Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1980 ยึดร่าง

ตอนที่ 1980 ยึดร่าง
เสียงคำรามหมดความอดทนของเหลยเฟิงเชวียเหมือนเป็นการระบายออกมา สติหลุดอย่างสมบูรณ์
เขาถูกทำให้ตกใจแล้ว
ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักคนแล้วคนเล่าถูกฆ่าตายทีละคนระหว่างทาง ความตายที่นองเลือดนั่นจู่โจม ทำให้เหลยเฟิงเชวียหวาดกลัวถึงขั้นจวนจะพังทลาย
“หากไม่หนี พวกเรามีแต่จะตายไวกว่าเดิม!”
เสียงของข่งเจาเหมือนเค้นลอดไรฟัน สีหน้าเขียวคล้ำบิดเบี้ยว ในใจเขาก็อัดอั้นหาใดเปรียบ และรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
สิ่งที่ต่างจากเหลยเฟิงเชวียคือ เขายังคงรักษาความเยือกเย็นได้บ้าง
“ทำไม… ทำไมพวกเราต้องล่วงเกินคนชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย…”
เหลยเฟิงเชวียจิตหลุดสติแตก
ฝึกปราณหาใช่เรื่องง่าย การที่ประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้บนมรรคาได้ ยิ่งทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและความบากบั่นไม่รู้เท่าไหร่
ใครอยากตายไปเช่นนี้กันเล่า
ผึง!
เสียงยิงธนูสะเทือนไหวอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงเดียวเท่านั้น กลับทำให้เหลยเฟิงเชวียที่ขวัญผวาแต่แรกสั่นเทิ้มทั้งตัว ร้องเสียงหลงว่า “ข้ายอมจำนน อย่าฆ่าข้า อย่า…”
เห็นได้ชัดว่าเขาสติแตกโดยสมบูรณ์แล้ว จิตต่อสู้อะไร ศักดิ์ศรีอะไรล้วนไม่สนใจแล้ว แค่อยากมีชีวิตรอด!
แต่คำพูดเขายังไม่ทันเอ่ยจบ
เสียงปังดังคราหนึ่ง ศรดอกหนึ่งเสียบทะลุร่างของเขา เลือดสดพุ่งสูงหลายจั้ง
“ข้าไม่อยาก… ตายจริงๆ นะ…”
ท่ามกลางเสียงไม่ยินยอมและตระหนกตกใจ ทั้งตัวเหลยเฟิงเชวียแตกระเบิด เลือดเนื้อลอยกระเด็น
ตั้งแต่ต้นจนจบข่งเจาไม่ได้หันกลับมามอง เผ่นหนีไปไกลๆ เขามีพลังเหลือพอจะช่วยชีวิตเหลยเฟิงเชวีย แต่เขารู้ดียิ่งกว่าว่าหากทำเช่นนี้ รังแต่จะถ่วงรั้งฝีเท้าในการหลบหนีของตนเท่านั้น
หาใช่เขาเลือดเย็นไร้ปรานี แต่เพราะมองออกแต่แรกว่าสภาวะจิตของเหลยเฟิงเชวียพังไปแล้ว ต่อให้ถูกช่วยไว้ มรรควิถีแห่งตนก็ต้องสูญสลายไปเช่นนี้แน่นอน
สวบ!
เงาร่างของหลินสวินปรากฏในจุดที่เหลยเฟิงเชวียร่วงหล่น โบกแขนเสื้อเก็บสิ่งของของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะไล่ตามข่งเจาไปอีกครั้ง
ในมือ ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดดุกร้าวที่น่าสะพรึงออกมา

“จินตู๋อีก็คือหลินสวิน ในมือเขาถือครองศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ ใครฆ่าเขาได้ ผู้นั้นก็ได้ครอบครอง!”
ระหว่างหลบหนีตลอดทาง ข่งเจาส่งเสียงคำรามลั่นไม่หยุด พูดย้ำประโยคนี้ คลื่นเสียงแผ่กว้าง
เขาไม่มัวสนใจสิ่งอื่นแล้ว ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว นี่ทำให้เขาก็รู้สึกจวนจะสิ้นหวัง ต้องการให้คนช่วยเหลือโดยด่วน
หลินสวินที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังสีหน้าเรียบเฉย ฐานะเปิดเผยก็เปิดเผยไป ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดนานแล้ว!
“คนล่ะ ตายกันหมดแล้วหรือ!?”
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พอรู้ฐานะแท้จริงของจินตู๋อีนี่ก็พากันตกใจขวัญหนีกันหมดแล้วหรือ”
หนีตายตลอดทาง ส่งเสียงตลอดทาง แต่เนิ่นนานก็ไม่เห็นมีคนยื่นมือเข้ามา นี่ทำให้ข่งเจาจวนจะเสียสติ รู้สึกอับจนหนทางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากอยู่โลกภายนอก แค่ยกฐานะผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของเขาขึ้นมา ใครจะกล้าล่วงเกิน
แต่ตอนนี้ ลับถูกไล่ฆ่าจนแทบบ้า ภาพเหตุการณ์นี้หากถูกคนเห็นเข้า เกรงว่าล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ผึง!
เสียงสายธนูสั่นสะเทือนดังขึ้นอีกรอบ
ข่งเจาที่รู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิตเรียกกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสออกมาโดยไม่ลังเล ขวางลูกศรที่ยิงสังหารเข้ามาปุบปับนั่นไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ปึง!
กระบี่และศรปะทะกัน ประกายแสงวิเศษสาดกระเซ็น
พลังโจมตีน่าสะพรึงที่ประหนึ่งไร้ศัตรูทัดเทียม ซัดโจมตีกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสให้หลุดกระเด็นอย่างแรง เงาร่างข่งเจาซวนเซ มองกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสปราดหนึ่งอย่างปวดใจ สุดท้ายก็ยอมตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วตรงดิ่งเผ่นหนีไป
เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้น เรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา เสียงตูมดังคราหนึ่ง กำราบและเก็บกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสนั่นเข้าไปในเจดีย์สมบัติ
พร้อมกันนั้นเขาง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารขึ้น ยิงศรหนึ่งออกไปอีกครา
ไกลออกไป เงาร่างข่งเจาถูกยิงใส่ ประกายศักดิ์สิทธิ์คลุ้งฟ้าระเบิดกระจาย แต่ที่แท้กลับเป็นเกราะสีขาวเงินชั้นหนึ่งที่ป้องกันบนตัวเขา ขวางการโจมตีครั้งนี้เอาไว้
ทว่าพลังโจมตีน่าสะพรึงนั่นกลับซัดจนข่งเจาเหมือนว่าวสายป่านขาด กระเด็นลอยออกไปอย่างแรง ปากจมูกกบเลือด
เขารู้สึกยากจะเชื่อ
ด้วยพลังของเขา ถึงกับยังหลบการยิงของลูกศรนั่นไม่ได้ นี่มีเพียงคำอธิบายเดียว ศรธนูในมือหลินสวินนั่นก็เป็นสมบัติจักรพรรดิเหมือนกัน!
“หลินสวิน โลกภายนอกมีสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มเฝ้ารออยู่ ถ้าเจ้าฆ่าข้าแล้ว ต่อให้รอดชีวิตออกไปได้ แต่ตอนที่เดินพ้นเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ต้องถึงฆาตแน่!”
ขณะข่งเจาคำราม เงาร่างถึงกับกลายเป็นนกยูงหลากสีสันตัวหนึ่ง สยายปีกกรีดทึ้งห้วงอากาศ เริ่มเคลื่อนตัวหนี ความเร็วไวกว่าตอนแรกช่วงหนึ่ง
ผึง!
สิ่งที่ตอบเขาคือหนึ่งศรของหลินสวิน ราวสายรุ้งยาวพาดตะวัน ยิงออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ก็เห็นรอบตัวข่งเจาโคจรประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ตวัดกวาดโดยแรงคราหนึ่ง ถึงกับสะเทือนศรนี้จนชะงักงันขึ้นมา
อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ ข่งเจาหลบหลีกเคราะห์ภัยได้อย่างเฉียดฉิว เริ่มหนีอุตลุดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
“หลินสวิน ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าสักครั้ง ข้าข่งเจาสาบาน ชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีก ว่าอย่างไร”
เขาตะโกนเสียงดัง
หลินสวินยังคงไม่สนใจเขา ปลายนิ้วง้างสายธนูสีแดงฉานดุจโลหิตนั้นอย่างต่อเนื่อง
ผึง! ผึง! ผึง! ผึง!
ยิงศรนภาคราม ศรนิรันดร์ ศรแสงโชค ศรเสี้ยวปีกออกไปในหนึ่งลมหายใจ
ข่งเจาหน้าเปลี่ยนสีสิ้นเชิง ปีกขนนกห้าสีที่ปกคลุมทั่วร่างราวลุกโหม ระเบิดแสงหลากสีสันเรืองรองออกมา สกัดขวางสุดกำลัง
ปึง!
ศรนภาครามพุ่งมาถึง ซัดจนประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีพลิกม้วนรุนแรง
ศรอีกสามดอกก็พุ่งโจมตีเข้ามาติดๆ ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่พร่างพราวหาใดเปรียบนั่นพลันยันไม่ไหว ระเบิดแหลกโดยพลัน
“อ๊าก…!”
เสียงร้องโหยหวนทรมานของข่งเจาดังขึ้น ร่างเขาถูกศรเทพสองสายเสียบทะลุ ร่วงตุบจากห้วงอากาศตรงๆ ไม่มีโอกาสหนีพ้นอีก
สวบ!
เงาร่างของหลินสวินเคลื่อนเข้ามา นัยน์ตาดำลึกล้ำเรียบเฉย ปรายตามองข่งเจาที่ร่วงตกพื้นชุ่มเลือด สะบักสะบอมสุดขีด ปากก็เอ่ยเบาๆ ออกมาสามคำ
“สะใจไหม”
ประโยคเดียว ทำเอาข่งเจาทั้งอายทั้งโกรธจนอยากตาย
ก่อนหน้านี้หลังฆ่าลู่ตู๋ปู้กับซูมู่หาน เขาเคยใช้วาจาล้อเลียนปนได้ใจเอ่ยถามหลินสวินว่ารู้สึกสะใจมากใช่หรือไม่
และตอนนี้ หลินสวินก็ใช้วิธีเดียวกัน เหยียบย่ำและลบหลู่เขาอย่างรุนแรง!
“วางใจเถิด ข้าไม่ให้เจ้าตายเช่นนี้หรอก”
ขณะหลินสวินเอ่ยพูดก็โบกแขนเสื้อหนึ่งครา จองจำรอบตัวข่งเจาเอาไว้โดยสมบูรณ์
“เจ้าคิดจะทำอะไร” ข่งเจาตาแทบถลน ขอบตาหลั่งเลือด
หลินสวินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าได้ยินว่าทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งเกิดมาพร้อมกับ ‘ปีกขนนกห้าสี’ สามารถปลดปล่อยแสงเทพห้าสีที่อัศจรรย์สุดหยั่งออกมาได้ ดังนั้น ข้าตั้งใจจะถอนขนของเจ้าก่อน”
“เจ้า…”
หน้าผากข่งเจาเส้นเลือดปูดโปน กระอักเลือดไม่หยุด เจ้าหมอนี่เห็นตนเป็นอะไรไปแล้ว เจตวัตถุหายากอย่างหนึ่งหรือ
“อีกอย่าง ข้ายังไม่เคยลิ้มรสเนื้อนกยูงระดับมกุฎราชันอริยะมาก่อนเลย ก็ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรกันแน่…”
ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ของหลินสวิน ข่งเจาราวถูกสายฟ้าฟาด หน้าตาอึ้งค้างไปหมด เจ้าหมอนี่ถึงกับยังเห็นตนเป็นอาหารด้วยหรือ
เขาคำรามเดือดดาล “หลินสวิน เจ้าต้องไม่ตายดีแน่! คอยดูเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะเดินออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณได้หรือไม่ เจ้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เช่นนั้นหรือ ข้ารู้แต่ว่าเจ้าต้องตายก่อนข้าแน่นอน ตอนนี้ข้าจะส่งเจ้าไปรวมตัวกับบรรพชนตระกูลเจ้า ทางที่ดีลองถามเขาด้วย ว่าเนื้อนกยูงควรปรุงอย่างไรถึงจะได้รสเด็ดที่สุด”
หลินสวินเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา และสยบข่งเจาไว้ภายในนั้น
จนกระทั่งถูกสยบ ข่งเจาก็ยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลินสวิน อะไรที่เรียกว่ารวมตัวกับบรรพชน
“ข้ายังนึกว่าระหว่างที่กำลังจะตายในที่สุดก็มีทายาทรุ่นหลังมาช่วยแล้ว ใครจะคิด ดันเป็นพวกไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง…”
เสียงแก่ชราที่อ่อนแอสายหนึ่งดังขึ้นในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด เผยแววคับแค้นและผิดหวังไม่รู้จบ
ข่งเจาเงยมอง ก็เห็นว่าจุดที่ห่างจากตนไปไม่ไกลนัก มีประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่เรืองรองหาใดเปรียบกลุ่มหนึ่งถูกกำราบเอาไว้อย่างแน่นหนา
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ กลิ่นอายที่ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนั่นแผ่อกมายังคงน่าสะพรึงถึงขีดสุด เคลือบแฝงพลังกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิอันบริสุทธิ์สูงสุด!
“เจ้าเป็นใครกัน”
ข่งเจาตกใจระคนสงสัย
“เป็นพวกไร้ประโยชน์จริงดังคาด แม้แต่บรรพชนตระกูลตัวเองก็จำไม่ได้แล้ว…”
เสียงอ่อนแรงสายนั้นยิ่งผิดหวังมากกว่าเดิม มีความรู้สึกระทดหดหู่
“ทะ… ท่านคือท่านบรรพชนหรือ”
ข่งเจาตะลึงงัน บรรพชนตระกูลข่งคือจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนผู้มีชื่อเสียงเลื่องระบือในยุคดึกดำบรรพ์ เป็นผู้นำแห่งเจ็ดจักรพรรดิอสูรมาร บารมีสะเทือนทั่ว ใต้หล้าใครบ้างไม่รู้จัก
เพียงแต่ข่งเจากลับคิดไม่ถึงเป็นอันขาด ว่าตอนที่ตนถูกกำราบจะมาพบกับบรรพชนได้อย่างไร
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป!
ที่ตามมาติดๆ คือความปิติยินดีอย่างบอกไม่ถูกทะลักเข้าสู่กลางใจข่งเจา ร้องว่า “ท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย ท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย!”
“ที่แท้ไม่ใช่แค่ไร้ประโยชน์ ยังเป็นคนโง่บรมอีกด้วย…”
เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนล้วนเจือแววท้อแท้ ละเหี่ยใจยิ่งกว่าเสียอีก
ข่งเจาผงะ ครู่ใหญ่กว่าจะได้สติฉุกคิดขึ้นมาได้ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่กล่าวว่า “ท่านบรรพชน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คงไม่ใช่ว่า…”
กล่าวถึงตรงนี้ข่งเจาก็เกือบขวัญกระเด็น พอจะตัดสินได้คร่าวๆ แล้ว บรรพชนคนนี้ของตนก็เหมือนกับตน ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกัน!
นี่เป็นไปได้อย่างไร
บนโลกนี้ยังมีสมบัติที่สามารถกำราบบรรพชนได้อีกหรือ
หลินสวินนั่นเป็นใครกันแน่ เหตุใดสมบัติในมือเขาแต่ละชิ้นถึงได้น่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้
“เวลาข้ามีไม่มากนัก เมื่อถึงคราวตายกลับพบเจอกับคนรุ่นเยาว์เช่นเจ้า หรือนี่จะเป็นประสงค์ของสวรรค์”
เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนดังขึ้น “ช่างเถิด เช่นนั้นก็เดิมพันสักตั้ง หากสำเร็จข้าจะได้ยืมร่างไปเกิดใหม่ หากล้มเหลว… ก็แค่ตาย!”
ในใจข่งเจาสั่นไหว กล่าวด้วยความตกใจว่า “ท่านบรรพชน ท่านจะทำอะไร”
แต่สิ่งที่ตอบเขา กลับเป็นประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แสบตาไร้ขอบเขต ท่วมตัวเขาทั้งตัวจมมิดอยู่ในนั้น
“ไม่…! อย่า…!”
ข่งเจาคำราม ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าบรรพชนคนนี้ของตนถึงกับยึดร่างคนรุ่นเยาว์อย่างตน!
เพียงชั่วพริบตาสั้นๆ จิตรับรู้และจิตดั้งเดิมของเขาก็ถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์ ร่างถูกจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนยึดครอง เท่ากับตายคาที่อย่างสิ้นเชิงแล้ว
การตายเช่นนี้อำมหิตที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต่างจากกัดกินเลือดเนื้อสักเท่าใดนัก!
“เด็กน้อยเอ๋ย การได้ทำเรื่องเล็กน้อยให้บรรพชน ตายไปก็น่าภาคภูมิไม่ใช่หรือ ฮ่าๆๆ… สำเร็จแล้ว ในที่สุดก่อนตายข้าก็ช่วงชิงทางรอดเสี้ยวหนึ่งได้แล้ว!”
“เก่ออวี้ผู รอยามข้าพลังฟื้นคืน จะต้องฆ่าพวกเศษเดนของคีรีดวงกมลทั้งหมดให้สิ้นซาก!”
ข่งเจาระเบิดหัวเราะ เพียงแต่ข่งเจาในเวลานี้กลายเป็นอีกคนไปแล้ว ทั่วร่างเผยความเผด็จการที่สามารถสะเทือนหมื่นยุคได้
ปึง!
แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งปรากฏ กดทับบนตัวข่งเจาอย่างหนักหน่วง โจมตีจนเขาส่งเสียงร้องโหยหวนชวนสังเวชออกมา ล้มฟุบลงตรงนั้น เริ่มกระตุกเกร็งเหมือนเป็นลมชัก
พร้อมกันนั้นเสียงของหลินสวินก็ดังขึ้นภายในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด
“เจ้าเฒ่า เมื่อครู่ตอนยึดร่างก็สูบพลังอันน้อยนิดที่เจ้าเหลืออยู่ไปหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะโต้กลับก่อนตายเจ้ายังไม่มีเลย เหตุใดยังดีใจเช่นนี้อยู่อีก”
………………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset