Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1182 ทะลายกระบวน ขึ้นเขา

เทพมารหลิน!
สามคำนี้เหมือนมีพลังวิเศษ ทำให้ทุกคนในที่นั้นจิตใจสั่นสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน
ชั่วขณะเดียวบรรยากาศกลับแปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด
หลินสวินกวาดสายตามองทุกคนแล้วพูดว่า “พวกเจ้าไม่ได้ตามหาข้ามาตลอดหรือ ตอนนี้ข้ามาแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ต้อนรับข้าล่ะ”
พวกอู่ลิ่วเทามุมปากกระตุกขึ้นมา ต้อนรับหรือ ไม่ฆ่าเจ้าทิ้งทันทีก็ถือว่าเมตตาแล้ว!
เวลานี้พวกเขาก็จำตัวตนของหลินสวินได้ในที่สุด สีหน้าผิดแผกไปจากความตื่นตระหนกในตอนแรก
ใครก็คิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินที่ตามหาอย่างลำบากยากเย็นมาเกือบหนึ่งเดือน ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นเองด้วยท่าทีเช่นนี้
นี่…
ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ
“ฮ่าๆๆ…” หลายคนดีใจอย่างอดไม่ได้ หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
เทพมารหลินตรงหน้าบาดเจ็บไปทั้งตัวจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม อนาถเหมือนขอทาน ยังกล้าแจ้นมาท้าทาย สิ่งนี้ดูอย่างไรก็น่าตลกขบขัน
“ข้ายอมรับว่าความกล้าของเจ้ามันมากจนไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ บาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังกล้าแจ้นมาท้าทาย ไม่ยอมรับคงไม่ได้”
มีคนหัวเราะหยัน
เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันอย่างอู่ลิ่วเทาต่างนิ่วหน้า พลางประเมินหลินสวิน พวกเขารู้สึกชอบกลอยู่บ้าง แต่กลับบอกไม่ถูกว่าชอบกลตรงไหน
เพราะกลิ่นอายของหลินสวินถูกเก็บงำไว้อย่างสมบูรณ์ กอปรกับท่าทางน่าอนาถ จึงสัมผัสว่ามีจุดใดที่ผิดปกติไม่ได้เลย
หลินสวินยิ้มน้อยๆ นิ้วชี้ไปที่เขาวิญญาณแล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้ไปที่นี่จะเป็นของข้าแล้ว หากพวกเจ้าไม่อยากตายก็เชื่อฟังข้าแต่โดยดี ภายหน้าจะขุดแร่ ปลูกสมุนไพร รินชา เทน้ำหรืออะไรก็ตาม ล้วนจำเป็นต้องมีคนทำ”
ทุกคนอึ้งไป ในใจเดือดดาลนัก เจ้าหมอนี่บาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังกล้าคุยโวอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ละเมอเพ้อพกว่าจะยึดครองอาณาเขตของพวกเขาหรือ
“เทพมารหลิน เจ้าคงไม่ได้คิดว่าที่นี่ยังเป็นแดนเผาเซียนอยู่กระมัง” รุ่ยม่านหรงเอ่ยปาก สงสัยว่าหลินสวินเสียสติไปแล้วหรือไม่
หลินสวินยิ้มพูดว่า “ต่างกันด้วยหรือ”
ยามสนทนา เขาเปิดการสัมผัสรับรู้อยู่ตลอด จึงพบว่าทั้งบนล่างของภูเขาลูกนี้มีผนึกแปดชั้นปูไว้ ไม่ธรรมดานัก
แต่ก็แค่เท่านี้ ยังห่างไกลจากคำว่าภัยคุกคามอยู่โข
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ชายผู้หนึ่งเก็บกลั้นไว้ไม่ได้แล้ว สีหน้าถมึงทึง ตะโกนขึ้นมาแล้วอ้าปากพ่นแสงสีเขียวผ่าไปยังหลินสวิน
ชิ้ง!
ถึงกระนั้นหลินสวินที่มีบาดแผลเต็มตัว ร่างกายไหม้ดำกลับทำเพียงดีดนิ้วเบาๆ ครั้งหนึ่งก็ซัดการโจมตีนี้ให้กระเจิดกระเจิงไปได้
นี่เป็นดาบวิญญาณสีเขียวเล่มหนึ่ง หลอมขึ้นจากกระดูกสัตว์ที่หายากยิ่ง แหลมคมหาใดเทียบ แต่ตอนนี้กลับถูกโจมตีจนหักเสียงดังกร๊อบเสียแล้ว
ทุกคนต่างตระหนก หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
“ข้าพูดคำไหนคำนั้น ขอเพียงพวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้งก็ได้” หลินสวินเอ่ยปาก กวาดสายตามองทุกคน
นี่ทำให้ทุกคนขุ่นเคืองในใจ เทพมารหลินผู้นี้จะบ้าระห่ำเกินไปแล้วจริงๆ!
“พวกเจ้าถอยไป ให้ข้าจัดการเอง!”
อู่ลิ่วเทาแววตาราวสายฟ้า พลานุภาพมรรคราชันแผ่กระจายออกมาทั่วร่าง แสงมรรคสายแล้วสายเล่าโอบล้อมรอบกาย โชติช่วงหาใดเทียบ
“เทพมารหลิน ตอนอยู่ในแดนเผาเซียนเจ้าหลบอยู่ในเมือง พวกข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้… เจ้าคุกเข่าให้ข้าเสียเถอะ!”
อู่ลิ่วเทาเชื่อมั่นนัก ยื่นมือตะครุบไปทางศีรษะหลินสวิน
ด้วยการโจมตีเดียว นิ้วมือบดบังฟ้า ระเบิดแสงแยงตา เผยให้เห็นความสง่างามของผู้แข็งแกร่งระดับราชันอย่างหมดจด
ทุกคนล้วนรู้สึกฮึกเหิม สายตาที่มองไปยังหลินสวินเหมือนมองดูคนตายคนหนึ่งอยู่
ปึง!
เพียงแต่หลินสวินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติงสักนิด พลังของการตะครุบนี้กลับแหลกสลายลงกลางทาง แปรสภาพเป็นละอองแสงหลากสีสันกระจัดกระจาย
“เจ้า…”
นัยน์ตาอู่ลิ่วเทาหดรัดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงจุดที่เป็นปัญหา
แต่ในตอนนี้หลินสวินก็ลงมือแล้ว กดฝ่ามือออกไปเช่นกัน “คุกเข่าก่อนค่อยพูดกับข้า!”
ประหนึ่งวาจาประกาศิต ภายใต้ฝ่ามือนี้อู่ลิ่วเทาทุ่มพลังทั้งหมดเข้าต่อต้าน แต่เพียงชั่วขณะที่ถูกกระแทกเท่านั้น ตัวเขาก็รับไม่ไหว กระอักเลือดทั้งปากและจมูก
จากนั้นก็คุกเข่าอยู่ตรงนั้นดังตุ้บ พื้นดินถูกกระแทกเป็นหลุมใหญ่ ฝุ่นควันตลบอบอวล
ทุกคนงงงวย ตื่นตระหนกจนเกือบสะดุ้ง
อู่ลิ่วเทาเป็นถึงราชันที่แท้จริงผู้หนึ่ง ควบรวมเมล็ดพันธุ์มรรคออกมาได้แล้ว แม้ไม่ได้บรรลุระดับมกุฎราชัน แต่ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ในตัวเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้ง่ายอยู่ดี สามารถปลิดชีพบุคคลที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันผู้ใดก็ได้
แต่ตอนนี้…
กลับถูกฝ่ามือหนึ่งตบให้คุกเข่าลงไปแล้ว!
หลินสวินเลิกคิ้ว พูดกับตัวเองว่า “ดูท่าระดับราชันทั่วไปจะใช้ไม่ได้จริงๆ เสียแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าให้ความสำคัญ…”
ก่อนหน้านี้แม้หลินสวินจะเคยเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับราชันหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยอาศัยเพียงพลังที่แท้จริงของตัวเองห้ำหั่นกับพวกเขามาก่อน
ตอนนี้หลังจากบรรลุระดับมกุฎราชัน แม้จะรู้ว่าพลังต่อสู้เกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดิน แต่แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่เขาก็ยังไม่เข้าใจแน่ชัด
ดังนั้นตัวเขาก่อนหน้านี้จึงออกจะระมัดระวัง ไม่เลินเล่อยามลงมือ
แต่ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า บุคคลอย่างอู่ลิ่วเทาไม่มีความจำเป็นซึ่งควรค่าแก่การให้ความสำคัญเลย!
แม้เป็นราชันเหมือนกัน แต่เขากับตนก็ต่างกันราวฟ้ากับดินไปนานแล้ว!
ยามได้ยินคำพูดนี้ อู่ลิ่วเทาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คำรามออกมาว่า “เร็วเข้า ร่วมกันลงมือ มันบรรลุเป็นราชันไปแล้ว!”
คนอื่นสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่ก่อนแล้ว จะชักช้าได้อย่างไร
“บรรลุแล้วอย่างไร ใครยังไม่ได้กลายเป็นราชันเล่า” ชายหนุ่มสูงล่ำผู้หนึ่งตะโกนดัง ในมือกระชับขวานใหญ่สีดำขลับเล่มหนึ่งผ่าลงมา
อานุภาพของเขาราวราชันเถื่อน ด้วยการโจมตีเดียวพายุสายฟ้าสั่นสะท้าน ห้วงอากาศปั่นป่วน
ในขณะเดียวกันราชันคนอื่นๆ อีกไม่กี่คนก็ร่วมกันเคลื่อนไหวแล้ว พุ่งเข้ามาประกบโจมตีหลินสวิน
หลินสวินบรรลุเป็นราชัน ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตกใจ แต่กลับไม่หวั่นกลัว เพราะพวกเขาก็เป็นราชัน!
อีกทั้งทั่วร่างหลินสวินมีบาดแผลเต็มไปหมด ทั้งยังไหม้ดำ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ยามพวกเขาออกโจมตี ในใจจึงไม่รู้สึกหนักหนาอะไรเลย
อย่างพวกเขา จะยังรับมือเทพมารหลินที่บาดเจ็บสาหัสคนเดียวไม่ได้หรือ
“น่าเสียดาย พวกเจ้าไม่รู้จักพลังเลยสักนิด”
หลินสวินก็ลงมือแล้ว เงาร่างไหววูบ หายไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
ระดับราชัน ยืนผยองเหนือระดับพลังปราณใหญ่ทั้งห้า เหนือกว่าในอดีต เป็นพลังที่สามารถทำให้ผู้มีปราณระดับกระบวนแปรจุติล้วนสั่นระริก
ต่อให้เป็นหลินสวิน ยามถูกราชันสี่คนอย่างพวกอูหยวนเจิ้น เมี่ยวเฉินล้อมโจมตีในตอนนั้นก็แทบจะสิ้นชีพ ไม่มีพลังต่อต้านเลย
แต่ว่าในตอนนี้…
ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว!
ชั่วพริบตาชายหนุ่มสูงล่ำที่โบกขวานยักษ์ลงมาก็ถูกหลินสวินใช้หมัดเดียวกระแทกขวานยักษ์ให้กระเด็น กระดูกกล้ามเนื้อทั้งร่างระเบิดแหลก ถอยลอยออกไปแล้วกระแทกกับหินผาเข้าอย่างจัง
บุคคลระดับราชันคนอื่นล้วนตกใจร้องเสียงดัง ใช้พลังทั้งหมดไปต่อต้าน
น่าเสียดาย แม้พวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่หลินสวินเร็วกว่าพวกเขา เงาร่างสองร่างลอยกระเด็นพร้อมกับเสียงปึงๆ ดังอู้อี้สองครั้ง
คนหนึ่งทรวงอกยุบลงไป คุกเข่ากับพื้นลุกไม่ขึ้น
อีกคนหนึ่งถูกบิดคอหัก พลังจิตยังไม่ทันหนีก็ตายคาที่
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”
สมองของราชันคนอื่นต่างสับสนงงงวย ที่ควรรู้ก็คือพวกเขาเป็นถึงราชัน แต่ตอนนี้กลับดูอ่อนแอจนไม่มีพลังแม้แต่จะมัดไก่!
อย่าว่าแต่พวกเขา แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้บรรลุราชันซึ่งอยู่ไกลออกไปเหล่านั้น ต่างตื่นตระหนกจนสั่นเทาไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางเหมือนทำใจเชื่อได้ยาก
เมื่อกี้พวกเขายังหัวเราะเย้ยหยัน มองว่าหลินสวินมารนหาที่ตายเอง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
ผลกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทำให้พวกเขาสับสนงงงวย ตื่นตกใจจนขวัญแทบกระเจิงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขะ… เขาบรรลุระดับมกุฎราชันแล้ว!”
ตอนนี้ในที่สุดอู่ลิ่วเทาก็กล้าชี้ชัดว่าเทพมารหลินที่ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บอย่างน่าสังเวชผู้นั้น ไม่เพียงกลายเป็นราชัน หนำซ้ำยังเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชันคนหนึ่งด้วย!
หาไม่แล้ว ย่อมไม่มีทางมีพลังต่อสู้น่าหวาดหวั่นเช่นนี้
และมีเพียงเป็นเช่นนี้เท่านั้นถึงสามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดพลังต่อสู้ที่เขาสำแดงออกมาในตอนนี้ถึงแข็งแกร่งปานนี้
ระดับมกุฎราชันหรือ
คนอื่นๆ แข็งทื่อไปทั้งตัว ขวัญหนีดีฝ่อ
ในแดนเผาเซียน ตอนเทพมารหลินยังมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ ก็ครอบครองพลังต่อสู้ที่สามารถล้างบางขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ได้แล้ว และตอนนี้ตัวเขาที่บรรลุระดับมกุฎราชัน จะน่ากลัวปานไหนกัน
ปึงๆๆ!
ตอนที่ทุกคนตกตะลึง หลินสวินก็ฆ่าราชันไปแล้วสามคนรวด โจมตีเรื่อยเปื่อยด้วยการยกมือวาดเท้าครั้งหนึ่ง ก็เหมือนอสนีบาตทรงพลัง มีอานุภาพทำลายล้างสรรพสิ่ง
ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!
“เร็วเข้า รีบไปขอความช่วยเหลือเร็ว!”
อู่ลิ่วเทาคำราม ดวงตาแดงก่ำหมดแล้ว
ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดหลินสวินถึงกล้าปรากฏตัวด้วยท่าทีเช่นนี้แล้ว เจ้าหมอนี่มาล้างแค้นชัดๆ!
พวกรุ่ยม่านหรงรีบหนีหัวซุกหัวซุน เคลื่อนที่ไปบนเขาวิญญาณ
ปึง!
เบื้องหลังพวกเขา อู่ลิ่วเทาถูกสังหาร ลูกตาโป่งนูนออกมา ก่อนตายยังมีท่าทางคับข้องไม่ยินยอม
ระดับราชันแล้วอย่างไร
สำหรับหลินสวินแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าหมูฆ่าหมา!
ฝนเลือดกระเซ็นกระสาย กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้งหน้าประตูภูเขา
หลินสวินเอามือไพล่หลัง มองดูบนเขาวิญญาณ ข้างกายเขามีแต่ศพกองเต็มพื้นระเนระนาด น่าอนาถจนทนดูไม่ได้
บนเขาเสียงหวีดร้องดังไปทั่ว โกลาหลจนไก่บินหมาวิ่งหนี
“เร็วเข้า รีบไปเชิญศิษย์พี่เวินเอ้าไห่ เทพมารหลินนั่นโจมตีมาแล้ว!” รุ่ยม่านหรงผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สีหน้าตระหนกระคนหวาดหวั่น เจือไปด้วยเสียงร้องไห้
“เทพมารหลินหรือ”
ผู้แข็งแกร่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรทุกคนที่อยู่บนเขาล้วนอึ้งไป ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขาเสาะหาร่องรอยของเทพมารหลินอย่างยากเย็นมาตลอด ตอนนี้อีกฝ่ายแจ้นมาหาที่ตายเองเสียแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ
“ศิษย์น้องรุ่ย ทำไมเจ้าตกใจจนเป็นแบบนี้เล่า”
“แค่เทพมารหลินคนเดียวเท่านั้น ในแดนเผาเซียนก็ทำได้เพียงหดหัวรักษาชีวิตอยู่ในเมือง ตอนนี้ในเมื่อเขามาแดนเก้าบนแล้ว ฆ่าเขาไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกหรือ”
ราชันผู้หนึ่งใบหน้าเจือไปด้วยความดูแคลน
“เขาๆๆ…” รุ่ยม่านหรงฟันสั่นระริก ร้อนรนจนเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งศีรษะ ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออกแล้ว
“เขาทำไมเล่า” มีคนนิ่วหน้า
ตอนนี้พวกเขาก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
โครม!
ก็ในตอนนี้เอง ตัวภูเขาสั่นสะเทือน กระบวนค่ายกลต้องห้ามที่ปกคลุมเหนือภูเขาส่งเสียงดังหวือหวือ สั่นโคลงจนจะล้ม คล้ายจะรับไม่ไหวแล้ว
“แย่แล้ว!”
บนภูเขาทุกคนตื่นตะลึง นี่เป็นถึงกระบวนค่ายกลต้องห้ามมรรคราชัน ต่อให้ราชันระดับสังสารวัฏมาเยือนก็สั่นคลอนได้ยาก หากพลาดเข้าไปภายใน ถึงกับเป็นไปได้ที่จะถูกสังหารคาที่
โครม!
ทว่าทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง กระบวนค่ายกลต้องห้ามมรรคราชันที่ปกคลุมทั้งเบื้องบนเบื้องล่างตัวภูเขานี้ก็ระเบิดแหลก ท่ามกลางเสียงครึกโครมที่ดังอื้ออึง
ค่ายกลค่ายแล้วค่ายเล่าแตกร้าวกระจัดกระจาย แปรสภาพกลายเป็นละอองแสงรอยสลักวิญญาณเต็มฟ้า งดงามตระการตานัก
ในขณะเดียวกันเงาร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากละอองแสง รูปร่างสูงโปร่ง ก้าวเดินสุขุมเยือกเย็น ประหนึ่งเดินเล่นชมนกชมไม้
เฮือก!
ตอนนี้บนเขามีเสียงสูดหายใจหนาวสะท้านดังขึ้นไม่ว่างเว้น ผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรทุกคนต่างจิตใจสั่นระรัว สีหน้าแปรผันไม่แน่นอน
หวั่นกลัวเข้าแล้วจริงๆ!
กระบวนค่ายกลต้องห้ามมรรคราชันกระบวนหนึ่งกลับถูกทำลายอย่างง่ายดายเหมือนไร้ตัวตน นี่ก็ดูน่ากลัวมากอยู่แล้ว
“เขา กลายเป็นมกุฎราชันไปแล้ว…”
แล้วก็ในตอนนี้เอง ในที่สุดรุ่ยม่านหรงก็พูดคำนี้ออกมา เหมือนใช้พลังทั้งหมดในร่างกายจนสิ้น
หลังจากพูดจบตัวนางก็อ่อนยวบอยู่ตรงนั้น ท่าทางเหมือนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ทั้งที่นั้นเงียบสงัด
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset