Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1315 คลื่นลมรวมตัว รอแค่คนเดียว

ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์
ในแดนลับฝึกปราณที่สร้างจากภาพยุทธ์หลอมกายหมื่นลักษณ์ที่สามสิบหก
ตูม!
เสียงราวฟ้าผ่าดังกระหึ่ม ทั้งประหนึ่งเสียงคำรามของทวยเทพเหนือสวรรค์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลังสะเทือนใจคน
ทุกเสียงล้วนดังมาจากร่างหลินสวิน!
ตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิ เลือดลมทั่วร่างพลุ่งพล่านส่งเสียงกัมปนาทดุจเตาหลอม บนผิวนั้นราวถูกหล่อจากทองเทพหยกเซียน เจิดจรัสงามแปลกตา ลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นปรากฏ
ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัว ราวกับมีมายาเทพมากมายนั่งบัญชาอยู่ภายใน ส่งเสียงธรรมแผ่กว้างก้องฟ้าดิน
แม้ยามหลินสวินหายใจก็ดุจลมอสนีบาตปั่นป่วน เนิบช้า พร่ามัว เรียบง่ายทรงพลัง
ตั้งแต่เริ่มใช้ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ฝึกตนถึงตอนนี้ หลินสวินทยอยได้รับการเคี่ยวกรำและบททดสอบด่านแล้วด่านเล่า
การหยั่งรู้และประโยชน์ที่ได้รับบนวิถีหลอมกายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่หยั่งถึงเหล่านี้บ้างมาจากการเปลี่ยนแปลงของพลังกาย บ้างก็มาจากประสบการณ์และใจความที่จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพเหลือไว้
บัดนี้ต่างมารวมกันที่ร่างหลินสวิน ทำให้วันนี้เขาทะลวงปราณหลอมกายถึงระดับราชันในคราเดียว!
ทั้งยังก้าวเข้าสู่มกุฎ!
กายหยาบบรรลุราชัน หลอมกายถึงขอบเขตมกุฎ เวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ครองระดับความรู้อันลึกซึ้งเช่นนี้บนวิถีหลอมกาย ช่างเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า
หากแพร่ออกไปต้องนำมาซึ่งความปั่นป่วนในใต้หล้าแน่นอน
แต่สำหรับหลินสวินกลับดูเป็นขั้นเป็นตอน
เพราะตั้งแต่เริ่มหลอมกายถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยเจอสิ่งกีดขวางและอุปสรรคอะไรเลย ตลอดทางมีจิตใจห้าวหาญที่เหลือบแลใต้หล้า รุดหน้าอย่างรวดเร็ว!
ทุกอย่างนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปูพื้นฐานที่มั่นคงยามเขาฝึกปราณก่อนหน้านี้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคี่ยวกรำและทดสอบในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ด้วย
ถึงอย่างไรศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่จักรพรรดิสงครามรุ่นหนึ่งเหลือไว้ เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคพลิกฟ้า ขุมสมบัติของการหลอมกาย น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
แต่ที่สำคัญกว่าคือชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดในร่างหลินสวิน ระหว่างที่เขาเลื่อนขั้นบรรลุราชันได้สร้างประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดแทนที่ได้!
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ยามฝึกในแดนลับที่สร้างจากศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแทบจะแผ่คลื่นประหลาดออกมาตลอดเวลา ราวกับตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
นี่ทำให้ปัญหาทุกอย่างที่หลินสวินเจอยามหลอมกายคลี่คลายอย่างง่ายดาย ไม่ถูกขวางและหยุดชะงักแม้แต่น้อย การเลื่อนขั้นก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะตอนนี้ ปราณหลอมกายของเขาเพิ่งเลื่อนระดับกลายเป็นราชัน พลังกายทั้งมวลเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความรู้สึกนั้นเหมือนคืนชีพเกิดใหม่ ราวกับหนอนที่กลายเป็นผีเสื้อ!
แต่สิ่งที่ตามมาคือขณะที่พลังกายแปรสภาพ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึง
แสงเจิดจ้าหาใดเปรียบมากมายเริ่มแผ่ออกมาจากชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวยังมีเสียงธรรมเร้นลับยากหยั่งถึงสั่นสะเทือนและดังขึ้น
เมื่อดูอย่างละเอียด ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่ขาวกระจ่างราวกับหยกเส้นนั้นเหมือนดวงตะวันโชติช่วงดวงหนึ่ง เปล่งแสงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายถึงที่สุด
ภายใต้แรงกระตุ้นที่น่าตกตะลึงนี้ หลินสวินรู้สึกแค่ตรงหัวใจราวกับมีเตาหลอมไร้เทียมทานหนึ่งลุกโหมพลุ่งพล่าน พลังประหลาดที่น่ากลัวหาใดเปรียบทำเอาผิวหนัง กล้ามเนื้อกระดูก เยื่อผิว จุดชีพจร อวัยวะตันห้ากลวงหกของเขา…
เหมือนถูกพลังอันน่ากลัวอัดแน่นราวเขาถล่มสมุทรคำรามในชั่วขณะเดียว แทบจะระเบิดออก!
ตามมาด้วยความเจ็บปวดสาหัสยากจะเอ่ย ทำให้ผิวของหลินสวินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใบหน้าที่เดิมหล่อเหลาสุภาพเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมบิดเบี้ยว
เจ็บ!
เจ็บเกินไปแล้ว!
หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่าขณะหลอมกายบรรลุราชัน การเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงที่ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดสร้างขึ้นจะบ้าระห่ำและน่ากลัวเช่นนี้
ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่ทันตั้งตัว รับมือไม่ทัน!
“อ๊าก…!”
ในที่สุดหลินสวินก็ทนไม่ไหว แหงนมองฟ้าคำรามออกมา
ตูม!
มองจากไกลๆ ก็เห็นทั้งตัวเขาถูกแสงเจิดจ้าลุกโหมปกคลุม แสงพวกนั้นคืบคลานไม่หยุด แผ่กระจายอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นภาพคล้ายหุบเหวหนึ่ง
ร่างดั่งหุบเหว ลุกโชนไม่สิ้นสุด!
พริบตานั้นแดบลับแห่งนี้สั่นสะเทือนรุนแรง ฟ้าดินยังถูกกลืนเข้าไปในเหวส่องประกายลุกโชนนั่น!
เคราะห์ดีที่สถานที่นี้เป็นแดนลับซึ่งศิลาโบราณหมื่นลักษณ์สร้างขึ้น หากเกิดขึ้นยังโลกภายนอก แค่การเคลื่อนไหวนี้คงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากทั่วทิศ
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดจึงหายไปราวกระแสน้ำ
ยามทุกอย่างฟื้นคืนความสงบก็เห็นหลินสวินนอนอยู่กับพื้น หน้าซีดเผือด หว่างคิ้วเผยความอ่อนเพลียที่ยากปกปิด
ทั้งตัวเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ ถูกหยาดเหงื่อไหลซึมจนชุ่ม
ทว่านัยน์ตาดำล้ำลึกดุจหุบเหวนั้นของหลินสวิน เวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นวาววาบหาใดเปรียบ เจือความยินดีที่มาจากใจ
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์!
และหลินสวินก็ได้กุมอภินิหารพรสวรรค์แรกที่เป็นของตัวเองแล้ว!
ฮู่ว…
ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึก หยัดร่างขึ้น ก้าวออกจากแดนลับฝึกปราณที่ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์สร้างขึ้น
เขาปิดด่านมาหลายวัน ยามนี้ได้หลอมกายจนบรรลุถึงขอบเขตมกุฎระดับราชัน ได้กายศึกมายาพิสุทธิ์และครองวิชาต่อสู้หลอมกายที่คู่กันอย่าง ‘ประทับปราบมายาพิสุทธิ์’ แล้ว!
“พี่ใหญ่!”
“ในที่สุดพี่หลินก็ออกด่านแล้ว!”
เมื่อเห็นเงาร่างของหลินสวินก้าวออกมาจากสถานที่ปิดด่าน ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าคางคก หรือเหล่าสหายอย่างจี้ซิงเหยาต่างดวงตาเป็นประกายราวยกภูเขาออกจากอก
ตอนนี้เหลือเวลาแค่สามวันจะถึงวันนัดประลองกับอวิ๋นชิ่งไป๋

เวลาสามวันผ่านไปชั่วพริบตา
ไม่ทันไรเวลาของศึกตัดสินก็มาถึง
แดนยอดศูนย์กลาง สังเวียนพิฆาตมาร
นี่คือยอดเขาลูกหนึ่ง ส่วนยอดถูกถางเรียบราวพื้นที่ราบ คราบเลือดเกรอะกรังอาบทั่วผืนดิน ณ ที่นั้น การกัดกร่อนของกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็ลบล้างไม่ได้
นี่ก็คือสังเวียนพิฆาตมาร
ลือกันว่าเมื่อนานมาแล้วเคยมีอริยะแห่งยุคคนหนึ่งถือกระบี่ฆ่าฟันศัตรูที่นี่ เจ็ดวันเจ็ดคืนสังหารศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนกว่าพันคน เลือดหลั่งย้อมภูเขา ไม่ดับสลายชั่วนิรันดร์
ก่อนหน้านี้ใกล้ๆ สังเวียนพิฆาตมารทั้งเงียบเหงาและอ้างว้างยิ่งนัก แต่ตอนนี้ในรัศมีพันลี้กลับมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนมารวมกัน!
แบ่งเป็นผู้กล้า ยักษ์ใหญ่ นายเหนือหัว เทพธิดา ธิดาเทพในแดนเก้าบน… ล้วนรีบเร่งมารวมตัวกันที่นี่ล่วงหน้านานแล้ว
“ธิดาเทพลัทธิไร้สวรรค์เยวี่ยไฉ่เวย คิดไม่ถึงว่านางจะมาด้วย”
“เดี๋ยวก่อน นั่นคือผู้ร้ายกาจแห่งยุคที่จัดอยู่ในอันดับห้าของกระดานทองคำผู้กล้าหยวนฝ่าเทียนไม่ใช่รึ”
“เจ้ามันกระต่ายตื่นตูม หลายวันมานี้ระดับนายเหนือหัวมากมายบนกระดานทองคำผู้กล้าล้วนมารวมตัวที่นี่เกือบหมดแล้ว!”
ในที่นั้นเสียงฮือฮาดังขึ้นโดยรอบ
ใกล้สังเวียนพิฆาตมารนี้ราวกับแหล่งรวมผู้กล้าและผู้แข็งแกร่งมากมาย ผู้นำแต่ละฝ่ายมาอยู่รวมกันคล้ายหมู่ดาวส่องประกาย ต่างมีคมปลายที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมาย ณ ที่นั้นตื่นเต้นหาใดเปรียบ
เหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์!
อย่างน้อยที่สุดในอดีตที่ผ่านมา แดนเก้าบนก็ยังไม่เคยมีการต่อสู้ที่ดึงดูดความสนใจทั่วทิศ ชักนำมาซึ่งอานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้สักครั้ง
และนี่ก็คืออิทธิพลของอวิ๋นชิ่งไป๋และหลินสวินในแดนเก้าบนปัจจุบัน!
ฝ่ายแรกเคยผงาดในใต้หล้า มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเดียวกัน พลังต่อสู้เป็นเลิศ โดดเด่นเป็นสง่า.ไอรีนโนเวล.
ฝ่ายหลังตั้งแต่เข้าสู่มรรคาถึงปัจจุบันราวกับเทพมารไร้พ่าย เด่นผงาดด้วยการย่ำซากศพกองพะเนิน มีมาดประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร ชื่อเสียงสะเทือนทั่วทิศ
และในวันนี้การต่อสู้แห่งยุคก็จะเปิดฉากขึ้นระหว่างทั้งคู่ ใครเล่าจะไม่สนใจ
สามารถพูดอย่างไม่เกินจริงได้ว่า การต่อสู้นี้ไม่ว่าใครแพ้ชนะก็ต้องปั่นป่วนใต้หล้า สั่นสะเทือนดินแดนรกร้างโบราณ ได้จารึกเป็นประวัติศาสตร์ไปชั่วกาล!
“เทพมารหลินล่ะ ยังไม่มารึ”
คนมากมายต่างจับตามองอย่างตื่นเต้น
“รออีกหน่อย เขาต้องปรากฏตัวแน่ ไม่อย่างนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋คงไม่ยอมออมมือให้เหล่าสหายของหลินสวินเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เกี้ยวสมบัติหนึ่งกดอัดผืนฟ้า ส่องประกายดั่งรุ้งเทพมาเยือน
จากนั้นเซ่าเฮ่าในชุดคลุมหยก ร่างผึ่งผายราวเทพไท้เหนือพิภพก็มาถึงหน้าสังเวียนพิฆาตมาร ภายใต้การรายล้อมของผู้แข็งแกร่งมากมาย
“องค์ชายเซ่าเฮ่า!”
บรรยากาศในที่นั้นพลันเงียบสงัด ทุกสายตาล้วนถูกดึงดูดไป
หากกล่าวว่ากระดานทองคำผู้กล้าเมื่อหลายปีก่อน ตำแหน่งอันดับหนึ่งถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ยึดครองอย่างสมเกียรติ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอน!
แต่หลายปีมานี้ ตำแหน่งอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้ากลับถูกองค์ชายเซ่าเฮ่ายึดครองมาตลอด!
ผู้คนต่างพูดว่าองค์ชายเซ่าเฮ่าน่าจะเป็นนายเหนือหัวที่อยู่ในระดับเดียวกับอวิ๋นชิ่งไป๋ หากทั้งสองปะทะกัน ผลกระทบจะต้องไม่น้อยกว่าการต่อสู้ของหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋แน่
“คารวะพี่อวิ๋น”
ทันทีที่มาถึงเซ่าเฮ่าก็เหลือบสายตาไปยังร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนสังเวียนพิฆาตมารนั่น นัยน์ตาฉายแววอัศจรรย์
คนผู้นี้ก็คืออวิ๋นชิ่งไป๋
เขามาถึงที่นี่เมื่อสิบวันก่อน นั่งขัดสมาธิกับพื้นกอดกระบี่ หลุบตาลงราวภิกษุชราเข้าฌาน
สิบวันที่ผ่านมา ไม่ว่าบริเวณใกล้เคียงจะสถานการณ์ปรวนแปร ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย ก็ไม่เคยทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋มีการตอบสนองเพียงเสี้ยว
แต่ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋กลับเชยตาขึ้นเล็กน้อย มองเซ่าเฮ่าวูบหนึ่งพลางกล่าว “องค์ชายเซ่าเฮ่า ได้ยินชื่อเสียงมานาน”
เซ่าเฮ่ายิ้มน้อยๆ กล่าว “ความอาฆาตพึงละไม่พึงผูก เรียนถามพี่อวิ๋น หากข้าร้องขอจะสลายศึกนี้ได้หรือไม่”
อวิ๋นชิ่งไป๋ถอนสายตากลับไม่มองเซ่าเฮ่าอีก กล่าวเฉยชา “เช่นนั้นก็ต้องถามกระบี่ของข้าแล้ว”
เซ่าเฮ่าพยักหน้าน้อยๆ แล้วถอยไป
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นบนเวิ้งฟ้ามีแสงประกายสีแดงเพลิงสายหนึ่งโน้มลงมา จากนั้นก็กลายเป็นร่างสูงโปร่งหนึ่ง ทั้งตัวถูกวงแหวนเทพอัคคีห้อมล้อม
นางก้าวมาถึงหน้าสังเวียนพิฆาตมาร มองเซ่าเฮ่าที่อยู่ไม่ไกลเล็กน้อยแล้วหันมองอวิ๋นชิ่งไป๋วูบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร ลอยล่องไปยืนอยู่อีกฝั่ง
แต่ตอนนี้ ณ ที่นั้นกลับลุกฮือไปทั้งแถบ ทุกสายตาที่มองไปยังเงาร่างนี้ล้วนเจือความตกตะลึง เลื่อมใส ให้เกียรติและเร่าร้อน
เทพธิดารั่วอู่!
ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าวิหคชาด ตั้งแต่ปรากฏตัวบนโลกเมื่อหลายปีก่อนก็ครองตำแหน่งสามอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้ามาตลอด ถูกมองเป็นผู้กล้าหญิงแห่งยุคคนหนึ่งที่มีโอกาสสั่นคลอนอันดับหนึ่งของเซ่าเฮ่ามากที่สุด!
ในเวลาต่อมาหวังเสวียนอวี๋แห่งสำนักเอกอุ หมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิด… รวมถึงบุคคลระดับนายเหนือหัวแห่งยุคที่ชื่อเสียงสั่นสะเทือนแดนเก้าบนนานแล้วบางส่วนก็ทยอยมาถึง
บรรยากาศในที่นั้นพลันไม่สงบและสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเดิม
“เทพมารหลินล่ะ จะมาหรือไม่มากันแน่”
จนกระทั่งพลบค่ำ คนมากมายต่างรอจนหมดความอดทน
แต่บุคคลแห่งยุคอย่างเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่กลับยืนอยู่เงียบๆ ไม่เห็นถึงความร้อนรนและหงุดหงิดแม้เพียงนิด
แสงยามเย็นดุจเพลิงผลาญ แดงสดดั่งโลหิต อาบทั่วผืนฟ้ากว้าง
ไอสังหารเย็นเยียบเต็มแน่นกลางฟ้าดิน
ทันใดนั้นบนเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไป เงาร่างหนึ่งก้าวมาเยือน แขนเสื้อพลิ้วไหว ร่างสูงโปร่ง ยามก้าวเดินดูลอยชายเหมือนเดินเล่นในสวนบ้าน
เขาสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาดำราบเรียบ กลิ่นอายยากหยั่งถึงเหมือนเหวลึกไร้สิ้นสุด แสงยามเย็นดุจอัคคีส่องสะท้อนจนเงาร่างเขาราวก้าวออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ สาดส่องผืนฟ้ากว้าง
………………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset