Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2098 มีเด็กชื่อจ้งชิว ฉายามรรคว่าเชียนอวี้

หลังจากชายหนุ่มเดินออกมาจากโลกลึกลับก็ก้าวเท้าเบาๆ ก้าวหนึ่ง

ครู่ต่อมาเขาก็มาถึงบนฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล เขายืนไขว้หลัง ก้มมองโลกมืดมหึมาที่ไกลออกไปนั้นจากเบื้องสูงเงียบๆ

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เขาก็รู้ว่าพลังระเบียบต้องห้ามที่มาจากอีกฟากฝั่งได้แต่ปกคลุมอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้เท่านั้น ไม่อาจแทนที่พลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดาราได้

แดนปริศนาของโลกใหญ่หงเหมิงที่จนปัจจุบันแล้วยังไม่เคยถูกสำรวจก็มีพลังระเบียบต้นกำเนิดเช่นกัน นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมมหาสมบัติแรกกำเนิดที่เกิดในนั้นสามารถต้านทานและสลายระเบียบต้องห้ามได้

เขายังรู้ว่า ‘เคราะห์จ่อมจม’ สองครั้งที่เกิดขึ้นในกาลเวลาที่ผ่านมา ก็มาจากการเปลี่ยนแปลงประหลาดของระเบียบต้นกำเนิดบนทางเดินโบราณฟ้าดารา

และ ‘เคราะห์จ่อมจม’ ครั้งที่สามซึ่งจะปรากฏขึ้นหลังจากนี้หนึ่งปี ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของพลังระเบียบต้นกำเนิดบนทางเดินโบราณฟ้าดารา!

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไร้ผู้ขัดขวาง ไม่มีใครต้านทานได้

ต่อให้เป็นพลังระเบียบต้องห้ามที่ควบคุมโดยจักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ไม่อาจเข้ามาก่อกวน!

ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน

เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ ดอกบัวเบ่งบาน

นี่คือมรรคคาถาที่ตกทอดมานานแล้วบทหนึ่ง แทบจะไม่มีใครรู้ที่มาของมัน

แต่เขารู้

มรรคคาถาบทนี้คือสิ่งที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเขาเหลือทิ้งไว้ในช่วงต้นสมัยดึกดำบรรพ์

จนถึงตอนนี้เขายังจำได้ดี เพื่ออนุมานการเปลี่ยนแปลงประหลาดที่เกิดจากพลังระเบียบต้นกำเนิด อาจารย์ได้จ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วง

ไม่อย่างนั้นด้วยมรรควิถีของอาจารย์ ย่อมไม่มีทางจากไปเช่นนั้นแน่…

นึกถึงตรงนี้ในใจชายหนุ่มพลันหดหู่

เงียบงันนานพอควร เขาสูดหายใจลึก ในดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมาเขาควบคุมปกครองโลกมืด ต่อให้การประชันหมากครั้งใหญ่นั่นปะทุขึ้นเขาก็ไม่เคยจากไป

ทั้งหมดก็เพื่อรอ ‘ดอกบัวที่เบ่งบาน’ นั้น!

นี่คือความปรารถนาของอาจารย์

“นายท่าน” เสียงหนักเข้มราวฟ้าผ่ากระหน่ำพลันดังขึ้น ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่สูงประมาณหนึ่งจั้งปรากฏตัวกลางอากาศ ทั้งตัวอบอวลด้วยสายฟ้าสีดำน่าหวาดกลัว แค่หายใจเข้าออกก็เหมือนวายุอสนีสะท้านสะเทือน

“ว่ามา”

ชายหนุ่มสีหน้าเรียบเฉย ยืนสบายๆ แต่ประหนึ่งสันโดษอิสระ

“สถานการณ์คืบหน้าไปอย่างราบรื่น เมี่ยฉยงขวางจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงไว้ได้แล้ว”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกล่าวอย่างนอบน้อม “เพียงแต่… ฝั่งต้าหวงกลับเกิดคลื่นลมเล็กน้อย” กล่าวถึงตอนท้าย เขาสีหน้าพิลึกพิลั่น

ชายหนุ่มกล่าวเหมือนเดาอะไรออกอยู่ก่อนแล้ว “ก่อเรื่องอีกแล้วรึ”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำพยักหน้า ยิ้มขื่นกล่าว “ต้าหวงไล่ตามจักรพรรดิธรรมเทียนตูนั่นไปตลอดทาง กระทั่งพุ่งเข้าไปในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์ ระหว่างทางยังตะโกนว่าอุตส่าห์ได้ออกมาเดินเล่น ย่อมต้องฆ่าลาหัวโล้นของแดนกษิติครรภ์ให้หมด…”

ชายหนุ่มอึ้งไป หัวเราะขึ้นมาอย่างยากจะได้เห็น “ดูท่าว่าต้าหวงจะรู้ใจข้าที่สุด รู้ว่าคนที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกลาหัวโล้นนั่น”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกล่าวอย่างกังวล “นายท่าน ได้ยินว่าฝั่งแดนกษิติครรภ์จะส่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิไปจัดการต้าหวง ข้าห่วงว่า…”

ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่สนใจ “ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ พวกเขาจะกล้าฆ่าต้าหวงหรือ”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกล่าว “แต่… พวกเขาล้วนพูดว่านายท่านถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงผูกพยาบาทจนเผ่นแน่บไปซ่อนตัวแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวในโลกมืดอีก”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าว “พวกเขาพูดถูก หนึ่งปีหลังจากนี้ข้าจะไม่ปรากฏตัวอีกจริงๆ ไปบอกต้าหวงว่าหากกล้าทำให้ข้าเสียการใหญ่ ข้าจะฆ่ามันมาตุ๋นกิน”

ตุ๋นกิน…

พอนึกถึงสมบัติจากธรรมชาตินับไม่ถ้วนที่ถูกหมาขนทองตัวนั้นกินไปในช่วงหลายปีนี้ คิดถึงเนื้อน่องอันโอชะน่าเย้ายวนนั่นของมันแล้ว ชายฉกรรจ์ร่างกำยำน้ำลายแทบหก

ตั้งแต่ต้าหวงปรากฏตัวที่หอวิหคทองแดง คนเก่าแก่ในหอวิหคทองแดงอย่างพวกเขาล้วนไม่ได้กินเนื้อสุนัขมานานมากแล้ว…

เหตุผลนั้นง่ายมาก ใครกินเนื้อสุนัขย่อมถูกต้าหวงขย้ำอย่างบ้าคลั่ง ทั้งพลังต่อสู้ของต้าหวงก็วิปริตหาใดเปรียบ ผู้อาวุโสในหอวิหคทองแดงล้วนมีประสบการณ์น่าเจ็บปวดที่ถูกหมาไล่กัดทั้งสิ้น

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกลืนน้ำลายอย่างไร้ร่องรอยพลางกล่าว “นายท่าน ข้าจะนำคำพูดของท่านไปบอกต่ออย่างครบถ้วน”

เขาพูดพลางถูไม้ถูมือรีบจากไป

‘ปีนี้ข้ากันลมฝนให้เจ้า ปีหน้าหากเจ้ายังไม่ได้การยอมรับจากข้าอีก…’

สายตาของชายหนุ่มจ้องมองไปยังโลกมืด

‘เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรจะเป็นศิษย์น้องเล็กของข้าจ้งชิว’

สมัยดึกดำบรรพ์

มีเด็กชื่อจ้งชิว หยิ่งทะนงโดยกำเนิด เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรับเขาไว้เป็นศิษย์ จัดอยู่ในลำดับที่สอง ตั้งฉายามรรคว่า ‘เชียนอวี้’

สัตบุรุษย่อมอ่อนน้อม นุ่มนวลดุจหยก (เชียน ภาษาจีนแปลว่า อ่อนน้อม อวี้ ภาษาจีนแปลว่า หยก)

แต่น่าเสียดาย จ้งชิวไม่ใกล้เคียงกับสัตบุรุษเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าความถ่อมตัวคือสิ่งใด

เขาหยิ่งทะนงเป็นอย่างยิ่ง มีคนบอกว่าเขาหยิ่งผยอง มีคนพูดว่าเขาไม่เห็นใครในสายตา และมีคนบอกว่าเขาเย่อหยิ่งจองหอง ไม่ช้าก็เร็วต้องประสบเคราะห์…

ด้วยหยิ่งทะนงเกินไป เจ้าแห่งคีรีดวงกมลจึงยอมถอนฉายามรรคของเขาคืนเป็นกรณีพิเศษ ยิ้มพลางทอดถอนใจ ‘ความหยิ่งทะนงของจ้งชิวเหมือนจิตใจของเขา มรรควิถียิ่งสูง ใจเขาก็ยิ่งหยิ่งทะนง ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ทั้งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน…’

ตั้งแต่นั้นมาในหมู่ศิษย์สำนักเดียวกัน เขาก็เป็นคนที่หยิ่งทะนงที่สุดของคีรีดวงกมล

ในสายตาของคนทั่วไป คนใหญ่คนโตนับตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่เคยมีใครหยิ่งทะนงยิ่งกว่าเจ้าแห่งหอวิหคทองแดงของโลกมืด

สรุปคือหากเป็นไปดังคาด คำว่าหยิ่งทะนงนั้นก็อยู่กับจ้งชิวมาทั้งชีวิตแล้ว

โลกมืดมีสามสิบสามแคว้น แคว้นหนาวเหน็บเป็นแค่หนึ่งในนั้น

หลังจากกำราบมหาจักรพรรดิปาฉี หลินสวินก็จากแคว้นหนาวเหน็บไป เดินทางอย่างเร่งรีบ ผ่านไปครึ่งเดือนก็มาถึง ‘แคว้นอุดม’

ในหุบเขาที่อบอวลด้วยหมอกชั่วร้ายแถบหนึ่ง

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ รอบตัวเขามีกระบวนผนึกลายมรรคโคจร ตัดขาดการกัดกร่อนของหมอกร้าย

เวลาครึ่งเดือน หลังจากหลอมโอสถเทพและสมบัติจากธรรมชาตินานัปการไปจำนวนมหาศาล มรรควิถีที่ถูกอภินิหารหยุดเวลาส่งผลสะท้อนกลับนั้นของเขาก็ฟื้นฟูกลับมานานแล้ว ผมขาวดุจหิมะทั้งศีรษะเปลี่ยนเป็นดำขลับใหม่อีกครั้ง พลังขับเคลื่อนทั่วร่างก็ฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยม

เย่จื่อกำลังปิดด่านอยู่ในกล่องกระบี่ อู้เชวียก็กลับเข้าไปในธนูวิญญาณไร้แก่นสาร วิญญาณของดาบหักก็กลับไปเช่นกัน

วิญญาณอาวุธทั้งสามมีประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้กับมหาจักรพรรดิปาฉี แต่ก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นกัน

เดิมทีพลังดั้งเดิมของพวกเขาก็ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์ หลังจากผ่านการต่อสู้นี้ก็เหมือนทำให้พวกเขากลับไปสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

ในเวลาอันสั้นคงไม่อาจช่วยหลินสวินได้อีกแน่

แต่หลินสวินกลับไม่กังวล

ถ้าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่มหาจักรพรรดิปาฉี หากแต่เปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนอื่น หลินสวินย่อมไม่มีทางสู้สุดชีวิตเช่นนี้แน่

และการต่อสู้ที่ทุ่มสุดตัวเช่นนี้ ภายหน้าคงยากจะเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน

ฮู่ว…

เนิ่นนานกว่าหลินสวินจะตื่นจากสมาธิ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านรอบตัว รวมถึงพลังขับเคลื่อนที่เดือดพล่านกู่ก้องนั้นแล้วก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้

ในที่สุดก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว!

หลินสวินไม่ลังเลอีก นำเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาแล้วขับเคลื่อนความคิด

ตึง!

มหาจักรพรรดิปาฉีที่ถูกกักขังไว้อย่างสมบูรณ์กลิ้งลงไปกองกับพื้น เขาเหลือเพียงลมหายใจรวยริน พลังขับเคลื่อนทั่วร่างถดถอย ตื่นขึ้นมาจากการสลบไสล

เมื่อทัศนวิสัยกลับมาชัดเจน เห็นหลินสวินยืนอยู่ตรงหน้า เขาอดกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าไม่ได้ “เจ้าหนู ในที่สุดก็ทนไม่ไหว อยากลงมือเค้นถามความจริงในปีนั้นแล้วหรือ”

“เค้นถาม?”

หลินสวินส่ายหัว “ไม่หรอก ข้าก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนอย่างเจ้าแน่”

เขาพูดพลางสะบัดปลายนิ้ว เงาแสงสีเขียวเลือนรางยากจับต้องหลายสายแผ่ละอองแสงพร่าเลือน งามตระการยิ่งนัก

นัยน์ตาปาฉีหดรัด ในใจลนลานอย่างไม่อาจอธิบายได้ “หากเจ้าจะสืบค้นจิตวิญญาณของข้า นั่นก็ละเมอเพ้อพกแล้ว อย่าลืมสิ ข้าเป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปด แค่ห้วงคิดหนึ่งก็บดขยี้พลังจิตวิญญาณทั้งหมดของเจ้าได้!”

หลินสวินไม่พูดจา ทำหูทวนลม มีเพียงปลายนิ้วที่กดไปตรงหว่างคิ้วของปาฉีเบาๆ

หากเจตจำนงจิตวิญญาณของปาฉียังอยู่ แน่นอนว่าต้องฆ่าหลินสวินได้ในหนึ่งห้วงคิด

น่าเสียดาย วิญญาณของดาบหักเฉือนจิตวิญญาณของเขาจนแหลกไปนานแล้ว มรรควิถีทั้งร่างล้วนถูกทำลาย เหลือเพียงวิญญาณแหว่งวิ่นที่ยังถูกกักขังไว้แน่นหนา

ในสายตาของหลินสวิน ปาฉีไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นแปดที่ฝีมือเทียมฟ้านานแล้ว หากแต่เป็นแพะรอเชือดตัวหนึ่ง

“เจ้าสวะ ระวังขโมยไก่ไม่ได้ยังจะเสียข้าวสารอีกกำมือ! เจตจำนงของระดับจักรพรรดิใช่สิ่งที่พวกด้อยคุณภาพอย่างเจ้าสั่นคลอนได้หรือ”

ดวงตาปาฉีปูดโปนแทบถลน ลางสังหรณ์ไม่เข้าทีในใจเขาเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ แผดเสียงคำรามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่อีก

แต่ไม่นานเขาก็สีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ “นี่คือพลังอะไร ทำไมถึงแฝงตัวเข้าไปในใจของข้าได้…”

“ไม่…!”

น้ำเสียงเจือความตระหนกและขุ่นเคือง แต่ยังพูดไม่จบปาฉีก็คอพับ ตกอยู่ในสภาพหลับใหลอย่างแปลกประหลาด

ราวกับถูกสะกดจิต

หลินสวินเก็บปลายนิ้วที่กดหว่างคิ้วของปาฉีลงไป นี่คือวิชาลับอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่บันทึกไว้ใน ‘มหาคัมภีร์ก่อเกิดใจ’ ของศิษย์พี่รั่วซู่ มีชื่อว่า ‘หนึ่งห้วงฝัน’

สามารถทำให้คู่ต่อสู้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว สูญเสียพลังต้านทานทั้งหมด

วู้ม!

หลินสวินสูดหายใจลึก สองมือประสานเป็นมุทราประหลาดสายหนึ่ง พลังที่มองไม่เห็นปรากฏออกมา ชอนไชเข้าไปในร่างของปาฉี

เบื้องหน้ามุทราที่หลินสวินทำเผยภาพที่แตกเป็นเสี่ยงนับไม่ถ้วนทันที ทยอยปรากฏออกมา

นี่คือวิชาลับอีกอย่างหนึ่งนามว่า ‘ประทับก่อเกิดใจ’ สามารถปลุกความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดในจิตวิญญาณและสภาวะจิตของอีกฝ่ายได้ แปลงเป็นภาพสะท้อนออกมา

ภาพต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลินสวินในตอนนี้ ก็คือภาพในความทรงจำของปาฉี

ระดับจักรพรรดิขั้นแปด มีชีวิตอยู่บนโลกมาไม่รู้กี่ปี ผ่านเรื่องทางโลกมาเท่าไหร่ ความทรงจำย่อมเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ หลินสวินจึงพบ ‘ความจริง’ ส่วนหนึ่งที่ตนอยากรู้!

ในที่สุดเขาก็รู้ว่าปีนั้นปาฉีมาตามคำสั่ง เป้าหมายคือทำลายกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ

สมรภูมิหลักของศึกมรรคสิบทิศ ก็อยู่ที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณที่มีถูกเรียกว่า ‘ปราการฟ้าด่านแรกดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ’ นั่น…

ถ้าทำลายกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิก็จะยึดครองดินแดนรกร้างโบราณได้ ด้วยดินแดนรกร้างโบราณมีสมญาว่า ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’

เขายังได้รู้ว่า ‘โลกชั้นล่าง’ ที่เขารู้จักคุ้นเคย ก็คือโลกที่วิวัฒน์มาจากพลังต้นกำเนิดของดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกซัดกระจายในศึกมรรคสิบทิศ…

กระทั่งได้เห็นภาพที่ปาฉีพาอวิ๋นชิ่งไป๋ไปแฝงตัวในโลกชั้นล่าง จนมาถึงจักรวรรดิจื่อเย่า หลินสวินกำสองมือแน่นเงียบๆ ใจที่เข้มแข็งมาตลอดเจือความกังวลเสี้ยวหนึ่งอย่างไม่อาจอธิบายได้

ความจริงของเหตุการณ์นองเลือดในตระกูลหลินปีนั้น เขาพอเดาออกเกือบหมดอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การสันนิษฐาน ไม่เคยเห็นภาพนองเลือดพวกนั้นกับตา

แต่ตอนนี้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในปีนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งในความทรงจำของปาฉี ถูกตนเห็นอยู่ในสายตาทีละภาพ!

……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset