Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2056 เจอหญิงชุดม่วงอีกครั้ง

ตอนที่ 2056 เจอหญิงชุดม่วงอีกครั้ง
หลังจากการ ‘แลกเปลี่ยนเรียนรู้’ ครั้งนี้สิ้นสุดลง หลินสวินหายใจโรยรินแล้ว นอนอยู่บนพื้นหญ้าริมทะเลสาบราวกับปลาเค็มตัวหนึ่ง สายตาว่างเปล่า

เขาเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิ รากฐานแข็งแกร่งถึงขั้นเหนือจินตนาการ กฎเกณฑ์กึ่งจักรพรรดิที่ครอบครองก็แทบจะไม่ต่างจากระดับจักรพรรดิแท้

แต่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับซีในช่วงหลายวันมานี้ เขาถูกทารุณจนเหมือนปลาเค็มตัวหนึ่งทุกครั้ง ใช้ทุกวิธีต้านทานก็ไม่มีประโยชน์

อะไรที่เรียกว่าสิ้นหวัง

ในที่สุดหลินสวินก็รับรู้แล้ว

จนกระทั่งครู่ใหญ่ หลินสวินจึงได้สติจากความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและชาวาบนั้น

เย่จื่อพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เด็ดโอสถล้ำค่าท่อนแล้วท่อนเล่ายัดเข้าปากหลินสวิน

ช่วยไม่ได้ พลังกายของหลินสวินแห้งเหือดนานแล้ว แม้แต่เรี่ยวแรงจะยกมือยังไม่มี

“ผู้อาวุโส การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เช่นนี้สมควรจะสิ้นสุดลงแล้วกระมัง”

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เมื่อหลินสวินรู้สึกถึงพลังที่พวยพุ่งไปทั่วร่างใหม่อีกครั้งถึงหันหน้าไปอย่างยากลำบาก มองไปยังซีที่นั่งอยู่บนกิ่งต้นหลิว

“หือ รีบอะไร รอเมื่อไหร่ที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่มา เมื่อนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ก็จะสิ้นสุดลง”

ซีเสียงราบเรียบ

ภาพตรงหน้าหลินสวินดำมืดไประลอกหนึ่ง

หากจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่นั่นไม่มาเสียที หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าตนต้องถูกเหยียบย่ำ ทรมาน และทารุณเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือ

“หลินสวิน พลังปราณของเจ้าทะลวงแล้ว”

จู่ๆ เย่จื่อก็ส่งเสียง น้ำเสียงแฝงความตกใจเสี้ยวหนึ่ง

หลินสวินอึ้งไป สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วร่างแล้วอดอึ้งงันไม่ได้

ทะลวง… เช่นนี้เลยหรือ!?

แววตาเขาตะลึงไปอีกระลอก

ครั้งก่อนยามจะทะลวงเข้ารู้ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ เขาผ่านการเข่นฆ่านองเลือดที่ยากจะพบเจอหน้าประตูทลาย สุดท้ายพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายปลดปล่อยถึงขีดสุด พุ่งเข้าประตูทลายไป

การทะลวงระดับครั้งนั้น เกิดขึ้นภายใต้อาการหมดสติ

แต่ตอนนี้ห่างจากการทะลวงระดับครั้งก่อนแค่เดือนกว่าเท่านั้น แต่พลังปราณของเขากลับเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ก้าวสู่มกุฎกึ่งจักรพรรดิสองชั้นฟ้าแล้ว!

ความเร็วในการทะลวงระดับที่รวดเร็วเช่นนี้ เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงยิ่ง ทำเอาตัวหลินสวินเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ

“สิบวันก่อนหน้านี้ รวมแล้วเจ้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับจักรพรรดิกระบี่นภาประสานสิบเก้าครั้ง สิบห้าครั้งแรกล้วนจบลงที่ความพ่ายแพ้ หลังจากครั้งที่สิบห้าก็เริ่มพลิกสถานการณ์ ครอบครองพลังกดดันจักรพรรดิกระบี่นภาประสาน”

เย่จื่อที่อยู่พูดอย่างรวดเร็ว “แต่พลังจากจักรพรรดิกระบี่นภาประสานสำแดงพลังต่อสู้สามส่วน เจ้าตกสู่สถานการณ์พ่ายแพ้ถูกกดข่มอีกครั้ง”

“การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เช่นนี้ แม้พ่ายแพ้ต่อเนื่อง แต่กลับทำให้เจ้าได้รับการเคี่ยวกรำถึงขีดสุดในการต่อสู้ มรรควิถีและพลังต่อสู้แห่งตนล้วนมั่นคงและเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

“และในสิบวันนี้ ซีแลกเปลี่ยนกับเจ้ามาสิบครั้ง ทุกครั้งล้วนบีบจนเจ้าสู้สุดกำลัง ใช้พลังจนแห้งเหือดถึงค่อยเลิกรา นี่เหมือนได้นิพพานครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พลังของเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด”

พูดถึงตรงนี้ เย่จื่อพูดอย่างชื่นชม “ที่ยากที่สุดคือ ทุกครั้งที่ซีลงมือ เรี่ยวแรงล้วนพอดี หากหนักไปนิดก็จะทำลายฐานมรรคของเจ้า เบาไปก็ไม่สามารถทำให้ศักยภาพแฝงของเจ้าปลดปล่อยถึงขีดสุด ฝีมือเช่นนี้เรียกได้ว่ามหัศจรรย์อย่างที่สุด”

หลินสวินอึ้งไป “เจ้าพูดเช่นนี้ หรือข้ายังต้องซาบซึ้งบุญคุณด้วย”

เย่จื่อพูดอย่างจริงจัง “แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นก็ทำให้พลังปราณของเจ้าทะลวงขั้น หากเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงดีใจจนโขกหัวคำนับนานแล้ว”

หลินสวินสัมผัสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างต่อเนื่อง ในใจรู้สึกแปลกประหลาด ถูกทรมานมาหลายวันขนาดนี้ ที่แท้ก็เพื่อตนเองทั้งนั้นหรือ

ไม่ใช่การอ้างเรื่องแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อระบายความโกรธจริงๆ หรือ

เย่จื่อพูดว่า “แน่นอนว่าช่วงที่ผ่านมานี้เจ้าใช้โอสถสมบัติที่เรียกได้ว่าชั้นเลิศไปเจ็ดสิบหกชนิด ทุกชนิดล้วนมูลค่ามหาศาล ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่มีบุญจะได้ใช้ โชคดีที่เจ้ามั่งคั่ง ไม่เช่นนั้นอยากจะทะลวงในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้… ถือว่ายากมาก”

หลินสวินในตอนนี้เรียกได้ว่ามั่งคั่งจริงๆ เพียงแค่ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาช่วงนี้ก็มากมายมหาศาล นับไม่ถ้วนแล้ว

ต้องรู้ว่าตอนที่อยู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ เขาก็เคยได้รับทรัพย์หลังศึกมากมายเช่นกัน ไม่ขาดสมบัติที่แม้แต่ระดับจักรพรรดิยังหมายตา!

ดังนั้นต่อให้รู้ว่าตนใช้โอสถสมบัติชั้นเลิศไปมากขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้สึกปวดใจเลยสักนิด

เขาในตอนนี้ฟื้นตัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว นั่งทำสมาธิสงบจิต เพื่อสร้างความมั่นคงให้พลังใหม่ที่เพิ่งครอบครองหลังจากทะลวงขั้น

เย่จื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า “ดังนั้น ข้าเสนอว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ยังต้องดำเนินต่อไป”

มุมปากของหลินสวินกระตุกอย่างแรงคราหนึ่ง

สิบวันที่ผ่านมาก็เหมือนกับฝันร้าย ไม่เพียงแค่ร่างกายถูกกำราบ สภาวะจิตและจิตวิญญาณของเขาเองก็แบกรับความกระทบกระเทือนจากความสิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรงอยู่ตลอดเวลา

ความรู้สึกเช่นนั้น ด้วยอุปนิสัยที่กร้าวแกร่งอย่างหลินสวินยังแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

แต่เมื่อนึกถึงว่าการ ‘แลกเปลี่ยนเรียนรู้’ อันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ สามารถทำให้พลังปราณของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาสั้นๆ ได้ หลินสวินก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันตอบรับไป

ในใจเย่จื่ออดชื่นชมไม่ได้ ‘ตามคาด เขาชอบฝึกโดยการถูกทรมานที่สุด…’

ซีเหลือบมองหลินสวินคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พลังปราณของเจ้าทะลวงแล้ว ตอนที่แลกเปลี่ยนกันข้าก็จะเพิ่มพลังขึ้นไปอีกหน่อยด้วย เจ้าเตรียมตัวให้ดี”

ในใจหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง อดพูดไม่ได้ “ผู้อาวุโส ที่ท่านแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับข้าก่อนหน้านี้ใช้พลังไปกี่ส่วนหรือ”

“กี่ส่วน?”

เสียงของซีเผยแววประหลาด

เย่จื่อคิดๆ แล้วเอ่ยอย่างใคร่ครวญจริงจัง “จากที่ข้าคาดเดา… คง… ห่างจากหนึ่งส่วนไปไกล…”

หลินสวิน “…”

……

แคว้นวิญญาณหมอก

ในฐานะหนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นแห่งโลกใหญ่หงเหมิง อาณาเขตของแคว้นวิญญาณหมอกไม่ถึงกับใหญ่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้เล็กที่สุด อิทธิพลด้านการฝึกปราณของแคว้นวิญญาณหมอกไม่ถึงกับแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอที่สุด

สรุปแล้วแคว้นวิญญาณหมอกธรรมดามาก ไม่ว่าจะเทียบด้านใดกับแคว้นอื่นๆ ก็ไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ด้อย อยู่ตรงกลางอย่างยิ่ง

สำนักเร้นฤทธิ์เทพก็ตั้งอยู่ในแคว้นวิญญาณหมอก รากฐานเก่าแก่อย่างที่สุด แต่อิทธิพลอย่างมากก็อยู่ในระดับสิบอันดับแรกของแคว้นวิญญาณหมอกเท่านั้น

หลังจากเร่งเดินทางอีกสิบกว่าวัน หลินสวินมาถึงแคว้นวิญญาณหมอกอย่างราบรื่น มาเยือนแดงมงคลอาณาเขตของสำนักเร้นฤทธิ์เทพ…

เขาต้นถง

ทว่าตอนที่หลินสวินไปถึง กลับพบโดยพลันว่าเขามงคลที่นับว่าเป็นอันดับหนึ่งในหมู่อันดับหนึ่งของแคว้นวิญญาณหมอก กลับไม่เห็นเงาคนเลย!

อีกทั้งประตูภูเขาของสำนักเร้นฤทธิ์เทพเปิดกว้าง กระบวนค่ายกลใหญ่ที่ปกคลุมอยู่บนภูเขาก็หยุดการโคจร

เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นว่าสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่เรียงรายล้วนว่างเปล่า ปรากฏร่องรอยวุ่นวายทั่วทุกที่

หลินสวินค้นหาอยู่นาน แทบจะหาทั้งในและนอกสำนักเร้นฤทธิ์เทพรอบหนึ่งแล้ว สุดท้ายจึงมั่นใจว่าผู้ฝึกปราณทุกคนในสำนักเร้นฤทธิ์เทพคงจะออกจากเขาต้นถงหมดแล้ว

อีกทั้งยังจากไปอย่างเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด โอสถเทพจำนวนหนึ่งในไร่โอสถยังไม่ทันเก็บด้วยซ้ำ

ในที่นี้ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า ผู้ฝึกปราณสำนักเร้นฤทธิ์เทพเป็นฝ่ายจากไปเอง สำหรับเหตุผลที่จากไปนั้นหลินสวินกลับเดาไม่ออก

‘ยุ่งยากแล้ว…’

หลินสวินขมวดคิ้ว ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าตำหนักเก่าแก่ที่เงียบเชียบแห่งหนึ่งเพียงลำพัง แสงตะวันยามเย็นสาดส่อง ทอดเงายาวมากมายบนแผ่นหินเขียวที่เต็มไปด้วยรอยด่าง

หอฤทธิ์เทพและสำนักเร้นฤทธิ์เทพมีต้นกำเนิดเดียวกัน หลินสวินมาคราวนี้ก็เพื่อหาข้อมูลการเดินทางไปแดนเจินหลง

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าขุมอำนาจที่เก่าแก่อย่างที่สุดนี้ดันหายไปอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ เหลือไว้เพียงเขาต้นถงที่ว่างเปล่า

‘การจากไปของสำนักหนึ่งต้องชักนำให้เกิดความเคลื่อนไหวไม่น้อยแน่ ก่อนเกิดเรื่องขึ้นต้องมีสัญญาณบางอย่างปรากฏออกมา…’

หลินสวินนิ่งคิด ตัดสินใจเดินทางไปสืบข่าวในเมืองที่ใกล้เขาต้นถงที่สุด

แต่ตอนที่เขาจะจากไป จู่ๆ ในใจพลันสะท้าน รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิต

แทบจะในเวลาเดียวกัน ซีปรากฏอย่างเงียบๆ คว้าเบาๆ คราหนึ่งก็พาเขามาอยู่ใต้หลังคาตำหนักที่อยู่ไกลๆ แห่งหนึ่งแล้ว

“มีคนร้ายกาจปรากฏตัว อย่าพูดอะไร”

ละอองแสงรอบตัวซีไหลเวียน กลายเป็นพลังมหัศจรรย์ชนิดหนึ่งปกคลุมนางและหลินสวินไว้ภายใน ทำให้ทั้งสองราวกับหายไปกลางอากาศ

ฮุม…

หน้าตำหนักที่หลินสวินยืนอยู่เมื่อครู่ ห้วงอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ปรากฏเงาร่างหลายสายมีทั้งหญิงและชาย กลิ่นอายแม้จะเก็บงำไปแล้วแต่กลับมีอานุภาพน่ากลัวอันไร้รูป

พวกเขายืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ประหนึ่งเหล่าเทพที่ยืนอยู่ในแสงยามตะวันรอน!

ตอนที่เห็นเงาร่างของคนที่เป็นผู้นำ หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันที ความทรงจำที่หลับใหลอยู่ในใจมานานถูกปลุกขึ้น

ผู้นำคนนั้นคือหญิงชุดม่วง เงาร่างสูงเพรียวอย่างที่สุด เอวบางพันด้วยเชือกสีทอง ผมยาวสีม่วงดุจน้ำตกทิ้งตัวลู่ลง บนเส้นผมเจือแสงประกายแปลกประหลาด

นางแบกทวนเล่มหนึ่งไว้ข้างหลัง ชุดม่วงผมม่วง ยืนอยู่ตรงนั้นก็ประหนึ่งปราการสวรรค์ที่ขวางกั้น ให้ความรู้สึกว่าได้แต่แหงนมอง สูงส่งไร้ขอบเขต

เผชิญหน้ากับเงาร่างนี้ ก็เหมือนมดแหงนมองท้องฟ้า!

‘เป็นผู้หญิงชุดม่วงที่ตามฆ่าท่านลู่!’

ในใจหลินสวินสะท้านรุนแรง เขาจะลืมผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร

ตอนนั้นเขาเคยหวนกลับโลกชั้นล่าง กลับไปยังบ้านในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นที่เขาเคยอยู่ และเป็นที่นั่นที่เขาได้เจอพลังเจตจำนงซึ่งท่านลู่ทิ้งเอาไว้โดยบังเอิญ

ก็เพราะเหตุกาณ์ที่แปลงจากพลังแห่งเจตจำนงเสี้ยวนั้น ทำให้หลินสวินได้เห็นหญิงชุดม่วงที่ตามฆ่าท่านลู่

และทำให้หลินสวินได้รู้ว่า หญิงชุดม่วงมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา มาเพื่อตามฆ่าลั่วชิงสวินมารดาของเขาและท่านลู่โดยเฉพาะ!

เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า จะเจอหญิงชุดม่วงคนนี้ในสำนักเร้นฤทธิ์เทพอันว่างเปล่าแห่งนี้!

นี่เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อเกินไป

“ข้าจะไปแดนเจินหลง แต่สำนักที่รู้ทางไปแดนเจินหลงกลับหายไปในชั่วค่ำคืน…”

หน้าตำหนักหญิงชุดม่วงคนนั้นเอ่ยปาก เสียงไพเราะอย่างที่สุด แต่กลับเผยความเย็นเยียบและเฉยชาเสียดกระดูก

ข้างกายนางมีผู้ชายติดตามอยู่สามคน ตอนนี้ต่างตัวสั่น เผยสีหน้าลนลานตกใจ

“ผู้อาวุโส พวกเราไม่เคยปล่อยข่าวให้รั่วไหลสักนิด แม้แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าเหตุใดคนของสำนักเร้นฤทธิ์เทพจึงหายไปโดยไร้ร่องรอย ท่าน… ท่านอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด”

เฒ่าชราผมขาวคนหนึ่งรีบอธิบาย

หญิงชุดม่วงตบไหล่เฒ่าชราคนนั้นเบาๆ พูดว่า “ข้าไม่สนใจเรื่องเข้าใจผิด ข้าสนใจเพียงว่าเหตุใดจึงเกิดสถานการณ์เช่นนี้ เข้าใจหรือไม่”

ตอนที่นิ้วมือขาวกระจ่างเรียวยาวของนางยกออกจากไหล่เฒ่าชรา ร่างของอีกฝ่ายราวกับกระดาษที่ถูกเผา กลายเป็นขี้เถ้าปลิวกระจาย!

………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset