สมัยดึกดำบรรพ์มียอดบุคคล วันหนึ่งฝันว่าแปลงกายเป็นผีเสื้อโบยบินปราดเปรียวผ่านดอกไม้ใบหญ้า พอตื่นขึ้นก็สับสน
เป็นความจริง หรือมายา
เป็นผีเสื้อแปลงกายเป็นข้า หรือข้าแปลงกายเป็นผีเสื้อ
พูดเช่นนี้ ก็ให้สับสนระหว่างความเป็นจริงและภาพลวง
หลายปีก่อนหลินสวินเคยเข้าไปในห้องโถงมรรคาสวรรค์ ในด่าน ‘มองตน’ ด่านที่เก้าของทางเดินเมฆาหยก ใช้อีกตัวตนหนึ่งผ่านวัฏจักรไปครั้งหนึ่ง
วัฏจักรยาวนานถึงยี่สิบกว่าปี
และหลินสวินซึ่งผ่านการหยั่งรู้มายี่สิบกว่าปี รู้ทันจริงเท็จ มองทะลุมายา ได้เห็นตัวตน
ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเท็จกลายเป็นจริง จริงย่อมเท็จ เมื่อไร้กลายเป็นมี มีย่อมไม่มี
บำเพ็ญจริงแท้ คำว่า ‘จริงแท้’ ก็คือการรู้แจ้ง ‘ได้เห็นตน’ อย่างหนึ่ง
ตอนนั้นซีเคยพูดว่า ‘เคราะห์นี้มีนามว่า ‘เคาะใจถามความจริง’ ชี้ตรงไปยังสภาวะจิตมหามรรค ถูกเคี่ยวกรำจากความจริงเท็จมหามรรค สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากไม่สามารถทลายด่านเคราะห์นี้ได้ มหามรรคทั้งชีวิตจะเปลี่ยนเป็นมายาสลายหายไป!”
ซีเคยถามว่า ‘สุดท้ายเจ้าหยั่งถึงสิ่งใด’
หลินสวินเคยตอบไปว่า ‘ข้าคือความจริง’
เฉกเช่นตอนนี้ หลังจากติดอยู่ในโลกเจตจำนงแห่งนี้ หลินสวินก็รู้ทันภาพลวง มองทะลุความจริงเท็จ ในที่สุดก็รักษาสภาวะจิตและความจริงแห่งเจตจำนง สลายเคราะห์ครั้งหนึ่งไปได้!
“แต่สภาวะจิตของเจ้ายังคงถูกกำราบและได้รับผลกระทบเช่นเดิม เมื่อไรที่เจ้าออกจากโลกเจตจำนงของข้านี้ได้ ถึงอาจจะเอาชนะข้าได้”
ครู่ใหญ่เสียงเจตจำนงกระถางใหญ่ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้สักนิด แต่ในถ้อยวจีเท่ากับยอมรับคู่ต่อสู้อย่างหลินสวินแล้ว
“ข้าทำได้”
หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ
จิตวิญญาณเขาเปลี่ยนผัน ตัวเขาราวกับแปลงเป็นเตาหลอมเตาหนึ่ง มีอานุภาพบรรจุหมื่นมรรคทั่วหล้า กำราบอดีตปัจจุบันและอนาคตอยู่รางๆ
นี่เป็นสิ่งที่แปลงมาจากสภาวะจิตและเจตจำนงของเขา!
ครืนโครม…
ครู่ต่อมาเขาหลอมทั้งมรรควิถีและวิชาในตัวเข้าไปในเตา ส่วนเตาหลอมก็หมุนวนครั่นครืน สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนออกมา
ทั้งเจินหลงทะยานฟ้า น้ำไฟหลอมรวม ยอดเอกอุไหลเวียน ไร้มรณะแปรจุติ… มีวาโยอสนีซัดสาด ดวงดาราดับสลาย สรรพสิ่งหมุนวน เรื่องราวในโลกผันแปร…
เตาใหญ่ใบเดียว แปรมหามรรค สำแดงหมื่นวิชา!
ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพภูผาธารา สุริยันจันทราดารา สี่ฤดูผันเปลี่ยน สรรพชีวิตผันแปรในโลกเจตจำนงอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขตนี้….
“สรรสร้างจากความว่างเปล่า! เจ้า… มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ไฉนถึงมองทะลุระดับนี้ได้” เสียงเจตจำนงกระถางใหญ่ดังขึ้น เกิดคลื่นอารมณ์อย่างหาได้ยาก คล้ายรู้สึกตื่นตะลึง ทำใจเชื่อได้ยาก
มีเพียงมันที่รู้ดีที่สุดว่า ‘สรรสร้างจากความว่างเปล่า’ เป็นขอบเขตต้องห้ามปานไหน เกี่ยวโยงถึงระดับมหามรรคชั้นยอด
แต่ตอนนี้พลังสภาวะจิตของหลินสวินกลับมองทะลุแก่นอัศจรรย์ของขอบเขตนี้แล้ว อนุมานแก่นอัศจรรย์แห่งการสรรสร้างจากความว่างเปล่าในโลกเจตจำนงของมัน เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
อันที่จริงไม่เพียงแต่เจตจำนงกระถางใหญ่เท่านั้นที่ตกตะลึง
ในตอนนั้นหลังหลินสวินหยั่งรู้แก่นอัศจรรย์ของสรรสร้างจากความว่างเปล่าได้จากด่าน ‘ทลายมรรค’ ด่านที่แปดของทางเดินเมฆาหยก ก็ทำให้ซีตื่นตะลึงหาใดเทียบ
เช่นเดียวกัน ตอนที่อยู่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ป่าต้นหม่อนในสมรภูมิกระหายเลือด ชายหนุ่มจักจั่นทองก็เคยตกตะลึงกับแก่นอัศจรรย์ของสรรสร้างจากความว่างเปล่าที่หลินสวินหยั่งรู้ได้
และในตอนนี้ หลินสวินใช้พลังสภาวะจิตและเจตจำนงควบรวมเตาหลอมมหามรรค และวิวัฒน์ภาพสุริยันจันทราภูผาธารา สี่ฤดูหมุนเวียนในโลกเจตจำนงแห่งนี้ สำแดงความอัศจรรย์แห่งสรรสร้างจากความว่างเปล่าออกมารางๆ แล้ว
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนแปลงขึ้นจากสภาวะจิตและพลังเจตจำนง แต่ทำได้ถึงขั้นนี้ก็เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง สะท้านนิรันดร์กาลแล้ว!
หลินสวินไม่ได้สนใจเสียงตกตะลึงของเจตจำนงกระถางใหญ่นั้น สภาวะจิตกับเจตจำนงของเขาจดจ่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สำแดงมรรควิถีทั้งตัวในเตาหลอม
จิตโบยบินไร้จำกัด ใจท่องสูงเหนือท้องนภา!
ครืน!
แสงมรรคคำรน แสงเทพพวยพุ่ง
เตาหลอมหมุนเวียนถึงขีดสุด เสียงครั่นครืนแปรเปลี่ยนเป็นต่ำลึกและหนักอึ้งช้าๆ…
จนกระทั่งต่อมาถึงกับไม่ได้ยินเสียงอีกสักนิด สงัดเงียบเชียบ
ทว่าพลังนั้นกลับยิ่งน่ากลัว การโคจรแต่ละครั้งต่างฉีกทึ้งพลังของโลกเจตจำนงในขอบเขตให้กระจุยได้หมด ทำให้รอบตัวหลินสวินราวกับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
ความรู้สึกเช่นนั้นอย่างกับว่าในพื้นที่ว่างเปล่านี้ เขาก็คือเทพผู้สร้างซึ่งสูงส่งหาใดเทียบ กำลังสรรสร้างและสำแดงความเปลี่ยนแปลงเร้นลับทั้งหมด ด้วยเตาหลอมที่แปลงมาจากสภาวะจิตและพลังเจตจำนง
เตาหลอมสรรสร้าง หมื่นลักษณ์อุบัติ!
เตาหลอมที่โคจรเงียบๆ ยิ่งไร้รูปร่างและใสกระจ่างอย่างช้าๆ พอถึงจุดสูงสุด ตัวเตาหลอมโคจรแต่ละครั้ง ก็เหมือนมีความเร้นลับวิวัฒน์และกำเนิดขึ้น เปล่งประกายลึกลับถึงที่สุด
เมื่อพลังเตาหลอมอันเงียบเชียบ หนักอึ้ง และพร่างพราวไปถึงจุดสูงสุด มันก็ยิ่งโคจรช้าลง การหมุนเวียนแต่ละครั้งเหมือนมดกำลังลากภูเขามหึมาลูกหนึ่ง
กระทั่งท้ายที่สุด เตาหลอมที่แปลงมาจากทั้งร่างกายและจิตใจของหลินสวินก็หยุดลงกะทันหัน
และก็เป็นในชั่วพริบตานี้เอง
พลังกดดันอันน่ากลัวไร้สิ้นสุดก็ผุดขึ้นมาจากทุกทิศของโลกเจตจำนง ดังสะเทือนเลื่อนลั่น
นี่เป็นการจู่โจมจากเจตจำนงกระถางใหญ่ ทุกสิ่งที่หลินสวินสำแดงออกมาในขณะนี้ทำให้มันรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงแล้ว เลือกออกตัวโจมตีเป็นครั้งแรก!
จากนั้นในตอนที่พลังกดดันมืดฟ้ามัวดินนี้เพิ่งมาถึง เตาหลอมที่หลินสวินแปลงขึ้นซึ่งเดิมทีหยุดนิ่งอยู่นั้นก็สั่นระรัวทันที
ตูม!
เสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ประหนึ่งเสียงอสนีสายแรกยามแรกกำเนิดจักรวาล
จากนั้นทั้งโลกเจตจำนงก็ระเบิดกึกก้อง
“เจ้า…” เจตจำนงกระถางใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง สามขาสองหู อบอวลด้วยไอสำริดแรกกำเนิด เพียงแต่มันในตอนนี้ดูตื่นตะลึงหาใดเทียบ
มันไม่อาจคาดคิดว่าจะมีคนที่ทำลายโลกเจตจำนงของมันได้จริงๆ มิหนำซ้ำยังเป็นแค่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง!
“ข้าบอกแล้ว หลังจากเอาชนะเจ้ายังต้องไปชั้นเก้า” เสียงหลินสวินดังขึ้น
แล้วก็เห็นว่าเตาหลอมเตาหนึ่งปรากฏขึ้น บรรจุท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งมรรคหมื่นสาย จากนั้นก็แปลงเป็นหุบเหวแห่งหนึ่ง เข้ากลืนกินเจตจำนงกระถางใหญ่
มันใหญ่โตไร้สิ้นสุด ลึกล้ำไม่อาจหยั่ง!
“ไม่…!”
ในที่สุดเจตจำนงกระถางใหญ่ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ส่งเสียงกราดเกรี้ยว มันที่เดิมประหนึ่งนายเหนือหัวสูงสุด ไม่มีความน่าเกรงขามกำราบทั่วหล้าเช่นนั้นอีกแล้ว
พริบตาเดียวหุบเหวกลืนกินเจตจำนงกระถางใหญ่รวมถึงอาณาเขตใกล้เคียงเข้าไปจนหมดสิ้น ดุจราตรีนิรันดร์เข้าปกคลุม
ตูม!
ในแดนผนึกมรรคเกิดการสะเทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในโลกที่ประหนึ่งสีโลหิต หุบเหวหนึ่งโคจร ก่อให้เกิดพลานุภาพน่าครั่นคร้าม กลืนกินเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
“เอ๊ะ!”
ขณะนี้ชายชุดเทาแข็งทื่อไปทั้งตัว มองเห็นอย่างตะลึงพรึงเพริด ว่ากลิ่นอายน่าหวาดหวั่นไม่อาจบรรยายได้กำลังม้วนตลบอยู่ในแดนผนึกมรรค แผ่ขยายไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ทุกที่ที่ผ่านท้องนภาพังถล่ม ผืนดินทรุดตัว ฟ้าดินต่างเหมือนถูกขย้ำ ปั่นป่วน และทำลายล้าง!
ทั้งแดนผนึกมรรคเหมือนถูกมือยักษ์มือหนึ่งบดขยี้อย่างแรง พินาศย่อยยับ
ชายชุดเทาสะดุดกึกในใจ
แต่ไม่ทันให้เขาได้สติกลับมา แดนผนึกมรรคที่ดำรงอยู่ในนรกอำพรางชั้นแปดมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดถึงกับระเบิดกระจุยสนั่นหวั่นไหว พังทลายไปสิ้นในขณะนี้!
ครืน…
กระแสพลังปั่นป่วนไร้ใดเปรียบม้วนตลบแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินในชั้นแปดต่างสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที
ปึง!
ต่อให้โคจรพลังปราณแล้ว ชายชุดเทาก็ยังคงถูกพลังทำลายล้างอันน่ากลัวนั้นซัดจนตัวเซถอยหลังไปสิบกว่าก้าวกว่าจะทรงตัวได้มั่น แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตะลึงพรึงเพริดถึงที่สุดไปแล้ว
แดนผนึกมรรค… ถึงกับถูกทำลายแล้วหรือ
และทั้งหมดนี้ หรือจะเป็นสิ่งที่เจ้าหนุ่มหลินสวินนั่นทำทั้งหมด
ความรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจชายชุดเทา ถาโถมปั่นป่วน
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเจตจำนงกระถางใหญ่นั้นเป็นดั่งนายเหนือหัวในแดนผนึกมรรค หลายปีนี้ไม่มีใครพิชิตมันได้
รวมถึงเจ้าหอวิหคทองแดง ยังได้แค่การยอมรับจากอีกฝ่าย ถึงผ่านแดนผนึกมรรคนั้นไปได้
แต่ตอนนี้…
อย่าว่าแต่เจตจำนงกระถางใหญ่นั้น ขนาดแดนผนึกมรรคยังถูกทำลายแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ชายชุดเทาก็เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ตอนแรกสุดเขากังขาและกังวลถึงความสามารถของหลินสวิน เตือนให้เขาจากไป
ต่อมาศักยภาพที่หลินสวินสำแดงออกมาก็พิชิตใจเขาได้อย่างช้าๆ ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง ประหลาดใจ ยากจะเชื่อ
และถึงตอนนี้ชายชุดเทามีเพียงความรู้สึกเดียว งุนงง!
เหมือนความรู้ความเข้าใจทั้งมวลถูกพลิกคว่ำ สิ่งที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมดถูกทำลาย ได้รับความกระทบกระเทือนทั้งกายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
นี่ทำให้ร่างเขาสั่นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ อย่างกับตำนานที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่งถือกำเนิดขึ้นตรงหน้า!
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ กลิ่นอายพังพินาศในแดนผนึกมรรคนั้นถึงหายลับไป และพื้นที่ภายในรัศมีหมื่นลี้ก็กลายเป็นโกรกธารไปหมด มีแต่ความพินาศย่อยยับ
มองดูโดยละเอียด เหนือโกรกธารที่น่าตกตะลึงเป็นสายๆ เหล่านั้น ต่างยังมีกลิ่นอายทำลายล้างเป็นริ้วๆ โคจรอยู่ พาให้คนหวาดผวา
และตรงกลางแดนผนึกมรรค หลินสวินยืนอยู่เพียงผู้เดียว ไม่ขยับตัวแม้สักนิด อย่างกับรูปปั้นหิน แม้ไม่พูดสักคำ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อาจสั่นคลอนได้ ดั่งคีรีเทพที่ไม่ไหวเคลื่อน
“หลินสวิน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายชุดเทาเอ่ยปาก
ไม่มีเสียงตอบรับ
ชายชุดเทานิ่วหน้า แบ่งจิตรับรู้สายหนึ่งออกไปตรวจดู แต่ยังไม่ทันสัมผัสตัวหลินสวินก็ถูกพลังเจตจำนงอันไร้รูปขวางไว้
ถึงขนาดถ้าช้าไปแม้แต่นิดเดียว จิตรับรู้ของเขาสายนี้ก็จะถูกทำลายแหลกทันที!
ภาพนี้ทำเอาชายชุดเทาใจเต้น ถึงขั้นไม่กล้าบุ่มบ่ามอยู่บ้าง…
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับตาแก่ที่อยู่มาเนิ่นนานขนาดนี้อย่างเขา ถ้าแพร่ออกไปต้องขายหน้าตายแน่
แต่ตอนนี้เขากลับเคร่งเครียดจริงจังถึงที่สุดแล้ว เพราะเขาพบว่าเจ้าหนุ่มหลินสวินคนนี้น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว อย่างกับสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาวัดได้
ฝ่านรกอำพรางชั้นแปดด้วยพลังปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ เอาชนะพลังเจตจำนงที่ยอดบุคคลดึกดำบรรพ์เหลือไว้สามสิบหกสาย ทำลายล้างทั้งแดนผนึกมรรค!
ผลงานเช่นนี้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน มีมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนไหนทำได้กัน
นอกจากหลินสวินคนเดียว!
“นายท่านเขา… หาคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งได้จริงๆ…” ชายชุดเทารำพึงประโยคที่เคยพูดซ้ำก่อนหน้านี้อย่างอดไม่ได้
เพียงแต่ขณะนี้ไม่ได้มีแต่ความชื่นชมอย่างเดียว ยังตื่นตะลึง ทั้งเหมือนได้รู้จักและยอมรับใหม่อีกครั้ง
และเป็นเช่นนี้ หลินสวินยืนอยู่ที่เดิมมาสามวัน หล่อหลอมและดูดซับพลังเจตจำนงพิสุทธิ์ที่กระถางใหญ่นั้นเหลือไว้ไม่หยุดหย่อน
สามวันผ่านไป
หลินสวินราวกับมีชีวิตขึ้นมาจากสภาพรูปปั้น เงาร่างสูงโปร่งผึ่งผายอบอวลด้วยอานุภาพมหาศาลหาใดเทียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
ประหนึ่งนัยเร้นลับมหามรรครัดพัน สำแดงอานุภาพไพศาลดุจเหวดั่งสมุทร!