าข้ามาโดยตลอด… นี่ก็คือรากฐานพลังของเรือนมรรคคืนกำเนิด พวกเจ้า… ตอนนี้ยังไม่เข้าใจ… 

เหล่าจักรพรรดิต่างจิตใจปั่นป่วน

ไม่เข้าใจหรือ

ระดับอย่างพวกเขา ทั่วหล้าทั้งบนล่าง ฟ้าดาราวัฏจักรนี้ ยังมีที่ไหนไปไม่ได้ ทั้งยังมีเรื่องไหนที่พวกเขาไม่เข้าใจได้อีกหรือ

แต่ตอนนี้ พวกเขากลับไม่อาจโต้แย้งได้

เพราะไม่ว่าจะเป็นรั่วซู่หรือบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ ความสำเร็จในระดับจักรพรรดิของพวกเขายังมีหลายจุดที่ไม่เข้าใจจริงๆ

ส่วนในส่วนลึกของทะเลเมฆ เมื่อรั่วซู่ปัดปลายนิ้ว ฟ้าหมุนก็โคจร หมื่นหลักแปรเปลี่ยนเป็นมายา ตัดขาดกลิ่นอายโลกภายนอกโดยสมบูรณ์

ราวกับสลัดทิ้งฟ้าดินไว้ข้างนอก!

——

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset