Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2121 นรกอำพรางชั้นที่หก!

เงาร่างหลินสวินหยุดนิ่ง

เขาสังเกตเห็นกลิ่นอายที่น่ากลัวนั้นได้ก่อนหั่วหลัน

ตูม! ตูม! ตูม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนไร้ระเบียบ ห้วงอากาศม้วนซัดอย่างรุนแรง

กลางฟ้าดินที่ห่างออกไปปรากฏวิญญาณร้ายดั่งภูเขามหึมาตนหนึ่ง ลักษณะคล้ายจระเข้ยักษ์ เท้าทั้งสี่ราวเสาค้ำสวรรค์ ศีรษะมีขนาดเท่าบ้าน ทั้งตัวปกคลุมด้วยเกล็ดแดงก่ำ ไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำหลั่งชโลมรอบตัวมันเหมือนหินหนืด

แค่ดวงตาทั้งคู่ก็มีขนาดเท่าโม่หิน แดงก่ำเยียบเย็น แผ่กลิ่นอายเหี้ยมโหดและดุดัน

นี่คือวิญญาณร้ายที่กลายร่างมาจากจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง ยามก้าวเดินเหมือนผืนดินลอยได้ เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ผู้คนจะดูตัวเล็กจ้อยเป็นพิเศษ

“โฮก…!”

มันแหงนมองฟ้าแล้วร้องคำราม คลื่นเสียงดั่งฟ้าคำรามปั่นป่วน ม้วนกลืนฟ้าดิน อานุภาพร้ายกาจที่น่าหวาดกลัวนั้น ราวกับทำให้ผู้คนพังทลายได้จริงๆ

หั่วหลันที่เดิมยังคิดว่าหลังจากวิญญาณร้ายตนนี้ปรากฏตัว คงทำลายความเหิมเกริมของหลินสวินได้ เวลานี้กลับหน้าเปลี่ยนสีกล่าวเสียงดัง

“เจ้าแซ่หลิน มัวนิ่งอึ้งอะไร รีบหนีเร็ว!”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้อนรน

นางท่องอยู่ในโลกชั้นห้านี้มาหลายปี เคยห้ำหั่นกับจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์นี้มาหลายครั้ง แต่ละครั้งล้วนได้แต่หนีหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าฝืนปะทะแต่แรก

กลับเห็นหลินสวินสีหน้าสงบนิ่งกล่าว “แม่นางไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก แค่เดรัจฉานที่ตื่นรู้มีปัญญาตัวหนึ่งเท่านั้น หากกล้าขวางทางก็ฆ่ามันซะ”

หั่วหลันแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เจ้าหมอนี่… ไม่ใช่แค่กำเริบเสิบสาน แต่เย่อหยิ่งจองหองชัดๆ!

นางอดตวาดอย่างเดือดดาลไม่ได้ “เจ้าไม่อยากอยู่แล้วหรือ เดรัจฉานนี่มีอานุภาพระดับระดับครึ่งก้าวจักรพรรดิ แม้จะสู้ระดับจักรพรรดิแท้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิต้านทานได้!”

นางพูดพลางพุ่งไปข้างหน้า หมายคว้าตัวหลินสวินแล้วพาเขาไป เขาจะได้ไม่ไปรนหาที่ตาย

หลินสวินพลันจนปัญญา เบี่ยงตัวหลบพลางกล่าว “แม่นาง เจ้าคอยชมการต่อสู้เป็นอย่างไร”

อันที่จริงเขาก็ประทับใจยิ่งนัก

แค่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น แต่หั่วหลันกลับกล่าวเตือนไม่หยุด ซื่อตรงมีน้ำใจ ต่อให้ถูกดูหมิ่นก็ไม่ทำให้คนโกรธ

“ชมการต่อสู้หรือ ดูเจ้าไปหาที่ตายน่ะสิ”

หั่วหลันโกรธจนเข่นเขี้ยว นางไม่เคยเจอใครที่ไม่รู้จักกาลเทศะเช่นนี้มาก่อน!

“ทะเลาะกันทำไม พวกเจ้ามาหาที่ตายพร้อมกันไม่ดีกว่าหรือ”

ห่างออกไปจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์นั้นเอ่ยปาก เสียงดังกึกก้อง เจือความเพลิดเพลินและเหี้ยมโหด

ตูม!

โซ่สีเลือดเส้นหนาเท่างูเหลือมยักษ์พุ่งออกมาจากตัวของจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ ตวัดม้วนมาทางหลินสวิน เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ห้วงอากาศถูกทำให้ปั่นป่วน โซ่สีเลือดนั้นวิวัฒน์มาจากกฎเกณฑ์มหามรรค แฝงกลิ่นอายดุดันที่ลี้ลับเกินคาดเดา แข็งแกร่งจนน่ากลัว

ชิ้ง! ชิ้ง!

หั่วหลันพลันหน้าถอดสี ดึงดาบโค้งแดงเพลิงโชติช่วงสองเล่มนั้นออกมาโดยไม่ลังเล หมายจะต้านการโจมตีนี้

กลับเห็นหลินสวินพุ่งออกไปนานแล้ว มือเปล่าคว้าไปตามสะดวก ยึดโซ่สีเลือดที่เฆี่ยนมานั้นไว้แล้วสะบัดเบาๆ

โซ่สีเลือดที่ประทับกลิ่นอายซึ่งเทียบได้กับระดับจักรพรรดิ ระเบิดออกทีละน้อยราวอสรพิษสิ้นฤทธิ์ทันที

ส่วนหลินสวินก็พุ่งทะยานเข้าไปนานแล้ว เสียงชิ้งดังขึ้น ดาบไร้วิชาที่เจิดจ้าปรากฏขึ้นในมือ ฟาดฟันออกไปทันใด

ฟุ่บ!

ปราณดาบที่เจิดจ้าปรากฏ สาดส่องฟ้าดินจนขาวโพลนไปทั้งแถบ!

ปราณดาบที่ดุดันหาใดเปรียบนั้น มองข้ามอุปสรรคขวางกั้นทั้งปวง มีอานุภาพเผด็จการที่เสียดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจอย่างหนึ่ง คล้ายว่าทำลายโซ่ตรวนหมื่นกาลได้ ฟาดฟันเครื่องกีดขวางได้ทุกอย่าง

หั่วหลันเพียงรู้สึกแสบตา จากนั้นก็ได้ยินเสียงฉัวะดังสนั่น ต่อมาเสียงร้องทุรนทุรายราวสะท้านฟ้าสะเทือนดินของจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์นั้นก็ดังขึ้น

เมื่อลืมตาอีกครั้งก็เห็นเลือดแดงสดย้อมอากาศ บนร่างจระเข้ยักษ์ที่ใหญ่มหึมาดั่งขุนเขาถูกฟันเป็นรอยแผลชุ่มเลือดสายหนึ่ง กำลังหวีดร้องตะโกนลั่น

พอมองหลินสวินอีกครั้ง เงาร่างสูงตระหง่านราวกับแสงที่มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ มือกุมดาบศึก พุ่งสังหารขึ้นไป

เปรียบเทียบกับจระเข้ยักษ์นั้นแล้ว เงาร่างเขาดูเล็กจ้อยมากชัดๆ แต่หั่วหลันกลับสัมผัสได้ถึงความผงาดผยองอย่างหนึ่ง อานุภาพของเทพมารที่ทำให้นางใจสั่นสะท้าน

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ปราณดาบม้วนซัด ขาวโพลนดั่งหิมะ ร่ายรำอยู่กลางฟ้าดิน กรีดทึ้งห้วงอากาศ กำราบจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่ามันจะโต้กลับและต้านทานอย่างไรล้วนเปล่าประโยชน์

เลือดเนื้อถูกเฉือนไปทีละส่วน ไหลหลั่งร่วงริน ก็เห็นจระเข้ยักษ์ที่ใหญ่มหึมาดั่งขุนเขา ไม่ทันไรก็เลือดไหลเหมือนสายน้ำ เนื้อหนังติดกระดูก ท่าทางน่าอนาถ

หั่วหลันอึ้งงันอย่างสมบูรณ์

นี่ยังใช่วิญญาณร้ายน่ากลัวตัวนั้นที่ทำให้นางหนีอย่างอนาถไปหลายครั้งหรือไม่ ทำไมถึงเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ไม่ว่าใครก็ฆ่าได้ตัวหนึ่ง เนื้อหนังถูกเฉือนอย่างต่อเนื่อง กระดูกโผล่ออกมา!

ตูม!

ตามหลังเสียงสะเทือนกึกก้อง จระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่ถูกปราณดาบตวัดตัดจนกลายเป็นโครงกระดูกมหึมา หลังจากกรีดร้องโหยหวนไม่ยินยอมแล้วก็ร่วงไปกองกับพื้นดังสนั่น

นี่ทำให้หั่วหลันที่ตื่นตระหนกอยู่ได้สติกลับมา ดวงหน้างามปรวนแปรไม่หยุดทันที ในใจรู้สึกมึนงงอย่างไม่อาจระงับ

วิญญาณร้ายที่มีอานุภาพระดับครึ่งก้าวจักรพรรดิตัวหนึ่ง ถูก… เฉือนตายในช่วงสั้นๆ ไม่กี่พริบตา!?

นี่เหมือนไม่ใช่ความจริง ราวกับฝันไป

“แม่นาง ตอนนี้เจ้าน่าจะเชื่อแล้วกระมัง”

เสียงฉะฉานเจือรอยยิ้มดังขึ้นข้างหู หั่วหลันเงยหน้าขึ้นตามจิตใต้สำนึก ก็เห็นคนที่นางคิดว่าเย่อหยิ่งจองหองก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังยิ้มพลางมองมาที่ตน

คำพูดแฝงความหยอกเย้า

หั่วหลันสูดหายใจลึก ควมคุมความตระหนกในใจแล้วแค่นเสียงเย็นชา “อวดดี!”

นางหมุนตัวเดินจากไป

‘โกรธแล้วหรือ’ หลินสวินอึ้งไป

หั่วหลันโบกมือโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง กล่าวอย่างหงุดหงิด “เจ้าคล่องตัวขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ข้ากังวลใจเสียเปล่าแต่แรก ยังยืนบื้ออยู่ทำไม เห็นข้าเป็นตัวตลกรึ”

หลินสวินลูบจมูก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้อยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหญิงสาวที่ท่าทางองอาจกล้าหาญ ดุดันเต็มเปี่ยมคนนี้จะเจ้าอารมณ์เช่นนี้

“นี่!”

หลินสวินร้องเรียก

“ยังจะทำอะไรอีก”

หั่วหลันยังไม่หันกลับมาเหมือนเดิม

“ขอบคุณที่เตือนเมื่อครู่ รอเมื่อข้าคนแซ่หลินกลับมาจากชั้นเก้าแล้วจะมาขอโทษเจ้าแน่นอน”

ยามสิ้นเสียงหั่วหลันเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง ผลึกต้นกำเนิดมหามรรคเจิดจรัสที่มีขนาดเท่าบาตรพระก้อนหนึ่งตกลงมากลางฝ่ามือ หนักอึ้งและแผ่กลิ่นอายมหามรรคหนาแน่นราวกับจะถาโถมเข้าใส่

หั่วหลันหันกลับมาทันที กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ได้ใจแคบเช่นนั้น ทำไมต้องนำของสิ่งนี้มาชดเชยด้วย”

หลินสวินยิ้มพลางโบกมือ “ถือว่าพวกเราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันครั้งหนึ่ง ทรัพย์หลังศึกย่อมต้องแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่งเป็นธรรมดา นี่ก็คือกฎเกณฑ์ของข้าคนแซ่หลิน เจ้าไม่อยากรับก็ไม่ได้แล้ว ขอตัว”

เขาพูดพลางยิ้มแล้วหันหลังจากไป เหมือนกลัวว่าหั่วหลันจะคืนผลึกต้นกำเนิดมหามรรคก้อนนั้นกลับมาอีก

“ฮึ!”

หั่วหลันถลึงตามองเงาหลังเขาที่ห่างออกไปคราหนึ่ง จากนั้นก็มองผลึกต้นกำเนิดมหามรรคในมือพลางกล่าวพึมพำ “ของล้ำค่าเช่นนี้ ไม่รับไว้ก็เสียเปล่า”

จากนั้นนางก็ตระหนักถึงอะไรได้ นัยน์ตาพลันหดรัด เมื่อครู่เจ้าหมอนั่นพูดว่าอะไรนะ เขาจะไปชั้นที่เก้าหรือ!?

นี่ไม่ใช่การไปหาที่ตายหรือ

“นี่…!”

หั่วหลันอ้าปากหมายจะกล่าวเตือน แต่เพิ่งพบว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ไม่มีเงาของหลินสวินนานแล้ว มีแค่เสียงของนางที่สะท้อนอยู่กลางฟ้าดิน

ดวงหน้างามของนางปรวนแปรไม่หยุด เนิ่นนานกว่าจะกระทืบเท้าอย่างหนักหน่วงพลางกล่าว “ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะกลับมาขอโทษข้าหรือไม่กันแน่! ข้าจะรอ!”

นรกอำพรางชั้นที่หก

ในที่สุดหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามและพลังกดดันที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

ฟ้าดินที่นี่แดงก่ำ ทรุดโทรมและวังเวง ถูกความมืดมนหนาทึบเข้าปกคลุม

เมื่อเดินอยู่ภายในนั้น หลินสวินไม่อาจไม่โคจรพลังแท้จริง ถึงต้านทานและสลายพลังกดดันที่ดำรงอยู่ทุกแห่งนั้นได้

นี่ทำให้เขาชี้ชัดได้เรื่องหนึ่ง…

การที่ผู้ฝึกปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าทั่วไปมาที่นี่ ย่อมไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นรกอำพรางชั้นหกนี้น่าจะมีแค่ระดับจักรพรรดิที่เข้ามาฝึกฝนได้

‘แค่ชั้นหกก็น่ากลัวเช่นนี้แล้ว ปีนั้นศิษย์พี่รองกลับใช้พลังปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิบุกไปถึงชั้นเก้าได้ ช่างแข็งกร้าวดุดันจริงๆ…’

เวลานี้หลินสวินเพิ่งเข้าใจ ว่าศิษย์พี่รองจ้งชิวในปีนั้นทรงพลังระดับใด

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มเดินไปข้างหน้า

ตลอดทางพลังกดดันที่อยู่กลางฟ้าดินราวกับกระแสน้ำ ทำให้หลินสวินจำเป็นต้องโคจรพลังปราณตลอดเวลาจึงก้าวไปข้างหน้าได้

“น่าสนใจ หลายปีมานี้ข้าเพิ่งเคยเจอเจ้าหนูระดับกึ่งจักรพรรดิวิ่งมาหาที่ตายเป็นครั้งแรก ผู้อาวุโสของเขาไม่ได้บอกเขารึ ว่าชั้นที่หกไม่ใช่สถานที่ซึ่งมดปลวกตัวจ้อยระดับต่ำกว่าจักรพรรดิจะเข้ามาได้แต่แรก”

ทันใดนั้นเสียงที่ไหววูบพลิ้วล่อง เลือนรางลับล่อดังขึ้นกลางฟ้าดิน แต่เมื่อแยกแยะโดยละเอียดกลับหาที่มาของเสียงไม่เจอ

“ไม่ นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว สมัยดึกดำบรรพ์ก็มีเจ้าหนุ่มระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งบุกเข้ามา พลังต่อสู้ทั้งตัวล้วนน่ากลัวกว่าระดับจักรพรรดิทั่วไป”

“อ้อ งั้นรึ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าหมอนี่เทียบกับคนผู้นั้นแล้วเป็นอย่างไร”

“หึๆ นั่นก็ต้องดูว่าเขาจะรอดชีวิตออกไปได้หรือไม่…”

“ทุกท่าน พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน เหยื่อตัวน้อยนี่เป็นของข้า ข้าชอบร่างกายที่ดูหนุ่มแน่นของเขา แม้แต่โลหิตก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายเย้ายวน”

“เจ้าเฒ่า เจ้าไม่ใช่คนแล้ว!”

…เสียงเซ็งแซ่เหมือนวิญญาณร้ายในแดนผีสิงกำลังพูดคุยกัน ส่งเสียงกระซิบกระซาบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ชวนขนพองสยองเกล้า

เสียงลอยล่องอยู่กลางฟ้าดิน ประหนึ่งผีร้ายนับไม่ถ้วนที่ซ่อนอยู่ในความมืด พร้อมจะพุ่งออกมาตลอดเวลา

สีหน้าหลินสวินไม่สะทกสะท้าน ทำหูทวนลม ร่างสูงตระหง่านก้าวเดินอยู่กลางฟ้าดินเพียงลำพัง กล่องกระบี่ที่สะพายอยู่ด้านหลังแผ่แสงคลุมเครือ

ทันใดนั้นมือใหญ่ขาวซีดข้างหนึ่งทำลายพื้นดินออกมา ตะครุบไปทางหลินสวินทันที ปลายนิ้วที่แหลมคมล้อมรอบด้วยแสงแดงก่ำดั่งโลหิต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้สามารถทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ

แต่หลินสวินกลับเหมือนคาดการณ์ไว้นานแล้ว หรือพูดได้ว่าชั่วพริบตาที่มือใหญ่ขาวซีดข้างนี้ปรากฏ เขาก็ลงมือโดยไม่ลังเล

ฟุ่บ!

ดาบไร้วิชาม้วนปราณดาบเจิดจ้าขึ้นมาแล้วฟันลงไปเต็มแรง ราวกับธารดาราตวัดม้วนไหลพุ่ง แสงมรรคไร้ใดเปรียบส่องสะท้อนฟ้าดิน

ฉัวะ!

มือใหญ่ขาวซีดนั้นถูกตัดขาด พื้นดินล้วนถูกฟันเป็นช่องแคบมหึมาสายหนึ่ง ดินโคลนพลิกตลบ สะท้านสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนลึกของช่องแคบมีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องขึ้น เจือความตระหนกและขุ่นเคือง

เสียงกระซิบกระซาบที่สะท้อนอยู่กลางฟ้าดินอย่างต่อเนื่องนั้น เวลานี้ราวกับถูกทำให้หวั่นหวาดเช่นกัน เงียบหายไปชั่วขณะ

บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา

แต่หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึกตัว เหลือบมองส่วนลึกของช่องแคบนั้นเล็กน้อยแล้วมุ่งหน้าต่อไป เงาร่างสันโดษ โดดเด่นเหนือธรรมดา

ท่าทีนิ่งเฉยเหมือนมองข้ามนี้ของเขา ราวกับยั่วยุและเหยียดหยันโดยไร้สุ้มเสียง ทำให้สัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในที่ลับนั้น แต่ละตนล้วนเปลี่ยนเป็นลุกฮือขึ้นมา

ไอสังหารที่น่ากลัวเริ่มแผ่ขยายไปทั่วฟ้าดินแถบนี้ ประหนึ่งความมืดมิดยามราตรีนิรันดร์มาเยือน

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset