Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1342 แดนมกุฎปิดฉาก

ฟิ้วๆๆ!
ในสนามรบเก่าแก่ ลมคลั่งโหมกระหน่ำรุนแรง
ตามปกติที่ผ่านมาน้อยคนนักจะมาเยือนสนามรบที่กันดารและชวนหดหู่เช่นนี้ แต่ระยะหลังมานี้กลับมีผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าทยอยมาเยือนอย่างต่อเนื่อง
ละแวกสนามรบมีเมืองแห่งหนึ่ง เก่าแก่และน่าเกรงขาม ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน ราวกับตั้งอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่โบราณกาล
นี่คือเมืองนำทาง
สิบปีก่อน ในสถานที่แห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนเดินทางจากตรงนี้เข้าสู่แดนมกุฎ ไปแสวงหาวาสนาทุกรูปแบบที่แม้แต่อริยะยังพากันอิจฉา
“สิบปีแล้ว… มหายุคเปลี่ยนแปลงดินแดนรกร้างโบราณ และเปลี่ยนโชคชะตาของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน แล้วตอนที่เด็กรุ่นหลังซึ่งเข้าสู่แดนมกุฎหวนกลับมา จะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนกันนะ”
ชายชราในชุดนักพรต สวมเกี้ยวประดับสูงบนศีรษะ ใบหน้าเหี่ยวย่นคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนกลุ่มเมฆสีม่วงอ่อน ส่งเสียงทอดถอนใจเช่นนี้ออกมา
บริเวณใกล้เคียงมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนกำลังรอคอยอยู่ พวกเขามาจากขุมอำนาจแตกต่างกัน
เหตุที่รออยู่ตรงนี้ ย่อมเป็นการมาต้อนรับบรรดาผู้แข็งแกร่งที่กำลังจะกลับมาจากแดนมกุฎเหล่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงทอดถอนใจของผู้เฒ่าชุดนักพรต คนมากมายในที่นั้นต่างเกิดความไหวหวั่นในใจ
สิบปีแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงจริงๆ มีสำนักโบราณมากมายนับวันยิ่งแกร่งกล้า ขุมอำนาจก็ยิ่งมากมายขึ้นเรื่อยๆ
และก็มีสำนักโบราณมากมาย จางหายไปภายใต้การกลืนกินนองเลือดในช่วงสิบปีนี้เช่นกัน
มหายุค รุ่งโรจน์อย่างที่สุด!
ไม่เพียงแดนมกุฎเท่านั้น ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณก็ได้ปรากฏพื้นที่วาสนา มหามงคล และศุภโชคนับไม่ถ้วนขึ้นด้วยเช่นกัน
ภูผาแปรเปลี่ยน ฟ้าดินพลิกโฉม
สิบปีมานี้ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ผงาดง้ำท่ามกลางมหายุค ก็เหมือนหญ้าป่าที่แตกหน่ออย่างบ้าคลั่ง ลุกลามไปทั่วใต้หล้า
ผู้แข็งแกร่งยิ่งมีมาก การแก่งแย่งก็ยิ่งดุเดือด
ขุมอำนาจเก่าแก่ที่ยืนตระหง่านในโลกย่อมไม่ยอมนิ่งเฉย แผ่ขยายอำนาจสุดกำลังในช่วงสิบปีมานี้ พยายามกลายเป็นนายเหนือหัวที่เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝนในมหายุค!
สิบปีมานี้เลือดนองไม่หยุด กรำศึกไม่สิ้น ควันไฟศึกต้อสู้มีไม่เว้นในแต่ละวัน
นี่ก็คือมหายุคอันรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ไม่เคยมีมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็มีพายุนคาวเลือดนับไม่ถ้วนปะทุเดือดในช่วงสิบปีมานี้ เรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน!
จวบจนปัจจุบัน เมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจภาพแล้วภาพเล่าในช่วงสิบปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นไม่ว่าใครก็เลี่ยงอาการทอดถอนใจได้ยาก
มหายุค ก็คือกลียุค!
ประโยคนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันตั้งนานมาแล้ว
“การชิงชัยมหายุค เดิมทีก็เป็นเช่นนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่ผงาดได้ มีเพียงขุมอำนาจใหญ่เท่านั้นที่จะอยู่รอด นี่เรียกว่าธรรมชาติคัดสรร ผู้เข้มแข็งย่อมอยู่รอด”
อีกด้านหนึ่งชายชราผมเผ้าหนวดเคราขาว สวมชุดคลุมสีดำ นั่งบนหลังงูยักษ์สีดำตัวหนึ่ง เอ่ยเสียงราบเรียบ
ทุกคนในที่นั้นล้วนเงียบกริบกันหมด
ชายชราผู้นี้นามว่าฮวาซิงฉวี่ มาจากเขาวิญญาณหมื่นอสูร เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ครอบครองปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด!
อันที่จริงผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวบริเวณเมืองนำทางในเวลานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นรุ่นอาวุโสที่ครอบครองปราณระดับราชันขึ้นไปทั้งนั้น
เหมือนอย่างชายชราชุดนักพรตสวมเกี้ยวประดับเท้าเหยียบเมฆสีม่วงอ่อนคนนั้น ก็เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เหยียบย่างมรรคาอมตะคนหนึ่งเช่นเดียวกัน
เขามีฉายามรรคว่า ‘ทั่วเฉิงจื่อ’ มาจากสำนักยุทธ์นครนิล
พวกเขาเป็นตัวแทนสำนักต่างๆ มุ่งหน้ามาต้อนรับศิษย์ที่กำลังจะกลับจากแดนมกุฎ แต่ไม่ถึงกับแห่ขบวนโอ่อ่า
เพราะต่างรู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดชีวิตจากศึกชิงชัยสิบปี และหวนกลับมาโดยสวัสดิภาพ หากไม่เหนือความคาดหมาย ส่วนใหญ่พลังปราณต้องทะลวงระดับราชันกันหมดอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ ทุกท่านวางใจเถิด ตอนที่คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นกลับมา จะต้องถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
หญิงงามในชุดม่วงระบายยิ้มพลางเอ่ยปาก นางนั่งในเกี้ยวสมบัติ ลักษณะท่าทางงดงามมีเสน่ห์ ยามที่สายตากวาดมองผ่านๆ กลับให้ความรู้สึกแห่งการผ่านประสบการณ์มาโชกโชนแก่ผู้คน
นางก็คือซางหลิวเยวี่ย สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดจากเผ่าวิญญาณสมุทร ถูกชาวโลกเรียกขานกันว่า ‘ซางฮูหยิน’
“คนรุ่นเยาว์? ซางฮูหยิน เกรงว่าท่านคงต้องเปลี่ยนคำเรียกขานเสียใหม่ หากคนรุ่นเยาว์ในอดีตเหล่านั้นกลายเป็นมกุฎราชัน ไม่ว่าจะรากฐานหรือระดับพลังล้วนสามารถมองเป็นรุ่นเดียวกันพวกเราได้แล้ว”
ทั่วเฉิงจื่อจากสำนักยุทธ์นครนิลทอดถอนใจกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในที่นั้นต่างมีสีหน้าซับซ้อน
ไม่เจอหน้าสิบปี คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นบุคคลระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว ไม่เพียงสถานะเปลี่ยนไป แม้แต่ปราณก็ยังต่างจากเดิมด้วย
เมื่อก่อนพวกเขายังเหยียดหยัน ไม่เห็นหัว และไม่สนใจคนรุ่นหลังเหล่านี้อยู่เลย แต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่อาจคงอยู่อีกต่อไปแล้ว
นี่ก็คือความมหัศจรรย์ของแดนมกุฎ รวบรวมศุภโชคยิ่งใหญ่สูงสุด แค่สิบปีสั้นๆ ก็ทำให้คนรุ่นเยาว์ทั้งหมดผงาดง้ำขึ้นมาได้ ดุจดั่งถอดคราบ กลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งโลกปัจจุบัน!
ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในที่นี้ คนไหนบ้างที่ไม่ได้ฝึกปราณนับร้อยนับพันปี ทุ่มเททนลำบากสารพัด ผ่านอุปสรรคมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้
เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว ในใจพวกเขาก็เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้!
การวิพากษ์วิจารณ์ดำเนินต่อไป เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อย
ใกล้ๆ สถานที่นำทาง ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจต่างๆ ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในลาน ต่างพากันเฝ้ารอ
……
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ล้วนอุบัติขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ
ในดินแดนรกร้างโบราณมีสถานที่นำทางสามพันแห่ง กระจายตัวสอดรับกับสามพันแดนแห่งแดนมกุฎ
ณ ตอนนี้ พร้อมๆ กับช่วงเวลาที่แดนมกุฎจะปิดฉากใกล้มาถึง ละแวกสถานที่นำทางเหล่านี้ก็กลายเป็นจุดรวมความสนใจจากใต้หล้าด้วยเช่นกัน.ไอลีนโนเวล.
“ส่งคนไปต้อนรับคนจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเรา!”
นครหยกขาว สำนักกระบี่เทียมฟ้า เสียงน่าเกรงขามสายหนึ่งดังกึกก้อง
วันเดียวกันนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์หลายคนที่ปิดด่านเป็นเวลานาน ต่างพร้อมใจเดินออกจากนครหยกขาว
“นับดูแล้วพวกเขาก็ควรกลับมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีกี่คนที่สรรค์สร้างความแข็งแกร่งในขอบเขตมกุฎระดับราชันได้…”
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ก็มีเงาร่างสัตว์ประหลาดเฒ่าปรากฏขึ้น และมุ่งหน้าไปยังสถานที่นำทางเช่นกัน
สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนพิสุทธิ์อมตะ เรือนกระบี่เร้นปุจฉา เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…
แต่ละเผ่าแต่ละสำนักโบราณต่างส่งผู้แข็งแกร่งออกมา
ในแดนเร้นอริยะที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ เหล่าสำนักโบราณอย่างลัทธิไร้สวรรค์ ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ อารามกษิติครรภ์เป็นต้น ต่างมีการตอบสนองออกมาเช่นกัน
แดนมกุฎสิบปี บรรดาคนรุ่นเยาว์ในปีนั้นต่างใกล้จะกลับมาแล้ว สำหรับขุมอำนาจใหญ่ทั้งหมดในดินแดนรกร้างโบราณล้วนเรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ชั้นยอด!
“แดนมกุฎสิบปี จะต้องปรากฏบุคคลขอบเขตมกุฎระดับราชันกลุ่มใหญ่แน่นอน พวกเขาแต่ละคนต่างเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าจากสวรรค์อย่างแท้จริง!”
“ก็ไม่รู้ว่าในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎ จะเป็นใครที่ถูกเรียกว่าอันดับหนึ่ง”
“ต้องเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋อยู่แล้ว!”
“ไม่ อาจเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่รากฐานแน่นหนาหาใดเปรียบพวกนั้นก็ได้”
“เดาอะไรกันเล่า รอให้แดนมกุฎปิดฉากลง ข่าวคราวทั้งหมดก็จะกระจายออกมาเองนั่นแหละ”
ไม่กี่วันมานี้ในพื้นที่เขตแดนต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ ล้วนพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับแดนมกุฎทั้งสิ้น
สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน สรรพชีวิตมากมายต่างจับจ้องไปที่เรื่องเดียวกันอย่างใกล้ชิด
รอคอยให้เหล่าราชันกลับมาหลังจากสิบปีในแดนมกุฎ!
สามวันให้หลัง
ตูม!
ทั่วเวิ้งฟ้าดินแดนรกร้างโบราณเสียงกึกก้องหนึ่งอุบัติขึ้น สนั่นหวั่นไหวทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ปานจะครอบฟ้าคลุมดิน
เสียงนี้ดังเกินไป สิ่งมีชีวิตที่กระจายตัวตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณล้วนถูกสะเทือน จากนั้นก็ต่างตระหนักได้ว่าแดนมกุฎจะปิดฉากลงในวันนี้!
ครืนๆๆ
ฟ้าดินสั่นสะเทือนราวกับมังกรดินพลิกตัว
บนเวิ้งฟ้าเหนือสถานที่นำทางสามพันแห่ง ห้วงอากาศแหวกออก ปรากฏบานประตูห้วงอากาศมหึมาไร้ใดเปรียบสายหนึ่ง เรียกสายตานับไม่ถ้วนให้หันมองไป
“ออกมาแล้ว!”
“เร็วเข้า เตรียมตัวให้พร้อม ใครกล้าก่อความวุ่นวายในที่ลับ ฆ่าหมดไม่ละเว้น!”
เสียงร้องตะโกนอื้ออึง เสียงคำรามลั่นเริ่มดังกึกก้อง
เวลาแบบนี้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แห่งใดล้วนไม่กล้าเลินเล่อ ด้วยเกรงว่าจะมีคนคิดไม่ซื่อ ลงมือกับศิษย์ที่กลับจากแดนมกุฎเหล่านั้น!
อย่างไรเสียบนตัวศิษย์เหล่านี้ล้วนมีศุภโชคใหญ่ หากถูกฆ่าขึ้นมา ความร้ายแรงของการสูญเสียก็เพียงพอจะทำให้ขุมอำนาจใดก็ตามไม่อาจรับไหว
……
เบื้องหน้าสนามรบโบราณ
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอย่างทั่วเฉิงจื่อจากสำนักยุทธ์นครนิล ซางฮูหยินเผ่าวิญญาณสมุทร ฮวาซิงฉวี่เขาวิญญาณหมื่นอสูรต่างก็เตรียมพร้อมสุดกำลัง
“ท่านทั้งหลายอย่างได้ตื่นตระหนก ที่นี่มีเผ่าอีกาทองของข้าเป็นกำลังหลัก ใครจะกล้าก่อความวุ่นวาย”
แม่เฒ่าคนหนึ่งที่ทั่วร่างมีเปลวเพลิงสีทองอร่ามไหลเวียนกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
แม่เฒ่านามว่าอูจินหวน เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด
ทันทีที่นางเอ่ยประโยคนี้ออกมา ไม่เพียงไม่ได้ทำให้ผู้คนอุ่นใจ ตรงข้ามกลับพาให้คนอื่นๆ ลอบแค่นหัวเราะ พวกเขาไม่ห่วงใครที่ไหน สิ่งที่กังวลใจที่สุดคือเผ่าอีกาทองจะก่อความวุ่นวายขึ้นมาในตอนนี้ต่างหาก!
หุบเขาตะวันคล้อยที่เป็นอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ก็ตั้งอยู่ห่างจากตรงนี้แปดพันลี้
ในฐานะแดนเร้นอริยะแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ ขุมอำนาจแลรากฐานของเผ่าอีกาทองย่อมแข็งแกร่งถึงที่สุด หากพวกเขาจงใจเล่นไม่ซื่อ ใครจะไม่กังวลใจบ้าง
“ออกมาแล้ว!”
คนมากมายตื่นเต้น มองเห็นว่าเวิ้งฟ้าเหนือสถานที่นำทางนั่น มีเงาร่างทยอยเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศอย่างต่อเนื่องราวกับกระแสน้ำเชี่ยว
“ศิษย์สำนักเมฆดารามาหาข้าทางนี้!” สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งร้องลั่น เสียงราวกับฟ้าคำราม กำลังร้องเรียกศิษย์ในสำนักที่หวนกลับมาเหล่านั้น
“คนรุ่นเยาว์เผ่านกกระจอกทมิฬมาทางนี้”
ชั่วขณะนั้นสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายต่างร้องเสียงดังจอแจกึกก้องสนั่นฟ้าดิน และถือโอกาสรับตัวคนรุ่นเยาว์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า นี่ทำให้พวกเขาถอนหายใจยาวอย่างวางใจ
ความอึกทึกครึกโครมนี้ดำเนินต่อไปเนิ่นนาน
อย่างไรเสียผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่แดนเผาเซียนก็มีถึงล้านคน ต่อให้บาดเจ็บล้มตายแค่ไหน ก็ยังมีคนอีกมากที่รอดมาได้จนถึงท้ายที่สุดอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้น ลูกหลานเผ่าอีกาทองของข้าล่ะ”
ทันใดนั้นแม่เฒ่าอูจินหวนเผ่าอีกาทองก็ส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่นออกมา กึกก้องกระหึ่มสี่ทิศ
“ทุกท่าน พวกท่านเห็นผู้สืบทอดสำนักยุทธ์นครนิลของข้าบ้างหรือไม่”
“เหตุใดจนป่านนี้ผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรของข้ายังไม่ปรากฏตัวกันอีก”
“ทายาทเผ่าวิญญาณสมุทรล่ะ ไปอยู่ที่ไหนกันหมดแล้ว”
พร้อมกันนั้นสัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่งอย่างทั่วเฉิงจื่อ ฮวาซิงฉวี่ ซางฮูหยินต่างพากันตื่นตระหนกปนเดือดดาล ร้องตะโกนลั่นติดต่อกัน
เพราะรอเรื่อยมาป่านนี้ยังไม่เห็นศิษย์สักคนปรากฏตัว สิ่งนี้พาให้ในใจพวกเขาผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
“พวกเขาถูกหลินสวินฆ่าหมดแล้ว!”
ชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่งที่กลับจากแดนมกุฎพูดความจริงออกมาอย่างอดไม่อยู่
“อะไรนะ”
ชั่วขณะเดียวสายตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าแต่ละคนต่างมองไปยังชายหนุ่มชุดเทาที่เป็นคนพูดคนนั้น
“ข้าบอกว่า พวกเขาถูกฆ่าหมดแล้ว เรื่องนี้สหายยุทธ์คนอื่นในที่นี้ต่างรู้กันหมด”
ชายหนุ่มชุดเทาเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่าง รีบกล่าวพัลวัน
“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”
พวกอูจินหวนสีหน้าอึมครึมลง สายตากวาดมองบนตัวผู้แข็งแกร่งที่กลับจากแดนมกุฎเหล่านั้น
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นสีหน้าแตกต่างกันไป ล้วนพากันเงียบกริบ
นี่คือความจริงที่ช้าเร็วก็ต้องถูกคนรู้อยู่ดี ไม่อาจปกปิดได้
เมื่อเห็นภาพนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายในที่นั้นต่างอดสูดหายใจเฮือกไม่ได้ คนผู้เดียว กำจัดลูกหลานขุมอำนาจใหญ่ไปเป็นจำนวนมากหรือ
เหี้ยมเกินไปแล้ว!
ส่วนพวกอูจินหวนกลับเหมือนภูเขาไฟที่ใกล้ปะทุเต็มที สีหน้าเขียวคล้ำถึงขีดสุด น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset