กึ่งจักรพรรดิไม่น้อยต่างเผยยิ้มยินดีผ่อนคลายออกมาอย่างอดไม่อยู่
เผชิญหน้ากับความหวังบรรลุจักรพรรดิที่ใจยึดมั่นและมุ่งหวังปรารถนามาเนิ่นนาน ไม่ว่าใครก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เนื่องด้วยประหม่าและให้ความสนใจเกินไป จึงทำให้ความรู้สึกในสภาวะจิตพวกเขาขึ้นๆ ลงๆ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่มีทางดูดายข้า”
บนหน้างามดั่งภาพวาดของเด็กสาวจักจั่นขาวระบายยิ้ม นางรู้ว่าขอเพียงจักจั่นทองช่วยนาง จุดเปลี่ยนใหญ่นี้จะต้องเป็นของนางแน่
“ไม่ใช่เคราะห์พิฆาตมรรค…”
จ้าวหยวนจี๋ลอบเป่าปากโล่งอก
“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นก็ดียิ่ง!”
บรรพจารย์บัวโลหิตหัวเราะลั่นขึ้นมา
เพียงแต่ในใจพวกเขายังมีข้อสงสัยเสี้ยวหนึ่ง ในเมื่อไม่ใช่เคราะห์พิฆาตมรรค แล้วเหตุใดกลางฟ้าดินจึงปรากฏกลิ่นอายราวสิ่งต้องห้ามเช่นนั้น
เวลานี้เสียงของชายหนุ่มจักจั่นทองดังขึ้นอีกครั้ง…
“แต่นี่เป็นมหาเคราะห์ที่มีชื่อเรียกว่าเคราะห์มรรคตัดขาดจริง มาจากสหายน้อยคนหนึ่ง แต่กลับต้องให้ทุกท่านมาร่วมแบกรับพร้อมกัน เชื่อว่าด้วยคุณธรรมอันสูงส่งของทุกท่านต้องยินดีอุ้มชูคนรุ่นหลังเป็นแน่ ข้าจักจั่นทองขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้ามา ณ ที่นี้”
ประโยคเดียวพาให้กึ่งจักรพรรดิทุกคนตื่นตะลึงกันหมด
เคราะห์มรรคตัดขาด?
เพียงพริบตาพวกเขานึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หลินสวิน!
สีหน้าของกึ่งจักรพรรดิไม่น้อยอึมครึมลงในชั่วขณะเดียว
ร่วมแบกรับ?
เห็นชัดว่านี่เป็นการโยนเคราะห์ให้พวกเขา ใช้พลังของพวกเขามาช่วยเจ้าหนูนั่นสลายเคราะห์!
พอคิดถึงว่าถูกลอบวางแผนใส่อย่างคาดไม่ถึง กึ่งจักรพรรดิบางส่วนล้วนหน้าดำทะมึน
สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างอูจิ่วฉง ดอกกระบี่พันปีกที่เคยถูกหลินสวินด่าสาดเสียเทเสีย ก็โกรธจนควันออกจมูกแล้ว
แม้แต่กึ่งจักรพรรดิบางส่วนที่ไม่เคยมีปมกับหลินสวิน ในใจก็ไม่พอใจนัก ถูกมดปลวกที่แม้แต่พวกเขายังไม่เห็นอยู่ในสายตาตัวหนึ่งหลอกใช้ รสชาตินี้ช่างทำให้คนรังเกียจเกินไปแล้ว พาให้ผู้คนเดือดดาล
ส่วนพวกจ้าวหยวนจี๋ จักรพรรดินี จ้าวไท่ไหล เจ้าสำนักมฤคมรกตก็สีหน้าพิกล ล้วนคิดไม่ถึงว่าเวลานี้หลินสวินจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
ถึงกับยืมมือกึ่งจักรพรรดิทั้งหมด มาสลายเคราะห์มรรคตัดขาด!
วิธีนี้กลับทำให้พวกจ้าวหยวนจี๋ชื่นชมยิ่งนัก เอ่ยปากชมไม่หยุด
“ต้องเป็นความคิดของจักจั่นทองแน่”
เฟยหลันชายชุดขาวที่กลายร่างจากผีเสื้อราตรีสีเลือดเดาความจริงออกตั้งแต่พริบตาแรก ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ป่าต้นหม่อนนี้ คนที่เขาดูไม่ออกที่สุดก็คือจักจั่นทอง
ถึงขั้นที่ว่าในสายตาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในป่าต้นหม่อน จักจั่นทองคือคนผู้เดียวที่เก็บซ่อนตัวตนแนบเนียน ลึกล้ำยากหยั่งถึงที่สุด
“คุณธรรมสูงส่ง อุ้มชูคนรุ่นหลังบ้าอะไร ข้าแทบอยากจะสังหารเจ้าเด็กนี่ คิดจะให้ข้าช่วยเขารึ ไม่มีทาง!”
ดอกกระบี่พันปีกแผดเสียงคำราม
“ฮึ เรื่องนี้ข้าก็ไม่มีทางรับปากแน่”
บรรพจารย์บัวโลหิตแค่นเสียงเย็นชา
“ไม่รับปากเกรงว่าคงไม่ได้แล้ว หลังจากเคราะห์นี้มาเยือน จะชักนำมาซึ่งพิบัติเคราะห์นานัปการเต็มแน่นทั่วนรกหมื่นเคราะห์ พวกเจ้า… ไม่อาจไม่เผชิญหน้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมไม่ทนรับชะตากรรม ถือเป็นการผูกวาสนาจะดีกว่า”
เสียงของชายหนุ่มจักจั่นทองดังขึ้นอีกครั้ง
ชั่วขณะเดียวทำเอาสีหน้าของพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างดอกกระบี่พันปีก บรรพจารย์บัวโลหิต อูจิ่วฉง จวี้เทียนสิงทั้งหมดเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาทันที
ทนรับชะตากรรม?
เห็นพวกเขาเหล่ากึ่งจักรพรรดิเป็นอะไร
แล้วยังจะผูกวาสนาอีก นี่เห็นพวกเขาเป็นผู้ใจบุญ เอาชนะความโกรธด้วยคุณธรรมหรือไร
นี่ช่างทำให้ผู้คนคับข้องใจเกินไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ การปรากฏตัวของหลินสวินคนเดียวก็ทำลายปฏิบัติการล้อมโจมตีพวกจ้าวหยวนจี๋ของพวกเขา ถึงขั้นทำให้ตอนนี้จ้าวหยวนจี๋เป็นฝ่ายได้เปรียบในนรกหมื่นเคราะห์แล้ว
และเป็นหลินสวินที่ชักนำให้เฟยหลันปรากฏตัว ใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารทะลวงกลีบดอกหนึ่งของดอกกระบี่พันปีก สยบเหล่ากึ่งจักรพรรดิ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเกรี้ยวกราดอย่างไรก็ทำอะไรหลินสวินไม่ได้ เพราะไม่ได้มีแค่เฟยหลัน ข้างกายหลินสวินยังมีตัวดุร้ายน่ากลัวเจ็ดตัวคุ้มครองด้วย ทำให้พวกเขาอยากบิดขยี้มดปลวกตัวนี้แค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้
และตอนนี้เจ้าเด็กนี่ยังกล้าหลอกใช้พวกเขา คิดจะยืมพลังของพวกเขามาสลายเคราะห์มรรคตัดขาด นี่เขาแม่ง…
ไม่เห็นกึ่งจักรพรรดิอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มดปลวกตัวหนึ่งกล้าท้าทาย ทั้งลอบวางแผนใส่พวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในใจเขามองกึ่งจักรพรรดิเป็นอะไร
ยิ่งคิดในใจของสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ก็ยิ่งหัวเสีย ยากจะรับเหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป
สิ่งที่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ที่สุดคือ พวกเขาไม่อาจไม่ยอมรับที่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำซะอย่างนั้น…
ต่อให้ใจดี ควบคุมอารมณ์ได้หรือจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน ยามนี้ก็ทำให้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าอย่างอดไม่ได้
ส่วนพวกจ้าวหยวนจี๋แต่ละคนกลับหัวเราะชอบใจ
ว่าไปแล้วตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัว พวกเขาก็เหมือนบุญพาวาสนาส่ง ไม่เพียงคลี่คลายสถานการณ์คับขันยังเดินมาได้ถึงตอนนี้ นี่จะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไร
กึ่งจักรพรรดิก็เป็นคน มีเจ็ดอารมณ์ หกปรารถนา ดีชั่วชื่นชอบเหมือนกัน!
ยิ่งปราณสูงพลังแข็งแกร่ง ก็ยิ่งปิดบังความรู้สึกและความรักชอบเดียดฉันท์ของตนไม่อยู่ เพราะแข็งแกร่งพอ จึงไม่หวาดกลัวสิ่งใด!
หากคิดว่าบุคคลสำคัญที่สูงส่งเหนือผู้อื่นเหล่านั้นมองการหยามเหยียดและยั่วยุราวสิ่งไร้ค่า อุปนิสัยเย็นชาสันโดษ ไม่มีคลื่นความรู้สึก นั่นก็เรียกได้ว่าผิดมหันต์
แต่เวลานี้หลินสวินไม่อาจคิดมากความแล้ว จิตใจของเขากำลังตึงเครียด หน้าตาจริงจังและระแวดระวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในรอยแยกแคบยาวบนเวิ้งฟ้านั่น พลังต้องห้ามเร้นลับชวนประหวั่นรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ตอนนี้หลินสวินถึงได้ตระหนักว่า ต่อให้ตนเตรียมตัวมาพอแล้ว ก็ยังดูเบาความน่ากลัวของเคราะห์มรรคตัดขาดอยู่มาก
ด่านเคราะห์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งบนมรรคาอมตะคนใดสามารถสลายได้จริงๆ!
ตูม!
ทวนเล่มหนึ่งที่วิวัฒน์จากกลิ่นอายของด่านเคราะห์ต้องห้ามรวมตัวกันแล้วพุ่งออกมาจากรอยแยกทันใด เต็มไปด้วยพลังกฎระเบียบต้องห้ามราวกับจะทำลายล้าง
ทันทีที่ปรากฏก็ทำเอาหลินสวินหน้าเปลี่ยนสี
ต้านไม่อยู่!
นี่คือสัญชาตญาณของเขา ทั้งยังเด่นชัดอย่างยิ่ง
แต่เมื่อทวนนี้เพิ่งปรากฏ แดนนรกหมื่นเคราะห์ที่วิวัฒน์อยู่ในชามใบนี้ก็ส่งเสียงกัมปนาททันที
ในแดนลับแต่ละด่านมีกลิ่นอายของด่านเคราะห์แผ่คลุมมากมาย สลับซับซ้อนราวตาข่ายเคราะห์มหึมาที่ซัดกระหน่ำ
เมื่อทวนต้องห้ามนั้นไหลลู่ลง ก็ปะทะเข้ากับกลิ่นอายด่านเคราะห์ไร้สิ้นสุดนั่นทันที
ตูม เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหูดังก้องขึ้นราวฟ้าถล่มดินทลาย กลิ่นอายทำลายล้างต้องห้ามชวนประหวั่นเริ่มพุ่งเข้าไปในแดนลับต่างๆ ของนรกหมื่นเคราะห์
“น่าชังนัก!”
มีคนตะคอกคำราม
“เป็นเช่นนี้จริงๆ…”
มีคนหน้าเปลี่ยนสี เชื่อในคำพูดของชายหนุ่มจักจั่นทองแล้ว
“มารดามันเถอะ ไม่นึกเลยว่าข้าจะถูกไอ้สวะที่สู้มดปลวกไม่ได้ตัวหนึ่งหลอกใช้…”
มีคนกรุ่นโกรธ
โดยเฉพาะพวกดอกกระบี่พันปีก บรรพจารย์บัวโลหิต อูจิ่วฉงและจวี้เทียนสิง ใบหน้าแต่ละคนดำราวก้นหม้อ โกรธจนแทบกระอักเลือด
แต่ต่อให้พวกเขาไม่ยินยอมและอัดอั้นแค่ไหน เวลานี้ก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ทำได้แค่ลงมือต้านทาน
ด้วยแดนลับแต่ละแห่งที่พวกเขาอยู่ ล้วนกำลังแบกรับการโจมตีของพลังทำลายล้างต้องห้ามนั่น!
แต่นัยน์ตาดำของหลินสวินกลับวาววาบ เป่าปากโล่งใจจากความตึงเครียดและกดดันหาใดเปรียบ เขาสังเกตเห็นแล้วว่าพลังของด่านเคราะห์ต้องห้ามนั้นถูกแบ่งแยกเป็นพลังปรวนแปรมากมาย
เมื่อมาถึงข้างหน้าตนก็เหลืออานุภาพแค่ไม่ถึงหนึ่งในพันของก่อนหน้านี้ เห็นได้ว่าอ่อนกำลังหาใดเปรียบ ไม่ต่างอะไรกับอสนีเคราะห์ทั่วไป
แต่ด้วยพลังต้องห้ามนี้แปลกประหลาดและไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หลินสวินเองก็ไม่กล้าประมาท โคจรพลังทั่วร่าง ใช้วิชายุทธ์ต้านทานเต็มกำลัง
ตูม!
เพียงพริบตาพลังทำลายล้างต้องห้ามนั้นก็ถูกซัดกระจาย กลายเป็นละอองแสงลอยล่องหายไป
หลินสวินไม่ผ่อนคลายลง ด้วยในรอยแยกบนเวิ้งฟ้านั่นกำลังมีพลังต้องห้ามแผ่คลุมมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมาเยือนแล้ว!
แต่เทียบกับเมื่อครู่แล้ว หลินสวินฟื้นคืนความมั่นใจกลับมาได้อย่างสิ้นเชิง
ก็เห็นเขาโคจรมรรคและวิชาของตน พุ่งขึ้นไปบนอากาศ กวาดขวางฟาดฟันจนสะใจเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าเขารู้อยู่แก่ใจ ว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ต้องเป็นเพราะพลังส่วนใหญ่ของเคราะห์มรรคตัดขาดนี้ถูกกึ่งจักรพรรดิคนอื่นแบ่งเบาไปแล้ว
‘ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ…’ หลินสวินทอดถอนใจอยู่ภายในใจ
เขาไม่รู้เลยว่าในแดนลับอื่น สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิที่เห็นเขาเป็นศัตรูพวกนั้นแค้นเขาเข้ากระดูกนานแล้ว กำลังหลุดปากด่ายกใหญ่ แต่ละคนสีหน้าอึมครึมจนประหนึ่งจะมีน้ำหยดออกมา
ถูกมดปลวกลอบวางแผนใส่ทั้งยังทำสำเร็จ สำหรับกึ่งจักรพรรดิที่สูงส่งเหนือผู้อื่น อยู่เหนือกว่าอริยะอย่างพวกเขา นี่ช่างเป็นความอัปยศใหญ่หลวงที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ!
“นี่ก็คือตัวแปร พิบัติเคราะห์ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปตามตัวแปร”
ในตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ชายหนุ่มจักจั่นทองปรบมือหัวเราะร่า เขาเห็นทุกอย่างนี้ด้วยตาตัวเอง ภาคภูมิใจยิ่งนัก ด้วยทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น
“ข้าสัมผัสได้แล้ว!”
ทันใดนั้นจ้าวหยวนจี๋ที่ยืนอยู่ในแดนลับที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบแปด และกำลังต้านพลังเคราะห์มรรคตัดขาดนั้นพลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าสายหนึ่งออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เป็นพลังของจุดเปลี่ยนใหญ่นั่น!
ในฐานะที่เป็นกึ่งจักรพรรดิ ในจิตของจ้าวหยวนจี๋ปรากฏภาพประหลาดหนึ่ง เขาเห็นหนทางมุ่งสู่เหนือปวงสวรรค์สายหนึ่ง
เส้นทางนั้นส่องประกาย ศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง เร้นลับและยากหยั่งถึงเช่นนี้ พาให้ใจเขาไหวสั่นขึ้นมา
ขณะเดียวกันนรกหมื่นเคราะห์ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาด้วย
ในตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ชามหมื่นเคราะห์แปรนภาที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะก็สั่นระรัว พื้นผิวหยาบดำด้านแผ่คลื่นอัศจรรย์ออกมา
“พิบัติเคราะห์หลายชั้น การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง!”
แววตาของชายหนุ่มจักจั่นทองนิ่งสงบ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายภูมิฐานน่าหวาดกลัวออกมา
ในนรกหมื่นเคราะห์ยามนี้ กึ่งจักรพรรดิทุกคนที่กำลังต้านเคราะห์มรรคตัดขาดล้วนสัมผัสได้ แต่ไม่นานสีหน้าก็แปรเปลี่ยนยกใหญ่
พลังของจุดเปลี่ยนใหญ่นั้นถูกคนอื่นชิงไปแล้ว!
เป็นใครกัน!?
พวกเขาทุกคนแปลกใจสงสัย บันดาลโทสะ ในใจเกิดความไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
เดิมทีพวกเขาก็ถูกหลินสวินวางแผนการใส่จนรู้สึกอึดอัดหาใดเปรียบ เวลานี้ยังสังเกตเห็นว่าจุดเปลี่ยนใหญ่ถูกแย่งชิงไปอีก การโจมตีอย่างหนักนี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนโกรธจนแทบกระอักเลือด
เฟยหลันขมวดคิ้วมุ่น ถอนหายใจเฮือกใหญ่
บรรพจารย์บัวโลหิตแผดเสียงคำราม คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์
กลิ่นอายของดอกกระบี่พันปีกพลันเปลี่ยนเป็นดุดันหาใดเปรียบ
คนอื่นๆ อย่างพวกอูจิ่วฉง จวี้เทียนสิงและกึ่งจักรพรรดิทั้งหมดก็เหมือนจะคลุ้มคลั่ง
เพราะอะไร
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
เฝ้ารอผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดอย่างยากลำบาก สิ่งที่ตอบแทนก็คือผลลัพธ์เช่นนี้หรือ
พวกเขา…
ไม่พอใจ!
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาว่าการพลาดจุดเปลี่ยนใหญ่เช่นนี้ แรงโจมตีที่ต้องแบกรับนั้นมากแค่ไหน!
“จักจั่นทอง เจ้าเคยบอกว่าจะช่วยข้า ทำไมถึงทำเช่นนี้”
ในแดนลับด่านที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า เด็กสาวจักจั่นขาวก็ไม่อาจควบคุมจิตใจ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายอำมหิตร้ายกาจ น้ำเสียงเยียบเย็นชวนประหวั่น
………….