ในโถงใหญ่บนเขาเมฆาเลิศ จักรพรรดิมารวายุสังหาร เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงยืนอยู่เคียงกัน
เมื่อเห็นไอสังหารล้นฟ้าที่แผ่ออกมาจากร่างหลินสวิน ในใจพวกเขาก็ตกตะลึงไม่หยุด ล้วนไม่กล้าเชื่อว่านี่คืออานุภาพที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งครอบครอง
ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของไอสังหารและอานุภาพรอบตัวหลินสวิน ส่วนลึกของนัยน์ตาปาฉีก็อดฉายแววประหลาดวูบหนึ่งไม่ได้
ไม่อาจไม่ยอมรับ เด็กทารกที่เดิมสมควรตายในปีนั้นคนนี้ สมเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าของโลกปัจจุบัน ค้นหาทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา เกรงว่าคงยากหาใครเทียบ
นี่ทำให้ในใจปาฉีอดใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิมไม่ได้ หลินสวินที่สูญเสียชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาชีวิต ประสบความสำเร็จเหมือนวันนี้ราวกับเกิดใหม่ได้อย่างไรกันแน่
ตูม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลินสวินก้าวย่างในอากาศ ไอสังหารพลุ่งพล่านทำให้ฟ้าดินที่อยู่ใกล้เขาตกอยู่ในความปั่นป่วน มีแสงศักดิ์สิทธิ์เหลือคณาไหลวนรอบตัวเขา
“จะลงมือตอนนี้รึ เจ้าไม่อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นหรือ” ปาฉีพลันกล่าว
“ฆ่าเจ้าแล้วดูดความทรงจำในจิตวิญญาณออกมา เท่านี้ข้าก็ได้คำตอบ”
หลินสวินสูดหายใจลึก ส่งเสียงเย็นชา “เย่จื่อ!”
เย่จื่อในกล่องกระบี่สำริดแปลงเป็นแสงแพรวพราวสายหนึ่ง เคลื่อนขวางออกมา
เย่จื่อสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าครั้งนี้หลินสวินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เผยความแค้นและไอสังหารถึงขีดสุดออกมา
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน
เย่จื่อไม่ได้ซักถามและไม่ได้บอกหลินสวิน ว่าชายที่ยืนอยู่ใต้เวิ้งฟ้าตรงหน้านั้นมีพลังปราณลึกล้ำยากหยั่งถึง คล้ายคนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด!
หรือพูดได้ว่าเย่จื่อรู้อยู่แล้วว่าต่อให้บอกความจริงที่น่ากลัวนี้กับหลินสวิน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางถอยแค่นี้แน่
ดังนั้นเย่จื่อจึงไม่พูดสักคำ ลงมือในทันที
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่สายหนึ่งทะลวงขึ้นเหนือเมฆ เจิดจรัสดั่งรุ้งเทพทะลวงนภา สั่นคลอนธารดารา เจตกระบี่ที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบนั้น ราวกับจะเฉือนทำลายฟ้าดินแถบนี้จนสิ้น
นี่คือพลังขั้นสุดยอดของเย่จื่อ เขาเคยใช้กระบี่นี้กำราบพวกเจ้าแคว้นหลิ่นเฟิง หมิงเยวี่ย ฮวงโหว เฟยหยาอย่างง่ายดายมาแล้ว!
“นี่ก็คือวิญญาณกระบี่ที่เคยทำให้จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งเกิดความโลภหรือ ไม่ใช่สิ่งที่ของทั่วไปเทียบได้จริงๆ”
นัยน์ตาแดงก่ำของปาฉีมีแสงประหลาดไหลวน น้ำเสียงต่ำลึก
ขณะกล่าวตรงหน้าเขาปรากฏกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิแดงก่ำ วิวัฒน์เป็นศีรษะอสรพิษเหี้ยมเกรียมขนาดมหึมาเท่าบ้าน เชิดหัวขึ้นฟ้า อ้าปากกลืนกิน
ตูม!
ปราณกระบี่ที่ดุดันรุนแรงหาใดเปรียบนั้น กลับถูกศีรษะอสรพิษมหึมานั่นเขมือบราวทำจากกระดาษ หายไปจนเกลี้ยง
ปาฉีเหมือนทำเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก พูดเองเออเอง “น่าเสียดาย คิดจะลงมือกับข้า แต่ยังไม่เท่าไร”
นัยน์ตาเย่จื่อหดรัด
หลินสวินกำหมัดแน่นเงียบๆ กลางนัยน์ตาดำเต็มไปด้วยความคั่งแค้น เพลิงโทสะโหมกระหน่ำอยู่ในร่างเขาดั่งไฟลุกโชน แต่ไม่ทำลายสติของเขา
แค่การโจมตีนี้ก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่า ความเข้าใจที่มีต่อปาฉีก่อนหน้านี้อ่อนต่อโลกจนน่าขันเพียงใด นี่ใช่คนที่กึ่งจักรพรรดิเทียบได้เสียที่ไหน
บนเขาเมฆาเลิศ พวกจักรพรรดิมารวายุสังหารต่างยกภูเขาออกจากอก ตอนที่เย่จื่อลงมือก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาตกใจจนเหงื่อแตกไปทั่วร่าง อานุภาพของปราณกระบี่นั้นทำเอาพวกเขาต่างขนลุกไปทั้งตัว สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามยิ่งใหญ่
ยังดีที่เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาจักรพรรดิปาฉี กระบี่นี้… ก็ไม่อาจต้านทานได้!
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า เผยวิธีเอาตัวรอดบนตัวเจ้าออกมาให้หมดเถอะ มิฉะนั้น… หากรอให้ข้าลงมือ เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้สำแดงออกมาแล้ว”
เสียงของปาฉีดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน ดูอวดดีหาใดเปรียบ สีหน้าเฉยชาอำมหิตอยู่ตลอด ราวกับเทพที่สูงส่งเหนือผู้อื่น
ฟ่อ!
ข้างหน้าเขาศีรษะอสรพิษที่ใหญ่เท่าบ้านแผดเสียงคำราม ภูผาธาราใกล้เคียงแตกระเบิดทรุดตัวลง พลังกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวกลายเป็นกระแสน้ำหลากสีเลือดไร้ขอบเขต ม้วนพัดไปทางหลินสวิน
เย่จื่อลงมือฟันปราณกระบี่นับหมื่นพันออกมา ล้วนแหวกผ่านอากาศเคลื่อนกวาดออกไป
ตูม!
ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราหม่นแสง
ปราณกระบี่ไร้ขอบเขตปะทะกระแสน้ำหลากสีเลือด อานุภาพที่เกิดขึ้นชวนประหวั่นเกินไป ราวกับจะทำลายฟ้าดินแถบนี้จนสิ้น
เมื่อฝุ่นควันจางหาย เงาร่างของเย่จื่อพลันเปลี่ยนเป็นอับแสงขึ้นมา
แตกต่างกันเกินไปแล้ว!
หากเป็นช่วงที่เขาอยู่ในสภาพยอดเยี่ยม ย่อมไม่หวาดกลัวคนที่เหมือนจะอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดแต่แรก ที่น่าเสียดายคือตอนนี้อย่างมากเขาก็ได้แต่ไปสังหารคู่ต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่เท่านั้น
แต่เย่จื่อกลับไม่เผยความหวาดกลัวออกมาเพียงเสี้ยว เงาร่างพุ่งไปกลางอากาศ แม้จะสูงแค่สามชุ่น แต่กลับมีอานุภาพเหมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจกราย
ในเมื่อครั้งนี้หลินสวินไม่กลัวความตาย ต้องการสู้ให้ถึงที่สุด เขาเย่จื่อ… ยังมีอะไรต้องหวาดกลัว
วิญญาณกระบี่ ไม่เคยกลัวตาย!
“วิญญาณกระบี่นี้ใกล้ยืนหยัดไม่อยู่แล้ว แต่เจ้าสามารถหนีจากโลกใหญ่หงเหมิงมาถึงโลกมืดได้ ย่อมไม่ได้มีวิธีเอาตัวรอดแค่นี้กระมัง”
ปาฉีเอ่ยปากอีกครั้ง เขายืนอยู่ใต้เวิ้งฟ้าเหนือยอดเขาเมฆาเลิศมาตลอด ราวกับไม่อาจสั่นคลอน พาให้คนขวัญหนีดีฝ่อ
นี่ก็คืออานุภาพของ ‘ฝีมือที่อำมหิต’ ในโลกมือ ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิกล่าวถึง ก็ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี
“พูดมากเช่นนี้ ได้แต่พิสูจน์ว่าในใจเจ้ามีความกังวลและหวาดกลัว”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น ไอสังหารซัดสาดดุจกระแสน้ำ “ไม่อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงไม่กล้าลงมือเต็มกำลัง”
ปาฉีเงียบไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้ากล่าว “ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือวิญญาณกระบี่นั่น สำหรับข้าล้วนไม่คู่ควรให้พูดถึง สิ่งเดียวที่หวาดกลัวคือวิธีเอาตัวรอดบนตัวเจ้าเท่านั้น กันไว้ดีกว่าแก้ ข้าไม่อยากเสียท่า”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็น แววตาชวนสะพรึง “แต่ไม่ว่าจะเกิดตัวแปรอะไร วันนี้ย่อมไม่อาจเปลี่ยนฉากจบที่เจ้าต้องตาย!”
วาจาเฉยชา ไม่ยอมให้กังขา
เขามีพลังอันเด็ดขาดและสูงส่ง ทะนงตนดั่งเทพ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่หยิ่งผยองและไม่ประมาท นิ่งสงบและเยียบเย็น
ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนหนาวเยือกในใจและสิ้นหวัง
พวกจักรพรรดิมารวายุสังหารเห็นภาพนี้แล้วพากันใจสั่นและกดดัน ไม่กล้าจินตนาการว่าหากเป็นศัตรูกับมหาจักรพรรดิปาฉี นั่นจะเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวและพาให้ไร้กำลังแค่ไหน
หลินสวินกลับเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เผชิญหน้ากับท่าทีเหมือนกำชัยไว้แล้วนั่นของปาฉี ริมฝีปากเขากลับขยับพูดออกมาแค่คำเดียว
“ฆ่า!”
จากนั้นเย่จื่อก็ลงมืออีกครั้ง เงาร่างส่องประกายราวกับลุกโชน พุ่งเข้าไปสังหารปาฉี
ปาฉีขมวดคิ้ว
สำหรับเขา การโจมตีนี้เหมือนมดเขย่าไม้ใหญ่ เขาไม่เชื่อว่าหลินสวินจะไม่รู้ถึงจุดนี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือวิญญาณกระบี่นั่น กลับเห็นได้ว่าเด็ดเดี่ยวยิ่ง มีท่าทีว่ายอมร่างแหลกกระดูกป่นก็จะสู้สุดชีวิต
นี่จะรนหาที่ตายจริงหรือ
ปาฉีไม่เชื่อ
ด้วยเหตุนี้ยามเผชิญหน้ากับเย่จื่อที่พุ่งเข้ามา ปาฉีจึงใช้พลังที่แท้จริง
มือข้างหนึ่งเหยียดออกไปกลางอากาศแล้วกุมเข้ามาเบาๆ!
ตูม!
ห้วงอากาศพลันทรุดตัวแตกสะบั้น กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิแดงก่ำตัดสลับกันราวกับโซ่เทพมหึมา กลายเป็นขุมนรกนองเลือดแห่งหนึ่ง
ขุมนรกเผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นอย่างเหล่ามารเริงระบำ ทวยเทพร่วงหล่น ฟ้าถล่มดินทลาย
นรกคุกโลหิต!
วิชาลับชั้นสูงที่โคจรกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่ากับมรรควิถีแห่งตนจนถึงขั้นสุดยอดอย่างหนึ่ง
แต่ภาพที่แปลกประหลาดกลับเกิดขึ้นแล้ว…
ไม่รอให้นรกคุกโลหิตนั้นสำแดงอานุภาพ ก็หยุดชะงักไปชั่วพริบตาทันที
อันที่จริงพริบตานี้ฟ้าดินทั้งแถบเหมือนตกอยู่ในสภาพหยุดนิ่ง พลังแห่งกาลเวลาที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ราวกับถูกรบกวนไปหนึ่งพริบตา
ต่อให้ปาฉีเตรียมการพร้อมสรรพด้วยสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงประหลาดที่เกิดขึ้นชั่วพริบตานี้ก็ตอบสนองไม่ทัน
พริบตานี้เอง ในมือของเย่จื่อที่พุ่งสังหารเข้ามามีขวดหยกมันแพะใบหนึ่งปรากฏ ปากขวดเปล่งประกายพร่างพราว ฟันปราณกระบี่สายหนึ่งออกมา
ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
ส่วนกระบี่ที่ฟันออกมาจากขวดนั้น ก็มาจากการโจมตีเต็มกำลังของเย่จื่อ!
หนึ่งพริบตา
ช่วงเวลาที่สั้นหาใดเปรียบ แต่เมื่อปาฉีได้สติกลับมาก็เห็นปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งสังหารมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ใกล้เพียงคืบ คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว
ปราณกระบี่ส่งเสียงกัมปนาท เร็วจนน่าเหลือเชื่อ คมกระบี่ที่ดุดันไร้ขอบเขตแหวกผ่านพลังป้องกันรอบตัวปาฉี ทำลายเกราะที่อยู่ตรงหน้าแล้วผ่าอกเขาออก!
พรวด!
น้ำเลือดสาดพรม มหาจักรพรรดิปาฉีที่ราวกับเทพผู้สูงส่ง เวลานี้พลันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หน้าพลันเปลี่ยนสี นัยน์ตาเฉยชาแดงก่ำฉายแววเดือดดาล
กระบี่นี้เกือบแหวกอกคว้านท้องเขา!
แม้สุดท้ายจะถูกเขาต้านไว้ได้ แต่ก็ผิวแตกเลือดอาบ กระดูกโผล่ เลือดแดงสดไหลพุ่งออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ปราณกระบี่ที่ดุดันถึงขีดสุดนั้นโหมทำลายภายในร่างอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เขาช้ำในเข้าไปอีก
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
พริบตาเดียวเท่านั้น ทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว!
ปาฉียังอดสงสัยไม่ได้ หากไม่ใช่ว่าพลังปราณของเขาแข็งแกร่งพอ กระบี่นี้คงสามารถคร่าชีวิตของเขาไปแล้ว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งนึกกลัว ยิ่งเดือดดาลเข้าไปอีก
เขาระวังตัวมาพอแล้ว วางแผนไว้ทุกอย่าง แต่ยังเสียเปรียบครั้งใหญ่ในหนึ่งพริบตา!
ตูม…
ในตอนนี้เอง ‘นรกคุกโลหิต’ ที่เขาสำแดงออกมาก่อนหน้านี้เพิ่งฟุ้งกระจายไปกลางอากาศพร้อมกับตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บ แค่คิดก็รู้แล้วว่าการห้ำหั่นที่เกิดขึ้นชั่วพริบตานี้รวดเร็วเพียงใด!
หลินสวินที่อยู่ไกลออกไปนัยน์ตาหดรัดวูบหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตั้งแต่ฝึกปราณมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสำแดงอภินิหารหยุดเวลาแล้วสังหารคู่ต่อสู้ไม่ได้ ทั้งยังเป็นการร่วมมือระหว่างขวดไร้ขอบเขตกับพลังของเย่จื่อด้วย!
ทั้งหมดนี้เหมือนการพิสูจน์โดยไร้สุ้มเสียงว่าระดับจักรพรรดิอย่างปาฉีน่าหวาดกลัวเพียงใด ไม่ใช่ผู้ที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปเทียบได้อย่างสิ้นเชิง
สีหน้าของพวกจักรพรรดิมารวายุสังหารต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น การห้ำหั่นชั่วพริบตาเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ ทำให้พวกเขาหัวสมองเบลอไปหมด ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิปาฉี ถูกโจมตีสาหัสกะทันหันได้อย่างไร!
เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้กระตุ้นพวกเขาจนขนพองสยองเกล้าเช่นกัน หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา… เกรงว่าคงตายไปในพริบตานั้นแล้วกระมัง
ฟุ่บ!
พูดแล้วเหมือนเนิ่นนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่งนัก เห็นว่ากระบี่นี้ฆ่ามหาจักรพรรดิปาฉีไม่ได้ เย่จื่อก็พุ่งเข้าไปอีกครั้งโดยไม่ลังเล เปิดฉากสังหาร ต้องการฆ่าเขาให้ได้ในอึดใจเดียว
“ไสหัวไป!”
ปาฉีตวาดลั่น กลิ่นคาวเลือดทั่วร่างคละคลุ้ง ม้วนกลืนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน อานุภาพที่น่ากลัวไร้ขอบเขตแผ่กระจาย ซัดเย่จื่อที่พุ่งสังหารเข้ามาให้ถอยไปทันที
ปึง!
เย่จื่อลอยคว้างออกไป เงาร่างซวนเซมืดสลัว เห็นได้ชัดว่าแทบยืนหยัดไม่อยู่ เขาหอบหายใจสื่อจิต ‘หลินสวิน ที่แท้เจ้าเฒ่านี่ก็มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปด!’
ระดับจักรพรรดิขั้นแปด!
แค่เพียงระดับปราณก็สามารถทำให้ใครๆ รู้สึกสิ้นหวังและพังทลาย
ช่องว่าง… ไม่ได้ห่างกันแค่พันหมื่นลี้?
นัยน์ตาดำของหลินสวินดูสับสน ตอนนี้ซีไม่อยู่ เย่จื่อก็บาดเจ็บ ต่อให้สำแดงอภินิหารหยุดเวลาก็ได้แต่จู่โจมอีกฝ่ายให้บาดเจ็บ แต่ไม่อาจฆ่าให้ตาย
พูดได้ว่านี่เป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดที่หลินสวินเคยเจอตั้งแต่ฝึกปราณมา!