Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1403 อานุภาพหนึ่งเดียวกดข่มเหล่าราชัน

ตูม!

เสาน้ำต้นหนึ่งผุดขึ้นกลางทะเลสาบวาโยอสนีพร้อมกับไอชั่วร้ายแห่งยอดวาโยอสนี ยกเงาร่างหนึ่งให้สูงขึ้น

เพียงแค่เสียงกึกก้องนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบางคนสั่นสะท้านจนเลือดลมปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด

คนผู้นั้นสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนเสาน้ำ

หลังเขามีปีกสีเงินเจิดจรัสคู่หนึ่ง หัวมีเขาหนึ่งงอกอยู่ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ

“ใครบุกรุกที่นี่ ตาย!”

พอเอ่ยทั้งหกคำนี้ออกมา แต่ละคำประหนึ่งอสนีบาตสะท้านให้เมฆแปดทิศให้ถล่ม หินผาระเบิดกระจุย คลื่นน้ำถั่งโถมซัดสาด

คนที่พลังปราณอ่อนแอหลายคนเลือดกบปากจมูก แทบขวัญหนีดีฝ่อ!

“ราชันกระเรียนเงิน!”

พวกสวีซานชีจำฐานะของอีกฝ่ายได้ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา

แม้ราชันกระเรียนเงินตนนี้จะไม่แข็งแกร่งเท่าราชันผึ้งขาว แต่ก็อยู่ในกลุ่มราชันอสูรมารสามสิบหกตน ศักยภาพน่าหวาดหวั่นมาก

พอราชันกระเรียนเงินออกมา บรรยากาศในที่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นกดดัน สายตาของผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิหลายคนต่างเจือความหวาดหวั่น

“ราชันอสูรมารชั้นนี้ช่างน่ากลัวนัก แม้จักรวรรดิของพวกเราเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ไม่ขาดผู้มีระดับราชัน แต่พูดถึงกำลังพลชั้นยอดแล้วกลับมีเพียงหยิบมือ”

ในบริเวณใกล้เคียงผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างอกสั่นขวัญแขวน

“วางใจเถอะ มีคุณชายหลินอยู่ ต้องกำราบที่แห่งนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ของจักรวรรดิเราได้แน่” บางคนกล่าวปลอบ

“ราชันกระเรียนเงิน ที่นี่เป็นถึงดินแดนจักรวรรดิข้า พวกเจ้าเข้ายึดครองโดยพลการแล้วยังกล้ามาข่มขี่ คิดว่าจักรวรรดิข้าไม่มีคนหรือ”

ทันใดนั้นผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิคนหนึ่งคำรามยาว เสียงดังกังวานดุจระฆัง

ราชันกระเรียนเงินสีหน้าเย็นชา ไม่ต่อปากต่อคำสักนิด ทำเพียงยื่นมือฟาดออกไปครั้งหนึ่ง

ฉึบ!

ห้วงอากาศราวกับถูกดาบแหลมคมผ่าลากลงจนเกิดรอยแยกเรียวยาวหลายพันจั้งพาดผ่านห้วงอากาศรอยหนึ่ง แล้วฟันไปยังผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิผู้นั้น

คนผู้นั้นเป็นแม่ทัพที่ควบคุมกองทัพในพื้นที่หนึ่ง นิสัยใจคอดุดัน มีนามว่าจ่างซุนเลี่ย ช่วงที่ฟ้าดินแปรผันฉับพลันหลายปีมานี้ ศักยภาพของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้มีพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว

แต่ขณะนี้ยามเผชิญหน้ากับกระบวนเฉือนนี้ของราชันกระเรียนเงิน กลับถูกซัดจนร่างกายถอยหลังโซซัดโซเซ สองแขนมีเลือดหลั่งริน ปากก็พ่นเลือดออกมาอย่างอดไม่ได้

จ่างซุนเลี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเดียว!

ทันใดนั้นพื้นที่ใกล้เคียงก็เงียบสงัด

ทุกคนกำหมัดแน่น สายตาจ้องเขม็งไปที่ราชันกระเรียนเงินซึ่งยืนมือไพล่หลังอย่างหยิ่งผยองอยู่เหนือเสาน้ำ สีหน้ามีทั้งความขุ่นเคืองและหวาดกลัว

“ไม่รู้จักประมาณตน!”

ราชันกระเรียนเงินเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “หากไม่ต้องต่อกรกับหลินสวินคนนั้น อย่างพวกเจ้ากล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็ต้องตายไร้ที่ฝังร่าง”

“น่าขัน ถ้าราชันกระเรียนเงินอย่างเจ้าไม่กลัวหลินสวิน เหตุใดถึงหนีหางจุกก้นไปจากรังจนต้องมาซ่อนตัวที่นี่เล่า”

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยปากเย็นชา

“ฮ่าๆ กลัวหรือ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ งั้นข้าบอกเจ้าก็ได้ว่าถ้าหลินสวินมาคราวนี้ จะต้องถูกสังหารที่นี่!”

ราชันกระเรียนเงินหัวเราะร่า แต่สีหน้ากลับเหี้ยมเกรียมผิดธรรมดา

เสียงพูดเขายังไม่ทันเงียบลง จู่ๆ เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็แว่วมาจากที่ไกลลิบ

“งั้นหรือ”

ราชันกระเรียนเงินหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่าแสงราวรัศมีดาราสายหนึ่งเคลื่อนมาจากห้วงอากาศ

เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

ทุกคนแทบบรรยายไม่ได้ เพียงรู้สึกแสบตาไปครู่หนึ่ง จิตวิญญาณเกิดความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก

“เวรเอ๊ย!”

ราชันกระเรียนเงินรับรู้ได้ถึงอันตราย สีหน้าแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง พอกระพือปีกที่อยู่เบื้องหลังก็เคลื่อนไปยังส่วนลึกของทะเลสาบวาโยอสนี

เพียงแต่สายไปแล้ว แสงราวรัศมีดารานั้นกลายเป็นดาบหักเล่มหนึ่ง แผ่ประกายคมไร้เทียมทานออกมากวาดเบาๆ ครั้งหนึ่ง

ฟุ่บ!

ก็เห็นว่าปีกทั้งสองของราชันกระเรียนเงินถูกดาบหักฟันร่วงทันที เลือดสดๆ สาดกระเซ็นเป็นน้ำตก ส่วนเงาร่างก็ตกลงมาใต้ห้วงอากาศอย่างสูญเสียการควบคุม

และในขณะเดียวกัน ดาบหักหมุนรอบกายราชันกระเรียนเงินราวกับมีชีวิตจิตใจ ตัวเขายังไม่ทันหลบหนี ร่างก็เหมือนเศษกระดาษ เลือดเนื้อหล่นตุ้บลงมา!

“นะ… นี่คือ?”

ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง

โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิเหล่านั้นยิ่งสั่นสะท้านจนดวงตาแข็งทื่อ

ก่อนหน้านี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวของราชันกระเรียนเงินก็ทำให้จ่างซุนเลี่ยที่มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านหกบาดเจ็บสาหัส

แต่ตอนนี้ดาบหักสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า สังหารราชันกระเรียนเงินด้วยกระบวนเฉือนเดียว!

“เป็นคุณชายหลิน ใต้หล้าตอนนี้ก็มีแต่เขาที่มีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต่างตื่นเต้นฮึกเหิม

เงาร่างยังไม่ทันมาถึง แต่กลับสังหารศัตรูกลางอากาศ ความสง่างามเช่นนี้ช่างล้ำเลิศเหนือกาลเวลา!

“เขามาแล้ว…”

จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้น เนตรกระจ่างเปล่งประกาย

ฟ้าดินมืดลงฉับพลัน

ที่ตามมาติดๆ นั้น เวิ้งฟ้าไกลลิบประหนึ่งมีดวงอาทิตย์สีเขียวเจิดจ้าดวงหนึ่งลอยสูงขึ้น แทบไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ แจ่มจรัสสะดุดตา ทำให้ภูผาธาราต้นหญ้าหินผาบริเวณนั้นล้วนดูเล็กจ้อย

“นั่นมัน…”

ทุกคนใจสั่นสะท้าน

ก็เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากกลางดวงอาทิตย์สีเขียวดวงนั้น

แขนเสื้อเขาพัดไปตามลม ผมดำปลิวไสว ดูโดดเด่นเกินปุถุชนคล้ายเซียนจุติลงมาองค์หนึ่ง แต่แสงมรรคและพลานุภาพที่สาดส่องออกมารอบกายกลับบังฟ้าเร้นสุริยัน

ชิ้ง!

ดาบหักบินกลับไปที่ฝ่ามือเขาอย่างฉับไวดุจแสงเคลื่อน

หลินสวินมาแล้ว!

ชั่วขณะนี้สายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างพากันรวมอยู่ที่ตัวเขา

“ทุกท่าน อยู่ที่นี่ไปก่อน รอข้าผู้แซ่หลินไปทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนั้นสักรอบค่อยมาสนทนากับทุกท่าน”

หลินสวินกล่าวจากเหนือฟ้าสูง

ระหว่างทางก่อนหน้านี้จิตรับรู้เขาแผ่ขยาย ได้เห็นแต่ละภาพ ณ ที่แห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว และรู้ด้วยว่าที่จ้าวจิ่งเซวียนนำเหล่าผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิมาก็เพื่อมาช่วยเหลือตน

‘เจ้าต้องระวังตัว ในทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ราชันอสูรมาร ยังมีราชันพ่อมดสิบสามคนอยู่ในนั้นด้วย พวกเขาเตรียมตัวมาพร้อม เจ้าอย่าชะล่าใจเด็ดขาด’

จ้าวจิ่งเซวียนสื่อจิตเตือน

หลินสวินพยักหน้า

“คุณชายหลิน ถ้าต้องการให้ช่วยเจ้าก็ร้องเรียกเอานะ!”

ผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนหนึ่งพูดเสียงดัง

“ฆ่าเดรัจฉานชั่วฝูงหนึ่งเท่านั้น ข้าผู้แซ่หลินคนเดียวก็พอแล้ว”

หลินสวินยิ้มกว้าง

ขณะที่พูดเขาก็ก้าวย่างกลางห้วงอากาศ เคลื่อนตัวไปในทะเลสาบวาโยอสนี ตัวคนเดียวเท่านั้น แต่ท่วงท่าโอหังแข็งกร้าวเช่นนั้นทำให้ทั้งทะเลสาบหน้าเปลี่ยนสี

ตูม!

ทว่าเมื่อหลินสวินเพิ่งเหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่ทะเลสาบวโยอสนี ที่นั่นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

คลื่นน้ำถาโถมดังสนั่นราวสายฟ้า เริ่มจากมีเรือดอกบัวลำหนึ่งทะยานฟ้าขึ้นมา เงาร่างทองเจิดจ้าร่างหนึ่งยืนอยู่บนเรือ ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยแสงโชติช่วง

นั่นเป็นถึงงูยักษ์ที่มีปีกงอกบนหลังตัวหนึ่ง ทั้งร่างราวกับหล่อด้วยทองคำ นัยน์ตาเย็นชา

“ราชันงูเทพ!”

หลายคนหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าเคร่งเครียด อสูรมารตนนี้เป็นราชันอสูรมารที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าราชันกระเรียนเงิน

แต่นี่เพิ่งเริ่มต้น

ท่ามกลางเสียงคำรามสะท้านฟ้า ราชันอสูรมารที่ผิวหนังมีเกล็ดสีน้ำเงินทั่วตัว ฝ่ามือคล้ายครีบปลา เส้นผมเหมือนสาหร่าย เท้าทั้งสองแปลงเป็นหางมังกรเจียว มือถือทวนวงเดือนสำริดเล่มหนึ่ง แสงอสูรมารถั่งโถมปรากฏตัวสู่ฟากฟ้า

ราชันเจียวสมุทร!

อีกด้านหนึ่งเปลวเพลิงถาโถมแปรสภาพเป็นวังวนเผาไหม้ห้วงอากาศ เงาร่างอรชรร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางวังวนเปลวเพลิง สวมเกี้ยวขนนกเพลิงไว้ที่หัว ถือไม้เท้าสีแดงเพลิงอันหนึ่ง ดุจดั่งเทพอสูรมารที่ถือกำเนิดจากเปลวเพลิงองค์หนึ่ง

ราชันเถาวัลย์เพลิง!

นอกจากนี้ที่ด้านอื่นยังมีราชันอสูรมารตนแล้วตนเล่าปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละตนต่างมีพลังคับฟ้า แสงเทพเปล่งประกาย กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงลึกล้ำ

ที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า

ที่แข็งแกร่งที่สุดยิ่งมีพลังต่อสู้ระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด

ในที่สุดกลางทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนั้นก็ถูกเงาร่างของราชันอสูรมารตนแล้วตนเล่าบดบังไปหมด กลางฟ้าดินไออสูรมารถั่งโถม ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งพายุอสนีซัดสาด เปลวเพลิงตัดอากาศ เสียงคำรามสะท้านฟ้าเกิดขึ้นไม่ว่างเว้น

ราชันอสูรมารถึงสิบกว่าตนดุจดั่งภูเขาใหญ่ที่ทอดตัวอยู่กลางฟ้าดินลูกแล้วลูกเล่า กลิ่นอายเช่นนั้นกดข่มจนทุกคนหายใจติดขัด

“หลินสวิน เจ้าดันกล้ามาจริงๆ ไม่กลัวประสบเคราะห์หรือ”

เหนือวังวนเปลวเพลิง ราชันเถาวัลย์เพลิงเอ่ยปาก เสียงพูดอ่อนหวานทรงเสน่ห์ แต่เมื่อดังก้องในฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งบางคนรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณยุ่งเหยิงปั่นป่วนจนแทบสลบไป

“เขาก็คือหลินสวินหรือ ใช้ได้ดังคาด จากความกล้าหาญเช่นนี้ ก็เห็นได้ว่าแข็งแกร่งกว่าคนอ่อนหัดพวกนั้นจากจักวรรดินี้มากนัก”

ราชันเจียวสมุทรเอ่ยปาก แต่ละคำล้วนเหมือนมีจริงจับต้องได้ สั่นสะเทือนห้วงอากาศประหนึ่งสายฟ้าฟาดสนั่น

“เขามาแล้ว ความแค้นคราวนี้ได้เวลาสะสางเสียที!”

ราชันอสูรมารแต่ละตนเอ่ยปาก แสดงท่าทีอย่างชัดเจน

ในระหว่างนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไปแต่ละคนหน้าเสียขึ้นมา บรรยากาศเงียบสงัด

พอเห็นราชันอสูรมารเหล่านี้ ไม่ว่าตนไหนก็มีท่วงท่าจองหองคับฟ้า พวกร้ายกาจที่เผด็จการเหนือดินแดนแถบหนึ่ง ใครจะไม่กลัวได้กัน

แม้มีเพียงสิบกว่าตน แต่พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างกลับกดข่มจนผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่แทบหายใจไม่ออก

ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือ ราชันอาภรณ์ดำซึ่งลึกลับที่สุดตนนั้นกับราชันพ่อมดสิบสามคนยังไม่โผล่หน้ามา!

“เผชิญหน้ากับราชันอสูรมารมากมายขนาดนี้ คุณชายหลินจะทำอย่างไร”

ทุกคนต่างทอดสายตาไปมองหลินสวินอย่างอดไม่ไหว

“หึ!”

และในตอนนี้เอง ที่เหนือห้วงอากาศหลินสวินที่ยืนเอามือไพล่หลังแค่นหัวเราะหยันขึ้นมา

ฉับพลันนั้นบนร่างเขาพลันแผ่อานุภาพราวมหาสมุทรไปทั่วเวิ้งฟ้า กระจายออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ทะเลสาบวาโยอสนีที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้น ตกอยู่ในความเงียบสงัดแปลกประหลาดเหมือนหวั่นกลัว

ด้านราชันอสูรมารสิบกว่าตนนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายเหมือนถูกภูเขาใหญ่กดอัด จมลงจากห้วงอากาศไปหลายฉื่ออย่างเสียการควบคุม!

เหล่าราชันอสูรมารถูกอานุภาพของคนเพียงคนเดียวกดข่ม!

ปึง!

ราชันงูเทพทนไม่ไหวเป็นตนแรกเสียแล้ว พลานุภาพรอบกายปะทุออกมา ดุจดั่งคลื่นเตลิดเข้าไปต้านทานอานุภาพของหลินสวิน

ราชันอสูรมารตนอื่นก็ระเบิดพลังอย่างต่อเนื่องตามมาติดๆ ต่างมีพลานุภาพคับฟ้า

ตนมีฐานะเป็นราชันอสูรมาร จะทนถูกหลินสวินคนเดียวกำราบได้อย่างไร

ครืนโครม!

ฟ้าดินเปลี่ยนสี สุริยันจันทราอับแสง ราชันอสูรมารสิบกว่าตนร่วมกันสำแดงเดช ภาพเช่นนั้นช่างน่าครั่นคร้ามถึงที่สุด

เพียงเห็นว่าในบริเวณใกล้เคียงห้วงอากาศระเบิดป่นปี้ หินผ่าถล่มย่อยยับ ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆ นับไม่ถ้วนต่างต้องถอยหลังอย่างตกตะลึง ทั้งยังถอยออกไปเรื่อยๆ!

ต่อให้ห่างไปไกลลิบ ก็ยังคงรู้สึกหายใจลำบาก อึดอัดในทรวงอก ร่างกายแข็งทื่อดังเดิม

ชั่วขณะหนึ่งก็เห็นว่าพลังกดดันน่ากริ่งเกรงสายแล้วสายเล่าพุ่งขึ้นราวสัญญาณควันไฟกลางฟ้าดิน ค้ำจุนเวิ้งฟ้า ทำให้ลมเมฆถล่ม

เพียงทอดมองจากไกลๆ ก็สามารถทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสิ้นหวังได้!

ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับเยือกเย็นไม่หวาดหวั่น แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

ก้าวเดียว!

พลานุภาพทั้งร่างเขากลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง แสงมรรคไร้สิ้นสุดไหลวนอยู่รอบกายดั่งห้วงเหวลึกกำลังโคจร ไม่ว่าพลานุภาพของราชันอสูรมารเหล่านั้นจะแกร่งกล้าปานใด ก็ไม่อาจสั่นคลอนหลินสวินได้ดังเดิม ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีใครยอมใคร

ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิต่างอดหวั่นไหวไม่ได้ อานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าเหลือคณา!

ต่อให้เป็นราชันอสูรมารเหล่านั้นก็ยังเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เก็บงำความดูแคลนในใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดตั้งใจขึ้นไม่น้อย

พวกเขาต่างต้องยอมรับ ว่าคนที่พวกเขาเผชิญหน้าคราวนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวดคนหนึ่ง!

——

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset