ตูม!
เสาน้ำต้นหนึ่งผุดขึ้นกลางทะเลสาบวาโยอสนีพร้อมกับไอชั่วร้ายแห่งยอดวาโยอสนี ยกเงาร่างหนึ่งให้สูงขึ้น
เพียงแค่เสียงกึกก้องนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบางคนสั่นสะท้านจนเลือดลมปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด
คนผู้นั้นสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนเสาน้ำ
หลังเขามีปีกสีเงินเจิดจรัสคู่หนึ่ง หัวมีเขาหนึ่งงอกอยู่ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ
“ใครบุกรุกที่นี่ ตาย!”
พอเอ่ยทั้งหกคำนี้ออกมา แต่ละคำประหนึ่งอสนีบาตสะท้านให้เมฆแปดทิศให้ถล่ม หินผาระเบิดกระจุย คลื่นน้ำถั่งโถมซัดสาด
คนที่พลังปราณอ่อนแอหลายคนเลือดกบปากจมูก แทบขวัญหนีดีฝ่อ!
“ราชันกระเรียนเงิน!”
พวกสวีซานชีจำฐานะของอีกฝ่ายได้ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
แม้ราชันกระเรียนเงินตนนี้จะไม่แข็งแกร่งเท่าราชันผึ้งขาว แต่ก็อยู่ในกลุ่มราชันอสูรมารสามสิบหกตน ศักยภาพน่าหวาดหวั่นมาก
พอราชันกระเรียนเงินออกมา บรรยากาศในที่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นกดดัน สายตาของผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิหลายคนต่างเจือความหวาดหวั่น
“ราชันอสูรมารชั้นนี้ช่างน่ากลัวนัก แม้จักรวรรดิของพวกเราเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ไม่ขาดผู้มีระดับราชัน แต่พูดถึงกำลังพลชั้นยอดแล้วกลับมีเพียงหยิบมือ”
ในบริเวณใกล้เคียงผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างอกสั่นขวัญแขวน
“วางใจเถอะ มีคุณชายหลินอยู่ ต้องกำราบที่แห่งนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ของจักรวรรดิเราได้แน่” บางคนกล่าวปลอบ
“ราชันกระเรียนเงิน ที่นี่เป็นถึงดินแดนจักรวรรดิข้า พวกเจ้าเข้ายึดครองโดยพลการแล้วยังกล้ามาข่มขี่ คิดว่าจักรวรรดิข้าไม่มีคนหรือ”
ทันใดนั้นผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิคนหนึ่งคำรามยาว เสียงดังกังวานดุจระฆัง
ราชันกระเรียนเงินสีหน้าเย็นชา ไม่ต่อปากต่อคำสักนิด ทำเพียงยื่นมือฟาดออกไปครั้งหนึ่ง
ฉึบ!
ห้วงอากาศราวกับถูกดาบแหลมคมผ่าลากลงจนเกิดรอยแยกเรียวยาวหลายพันจั้งพาดผ่านห้วงอากาศรอยหนึ่ง แล้วฟันไปยังผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิผู้นั้น
คนผู้นั้นเป็นแม่ทัพที่ควบคุมกองทัพในพื้นที่หนึ่ง นิสัยใจคอดุดัน มีนามว่าจ่างซุนเลี่ย ช่วงที่ฟ้าดินแปรผันฉับพลันหลายปีมานี้ ศักยภาพของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้มีพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว
แต่ขณะนี้ยามเผชิญหน้ากับกระบวนเฉือนนี้ของราชันกระเรียนเงิน กลับถูกซัดจนร่างกายถอยหลังโซซัดโซเซ สองแขนมีเลือดหลั่งริน ปากก็พ่นเลือดออกมาอย่างอดไม่ได้
จ่างซุนเลี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเดียว!
ทันใดนั้นพื้นที่ใกล้เคียงก็เงียบสงัด
ทุกคนกำหมัดแน่น สายตาจ้องเขม็งไปที่ราชันกระเรียนเงินซึ่งยืนมือไพล่หลังอย่างหยิ่งผยองอยู่เหนือเสาน้ำ สีหน้ามีทั้งความขุ่นเคืองและหวาดกลัว
“ไม่รู้จักประมาณตน!”
ราชันกระเรียนเงินเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “หากไม่ต้องต่อกรกับหลินสวินคนนั้น อย่างพวกเจ้ากล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็ต้องตายไร้ที่ฝังร่าง”
“น่าขัน ถ้าราชันกระเรียนเงินอย่างเจ้าไม่กลัวหลินสวิน เหตุใดถึงหนีหางจุกก้นไปจากรังจนต้องมาซ่อนตัวที่นี่เล่า”
จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยปากเย็นชา
“ฮ่าๆ กลัวหรือ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ งั้นข้าบอกเจ้าก็ได้ว่าถ้าหลินสวินมาคราวนี้ จะต้องถูกสังหารที่นี่!”
ราชันกระเรียนเงินหัวเราะร่า แต่สีหน้ากลับเหี้ยมเกรียมผิดธรรมดา
เสียงพูดเขายังไม่ทันเงียบลง จู่ๆ เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็แว่วมาจากที่ไกลลิบ
“งั้นหรือ”
ราชันกระเรียนเงินหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่าแสงราวรัศมีดาราสายหนึ่งเคลื่อนมาจากห้วงอากาศ
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
ทุกคนแทบบรรยายไม่ได้ เพียงรู้สึกแสบตาไปครู่หนึ่ง จิตวิญญาณเกิดความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
“เวรเอ๊ย!”
ราชันกระเรียนเงินรับรู้ได้ถึงอันตราย สีหน้าแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง พอกระพือปีกที่อยู่เบื้องหลังก็เคลื่อนไปยังส่วนลึกของทะเลสาบวาโยอสนี
เพียงแต่สายไปแล้ว แสงราวรัศมีดารานั้นกลายเป็นดาบหักเล่มหนึ่ง แผ่ประกายคมไร้เทียมทานออกมากวาดเบาๆ ครั้งหนึ่ง
ฟุ่บ!
ก็เห็นว่าปีกทั้งสองของราชันกระเรียนเงินถูกดาบหักฟันร่วงทันที เลือดสดๆ สาดกระเซ็นเป็นน้ำตก ส่วนเงาร่างก็ตกลงมาใต้ห้วงอากาศอย่างสูญเสียการควบคุม
และในขณะเดียวกัน ดาบหักหมุนรอบกายราชันกระเรียนเงินราวกับมีชีวิตจิตใจ ตัวเขายังไม่ทันหลบหนี ร่างก็เหมือนเศษกระดาษ เลือดเนื้อหล่นตุ้บลงมา!
“นะ… นี่คือ?”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิเหล่านั้นยิ่งสั่นสะท้านจนดวงตาแข็งทื่อ
ก่อนหน้านี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวของราชันกระเรียนเงินก็ทำให้จ่างซุนเลี่ยที่มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านหกบาดเจ็บสาหัส
แต่ตอนนี้ดาบหักสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า สังหารราชันกระเรียนเงินด้วยกระบวนเฉือนเดียว!
“เป็นคุณชายหลิน ใต้หล้าตอนนี้ก็มีแต่เขาที่มีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้”
ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต่างตื่นเต้นฮึกเหิม
เงาร่างยังไม่ทันมาถึง แต่กลับสังหารศัตรูกลางอากาศ ความสง่างามเช่นนี้ช่างล้ำเลิศเหนือกาลเวลา!
“เขามาแล้ว…”
จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้น เนตรกระจ่างเปล่งประกาย
ฟ้าดินมืดลงฉับพลัน
ที่ตามมาติดๆ นั้น เวิ้งฟ้าไกลลิบประหนึ่งมีดวงอาทิตย์สีเขียวเจิดจ้าดวงหนึ่งลอยสูงขึ้น แทบไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ แจ่มจรัสสะดุดตา ทำให้ภูผาธาราต้นหญ้าหินผาบริเวณนั้นล้วนดูเล็กจ้อย
“นั่นมัน…”
ทุกคนใจสั่นสะท้าน
ก็เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากกลางดวงอาทิตย์สีเขียวดวงนั้น
แขนเสื้อเขาพัดไปตามลม ผมดำปลิวไสว ดูโดดเด่นเกินปุถุชนคล้ายเซียนจุติลงมาองค์หนึ่ง แต่แสงมรรคและพลานุภาพที่สาดส่องออกมารอบกายกลับบังฟ้าเร้นสุริยัน
ชิ้ง!
ดาบหักบินกลับไปที่ฝ่ามือเขาอย่างฉับไวดุจแสงเคลื่อน
หลินสวินมาแล้ว!
ชั่วขณะนี้สายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างพากันรวมอยู่ที่ตัวเขา
“ทุกท่าน อยู่ที่นี่ไปก่อน รอข้าผู้แซ่หลินไปทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนั้นสักรอบค่อยมาสนทนากับทุกท่าน”
หลินสวินกล่าวจากเหนือฟ้าสูง
ระหว่างทางก่อนหน้านี้จิตรับรู้เขาแผ่ขยาย ได้เห็นแต่ละภาพ ณ ที่แห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว และรู้ด้วยว่าที่จ้าวจิ่งเซวียนนำเหล่าผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิมาก็เพื่อมาช่วยเหลือตน
‘เจ้าต้องระวังตัว ในทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ราชันอสูรมาร ยังมีราชันพ่อมดสิบสามคนอยู่ในนั้นด้วย พวกเขาเตรียมตัวมาพร้อม เจ้าอย่าชะล่าใจเด็ดขาด’
จ้าวจิ่งเซวียนสื่อจิตเตือน
หลินสวินพยักหน้า
“คุณชายหลิน ถ้าต้องการให้ช่วยเจ้าก็ร้องเรียกเอานะ!”
ผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนหนึ่งพูดเสียงดัง
“ฆ่าเดรัจฉานชั่วฝูงหนึ่งเท่านั้น ข้าผู้แซ่หลินคนเดียวก็พอแล้ว”
หลินสวินยิ้มกว้าง
ขณะที่พูดเขาก็ก้าวย่างกลางห้วงอากาศ เคลื่อนตัวไปในทะเลสาบวาโยอสนี ตัวคนเดียวเท่านั้น แต่ท่วงท่าโอหังแข็งกร้าวเช่นนั้นทำให้ทั้งทะเลสาบหน้าเปลี่ยนสี
ตูม!
ทว่าเมื่อหลินสวินเพิ่งเหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่ทะเลสาบวโยอสนี ที่นั่นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
คลื่นน้ำถาโถมดังสนั่นราวสายฟ้า เริ่มจากมีเรือดอกบัวลำหนึ่งทะยานฟ้าขึ้นมา เงาร่างทองเจิดจ้าร่างหนึ่งยืนอยู่บนเรือ ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยแสงโชติช่วง
นั่นเป็นถึงงูยักษ์ที่มีปีกงอกบนหลังตัวหนึ่ง ทั้งร่างราวกับหล่อด้วยทองคำ นัยน์ตาเย็นชา
“ราชันงูเทพ!”
หลายคนหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าเคร่งเครียด อสูรมารตนนี้เป็นราชันอสูรมารที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าราชันกระเรียนเงิน
แต่นี่เพิ่งเริ่มต้น
ท่ามกลางเสียงคำรามสะท้านฟ้า ราชันอสูรมารที่ผิวหนังมีเกล็ดสีน้ำเงินทั่วตัว ฝ่ามือคล้ายครีบปลา เส้นผมเหมือนสาหร่าย เท้าทั้งสองแปลงเป็นหางมังกรเจียว มือถือทวนวงเดือนสำริดเล่มหนึ่ง แสงอสูรมารถั่งโถมปรากฏตัวสู่ฟากฟ้า
ราชันเจียวสมุทร!
อีกด้านหนึ่งเปลวเพลิงถาโถมแปรสภาพเป็นวังวนเผาไหม้ห้วงอากาศ เงาร่างอรชรร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางวังวนเปลวเพลิง สวมเกี้ยวขนนกเพลิงไว้ที่หัว ถือไม้เท้าสีแดงเพลิงอันหนึ่ง ดุจดั่งเทพอสูรมารที่ถือกำเนิดจากเปลวเพลิงองค์หนึ่ง
ราชันเถาวัลย์เพลิง!
นอกจากนี้ที่ด้านอื่นยังมีราชันอสูรมารตนแล้วตนเล่าปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละตนต่างมีพลังคับฟ้า แสงเทพเปล่งประกาย กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงลึกล้ำ
ที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า
ที่แข็งแกร่งที่สุดยิ่งมีพลังต่อสู้ระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด
ในที่สุดกลางทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนั้นก็ถูกเงาร่างของราชันอสูรมารตนแล้วตนเล่าบดบังไปหมด กลางฟ้าดินไออสูรมารถั่งโถม ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งพายุอสนีซัดสาด เปลวเพลิงตัดอากาศ เสียงคำรามสะท้านฟ้าเกิดขึ้นไม่ว่างเว้น
ราชันอสูรมารถึงสิบกว่าตนดุจดั่งภูเขาใหญ่ที่ทอดตัวอยู่กลางฟ้าดินลูกแล้วลูกเล่า กลิ่นอายเช่นนั้นกดข่มจนทุกคนหายใจติดขัด
“หลินสวิน เจ้าดันกล้ามาจริงๆ ไม่กลัวประสบเคราะห์หรือ”
เหนือวังวนเปลวเพลิง ราชันเถาวัลย์เพลิงเอ่ยปาก เสียงพูดอ่อนหวานทรงเสน่ห์ แต่เมื่อดังก้องในฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งบางคนรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณยุ่งเหยิงปั่นป่วนจนแทบสลบไป
“เขาก็คือหลินสวินหรือ ใช้ได้ดังคาด จากความกล้าหาญเช่นนี้ ก็เห็นได้ว่าแข็งแกร่งกว่าคนอ่อนหัดพวกนั้นจากจักวรรดินี้มากนัก”
ราชันเจียวสมุทรเอ่ยปาก แต่ละคำล้วนเหมือนมีจริงจับต้องได้ สั่นสะเทือนห้วงอากาศประหนึ่งสายฟ้าฟาดสนั่น
“เขามาแล้ว ความแค้นคราวนี้ได้เวลาสะสางเสียที!”
ราชันอสูรมารแต่ละตนเอ่ยปาก แสดงท่าทีอย่างชัดเจน
ในระหว่างนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไปแต่ละคนหน้าเสียขึ้นมา บรรยากาศเงียบสงัด
พอเห็นราชันอสูรมารเหล่านี้ ไม่ว่าตนไหนก็มีท่วงท่าจองหองคับฟ้า พวกร้ายกาจที่เผด็จการเหนือดินแดนแถบหนึ่ง ใครจะไม่กลัวได้กัน
แม้มีเพียงสิบกว่าตน แต่พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างกลับกดข่มจนผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่แทบหายใจไม่ออก
ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือ ราชันอาภรณ์ดำซึ่งลึกลับที่สุดตนนั้นกับราชันพ่อมดสิบสามคนยังไม่โผล่หน้ามา!
“เผชิญหน้ากับราชันอสูรมารมากมายขนาดนี้ คุณชายหลินจะทำอย่างไร”
ทุกคนต่างทอดสายตาไปมองหลินสวินอย่างอดไม่ไหว
“หึ!”
และในตอนนี้เอง ที่เหนือห้วงอากาศหลินสวินที่ยืนเอามือไพล่หลังแค่นหัวเราะหยันขึ้นมา
ฉับพลันนั้นบนร่างเขาพลันแผ่อานุภาพราวมหาสมุทรไปทั่วเวิ้งฟ้า กระจายออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทะเลสาบวาโยอสนีที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้น ตกอยู่ในความเงียบสงัดแปลกประหลาดเหมือนหวั่นกลัว
ด้านราชันอสูรมารสิบกว่าตนนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายเหมือนถูกภูเขาใหญ่กดอัด จมลงจากห้วงอากาศไปหลายฉื่ออย่างเสียการควบคุม!
เหล่าราชันอสูรมารถูกอานุภาพของคนเพียงคนเดียวกดข่ม!
ปึง!
ราชันงูเทพทนไม่ไหวเป็นตนแรกเสียแล้ว พลานุภาพรอบกายปะทุออกมา ดุจดั่งคลื่นเตลิดเข้าไปต้านทานอานุภาพของหลินสวิน
ราชันอสูรมารตนอื่นก็ระเบิดพลังอย่างต่อเนื่องตามมาติดๆ ต่างมีพลานุภาพคับฟ้า
ตนมีฐานะเป็นราชันอสูรมาร จะทนถูกหลินสวินคนเดียวกำราบได้อย่างไร
ครืนโครม!
ฟ้าดินเปลี่ยนสี สุริยันจันทราอับแสง ราชันอสูรมารสิบกว่าตนร่วมกันสำแดงเดช ภาพเช่นนั้นช่างน่าครั่นคร้ามถึงที่สุด
เพียงเห็นว่าในบริเวณใกล้เคียงห้วงอากาศระเบิดป่นปี้ หินผ่าถล่มย่อยยับ ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆ นับไม่ถ้วนต่างต้องถอยหลังอย่างตกตะลึง ทั้งยังถอยออกไปเรื่อยๆ!
ต่อให้ห่างไปไกลลิบ ก็ยังคงรู้สึกหายใจลำบาก อึดอัดในทรวงอก ร่างกายแข็งทื่อดังเดิม
ชั่วขณะหนึ่งก็เห็นว่าพลังกดดันน่ากริ่งเกรงสายแล้วสายเล่าพุ่งขึ้นราวสัญญาณควันไฟกลางฟ้าดิน ค้ำจุนเวิ้งฟ้า ทำให้ลมเมฆถล่ม
เพียงทอดมองจากไกลๆ ก็สามารถทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสิ้นหวังได้!
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับเยือกเย็นไม่หวาดหวั่น แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ก้าวเดียว!
พลานุภาพทั้งร่างเขากลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง แสงมรรคไร้สิ้นสุดไหลวนอยู่รอบกายดั่งห้วงเหวลึกกำลังโคจร ไม่ว่าพลานุภาพของราชันอสูรมารเหล่านั้นจะแกร่งกล้าปานใด ก็ไม่อาจสั่นคลอนหลินสวินได้ดังเดิม ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีใครยอมใคร
ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิต่างอดหวั่นไหวไม่ได้ อานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าเหลือคณา!
ต่อให้เป็นราชันอสูรมารเหล่านั้นก็ยังเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เก็บงำความดูแคลนในใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดตั้งใจขึ้นไม่น้อย
พวกเขาต่างต้องยอมรับ ว่าคนที่พวกเขาเผชิญหน้าคราวนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวดคนหนึ่ง!
——
Related