ผู้คนต่างรู้ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ฝึกปราณมาถึงวันนี้ ไม่เคยแขวนกระบี่ของตนไว้ที่เอว หากแต่พาดกระบี่ไว้ที่หลัง
นี่คือหลักในการฝึกกระบี่ของเขา
กระบี่ก็คือมรรคาแห่งตน ไหนเลยจะอยู่ต่ำกว่าศีรษะตัวเองได้
การกระทำเล็กๆ อย่างการพาดกระบี่กลายเป็นกระแสในนครหยกขาวทันใด ถูกผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนเลียนแบบ
การกระทำนี้อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ด้วยการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้เป็นที่นิยมในปัจจุบัน!
แต่ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋ได้เปิดกล่องกระบี่ที่พาดหลัง กระบี่เทียมฟ้าปรากฏขึ้นแล้ว
กระบี่นี้เดิมเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหลือไว้ ยาวสองฉื่อสามชุ่นกว้างสามนิ้ว ทึบแสงหม่นมัวตลอดเล่ม เก่าแก่ไม่ธรรมดา ดูหนักแน่นแม้ไร้คมประกาย
กระบี่นี้เดิมคือสมบัติอริยะ แต่ตั้งแต่อวิ๋นชิ่งไป๋ได้มาก็ถูกผนึกพลัง ถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ฟูมฟักติดตัวทุกวันคืน
กระบี่นี้หากไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งจะไม่นำออกมาโดยง่าย ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงเห็นภาพที่อวิ๋นชิ่งไป๋ใช้กระบี่นี้สังหารศัตรูน้อยมาก
แต่ตอนนี้กระบี่ได้ออกจากผนึกแล้ว
ชิ้ง!
เสียงใสของกระบี่ราวอสนีปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทันทีที่กระบี่เทียมฟ้าปรากฏ กลางฟ้าดินก็สั่นสะเทือนรุนแรงทันใด เผยรุ้งเจตกระบี่หลายสายไขว้พาดแผ่กระจายกลางอากาศ
อานุภาพยิ่งใหญ่ของเงากระบี่ที่ทบเป็นชั้นๆ คมประกายที่พร่างพราว ปราณกระบี่ที่โหมกระหน่ำ มรรคกระบี่ที่หมุนวน… ครอบคลุมทั่วฟ้าดินแถบนั้น
ราวกับแดนกระบี่!
ด้านอวิ๋นชิ่งไป๋ที่ควบคุมทุกอย่างนี้ เวลานี้เป็นดั่งเทพกระบี่ไร้เทียมทานในตำนาน กลายเป็นคมกระบี่สายหนึ่งที่เจิดจ้าที่สุดกลางฟ้าดิน
ต่อให้อยู่ห่างไกลก็ยังทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายดวงตาแสบแปลบ ผิวเหมือนถูกกระบี่เฉือน จิตวิญญาณถูกทำให้หวั่นหวาด เกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่ง!
แม้แต่ระดับนายเหนือหัวแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างโคจรอย่างไร้สุ้มเสียงเหมือนเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง
“นี่จึงจะเป็นตัวจริงของอวิ๋นชิ่งไป๋ คือผู้ยิ่งใหญ่บนมรรคกระบี่ที่ไร้คู่ต่อกร!”
ราชันคนอื่นหน้าตาตื่นเช่นกัน
อวิ๋นชิ่งไป๋เปิดกล่องกระบี่ ชักกระบี่เทียมฟ้าออกจากฝัก ก็หมายความว่าเขาจะเอาจริง เผยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ต่อให้พวกเขาลงมือเต็มกำลังก็ยังไม่แน่ว่าจะต้านอวิ๋นชิ่งไป๋ได้
เหล่าอัจฉริยะและผู้กล้าที่ฝึกกระบี่เหมือนกันในที่นั้นยิ่งกำหมัดอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่นอย่างหนึ่ง
“แดนกระบี่พลิกฟ้า!”
อวิ๋นชิ่งไป๋ออกโจมตีทันใด กระบี่เทียมฟ้าหมุนวนกลางอากาศดังสนั่น ก็เห็นปราณกระบี่ทบเป็นชั้นๆ แปลงเป็นม่านบังนภา ภายในนั้นหยินหยางเวียนวน ปราณกระบี่ซัดโหมราวก่อเกิดสืบเนื่องไม่สิ้นสุด
“เยี่ยม!”
เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินเหวี่ยงตัวออกหมัดพุ่งสังหาร
พลังหมัดโหมกระหน่ำ ดุดัน หนักแน่นเหมือนการเปลี่ยนแปลงแห่งมรรค ปะทะเข้ากับเงากระบี่ทั่วฟ้าจนฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน
จากมุมมองคนนอก
บนเวิ้งฟ้านั่นหลินสวินพุ่งเข้าไปในม่านแดนกระบี่มือเปล่า บุกตะลุยซัดเงา ขยี้ปราณ ทำลายคมกระบี่ทั่วทิศ…
แข็งแกร่งจนน่ากลัว!
แต่ไม่ว่าเขาจะบุกตะลุยอย่างไรก็ไม่อาจทลายม่านแดนกระบี่ทั้งหมดออกจากกันได้!
“ฟัน!”
แขนเสื้ออวิ๋นชิ่งไป๋โบกสะบัด ผมยาวแผ่สยาย ออกคำสั่งสำแดงวิชา ในแดนกระบี่พลิกฟ้าพลันปรากฏกระบี่บินส่องประกายแวววาวนับหมื่นพันฟาดผ่าลง
ปึงๆๆ!
กระบี่บินแต่ละเล่มต่างมีอานุภาพฆ่าฟันเทพผี ต่อให้ถูกหลินสวินทลายออกจากกันทีละเล่มก็ยังกดอัดร่างเขาจนสั่นสะเทือนไม่หยุด
ด้านนอกทุกคนต่างตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้เทพมารหลินพลิกสถานการณ์ต่อสู้ ซัดหมัดทำลายฟ้าดิน กวาดความเพลี่ยงพล้ำออกไปจนหมด ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋กระอักเลือด ได้รับบาดเจ็บและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่หลังจากกระบี่เทียมฟ้าปรากฏ อวิ๋นชิ่งไป๋เผยยอดวิชาก้นหีบออกมา ความเป็นต่อบางส่วนที่เทพมารหลินพลิกกลับมาได้อย่างยากลำบากก็อันตรธานหายไป!
พูดได้อย่างไม่เกินจริงว่า เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีลวกๆ ของอวิ๋นชิ่งไป๋หรือหลินสวิน ก็พอที่จะสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่นอกลานแล้ว
ล้วนแข็งแกร่งจนวิปริตผิดธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย อวิ๋นชิ่งไป๋กำลังสำแดงพลังที่เหนือกว่าในการประลองใหม่อีกครั้ง!
“ฟัน!”
อวิ๋นชิ่งไป๋ดีดนิ้ว สีหน้าราบเรียบ กลางอากาศกระบี่เทียมฟ้าส่องประกาย ไหลวนด้วยแสงกระบี่บดบังฟ้าคลุมตะวัน ทำให้อานุภาพของแดนกระบี่พลิกฟ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานคืออย่างนี้นี่เอง!
คนไม่น้อยต่างทอดถอนใจ
แต่พร้อมกันนี้เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้นทันใด
“ทลาย”.ไอรีนโนเวล.
คำเดียวกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบง่ายๆ
จากนั้นแดนกระบี่พลิกฟ้าก็ถูกคมประกายเจิดจ้าสายหนึ่งบุกทะลวงจากภายใน แตกระเบิดดังสนั่นกลางอากาศ
เงาร่างหลินสวินพุ่งออกมาท่ามกลางละอองแสงโปรยปราย ดาบหักเล่มหนึ่งหมุนวนรอบตัวเขา ส่งเสียงบางเบาดุจเสียงจากธรรมชาติก้องฟ้าดินเป็นระลอก
ในจุดที่ห่างออกไป อวิ๋นชิ่งไป๋นัยน์ตาหดรัดทันที
“ฟัน!”
“ฟัน!”
ทั้งสองคำต่างดังมาจากปากของอวิ๋นชิ่งไป๋และหลินสวิน
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะหนกของทุกคน กระบี่เทียมฟ้าและดาบหักต่างพุ่งโฉบเผยคมประกายที่ไม่อาจทัดเทียม ประจัญบานกลางอากาศ
ฝ่ายแรกเผยแดนกระบี่ออกมา แสงกระบี่ส่องประกายวาววาบ ไอสังหารสะเทือนฟ้าดินเคลื่อนนภสินธุ์
ฝ่ายหลังสำแดงนัยเร้นลับแห่งหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ประกายคมราวแสงไหวเคลื่อน ทุกหนแห่งที่พาดผ่านสรรพสิ่งล้วนดับสิ้นดั่งเงาอากาศ
มองจากไกลๆ ยังทำให้ผู้คนสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่อาจอธิบายได้
ด้วยอานุภาพที่เกิดจากการปะทะนั่นอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา!
“กระบี่เทียมฟ้าถูกสกัดแล้ว…”
ผู้คนนับไม่ถ้วนในที่นั้นไหวหวั่น
ตอนนี้พวกเขาถึงได้ตระหนักว่า อวิ๋นชิ่งไป๋อาจมีไพ่ตายที่เพียงพอให้ลำพอง แต่เทพมารหลินจะไม่มีได้อย่างไร
บางทีเขาอาจฝึกปราณช้ากว่าอวิ๋นชิ่งไป๋สิบกว่าปี รากฐานแต่กำเนิดอาจด้อยกว่าอยู่บ้าง
แต่ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอบนโลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เวลาในการฝึกปราณมาตัดสิน!
เหมือนอย่างหลินสวินที่ฝึกปราณมาถึงวันนี้ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขากลับพอที่จะทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันนับไม่ถ้วนในดินแดนรกร้างโบราณต้องละอายจนก้มหัว!
การประลองกับอวิ๋นชิ่งไป๋ตอนนี้ก็เหมือนกัน
ตูม!
ในขณะเดียวกันหลินสวินออกโจมตีอีกครั้ง
“อวิ๋นชิ่งไป๋ กระบี่เทียมฟ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ
อวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งมากแค่ไหน
เขาไม่รู้
แต่หลินสวินรู้ว่าตั้งแต่ครึ่งปีก่อนที่จำศีลอยู่บนเขาฝนดาวตก เขาไม่หวาดกลัวเหล่าศัตรูรุ่นเดียวกันแล้ว รอแค่โอกาสสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋เท่านั้น!
ตอนนี้บุญคุณความแค้นทุกอย่างต้องจบลงที่นี่
บางทีอวิ๋นชิ่งไป๋อาจมีไพ่ตายอีกมาก แต่นั่น… ก็ไม่สำคัญเลย
“กระบี่เทียมฟ้าเป็นของนอกกาย แค่ถูกข้าใช้เท่านั้น มรรคกระบี่ของข้าไม่เคยต้องพึ่งพลังอื่นเข้ามาช่วย การสังหารเจ้ามันก็ไม่เท่าไร”
เผชิญหน้าการบุกสังหารของหลินสวิน อวิ๋นชิ่งไป๋ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม
ทว่าบนตัวเขากลับมีกลิ่นอายน่ากลัวหาใดเปรียบสายหนึ่งอบอวลออกมา
สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเส้นผมปลายจอนของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหงอกขาว ผิวพรรณที่เดิมกระจ่างแวววาวเริ่มเสียความเปล่งปลั่งไป
แต่สายตาของเขากลับเฉียบคมยิ่งกว่าเดิม กลิ่นอายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ห้วงอากาศทั่วทิศทรุดตัว ราวกับแบกรับอานุภาพของเขาไว้ไม่อยู่!
“นี่…”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนก คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี
องค์ชายเซ่าเฮ่าและเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคพากันตกตะลึง สามารถคาดเดาได้เลยว่าอวิ๋นชิ่งไป๋กำลังใช้ไพ่ตายที่แท้จริงแล้ว
เวลานี้หลินสวินเองก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ เผยสีหน้าคร่ำเคร่งวูบหนึ่ง
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างหนึ่งจากตัวอวิ๋นชิ่งไป๋
ตูม!
หลินสวินเหยียดกายโดยไม่ลังเล ทั้งตัวส่งเสียงกัมปนาทเหมือนกลองเทพอสนี รูขุมขนทั่วร่างเปล่งแสงมรรคเจิดจ้า ส่องประกายแวววาวราวหินหยกหลากสี
เวลานี้เขาใช้วิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ ที่ราชันผีเสวียนคงถ่ายทอดมาเค้นพลังต่อสู้ของตนถึงขีดสุด!
วู้ม!
เบื้องหน้า อวิ๋นชิ่งไป๋ยืนอยู่กลางอากาศ พลังแห่งฟ้าดินรวมตัวพุ่งตรงไปทางเขาดังสนั่นราวถูกกระชากดึง
เคลื่อนย้ายอานุภาพแห่งศุภโชคฟ้าดินโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าคำราม ห้วงอากาศแตกระเบิด
ขณะเดียวกันนัยน์ตาของอวิ๋นชิ่งไป๋ฉายแววเด็ดเดี่ยว รวบนิ้วดุจกระบี่ วาดผ่านตัดกลางอากาศ
ปราณกระบี่สายหนึ่งที่รวมอยู่ในร่างเขามานาน ตอนนี้ได้ทะลวงขึ้นเหนือเมฆ
พลังที่ควบรวมจากฟ้าดินใกล้ๆ เหมือนเจอคู่อุปถัมภ์ ทั้งหมดล้วนหลอมรวมเข้าไปในกระบี่ ทำให้ปราณกระบี่นี้กลายเป็นแสงเจิดจ้าที่สุดในใต้หล้า
เวิ้งฟ้า ณ ที่นั้นถูกสะเทือนทลายลง มืดสลัวหม่นแสง
มีเพียงปราณกระบี่ที่เหมือนคงอยู่ชั่วนิรันดร์
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างลืมหายใจ ตกตะลึงอ้าปากค้าง เซียนกระบี่บรรพกาลในตำนานก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง
“เปิดทาง!”
หลินสวินซัดหมัดออกไป
พลังยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดพุ่งออกจากร่างเขาชั่วพริบตา แสงมรรคไร้ขอบเขตสาดส่องทั่วฟ้า เวลานี้พลังของเขาปล่อยออกมาเต็มกำลัง กลายเป็นกำปั้นหนึ่ง
ตูม!
พริบตานั้นฟ้าดินราวพลิกตลบ สะท้อนลักษณ์วันสิ้นโลก
พริบตานั้นเหล่าผู้กล้าที่อยู่นอกลานหน้าพลันเปลี่ยนสี ตาแข็งทื่อ
พริบตานั้นปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ปะทะเข้ากับพลังหมัดของหลินสวิน ราวกับการพบเจอที่น่าตกตะลึงที่สุดในช่วงกาลเวลาหมื่นสมัย ไม่อาจบรรยายอานุภาพของมันได้
เหมือนความงามแห่งฟ้าดินที่ไม่อาจอธิบาย
ตูม!
จากนั้นทุกคนต่างหูดับ เบื้องหน้าพร่าเลือน จิตรับรู้ถูกขัดขวาง มองไม่เห็นการประลองที่ปะทะกันกลางอากาศนั้นอีก
แม้แต่องค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็ยังแผ่พลังของตนออกมา ไม่อาจไม่สลายคลื่นพลังอันน่ากลัวที่เกิดจากการปะทะนั่น
การประลองแห่งยุค ฟ้าดินสั่นสะเทือน ลักษณ์ประหลาดปรากฏ สรรพสิ่งพังทลายคืออย่างนี้นี่เอง!
“พลังเช่นนี้สิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นมกุฎอย่างแท้จริง!”
นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนใจสั่นระรัว เปรียบเทียบกันแล้วไม่ว่าจะเป็นพลังที่อวิ๋นชิ่งไป๋หรือหลินสวินใช้ ก็ล้วนอยู่เหนือนัยที่แท้จริงของขอบเขตมกุฎระดับราชันทั้งสิ้น ช่างสะเทือนใต้หล้าเกินไป
“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเหล่าบุคคลที่เจิดจรัสทรงอำนาจมีมากเพียงใด แต่ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ด้วยคมประกายของพวกเขาทั้งคู่ ก็สามารถเกริกก้องสะท้านอดีตจวบจนปัจจุบันเหนือผู้คนระดับเดียวกันแล้ว!”
“น่าเสียดาย ในการต่อสู้แห่งยุคคราวนี้ต้องมีคนถึงแก่ชีวิต…”
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนก หวาดผวา ทอดถอนใจ ในที่สุดทัศนวิสัยก็ค่อยๆ เด่นชัด สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ก็เห็นบนเวิ้งฟ้าร่างของหลินสวินถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ผมยาวแผ่สยาย ใบหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าขาดวิ่น รอยเลือดเส้นหนึ่งปรากฏตรงมุมปากเขา
ด้านอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ผมยาวหงอกขาว ร่างซีดเซียว ผิวพรรณเปล่งปลั่งสลัวราง แต่กลิ่นอายของเขายังคงแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนใจสั่นเหมือนเดิม
“กระบี่นี้ถูกขวางไว้ได้!”
“แต่ดูเหมือนเทพมารหลินจะเพลี่ยงพล้ำ”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นเบิกตากว้าง
ก่อนหน้านี้กระบี่นั้นของอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่อาจทัดเทียมจริงๆ พอที่จะทำให้คนสิ้นหวัง แต่สุดท้ายก็ถูกต้านไว้ได้!
แต่เช่นเดียวกัน แม้หลินสวินจะขวางกระบี่นี้ได้ก็ไม่ง่ายเลย!
ดูเหมือนว่ายังเป็นการปะทะที่ไม่แบ่งผลแพ้ชนะ
แต่ต่อมาก็เห็นหลินสวินกล่าวราบเรียบ “กระบี่นี้คงทำให้เจ้าเปลืองแรงมาก เจ้าจะใช้ได้อีกกี่ครั้งเชียว”
“อวิ๋นชิ่งไป๋ วันนี้เวลานี้ ท้ายที่สุดเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสง่างามมาดมั่นประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร!
……………………
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1318 การโจมตีสะท้านฟ้า
Posted by ? Views, Released on January 19, 2022
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment