ลายยอดเอกอุแบ่งมืดแบ่งสว่าง ขุ่นใสโคจรร่วมกัน ขาวดำแยกชัด
พร้อมกับชายชุดนักพรตปรากฏตัว ยามลายยอดเอกอุหมุนเคลื่อน เผยท่วงทำนองบริบูรณ์เป็นหนึ่งเดียว คล้ายไม่เสื่อมไม่ดับ
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด
คู่ต่อสู้คนนี้เห็นชัดว่าแข็งแกร่งกว่าพวกก่อนหน้านี้ยิ่งนัก!
แต่หลินสวินไม่ได้ถอยหนี เวลานี้ในสภาวะจิตของเขา ขอเพียงเผยแววล่าถอยแม้เพียงเสี้ยวก็จะเหมือนจุดบอดใหญ่ ถูกคู่ต่อสู้จับจ้อง
เพราะการต่อสู้ผิดธรรมดาเช่นนี้ สิ่งที่วัดกันเดิมก็เป็นความแข็งแกร่งของสภาวะจิตและพลังเจตจำนง!
“ฆ่า!”
หลินสวินเป็นฝ่ายออกโจมตี
ตูม ครืน!
ลายยอดเอกอุเหมือนหินโม่ขาวดำ บดขยี้หลินสวิน ทุบทำลายการโจมตีทั้งหมดของเขา ไม่อาจปัดป้องใดๆ สักนิด
พริบตาเดียวหลินสวินก็รู้สึกเหมือนสภาวะจิตและจิตวิญญาณของตนถูกจองจำ ถูกหินโม่ขาวดำที่วิวัฒน์จากลายมรรคเอกอุนั่นขยี้แหลกลาญ
ความเจ็บปวดรุนแรงไร้สิ้นสุด ทำเอาผิวหนังทั่วตัวหลินสวินเริ่มเกร็งกระตุกขึ้นมา
ความเจ็บปวดเช่นนี้มาจากจิตวิญญาณ มาจากซอกลึกดวงจิต ไม่อาจควบคุมสักนิด หมื่นกระบี่เสียบหัวใจ มดนับหมื่นกัดกินวิญญาณก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้
มีอยู่วูบหนึ่งที่หลินสวินถึงขั้นรู้สึก ว่าทุกความคิดของตนประหนึ่งพบเจอการทรมานและทุบทำลายไม่สิ้นสุด!
ควรรู้ว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทุกการสังหารเอาชนะคู่ต่อสู้ พลังเจตจำนงที่ดูดซับทั้งหมดทำให้สภาวะจิตและเจตจำนงของหลินสวินแข็งแกร่งขึ้นช่วงใหญ่
จนกระทั่งตอนนี้เขาเอาชนะคู่ต่อสู้มาสามคนแล้ว สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาก็ยกระดับเปลี่ยนแปลงสามครั้ง!
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ขณะที่กำลังจัดการกับคู่ต่อสู้คนที่สี่นี้ กลับยังเห็นชัดว่าคลอนแคลนสุดขั้ว
พร้อมกับเวลาที่เคลื่อนคล้อย สภาวะจิตและจิตวิญญาณของหลินสวินล้วนสะเทือนรุนแรง เจตจำนงดั่งขุนเขากลับส่อแววจะพังครืนรางๆ
‘จะยืนหยัดไม่ไหวแล้วหรือ’
ชายชุดเทาที่อยู่ไกลๆ ในใจเริ่มเครียด เขาเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของหลินสวินตลอด เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่ได้
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ หรือก็คือทั้งตัวหลินสวินถูกลายยอดเอกอุฟ้าประทานกำราบไว้ ขัดขืนไม่หยุด ต่อต้านไม่ขาด
เพียงแต่ภายใต้ลายยอดเอกอุที่มั่นคงปานหินแกร่งนั่น การต่อต้านทั้งหมดเห็นชัดว่าไร้เรี่ยวแรงปานนั้น
พร้อมๆ กับเวลาที่ผ่านไป
การต่อต้านของหลินสวินเริ่มผ่อนลง หากไม่ใช่เพราะทุกระยะหนึ่งเขาจะทำการต่อต้านคราหนึ่ง ชายชุดเทายังสงสัยว่าสภาวะจิตและเจตจำนงของเขาถูกขยี้แหลกไปนานแล้วใช่หรือไม่!
‘หากเจ้าหมอนี่ตายไปเช่นนี้ ก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว…’ ในใจชายชุดเทาร้อนรน เขาอยากยื่นมือเข้าช่วยอย่างอดไม่ได้
แต่พอนึกถึงคำสั่งนั้นของนายท่าน ก็ไม่กล้าลงมือโดยพลการ นี่ทำให้เขาปั่นป่วนเป็นที่สุด สีหน้าล้วนวูบไหวไปมา
ขณะที่เขาใคร่ครวญ ในแดนผนึกมรรคจู่ๆ ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น…
ก็เห็นหลินสวินที่ถูกกำราบแน่นใต้ลายยอดเอกอุ ถูกบดขยี้โจมตีไม่หยุดมาตลอด บนร่างพลันปลดปล่อยอานุภาพน่าสะพรึงที่ดุกร้าวดุจดาบสวรรค์ออกมา
ตูม!
จากนั้นลายยอดเอกอุที่กดทับบนตัวเขาก็ถูกหมัดเดียวซัดกระจุย กลายเป็นละอองแสงเต็มฟ้าปลิวกระเซ็น
“ฆ่า!”
เมื่อมองดูหลินสวินอีกครั้ง กลิ่นอายดุจสายฟ้าฟาดกลางอากาศ จู่ๆ ก็มาหยุดตรงหน้าชายชุดนักพรตคนนั้น เงื้อหมัดกระหน่ำโจมตี
มองจากไกลๆ เหมือนดาบสวรรค์เล่มหนึ่งฟันผ่าลงมา!
พริบตาเดียวร่างชายชุดนักพรตก็ถูกระเบิดกระจุย
หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หอบหายใจหนัก สีหน้าซีดขาว แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ที่ล้นหลามไร้ทัดเทียม
นั่นคือจิตต่อสู้ที่ไม่ยอมอ่อนข้ออย่างหนึ่ง!
เวลานี้ร่างกายเขาชาหนึบ สภาวะจิตและเจตจำนงเหมือนเครื่องลายครามที่ร้าวจวนแตกหัก แต่ในใจกลับเกิดการรู้แจ้งใหม่เอี่ยมอย่างหนึ่ง
ที่แท้นัยเร้นลับแท้จริงของการต่อสู้ คือการใช้สภาวะจิตและพลังเจตจำนง ในใจรักษาจิตแห่งการต่อสู้ ส่วนเจตจำนงมีอานุภาพโจมตีไร้ศัตรู!
นิ่งเงียบครู่หนึ่ง หลินสวินนั่งขัดสมาธิ กลืนกินพลังเจตจำนงเต็มฟ้านั่นไปพลาง ฟื้นฟูพลางกายที่ผลาญไปมากของตนไปพลาง
เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าไกลออกไปชายชุดเทาสายตาอึ้งงัน สีหน้ามีแววตกตะลึงอย่างคุมไม่อยู่แผ่ลามเงียบๆ
…
ไม่กี่วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่กี่วันนี้หลินสวินเหมือนดั่งถั่วเหล็กที่นึ่งไม่เละ ต้มไม่สุก ทุบไม่แหลก คั่วไม่กะเทาะ การต่อสู้แต่ละครั้งล้วนแทบจะทุ่มศักยภาพทั้งหมดที่มี สภาวะจิตและเจตจำนงถูกทำลายจวนจะพังทลาย
แต่ตอนสุดท้ายของการต่อสู้ทุกครั้ง เขามักจะพลิกสถานการณ์ เอาชนะคู่ต่อสู้ได้เสมอ
ท่าทางไร้ทัดเทียมที่แน่วแน่ กร้าวแกร่งนั่น ประดุจภูเขาเทพที่ไม่เสื่อมไม่ดับตั้งแต่อดีตกาลจวบจนตอนนี้!
และหลังจากปิดฉากการต่อสู้แต่ละครั้ง สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาก็จะเปลี่ยนแปลงและยกระดับอย่างสุดขั้ว
กำเนิดใหม่ในความพินาศ เปลี่ยนแปลงท่ามกลางความเป็นความตาย!
ครึ่งเดือนต่อมา
หลินสวินเอาชนะคู่ต่อสู้ตนที่สิบ
ร่างกายเหมือนโคลนปวกเปียก สติพร่าเลือนสับสน
…
หนึ่งเดือนต่อมา
หลินสวินเอาชนะคู่ต่อสู้คนที่สิบแปด
จนบัดนี้ ในแดนผนึกมรรคนี่มีพลังเจตจำนงถูกจำกัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
ชายชุดเทามองภาพนี้อึ้งๆ สภาวะจิตกลับเริ่มมึนชาบ้างแล้ว หนึ่งเดือนมานี้เขาแทบจะเป็นประจักษ์พยานเห็นการต่อสู้ทุกครั้งของหลินสวิน
แต่ละครั้งล้วนเหมือนการต่อสู้ชิงเป็นชิงตาย อกสั่นขวัญแขวน!
แต่ละครั้งขณะที่ชายชุดเทาคิดว่าหลินสวินใกล้จะร่วงหล่น ฝีมือของหลินสวินก็ลบล้างการคาดเดาล่วงหน้าของเขา กร้าวแกร่งพลิกสถานการณ์ที่มีแต่แพ้ได้
ตกตะลึง กังขา งุนงง ยากจะเชื่อ… หนึ่งเดือนมานี้ สภาวะจิตของชายชุดเทาแบกรับการเปลี่ยนแปลงและสั่นไหวอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
กระทั่งตอนนี้ชักเริ่มมึนชาขึ้นมาจริงๆ แล้ว…
ชายชุดเทาสูดหายใจลึก หยิบม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมาบันทึกสถานการณ์ที่นี่โดยละเอียดแล้วส่งออกไป
ทุกๆ สิบวันเขาจะทำเช่นนี้หนึ่งครั้ง
เพราะด้านนอกนรกอำพราง ก็มีคนกำลังเกาะติดให้ความสนใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนี้เช่นกัน
“ในแดนผนึกมรรค มีพลังเจตจำนงที่ยอดบุคคลดึกดำบรรพ์ทิ้งไว้กระจายตัวอยู่สามสิบหกสาย เวลาครึ่งเดือน คุณชายหลินเอาชนะพลังเจตจำนงไปแล้วสิบสาย”
นอกนรกอำพราง ชิงอิงกล่าว “ตอนนี้ตั้งแต่เขาเข้าสู่แดนผนึกมรรคก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ก็ไม่รู้ว่า… สถานการณ์ของเขาตอนนี้จะเป็นอย่างไร”
“ไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง!” ต้าหวงพูดไม่คิด
สถานที่เฮงซวยนั่นใช่ที่ที่ใครอยากบุกเข้าไปตามสะดวกที่ไหน
ต้าหวงยังจำได้ ก่อนนี้นานมาแล้วตนก็เคยบุกเข้าไปในนั้น กลับถูกทรมานปางตาย ร้องหาบุพการี เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน
ต่อมาขณะที่มันคิดว่าตัวเองคงจบสิ้นแน่แล้ว ก็ถูกเจ้าหอวิหคทองแดงหิ้วตัวออกมา
และตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าใครเอ่ยถึง ‘นรกอำพราง’ สี่คำนี้ ต้าหวงก็จะเกร็งหางโดยสัญชาตญาณ
และเมื่อใดก็ตามที่เอ่ยถึง ‘แดนผนึกมรรค’ ต้าหวงจะหวนระลึกถึงโศกนาฏกรรมที่ทำใจย้อนคิดถึงไม่ได้นั้นขึ้นมา…
“ข่าวมาแล้ว!”
จู่ๆ ชายผีสุราที่อยู่ข้างกันก็ยื่นมือคว้าม้วนหยกอันหนึ่งไว้ เป็นข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ในแดนผนึกมรรคของหลินสวินที่ชายชุดเทาส่งมา
“รีบดูเร็ว”
ชิงอิงและต้าหวงต่างให้ความสนใจ
เมื่ออ่านเนื้อหาในม้วนหยกจบ ดวงหน้าขาวเนียนที่ถูกบดบังใต้ร่มสีเลือดของชิงอิงก็เผยแววเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ไม่ตายก็เป็นข่าวดีที่สุดแล้ว!
ส่วนผลงานการต่อสู้กลับเป็นเรื่องรองลงมา
แต่ต้าหวงกลับสนใจสุดจะเปรียบ หลังจากเห็นว่าหลินสวินโจมตีสังหารพลังเจตจำนงไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตาสุนัขก็เกือบหลุดออกมา
สำแดงแก่นแท้ของอาการ ‘ปากอ้าตาค้าง’ ได้อย่างชัดแจ้งอีกครั้ง
“หนึ่งเดือนก็เอาชนะคู่ต่อสู้ครึ่งหนึ่งได้ แต่ปีนั้นหลังจากนายท่านเข้าสู่แดนผนึกมรรค กลับกินเวลาเกือบหนึ่งปีกว่าจะออกมาจากตรงนั้นได้”
ชายผีสุราพึมพำ “นี่จะไม่ได้หมายความว่า หากเจ้าหมอนี่ยืนหยัดจนถึงตอนสุดท้ายได้จริงๆ เป็นไปได้ยิ่งว่าอาจทำลายสถิติของนายท่านอย่างนั้นหรือ”
ชิงอิงที่อยู่ข้างๆ จิตใจก็ไหวสั่นเช่นกัน นางเหมือนกับหลินสวิน เติบโตมาโดยการเลี้ยงดูของท่านลู่ แม้ทั้งคู่จะอายุต่างกันโข แต่สำหรับชิงอิง หลินสวินก็เหมือนน้องชายคนหนึ่ง
นี่คือความรู้สึกที่รักทั้งตัวและทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขา เป็นเพราะนางเคารพเลื่อมใสท่านลู่มากเหลือเกิน มองเขาเป็นบิดา ถึงได้มีความรู้สึกที่ต่างออกไปต่อหลินสวิน
ตอนนี้หลินสวินเผยความสามารถอย่างเฉียบคมโดดเด่นเช่นนี้ ทำให้นางเองก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
“รอดูเถอะ นี่เพิ่งดำเนินไปแค่ครึ่ง!”
ต้าหวงอัดอั้นอยู่เนิ่นนานกว่าจะเค้นประโยคนี้ออกมาได้ สุนัขหยิ่งทระนงอย่างมัน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
เพราะปีนั้นตอนที่มันเข้าสู่แดนผนึกมรรค ไม่เพียงผลงานการต่อสู้ห่างชั้นเทียบหลินสวินไม่ติด ยังถูกทุบตีจนเกือบสิ้นชีพสุนัขอีกด้วย…
…
สองเดือนต่อมา
หลินสวินเอาชนะคู่ต่อสู้ตนที่ยี่สิบแปด
และก็เริ่มตั้งแต่วันนี้ เขาที่ผ่านการเคี่ยวกรำมานาน ดูประหนึ่งกระบี่เทพที่ผ่านการหลอมตีมาพันหมื่นครั้งเล่มหนึ่ง ระเบิดศักยภาพอย่างไม่เคยมีมาก่อนออกมา!
ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ยามเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งยี่สิบแปดตน หลินสวินได้กลืนกินและดูดซับพลังเจตจำนงยี่สิบแปดสาย สภาวะจิตและเจตจำนงก็พลอยเกิดการเปลี่ยนแปลงยี่สิบแปดครั้ง!
เขาในตอนนี้สภาวะจิตและเจตจำนงจมอยู่ในสัญชาตญาณต่อสู้อย่างถึงที่สุดนานแล้ว ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านและความคิดใดอีก
นอกจากต่อสู้ก็มีแต่ฟื้นฟูพลังกาย เหมือนหุ่นที่วิญญาณออกจากร่าง ลืมเลือนทุกสิ่งรอบกายไปแล้ว
เขาถึงขั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าอานุภาพที่สำแดงออกจากมือตนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจอย่างไรอยู่!
และก็เพราะการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจเช่นนี้ ทำให้เขาเปลี่ยนสถานการณ์ต่อสู้ก่อนหน้านี้ บดขยี้คู่ต่อสู้ประดุจมีดคม อานุภาพประหนึ่งผ่าลำไผ่
…
สามเดือนต่อมา
หลินสวินเอาชนะคู่ต่อสู้ตนที่สามสิบห้า!
สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาเวลานี้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามสิบห้า
ทั่วทั้งร่างเริ่มเผยอานุภาพ ‘ฟ้าถล่มดินทลาย ใจข้าไม่ดับ ทั่วหล้าวอดวาย จิตข้าคงนิรันดร์’ รางๆ
ชายชุดเทาที่อยู่ไกลๆ ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนก็ไม่อาจนั่งติดอีก ยืนตัวตรงเหมือนรูปปั้นดินเผาไม่มีผิด
คำพูดใดๆ ล้วนไม่อาจบรรยายสภาพจิตใจในเวลานี้ของเขาได้ จากวิตก คลางแคลง ไม่เข้าใจในช่วงต้น ค่อยๆ รู้สึกตกใจ แปลกใจ เหนือคาด…
จนเริ่มชาหนึบเพราะความตกตะลึง เริ่มสติหลุดเพราะยากจะเชื่อ
จนบัดนี้ สภาวะจิตของชายชุดเทาถูกทุกการเคลื่อนไหวของหลินสวินดึงดูดไปหมดนานแล้ว!
เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งจะยืนหยัดในแดนผนึกมรรคได้นานขนาดนี้
ยิ่งไม่เคยคิดมาก่อน ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้จะเหลือแค่ด่านสุดท้าย ก็บุกทะลวงแดนผนึกมรรคไปได้…
เวลานี้สภาพอารมณ์และความคิดทั้งหมดในใจเขา ล้วนกลายเป็นความตึงเครียดและตั้งตาคอยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
คู่ต่อสู้ตนสุดท้ายนี้ เป็นพลังเจตจำนงน่าสะพรึงที่เหมือนกระถางใหญ่ ขณะเดียวกันก็เป็นพลังเจตจำนงแข็งแกร่งที่สุดในแดนผนึกมรรคแห่งนี้!
หลินสวินเขา…
จะข้ามด่านนี้ได้หรือไม่