Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1402 ทะเลสาบวาโยอสนี

ตำหนักเฉียนหยวน นครต้องห้ามแห่งจักรวรรดิ

ข่าวหนึ่งส่งกลับมาจากชายแดนอย่างเร่งด่วน

“องค์หญิง พ่อมดเถื่อนเก้าสายส่งราชันพ่อมดออกมาสิบสามคน ข้ามแนวป้องกันมาจากแนวหน้าชายแดนทางเหนือของจักรวรรดิ แทรกซึมเข้ามาในอาณาเขตจักรวรรดิขอรับ!”

ด้านหลังโต๊ะ จ้าวจิ่งเซวียนที่กำลังจัดการราชการแผ่นดินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากระจ่างราวสายฟ้า “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนไหนกัน”

“เที่ยงวันนี้ขอรับ”

ข้าหลวงส่งสารเอ่ยเสียงนอบน้อม

“ราชันพ่อมดสิบสามคนร่วมกันเคลื่อนไหว ไม่ใช่หมายความว่าตอนนี้ผู้แข็งแกร่งระดับราชันเกือบครึ่งในกองทัพพ่อมดเถื่อนได้เข้ามาในจักรวรรดิของข้าแล้วหรือ”

จ้าวจิ่งเซวียนนิ่วหน้า รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงอยู่บ้าง

ตอนนี้จักรวรรดิกำลังทำสงครามกับขุมอำนาจสัตว์อสูรมาร อยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ แข็งแกร่งเหิมฮึก ไม่อาจต้านทานได้อย่างแน่นอนแล้ว

เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพ่อมดเถื่อนเก้าสาย

แต่จ้าวจิ่งเซวียนกลับคิดไม่ถึงว่าพ่อมดเถื่อนเก้าสายจะตอบสนองเช่นนี้ ถึงกับส่งเหล่าราชันพ่อมดเข้ามาแทรกซึมในจักรวรรดิเสียได้

นี่พวกเขาต้องการจะทำอะไร

“องค์หญิง จากการวิเคราะห์ของกองยุทธการ เป้าหมายของราชันพ่อมดสิบสามคนนี้เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับการสังหารคุณชายหลินสวินขอรับ”

ข้าหลวงผู้นั้นเอ่ยเสียงค่อย

จ้าวจิ่งเซวียนสะดุดกึกในใจ คนมาไม่ดี คนดีไม่มา

ในสถานการณ์เช่นนี้พ่อมดเก้าสายต้องมีที่พึ่งพิง แน่ใจว่าสามารถต่อกรกับหลินสวินได้ถึงกล้าทำแบบนี้

นางเอ่ยถาม “ตอนนี้คุณชายหลินอยู่ที่ไหน”

“ตามที่แสดงในข่าวล่าสุด คุณชายหลินกำลังรุดหน้าไปทางใต้ของจักรวรรดิ เป็นไปได้มากที่จะมุ่งหน้าไปทะเลสาบวาโยอสนีพ่ะย่ะค่ะ” ข้าหลวงผู้นั้นรีบร้อนกล่าว

“ทะเลสาบวาโยอสนี… ราชันอาภรณ์ดำหรือ”

เนตรกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนหดเกร็ง ตามความเข้าใจของนาง ราชันอาภรณ์ดำเป็นราชันอสูรมารที่ลึกลับและยากหยั่งถึงที่สุดตนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินจะเลือกไปต่อกรกับราชันอาภรณ์ดำก็ไม่แปลก

แต่ตอนนี้จ้าวจิ่งเซวียนกลับรู้สึกแปลกชอบกล

เพราะราชันพ่อมดที่แทรกซึมเข้ามาในจักรวรรดิสิบสามคนนั้นเข้ามาจากพื้นที่ชายแดนทางใต้ของจักรวรรดิ หากพวกเขาร่วมมือกับราชันอาภรณ์ดำ…

คิดถึงตรงนี้จ้าวจิ่งเซวียนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้างามล้ำปรากฏแววเคร่งเครียด ถ้าเป็นอย่างนี้จริง เช่นนั้นหลินสวินก็มีอันตรายแล้ว!

ในตอนนี้เองก็มีข่าวส่งมาอีก…

“รายงาน กองยุทธการส่งข่าวมา อิงจากการวิเคราะห์ข้อมูลมากมาย เป็นไปได้สูงยิ่งที่ราชันอสูรมารที่หลบหนีหายตัวไปเหล่านั้นจะไปทะเลสาบวาโยอสนี เป้าหมายก็คือขอความช่วยเหลือจากราชันอาภรณ์ดำ!”

จ้าวจิ่งเซวียนพลันใจหดเกร็งขึ้นมา ถ้าขุมอำนาจราชันอสูรมารกับขุมอำนาจราชันพ่อมดรวมตัวกันในทะเลสาบวาโยอสนี นี่ต้องเป็นกำลังพลที่น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการได้แน่

กอปรกับมีราชันอาภรณ์ดำที่ลึกลับที่สุดสั่งการ ทะเลสาบวาโยอสนีต้องกลายเป็นบึงมังกรถ้ำพยัคฆ์ ทันทีที่หลินสวินไป…

เป็นไปได้สูงมากว่าจะประสบอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“สั่งการลงไป ส่งกำลังพลระดับราชันที่กระจายตัวอยู่ภายในจักรวรรดิ รุดหน้าไปทะเลสาบวาโยอสนีเต็มกำลัง!”

จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจ

นางพูดพลางสาวเท้าออกไปนอกตำหนัก

“องค์หญิง ตอนนี้ค่ำมากแล้ว พระองค์จะไปไหนพ่ะย่ะค่ะ”

ข้าหลวงเหล่านั้นล้วนตื่นตระหนก

“อยู่ในวังอุดอู้เกินไปแล้ว จะออกไปเดินสักหน่อย จริงด้วย อย่าบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้นะ ให้บอกว่าข้าต้องปิดด่านหลายวัน”

เมื่อเสียงพูดเงียบลง เงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียนก็หายลับไปนอกตำหนักท่ามกลางท้องฟ้ายามดึกอันเวิ้งว้าง

สถานการณ์คราวนี้อันตรายเกินไปแล้ว แม้แต่นางยังออกจะกังวลใจ ต้องการไปทะเลสาบวาโยอสนีด้วยตัวเอง!

……

“พวกเรากับราชันอสูรมารพวกนั้นมีศัตรูร่วมกัน ถ้าร่วมมือกันพวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธ”

“คราวนี้ราชันพ่อมดสิบสามคนร่วมกันออกเคลื่อนไหวโดยที่พกสมบัติสำคัญของพวกเราพ่อมดเถื่อนมาด้วย ฆ่าหลินสวินคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องยาก”

“สรุปแล้วเรื่องที่ควรทำพวกเราก็ทำหมดแล้ว ที่เหลือก็ดูฟ้าลิขิตล่ะ!”

คืนนี้เสียงแหบแห้งชราวัยของราชันพ่อมดอสนีดังขึ้นในค่ายทัพใหญ่พ่อมดเถื่อน

คนใหญ่คนโตพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ ต่างรู้ดีว่าหากการเคลื่อนไหวคราวนี้สำเร็จ จักรวรรดิจะต้องได้รับการโจมตีอันหนักอึ้งหาใดเทียบ ต่อแต่นี้ไปก็จะไม่เป็นภัยคุกคามอีก

แต่หากล้มเหลว…

เกรงว่าในช่วงเวลาหลายปี พวกเขาพ่อมดเถื่อนเก้าสายจะไม่อาจโจมตีรุกรานดินแดนของจักรวรรดิอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อีก

พูดง่ายๆ พวกเขากำลังพนัน!

พนันว่าคราวนี้หลินสวินต้องตาย!

……

สวบ!

ยานสำเภาลำหนึ่งแหวกเวิ้งฟ้า ห้อตะบึงท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

หลินสวินนั่งสบายใจอยู่ที่หัวเรือ จุดชีพจรสามพันจุดภายในร่าง กำลังหล่อหลอมบ่มเพาะปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายรอบแล้วรอบเล่าเหมือนเตาหล่อเลี้ยงกระบี่

ระหว่างการต่อสู้หลายเดือนนี้ แม้พลังปราณของหลินสวินไม่ได้บรรลุ แต่กลับบ่มเพาะปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายได้อย่างราบรื่น

นี่เป็นขั้นสูงสุดที่สามารถบรรลุได้ระหว่างการฝึกคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนในระดับอมตะเคราะห์แล้ว

ที่หลินสวินต้องทำต่อไปก็คือนำปราณกระบี่มาหล่อหลอมคมกระบี่ รวบรวมเจตกระบี่ และหลอมจิตกระบี่ แล้วแปลงเป็นวิญญาณกระบี่!

ซ่า!

คราหลินสวินครุ่นคิด ปราณกระบี่สามพันสายก็เหมือนฝูงมัจฉาแหวกว่ายเวียนวนรอบกายเขา ส่งเสียงรื่นเริงปรีดา

และก็พบว่าปราณกระบี่เหล่านี้บางครั้งแปรสภาพเป็นค่ายกลกระบี่ทึบทึมราวความว่างเปล่า บางคราวกลายเป็นค่ายกลกระบี่โชติช่วง เปล่งประกายเจิดจรัส บางทียังแปลงเป็นค่ายกลกระบี่ที่ไม่ติดอยู่ในกรอบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายผ่อนคลายเป็นอิสระยิ่ง…

ต่างมีความอัศจรรย์ แปรผันได้นับหมื่นพัน

‘น่าเสียดาย ตั้งแต่มาถึงโลกชั้นล่างก็ไม่ได้พบกับศัตรูที่รับการโจมตีได้สักคน จึงไม่อาจสืบเสาะอานุภาพที่แท้จริงของค่ายกลกระบี่นี้’

หลินสวินออกจะเสียดาย

โลกชั้นล่างแม้มีพื้นที่ลึกลับพิสดารมากมายซ่อนอยู่ แต่ไม่อาจเทียบได้กับดินแดนรกร้างโบราณอยู่ดี จะเทียบกับแดนมกุฎยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

‘ไปทะเลสาบวาโยอสนีคราวนี้ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังเกินไป…’

หลินสวินครุ่นคิด ปราณกระบี่สามพันสายหายลับไปในร่างเหมือนหมื่นกระแสหวนคืนต้นกำเนิด

‘รอสะสางภัยอสูรมารเสร็จ จะต้องเริ่มลงมือทะลวงระดับแล้ว’

แววแน่วแน่ไหวเคลื่อนในดวงตาดำของหลินสวิน

ตอนนี้พลังมหามรรค พลังยุทธ์ และพลังจิตวิญญาณของเขาต่างเคี่ยวกรำจนถึงขั้นสูงสุดของระดับนี้

หากไม่อาจบรรลุพลังปราณได้ พลังอื่นก็ย่อมไม่อาจเพิ่มพูนขึ้นอีกขั้น

ทว่าหลินสวินกลับไม่ได้เปลืองเวลาเปล่า ในช่วงที่ผ่านมานี้เขาหลอมพลังกายอยู่ตลอด อีกทั้งยังเลื่อนระดับอย่างรวดเร็วยิ่ง พลังหลอมกายได้บรรลุเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสองแล้ว

สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างเหนียวแน่นกับวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ที่เขาฝึก รวมถึงใจความหลอมกายของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพที่เขาได้มา

อีกทั้งเขาได้ฝ่าอมตะเคราะห์ในช่วงหลอมปราณไปนานแล้ว ยามพัฒนาพลังหลอมกายจึงไม่ต้องผ่านด่านเคราะห์อีก

เรื่องเดียวที่ทำให้หลินสวินรับมือได้ยากก็คือ เขาไม่แน่ใจนักว่า ‘เคราะห์มรรคตัดขาด’ ที่พุ่งเป้าไปยังการฝึกมรรคาทั้งสามสายร่วมกัน อย่างการหลอมกาย หลอมปราณและหลอมจิต จะมาเยือนเมื่อไรกันแน่

‘จักรพรรดิเคยตรัสไว้ว่า ในโลกชั้นล่างแห่งนี้มีโอกาสที่สามารถทำให้ข้ากลายเป็นมกุฎอริยะได้ซุกซ่อนอยู่ ภายหน้าต้องไปถามจิ่งเซวียนเสียหน่อยว่าตอนจักรพรรดิเสด็จไปได้ทิ้งเบาะแสอะไรไว้หรือไม่…’

กระแสความคิดของหลินสวินโบยบิน

ภายในสิบปีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็จะปะทุขึ้น ถ้าบรรลุระดับอริยะได้ก่อนการต่อสู้นี้ย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง

‘ไหนจะเจ้าคางคก อีกเดี๋ยวจะครึ่งปีแล้ว ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาได้พบอะไรที่สุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนั้นหรือไม่…’

หลินสวินนึกถึงเจ้าคางคกขึ้นมาอีก

สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า สลัดกระแสความคิดที่โบยบินอยู่ในสมอง

ตอนนี้ต้องสะสางภัยพิบัติสัตว์อสูรมารครั้งนี้ ส่วนเรื่องอื่นต่างทำได้เพียงคลี่คลายไปทีละก้าว

……

ราตรีดุจน้ำหมึกจากไปช้าๆ แสงอุษากวาดล้างความมืดมิด ส่องสว่างภูผาธารา เผยให้เห็นอรุณรุ่งตระการตา

ณ สถานที่ไกลออกไปจากทะเลสาบวาโยอสนี

ครืน!

เรือรบจักรวรรดิลำแล้วลำเล่าส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น โรยตัวลงมาช้าๆ จากบนเวิ้งฟ้า

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันของจักรวรรดิกรูกันออกมาจากเรือ นับคร่าวๆ มีอยู่ยี่สิบกว่าคน ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีความสำคัญยิ่งในจักรวรรดิ ไม่เป็นขุนนางใหญ่ที่ควบคุมพื้นที่แถบหนึ่ง ก็เป็นแม่ทัพที่เป็นผู้นำกองทัพในสนามรบ

ก่อนฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ทะเลสาบวาโยอสนีธรรมดานัก แต่ตอนนี้พอราชันอาภรณ์ดำยึดที่นี่เป็นที่มั่น ทะเลสาบนี้ก็เหมือนกลายเป็นเขตหวงห้าม

และบัดนี้ หน้าทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้ก็แน่นขนัดไปด้วยฝูงชน!

หลังจากได้รับข่าวของจักรวรรดิ ผู้แข็งแกร่งที่เดิมกระจายตัวอยู่ทางใต้ของจักรวรรดิล้วนพากันมารวมตัวที่นี่

เพราะต่างได้ยินมาว่ามีเหล่าราชันอสูรมารรวมตัวอยู่ที่นี่ และหลินสวินก็กำลังจะมาเปิดศึกใหญ่!

แต่ขอเพียงเป็นผู้ที่รู้ข่าววงในต่างก็รู้ว่า ศึกนี้ย่อมอันตรายหาใดเทียบ!

“สวี่ซานชี เจ้าก็มาด้วย”

ชายวัยกลางคนผู้มีร่างกำยำผึ่งผาย สีหน้าน่าเกรงขามคนหนึ่งหัวเราะร่าเอ่ยปาก

“ศึกใหญ่เช่นนี้สามารถชี้ขาดโชคชะตาของจักรวรรดิได้แล้ว ข้าจะพลาดไปได้อย่างไร”

ไกลออกไปสวี่ซานชีกล่าวอย่างเรียบเฉย เงาร่างเขาผอมบาง ดวงตากระจ่าง สง่างามยิ่งกว่าตอนนั้น

“ได้ยินว่าตอนนั้นคุณชายหลินออกมาจากค่ายกระหายเลือดของพวกเจ้าหรือ”

บุคคลระดับราชันของจักรวรรดิที่อยู่ใกล้เคียงบางคนต่างเดินมาทางนี้

“อืม”

สวี่ซานชีพยักหน้า ในใจก็ทอดถอนใจครู่หนึ่ง

ตอนนั้นเป็นเขาเองที่ออกมาจากค่ายกระหายเลือด พาหลินสวินกับสืออวี่เด็กหนุ่มสองคนนั้นเข้าไปในค่าย

ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไป เด็กหนุ่มผอมแห้งและทรหดในตอนนั้น เหมือนจะกลายเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่มีอิทธิพลต่อภาพรวมของจักรวรรดิไปแล้ว

“องค์หญิง!”

ความระส่ำระสายระลอกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปพลันดึงดูดสายตาของพวกสวี่ซานชี

ก็พบว่าจ้าวจิ่งเซวียนแต่งกายเป็นชาย สวมชุดม่วงทั้งตัว เอวคาดเข็มขัดหยกเดินมาไกลๆ นี่ทำให้คนใหญ่คนโตในจักรวรรดิต่างตกตะลึง

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าด้วยฐานะอันสูงส่งของจ้าวจิ่งเซวียนจะมาเยือนที่แห่งนี้เองเสียได้!

“หลินสวินยังไม่มาหรือ”

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยถาม

“ยังขอรับ”

ทุกคนพากันส่ายหัว

จ้าวจิ่งเซวียนลอบถอนหายใจแล้วพูดว่า “อย่างนี้ดีที่สุด ตามที่ข้ารู้มา ตอนนี้ภายในทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้มีจิตสังหารทุกย่างก้าว จะพูดว่าเป็นบึงมังกรถ้ำพยัคฆ์ก็ไม่เกินเลย”

นางทอดสายตามองไปก็เห็นว่าในบริเวณใกล้เคียงมีกลุ่มคนหนาแน่น ไม่ได้มีแต่คนใหญ่คนโตระดับราชันของจักรวรรดิเหล่านั้น ยังมีผู้ฝึกปราณมากมายด้วย

“คนเยอะขนาดนี้เลยหรือ” จ้าวจิ่งเซวียนออกจะประหลาดใจ

คนใหญ่คนโตจากจักรวรรดิผู้หนึ่งกล่าวเสียงขรึม “ศึกนี้จะตัดสินทิศทางสถานการณ์ของจักรวรรดิ ย่อมได้รับความสนใจจากทั่วสารทิศพ่ะย่ะค่ะ!”

คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก “ใช่แล้ว ตามที่ข้ารู้มา ในคืนเดียวข่าวก็กระจายไปทั่ว ทุกพื้นที่ในจักรวรรดิต่างทอดสายตามารวมที่ทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

มุมปากจ้าวจิ่งเซวียนยกยิ้มเย็นชา “เช่นนี้ดูท่าขุมอำนาจสัตว์อสูรมารที่อยู่ภายในจักรวรรดินี้ รวมถึงกำลังพลพ่อมดเถื่อนเก้าสายที่กระจายอยู่นอกจักรวรรดิ เกรงว่าคงติดตามศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วยกระมัง”

ทุกคนต่างพยักหน้า นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว

และยามนี้ก็ได้ยินเสียงลั่นสนั่นฟ้าเสียงหนึ่ง ดังไกลออกมาจากในทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนั้น คลื่นเสียงดั่งสายฟ้า สั่นสะเทือนฟ้าดิน ส่งผลให้สภาพอากาศเปลี่ยนสี

——

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset