ตอนที่ 2002 สังหารเต็มกำลัง
หน้าประตูทลาย หลินสวินคนเดียวเผชิญหน้ากับบุคคลแห่งยุคในระดับเดียวกันมากมาย
เขาสีหน้าหยิ่งผยอง ผมยาวดำขลับหนาแผ่สยาย พลังทั่วร่างดั่งเหวลึกที่ว่างเปล่า มีอานุภาพเหมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจกราย
วู้ม…
เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดส่งเสียงกัมปนาท กำราบกาลเวลา แสงประกายมากมายขับเน้นให้ทั้งตัวหลินสวินเป็นดั่งเทพองค์หนึ่ง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอสังหารดุดัน
แท่นมรรคนี้ เขาหลินสวินจับจองไว้แล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในที่นั้นพลันเงียบสงัดไปชั่วขณะ เสียงเยาะหยันดังตามมาติดๆ
“ฮ่าๆๆ ช่างกล้านัก!”
“เจ้าหลินสวินแม้จะพลังต่อสู้เย้ยฟ้า อยู่บนยอดเหนือสุดของระดับนี้ แต่เจ้าแค่ตัวคนเดียว ยังกล้าเอ็ดตะโรเช่นนี้อีกหรือ”
“เจ้าเศษเดนแห่งคีรีดวงกมลนี่ บ้าระห่ำเสียจริง!”
…
“พี่หลิน ถ้าเจ้าสละแท่นมรรคตอนนี้ก็จะเลี่ยงอันตรายจากเหล่าศัตรูได้ จากนั้นค่อยลงมือยามสบโอกาสอีกครั้งก็พอ ทำไมต้องสู้สุดชีวิตกับพวกเขาด้วย”
หลิงเคอจื่ออดกล่าวไม่ได้
นี่คือความคิดของพวกถังซู ฮว่าซิงหลีเช่นกัน ทั้งตกตะลึงในความกล้าของหลินสวิน ทั้งเป็นห่วงแทนเขาอย่างห้ามไม่อยู่
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีกำลังมาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน การล้อมโจมตีหลินสวินก่อนหน้านี้ก็แค่ไม่อยากให้แท่นมรรคนั้นถูกยึดครองไปเท่านั้น
ตอนนี้ขอแค่สละแท่นมรรคและเก็บงำประกายคม พวกที่รวมกลุ่มอยากชิงแท่นมรรคพวกนั้น ใครจะกล้าไปสู้สุดชีวิตกับหลินสวินอีก
ทว่าหลินสวินกลับส่ายหัว ไม่ได้อธิบาย
ใช่ว่าเขาไม่อยากทำเช่นนั้น แต่ด้วยพลังประทับที่ศิษย์พี่จวินหวนเหลือไว้ ทำให้เขาเชื่อมต่อกับแท่นมรรคนี่โดยเฉพาะ ทำให้สลัดแท่นมรรคนั้นทิ้งไปไม่ได้เหมือนเงาตามตัว!
“ถ้าไม่อยากตายก็หลีกไป!”
สีหน้าหลินสวินสุขุมและเฉยชา สายตากวาดมองทุกคนในที่นั้นทีละคน ริมฝีปากเอ่ยประโยคหนึ่งเบาๆ
สันโดษโดดเดี่ยว แต่กล้ามองข้ามอริราชศัตรู!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลินสวินออกจู่โจม พุ่งไปทางประตูทลาย
ใต้ฝ่าเท้าเขาแท่นมรรคครวญคร่ำ ตามติดเหมือนเงาตามตัว
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกยากจะเชื่อ
หลายวันก่อนก็เคยมีคนชิงแท่นมรรคไปได้ วางแผนจะฝ่าวงล้อมเพื่อพุ่งเข้าไปในประตูทลายนั่น
แต่แท่นมรรคนั้นกลับลอยคว้างไม่ฟังคำสั่ง ไม่อาจควบคุมได้ ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ทำให้คนผู้นั้นทำไม่สำเร็จ
นี่ทำให้ผู้คนเชื่อว่าแท่นมรรคนี้ไม่อาจควบคุมได้ ได้แต่รอให้มันกลับไปเองถึงจะตามมันเข้าไปในประตูทลายได้
แต่ตอนนี้ภาพประหลาดได้เกิดขึ้นแล้ว แท่นมรรคนี้เหมือนพาหนะที่ถูกฝึก เคลื่อนที่ตามหลินสวินไป
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เท่ากับทำให้หลินสวินมีโอกาสเข้าไปในประตูทลายนั่นได้เอง!
เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ทำให้เหล่าผู้กล้าในที่นั้นไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน
แม้แต่พวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวงก็ยังนัยน์ตาหดรัด
“ลงมือ!”
“ฆ่า!”
“อย่าให้เขาบรรลุเป้าหมายได้เด็ดขาด!”
ท่ามกลางเสียงตวาด ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างพุ่งโจมตีเข้าไปโดยไม่ลังเล
ไม่มีใครยอมปล่อยให้หลินสวินพาแท่นมรรคนั้นพุ่งเข้าไปในประตูทลาย!
“ตาย!”
เบื้องหน้าหลินสวิน ชายชุดทองคนหนึ่งชิงแหวกอากาศพุ่งปราดเข้ามาก่อน ดาบเซียนในมือที่พันด้วยอสนีม่วงฟันลงมาทันที
ฟุ่บ!
คมดาบส่องประกาย คล้ายธารดาราสายฟ้าโน้มลงมา ตามมาด้วยอานุภาพบ้าระห่ำไร้เทียมทาน กำราบสังหารมาทางหลินสวิน!
ฟึ่บ!
หลินสวินรวบนิ้วกวาด ปราณกระบี่ที่เปล่งประกายเนืองแน่นพุ่งทะยานออกมา รับแสงดาบสายนั้นไว้ในชั่วพริบตา
การเจอกันของทั้งคู่เหมือนดาวดวงโตระเบิดออก ห้วงอากาศพลิกเลิกคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำ
เคราะห์ดีที่อยู่ในเขาปู้โจวซึ่งปกคลุมด้วยพลังระเบียบมหามรรคน่ากลัว มิฉะนั้นอานุภาพของการโจมตีนี้คงทำลายภูผาธาราที่ยิ่งใหญ่สง่างามแถบนี้ไปแล้ว
ชายชุดทองคนนั้นสีหน้าขรึมลงทันที เจ้าปีศาจนี่ใช้แค่มือเปล่าเท่านั้น แต่กลับต้านดาบจักรพรรดิของเขาได้!
ตูม!
เวลานี้หลินสวินก้าวเข้ามา ในพื้นผิวทุกอณูรอบตัวมีปราณกระบี่ไหลวน ราวกับผันตัวเป็นมหาสมุทรกระบี่ผืนหนึ่ง น่าตื่นตะลึงยิ่ง
“ฟัน!”
ชายชุดทองลงมืออีกครั้ง ดาบศึกที่เหมือนที่พันรอบด้วยอสนีม่วงคลั่งระห่ำ กลายเป็นน้ำตกพายุสายฟ้ามากมาย โจมตีเข้ามาด้วยอานุภาพเคลื่อนกวาดหมื่นทัพ
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็จู่โจมเข้ามา ปิดเส้นทางข้างหน้าหลินสวินเหมือนด่านทบเป็นชั้นๆ โจมตีหลินสวินจากต่างทิศทาง
ทันทีที่ถูกปิดล้อมหลินสวินต้องตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ รับศึกรอบด้านเหมือนเมื่อครู่แน่
“ตาย!”
หลินสวินเรียกประทับไร้ชีพออกมาทันใด ลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นปานทลายฟ้ามลายดินปรากฏ เหมือนดวงตะวันเจิดจ้ามากมายทะยานสู่ฟากฟ้า สาดแสงมรรคนับหมื่นแสนกดอัดออกไป
ตูม!
น้ำตกแสงดาบอสนีม่วงของชายชุดทองถูกประทับไร้ชีพบดขยี้อย่างง่ายดาย ไม่ทันได้สกัดก็แตกซ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชายชุดทองนัยน์ตาหดรัด รับมือไม่ทันอยู่บ้าง
ฟุ่บ!
ยังไม่รอให้เขาตอบสนอง ปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนฉีกห้วงอากาศ พุ่งยิงออกมาเหมือนพายุฝนกระหน่ำ ปกคลุมทั่วสารทิศ บิดขยี้ฟ้าดินแถบนั้นจนสิ้น กลายเป็นเขตปราณกระบี่ที่อลหม่านแถบหนึ่ง
ส่วนชายชุดทองก็ถูกล้อมอยู่กลางเขตปราณกระบี่นั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
แย่แล้ว!
สีหน้าของชายชุดทองเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตที่ท่วมท้นทั่วสรรพางค์กาย
ตึง!
ในช่วงวิกฤติ ในมือชายชุดทองพลันปรากฏกระดองเต่าสีดำกระดองหนึ่ง แผ่แสงดำร้อนแรงหาใดเปรียบคลุมตัวเขาไว้ ช่วยเขาขวางฝนกระบี่ที่โหมกระหน่ำทั่วฟ้านั้นได้อย่างฉิวเฉียด
ทว่าที่มาพร้อมกันคือเสียงกึกก้องคราหนึ่ง ประทับไร้ชีพสังหารลงมา กระดองเต่าสีดำนั้นเผยรอยร้าวทันที สั่นสะเทือนรุนแรง จากนั้นก็ระเบิดกระจุยดังสนั่น
ร่างของชายชุดทองระเบิดตามไปติดๆ ฝนโลหิตซัดสาด
คนมากมายใจสั่นระรัว ชายชุดทองเป็นบุคคลร้ายกาจที่มาจากโลกฟ้าดาราอื่น พลังต่อสู้ก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
แต่แค่ชั่วขณะก็ถูกสังหารกระจุยคาที่!
ฟึ่บ!
แววตาหลินสวินสยบผู้คน ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เร็ว
เพียงแต่ศัตรูที่ขวางอยู่บนหนทางข้างหน้ามีมากเกินไป ใช้สมบัติอัศจรรย์นานัปการ สำแดงยอดวิชาเทียมฟ้า พุ่งโจมตีใส่หลินสวินจากทั่วสารทิศพร้อมกัน
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินแถบนี้บังเกิดสายลมโหมกระหน่ำ ลมทมิฬคำรามพิโรธ ฟ้าแลบฟ้าคำราม กลางฟ้าดินเกิดลักษณ์ประหลาดหลากรูปแบบ
ระดับมกุฎราชันอริยะที่สามารถสะท้านฟ้าดารามากมายลงมือพร้อมกัน ชักนำให้เกิดภาพชวนประหวั่นนานัปการที่สะเทือนใต้หล้าได้
“ไม่ประมาณตน!”
หลินสวินนัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี พุ่งขึ้นไปรับ
ครั้งนี้เขาไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว
ตูม…
เขตแดนมรรคแรกกำเนิดกึกก้อง บางคราแปลงเป็นเตาหลอม บางคราวสะท้อนหมื่นลักษณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้
เมื่อหลินสวินโคจรเต็มกำลัง วิชามรรคที่พุ่งโจมตีมาจากทั่วสารทิศนั้น ล้วนถูกดูดกลืนเข้าไปในไอขุ่นมัวเหมือนวัวดินจมสมุทร
มองจากไกลๆ เขาเหมือนหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย!
ด้านเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็พรั่งพรูแสงมรรคทองนิลกาฬลงมาเป็นสายๆ ราวกับรุ้งเทพมากมาย ปลดปล่อยอานุภาพไพศาลที่สามารถกำราบอดีตปัจจุบันและอนาคตออกมา เข้าปะทะสมบัติจักรพรรดิที่ถล่มโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง
คลื่นพลังที่เกิดขึ้นทำเอาฟ้าดินสั่นสะเทือน!
เวลานี้หลินสวินแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น แต่กลับต้านการโจมตีขนาบของเหล่าผู้กล้า กวาดขวางฟาดฟัน ไม่เพียงไม่ถูกกำราบ กลับเป็นว่ามีแววสูสีและพอฟัดพอเหวี่ยงอยู่รางๆ!
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นตื่นตระหนกกันไปหมด เห็นแล้วอึ้งค้าง จิตวิญญาณสั่นระรัว ไม่ว่าใครต่างไม่อาจจินตนาการ ว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขามีพลังเย้ยฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร
นี่พาให้คนตกตะลึงเกินไปแล้ว สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!
“สยบ!”
บนผืนฟ้ากว้าง ชายชุดขาวที่ผมหนวดแผ่สยายคนหนึ่งคำรามราวกับเทพวารีองค์หนึ่ง ควบคุมขวดหยกสีน้ำเงินเข้มให้หลั่งวารีทมิฬเร้นลับนับหมื่นแสนลงมา คล้ายธารดาราแห่งจักรวาลม้วนกลืน หมายกำราบสังหารหลินสวิน
“หึ อาศัยคนอย่างเจ้าก็คู่ควรให้พูดจาใหญ่โตเช่นนี้รึ”
ร่างหลินสวินส่องประกาย บุกฝ่าการโจมตีอื่น สายตาจ้องไปที่ชายชุดขาวคนนี้ก่อนกดนิ้วลงมาทันใด
ไปไร้หวน!
ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาทันที ฟ้าดินเปลี่ยนสี เทพผีล้วนตระหนก
ตูม!
ปราณกระบี่ทำลายสรรพสิ่ง รวดเร็วรุนแรง พุ่งตรงไปฟันแขนขวาของชายชุดขาวนั่นดังฟุ่บ!
แสงโลหิตเจิดจ้าทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ชายชุดขาวคำรามเสียงอู้อี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง คล้ายคิดไม่ถึงว่าในการล้อมโจมตี ตนกลับไม่ใช่ศัตรูที่ต้านการโจมตีของหลินสวินได้!
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินต่างตะลึงงัน สีหน้าอึมครึมเปลี่ยนเป็นจริงจัง
หลังจากประมือกัน พวกเขาต่างรู้ดีว่าแม้หลินสวินจะตัวคนเดียว และแม้พวกเขามีกำลังคนมาก แต่หากไม่บุกโจมตีเต็มกำลังก็ยากจะจัดการเขาให้พินาศ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ศักยภาพของหลินสวินในตอนนี้มีพลังน่ากลัวที่ดูเหิมเกริม ไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกันอยู่รางๆ นี่จะให้พวกเขาชะล่าใจได้อย่างไร
“ฆ่า! ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็อย่าให้เขาเข้าไปในประตูทลายนั่นได้เด็ดขาด!”
“ฆ่า!”
เสียงคำรามดังก้อง เหล่าผู้กล้าต่างสำแดงพลังเต็มที่
พวกเขาไม่กล้าเก็บงำอีก พากันใช้วิชาก้นหีบล้อมสังหารหลินสวินเต็มกำลัง การโจมตีดุดันยิ่งกว่าเดิม ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งใหญ่ เสมือนจะพังพินาศ
ชั่วขณะเดียวสมบัติเซียนสะท้านสะเทือน ปั่นป่วนจักรวาล แสงสมบัติวาบผ่าน เปล่งประกายดั่งดวงตะวันเจิดจ้ามากมาย คลื่นการต่อสู้อันน่าสะพรึงประหนึ่งมรสุมเก้าชั้นฟ้า โหมทำลายไปทั่วสารทิศ ฉีกกระชากห้วงอากาศ หอบม้วนแปดทิศ!
‘เฒ่าชราตระกูลเสวียนพวกนั้นล้วนพูดว่า ปีนั้นบิดาข้ามีอานุภาพซัดกวาดคนระดับเดียวกัน แข็งแกร่งจนน่ากลัว อัดผู้กล้าแห่งยุคพวกนั้นเหมือนของเล่น… แต่ทำไมข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าหลินสวินนี่ป่าเถื่อนกว่าบิดาข้าในปีนั้นเสียอีก’
เสวียนจิ่วอิ้นพึมพำในใจ สีหน้าก็ตกตะลึงต่อเนื่อง แทบอยากจะโห่ร้องให้กำลังใจหลินสวิน
“เจ้า… จะไปช่วยไหม”
หลิงเคอจื่ออดถามไม่ได้
เสวียนจิ่วอิ้นกลอกตาใส่ “ช่วยกับผีสิ ข้าเป็นคนดู หากปรากฏตัวไปแล้วเด่นเกินหลินสวินจะทำอย่างไร”
‘ไม่กล้าก็คือไม่กล้า ยังจะมาเด่นเกินอะไร คนของตระกูลเสวียนแม้จะแข็งแกร่ง แต่เหมือนว่าจะไม่มีสักคนที่ไม่ชอบคุยโว…’ หลิงเคอจื่อแอบค่อนขอดอยู่ในใจ
เขาก็มองออกเช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้ของหลินสวินแม้จะอันตราย แต่ไม่ได้ถูกกดดันถึงชีวิตอะไร
สิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงคือ ยามนี้บุคคลน่ากลัวยิ่งยวดอย่างพวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง จิ่งเทียนหนาน เวินอวี๋ยังไม่ออกโจมตี
นี่สิถึงเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง!
…
แรงกดดันในการต่อสู้ของหลินสวินเพิ่มขึ้นมาก แต่กลับไม่ได้เกรงกลัว ตรงกันข้ามเขายิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณภายในร่างส่งเสียงกัมปนาทพลุ่งพล่าน ในใจราวกับมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ นานเข้าฝีมือต่อสู้ก็ยิ่งดุดันและบ้าระห่ำ
หลายปีนี้ตั้งแต่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอริยะ หลินสวินเคยเข้าร่วมการประลองถกมรรคแคว้นเมฆา และเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่รวมผู้กล้าในใต้หล้าไว้ด้วยกันมาก่อน เจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือล้ำเลิศมานับไม่ถ้วน ผ่านการห้ำหั่นและต่อสู้มาไม่รู้เท่าไหร่
แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้ ทั้งไม่เคยถูกคนกดดันจนตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังยากแค้นมาก่อน!
นี่จึงทำให้เขาไม่เคยมีโอกาสได้ทุ่มสุดตัวหรือสู้ตายอย่างแท้จริง!
แต่ตอนนี้ตรงหน้าประตูทลายนี่ สิ่งที่หลินสวินเผชิญหน้านั้น เรียกได้ว่าเป็นเคราะห์สังหารที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้
แต่ก็ทำให้เขามีโอกาสปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ ได้สังหารเต็มกำลังครั้งหนึ่งเช่นกัน!
………………..