Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1467 เคราะห์ตัดขาดมาเยือน

“สหายน้อย เจ้ารู้ประวัติความเป็นมาของเคราะห์มรรคตัดขาดไหม”

ทันใดนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยถาม สายตามองไปยังหลินสวิน

“รู้ขอรับ”

หลินสวินพยักหน้า เขาเคยฟังหญิงลึกลับเล่ามาก่อน หลังจากยุคดึกดำบรรพ์ ดินแดนรกร้างโบราณมีด่านเคราะห์สามอย่างปรากฏ

หนึ่งคือ ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ที่มุ่งเป้าไปยังอริยะ ตั้งแต่นั้นมาการที่อริยะปรารถนาทะลวงระดับ ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิก็ไม่อาจเกิดขึ้นอีก

สองคือ ‘เคราะห์กักขัง’ ที่มุ่งเป้าไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณราวกับกรงขัง ปิดหนทางไปสู่โลกภายนอกของผู้แข็งแกร่งทุกคน

สามคือ ‘เคราะห์มรรคตัดขาด’ ตั้งแต่นั้นมาการหลอมกาย หลอมจิต หลอมปราณ มรรคาสามอย่างนี้ก็ไม่อาจฝึกพร้อมกัน มิฉะนั้นจะประสบเคราะห์ถึงตายก่อนได้กลายเป็นอริยะ

นึกถึงตรงนี้หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย โพล่งออกมา “การช่วงชิงจุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ หากมีบางคนต้องการบรรลุจักรพรรดิ ไม่ใช่ว่าต้องผ่าน ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ด้วยหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว “ดูท่าเจ้าจะรู้เยอะกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ไม่ผิด ใครได้จุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ไป ยามบรรลุจักรพรรดิก็ต้องเผชิญหน้ากับเคราะห์พิฆาตมรรค”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้มหายุคมาเยือน ทั้งที่นี่ยังเป็นแดนบ่อเกิดแรกกำเนิด ต่อให้เคราะห์พิฆาตมรรคมาเยือนก็มีหวังที่จะคลี่คลายได้”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

หลินสวินเข้าใจแล้ว ไม่แปลกที่กึ่งจักรพรรดิพวกนั้นจะจำศีลอยู่ที่โลกชั้นล่างตั้งหลายปี จุดประสงค์ไม่ใช่แค่รอมหายุคมาเยือน สิ่งที่สำคัญกว่าคือไขว่คว้าจุดเปลี่ยนใหญ่ ทะลวง ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ในมหายุคและกลายเป็นจักรพรรดิในคราเดียว!

ยามนี้หลินสวินถึงได้รู้ว่าการบรรลุจักรพรรดิยากลำบากเพียงใด

เพื่อรอมหายุคหนหนึ่ง จึงต้องจำศีลและข่มกลั้นอยู่ในกาลเวลาที่ไหลเคลื่อนอย่างยากลำบาก

เพื่อบรรลุจักรพรรดิ เลยต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเคราะห์พิฆาตมรรค

แต่ละก้าวล้วนยากลำบากและอันตรายปานนั้น!

“ความจริงยังมีอีกจุดหนึ่งที่เจ้าไม่เข้าใจ หลังผ่านจุดเปลี่ยนใหญ่ครานี้ ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการออกไปจากที่นี่ ก็ต้องเผชิญหน้ากับด่านเคราะห์ทั้งสิ้น”

ชายหนุ่มจักจั่นทองสีหน้านิ่งสงบกล่าว “นั่นก็คือ ‘เคราะห์กักขัง’ ที่ผนึกอยู่บนดินแดนรกร้างโบราณ”

หลินสวินสะท้าน

จุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ ถึงกับรวมด่านเคราะห์ต้องห้ามสามอย่างที่เพิ่งปรากฏหลังยุคดึกดำบรรพ์ไว้ด้วยกัน?

นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่ิ่งนัก

แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้

เขามาคราวนี้ก็เพื่อทำลายเคราะห์มรรคตัดขาด

กึ่งจักรพรรดิพวกนั้นมาเพื่อบรรลุจักรพรรดิ จะต้องดึงดูดเคราะห์พิฆาตมรรคมาเป็นแน่

และผู้แข็งแกร่งที่ต้องการออกจากแดนบ่อเกิดแรกกำเนิดนี้อย่างชายหนุ่มจักจั่นทอง ก็ถูกลิขิตให้เผชิญหน้ากับเคราะห์กักขัง

“นี่ก็คือจุดเปลี่ยนใหญ่ ทุกคนล้วนมีสิ่งที่เสาะหา ทุกคนต่างหนีพิบัติเคราะห์ที่ต้องเผชิญไม่พ้น แต่พิบัติเคราะห์นี้กลับให้ความหวังแก่ผู้คน ปีนั้นต่อให้มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ร่วงหล่น แต่แผนการนี้ที่เขาสละเลือดเนื้อทิ้งไว้ก่อนจะตาย ช่างกล่าวได้ว่าทุ่มเทกายใจจริงๆ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจ เจือความเคารพนับถือเสี้ยวหนึ่ง

มหาจักรพรรดิคนหนึ่งซึ่งสามารถเหยียดหยัดทั่วหล้า ก่อนตนร่วงหล่นยังแสวงหาจุดเปลี่ยนใหญ่เพื่อคนรุ่นหลัง ปณิธานและความอาจหาญเช่นนี้ในใต้หล้าจะมีสักกี่คนที่สามารถเทียบเทียม

นี่ก็คือความสง่างามของระดับจักรพรรดิที่แท้จริง!

ยามนี้หลินสวินยังอดเลื่อมใสไม่ได้

เวลานี้ชายหนุ่มจักจั่นทองหันกลับมามองหลินสวิน กล่าวว่า “สหายน้อย ตอนนี้เจ้าลงมือได้แล้ว”

“ข้าหรือ”

หลินสวินอึ้ง “ไม่ใช่ว่ามีแค่ระดับกึ่งจักรพรรดิที่สามารถเข้าไปในโลกของชามหมื่นเคราะห์แปรนภานี้หรอกหรือ”

“พิบัติเคราะห์ล้วนถูกกึ่งจักรพรรดิพวกนั้นสลายแล้ว ต่อให้เจ้าเข้าไปก็ย่อมไม่เป็นไรแน่”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว จากนั้นก็เอ่ยเตือน “เคราะห์มรรคตัดขาดไม่ใช่พิบัติเคราะห์ที่ตนชักนำมา หากแต่เป็นภัยพิบัติที่มุ่งเป้าไปยังผู้ฝึกปราณ พิบัติเคราะห์เช่นนี้ก็เหมือนศัตรูตัวฉกาจ อาศัยเจ้าคนเดียวจะต้องไร้แรงต้านแน่”

“มีเพียงเข้าไปในนรกหมื่นเคราะห์ ยามรับเคราะห์นี้ก็จะชักนำพิบัติเคราะห์ทั่วนรกหมื่นเคราะห์เข้ามา ถึงตอนนั้นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นที่กระจายอยู่ในนรกหมื่นเคราะห์จะต้องร่วมแบกเคราะห์นี้กับเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วต่อให้เจ้าไปข้ามด่านเคราะห์ โอกาสของความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นมาก”

เมื่อหลินสวินฟังจบสีหน้าก็พลันแปลกประหลาด “นี่ไม่เท่ากับโยนเคราะห์ให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองหัวเราะชอบใจขึ้นมา “ทำไม เจ้าไม่ยินดีรึ”

หลินสวินก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นค่อยประสานมือคำนับกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสที่แนะแนวทาง”

ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าว “รีบไปเถอะ ใช้จิตรับรู้ของเจ้าเข้าไปในชามนี้ก็จะเข้าสู่นรกหมื่นเคราะห์ได้แล้ว ยามนี้โอกาสกำลังสุกงอม ทันทีที่พลาดไปต้องน่าเสียดายแน่”

หลินสวินไม่ลังเลอีก เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

วู้ม…

ทันทีที่จิตรับรู้ของเขาสัมผัสกับชามหมื่นเคราะห์แปรนภานั่น ทั้งตัวก็พลันหายไปจากจุดเดิม

“สามด่านเคราะห์ต้องห้ามเป็นทั้งกระดานที่จักรพรรดิหมื่นเคราะห์วางไว้ ประกอบกับตัวแปรคนหนึ่งอย่างเจ้าหนูนี่ เรียกได้ว่า ‘ในพิบัติเคราะห์หลากชั้นกลับมีตัวแปร’ ”

ดวงตากระจ่างของชายหนุ่มจักจั่นทองฉายแสงแห่งสติปัญญา พึมพำในใจ ‘หากไม่มีเจ้าหนูนี่ ตัวแปรนี้เกรงว่าคงชักนำมาไม่ได้ง่ายๆ…’

นึกถึงตรงนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองก็ยิ้มเงียบๆ ‘คำว่าวาสนานี่ เลิศล้ำเกินบรรยายจริงๆ!’

“ช่างเป็นสถานที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก”

หลินสวินเผยความรู้สึกตกตะลึง

เวลานี้เขายืนอยู่ในผืนทะเลหมอก คลื่นทะเลหมอกซัดโหมกระหน่ำครอบคลุมอยู่กลางฟ้าดิน ผืนหมอกกว้างใหญ่พวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง

กลิ่นอายที่อบอวลอยู่ในทะเลหมอกนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของด่านเคราะห์ ดำรงอยู่ทุกแห่งหนราวกับเส้นไหมที่ถักทอ

การยืนอยู่ที่นี่ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงความอันตรายหนึ่งอย่างฉับไว

เหมือนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าหายใจยังลำบาก จิตวิญญาณ ร่างกายหรือแม้แต่พลังปราณก็ยังรู้สึกตระหนก

ราวกับมีพลังประหลาดและชวนประหวั่นอย่างหนึ่งจับจ้องตนอยู่ในความรางเลือน!

สีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นจริงจัง

เขารู้ว่านี่มีโอกาสสูงที่จะเป็นเค้าลางว่าเคราะห์มรรคตัดขาดจะมาเยือน

ทว่าในใจเขากลับไม่หวาดกลัว

การหยั่งรู้มรรคหน้าเขาพินิจมรรคหนึ่งเดือนทำให้เขาดึงดูดอมตะเคราะห์ด่านที่เก้ามา พลังหลอมปราณและหลอมจิตทั้งสองสายก้าวเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าในคราเดียว

ขณะเดียวกันพลังหลอมกายก็อาศัยอสนีเคราะห์ชำระล้าง เกิดการเปลี่ยนแปลงจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ของอมตะเคราะห์ด่านแปด

ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก้าวขึ้นบันไดมรรคเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ผ่านการเคี่ยวกรำมากมาย พลังหลอมกายจึงพุ่งสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าแล้ว ไม่แบ่งแยกสูงต่ำ ก้าวหน้าไปเทียบเทียมกับพลังหลอมปราณและหลอมจิตอย่างแท้จริง

หรือพูดได้ว่า มรรควิถีทั้งตัวเขาอยู่ห่างจากการบรรลุอริยะแค่ธรณีประตูเดียวแล้ว!

ดังนั้นยามนี้การที่ต้องเจอเคราะห์มรรคตัดขาด เดิมทีก็อยู่ในการคาดเดาของหลินสวิน

ทั้งเขายังเตรียมการเรื่องนี้มาพอแล้ว

ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันมืดลง หลินสวินเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นบนเวิ้งฟ้าไม่รู้มีรอยแยกประหลาดเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

เหมือนม่านนภาถูกแหวกผ่า เผยให้เห็นผืนฟ้าดำสนิทแปลกประหลาดที่ล้ำลึกไร้สิ้นสุด

กลิ่นอายของด่านเคราะห์ต้องห้ามที่พาให้ผู้คนกดดันจนเกือบหายใจไม่ออก เริ่มอบอวลออกมาจากรอยแยกบนม่านนภานั่น

ฟ้าดินเงียบสงัด อากาศราวกับจะแข็งค้าง

หลินสวินขนลุกไปทั้งตัว สภาวะจิต จิตวิญญาณ ร่างกายรู้สึกได้ถึงอันตรายเยียบเย็นถึงชีวิตในชั่วพริบตา

ในอดีตหลินสวินเองก็เคยข้ามด่านเคราะห์ใหญ่มามากมาย เห็นอสนีเคราะห์ไร้เทียมทาน แปลกประหลาดและวิปริตต่างๆ มาก็เยอะ

แต่ยังไม่เคยเจอพลังของด่านเคราะห์ใดที่แปลกประหลาด ชวนประหวั่นเหมือนตรงหน้านี้

นี่ทำให้เขานึกถึงพลังพิฆาตมรรคที่ผนึกอยู่ในไม้โพธิ์ท่อนนั้น นึกถึงพลังต้องห้ามอันน่ากลัวที่มาเยือนยามอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬถูกสังหาร

และนึกถึง ‘ทวนพิฆาตมรรค’ ที่มุ่งเป้าไปยังหญิงลึกลับทุกครั้งที่ปรากฏตัวขึ้นบนโลก

หลังจากนั้นหลินสวินก็แน่ใจว่า พิบัติเคราะห์แปลกประหลาดราวสิ่งต้องห้ามทั้งสามอย่างเคราะห์มรรคตัดขาด เคราะห์กักขัง เคราะห์พิฆาตมรรค น่าจะเหมือนอย่างที่หญิงลึกลับกล่าวมาทั้งหมด เดิมทีพวกมันมาจากแหล่งเดียวกัน!

แค่เป้าหมายที่เล่นงานไม่เหมือนกันเท่านั้น อานุภาพเลยน่าจะต่างกันไปด้วย

เวลานี้หลินสวินหายใจยังลำบาก กดดันไปทั้งตัวจนแข็งทื่อ ขนาดโคจรพลังของสามมรรคาพร้อมกันก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน มีความรู้สึกว่าหยุดชะงักเล็กน้อย

นี่ทำให้สีหน้าของหลินสวินจริงจังยิ่งกว่าเดิม

เคราะห์มรรคตัดขาด ไม่ธรรมดาดังคาด!

พร้อมกันนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองที่อยู่ในตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เหลือบตามองไปยังนอกประตูตำหนัก มองเห็นว่าบนเวิ้งฟ้าของป่าต้นหม่อนนั้นปรากฏรอยแยกสายหนึ่ง

“พิบัติเคราะห์มาแล้ว รอแค่ตัวแปรปรากฏ…”

นัยน์ตาของชายหนุ่มจักจั่นทองพลันสาดแสงน่าพรั่นพรึงออกมา ชุดป่านเกิดเสียงสะบัดโบก สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม

“หืม?”

ในแดนลับต่างๆ ของนรกหมื่นเคราะห์ก็ปรากฏกลิ่นอายต้องห้ามแปลกประหลาดเช่นกัน พาให้บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิมากมายระวังตัว

“หรือจะมีคนชิงจุดเปลี่ยนใหญ่ไปแล้ว เลยต้องรับ ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ก่อนกลายเป็นจักรพรรดิ”

บรรพจารย์บัวโลหิตที่รูปร่างเหมือนเด็กชายสีหน้าขรึมทันที ขุ่นเคืองหาใดเปรียบ

“ทำไมเป็นเช่นนี้”

จ้าวหยวนจี๋ชะงัก ประหลาดใจหาใดเปรียบ ตอนนี้เขายืนอยู่ในแดนลับที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเจ็ด ห่างจากแดนลับสุดท้ายไม่ไกลแล้ว

“หรือว่าเป็นจักจั่นขาวตัวนั้น”

เขานึกถึงเด็กสาวชุดขาวคนนั้นที่กระโดดข้ามหน้าเขาไปเมื่อครู่ ใจพลันดิ่งลงอย่างอดไม่อยู่

“ไม่ถูกสิ ทำไมไม่ใช่ข้า”

เวลานี้เด็กสาวจักจั่นขาวก็สีหน้าตกตะลึง นางยืนอยู่ในแดนลับสุดท้าย แต่ยังไม่ทะลวงด่าน

แต่นางมั่นใจว่าตนต้องเป็นคนแรกที่สามารถตะลุยผ่านนรกหมื่นเคราะห์ไปได้ กลายเป็นผู้ที่แย่งชิงจุดเปลี่ยนใหญ่นี้ได้!

แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นี่ทำให้นางรับมือไม่ทัน

“น่าชังนัก!”

“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้…”

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”

พร้อมกันนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งกึ่งจักรพรรดิที่กระจายอยู่ในแดนลับอื่นทั้งยังไม่ถูกคัดออก สีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นปรวนแปรไม่หยุด ในใจรู้สึกไม่พอใจ

อย่างพวกดอกกระบี่พันปีก อูจิ่วฉง จวี้เทียนสิง เจียวหลงเขียวมรกตเป็นต้น

ถึงขั้นที่ว่าคนไม่น้อยยังคำรามเสียงดังออกมา ไม่อาจยอมรับความเป็นจริงนี้

อดทนอย่างยากลำบากผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดมาจนถึงวันนี้ แต่สุดท้ายกลับว่างเปล่า การโจมตีนี้ต่อให้เป็นพวกเขาระดับกึ่งจักรพรรดิก็ยังยากจะยอมรับในทันที

“ทุกท่านอย่าตกใจ นี่ไม่ใช่การมาเยือนของเคราะห์พิฆาตมรรค”

ทันใดนั้นเสียงฉะฉานและนุ่มนวลนั้นของชายหนุ่มจักจั่นทองดังก้องขึ้นในนรกหมื่นเคราะห์ ทำให้กึ่งจักรพรรดิทุกคนต่างได้ยินอย่างชัดเจน

ไม่นานเมื่อกึ่งจักรพรรดิมากมายเห็นว่าคนที่พูดเป็นใคร สีหน้าก็ผ่อนคลายลงพร้อมกัน

เป็นจักจั่นทองตัวนั้น!

คำที่เขาพูดย่อมไม่มีทางเป็นเท็จแน่

แต่นี่ก็หมายความว่า จุดเปลี่ยนใหญ่นี้ยังไม่ถูกคนช่วงชิงไปใช่ไหม

นึกถึงตรงนี้ ในใจคนมากมายก็อดไม่ได้ที่จะมีความหวังใหม่อีกครั้ง ความขุ่นเคือง ไม่พอใจ ขมขื่นและจนปัญญาก่อนหน้านี้พลันหายไป

 ……………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset