Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1471 พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ

สายตาของจักจั่นทองมองไปยังพวกจ้าวหยวนจี๋ จักรพรรดินี จ้าวไท่ไหล และเจ้าสำนักมฤคมรกต

หลินสวินก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าตอนนี้ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิที่ยังกระจายอยู่ในนรกหมื่นเคราะห์ ยังมีบุคคลทรงพลังสิบกว่าคนอย่างบรรพจารย์บัวโลหิต ผีเสื้อราตรีสีเลือด อูจิ่วฉง และจวี้เทียนสิง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เคราะห์พิฆาตมรรคครั้งนั้นถูกสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิเหล่านี้ต่างกำลังรักษาบาดแผล

ไม่ได้สังเกตเลยว่านอกจากพวกเขา บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ต่างถูกดูดดึงและทำให้สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว

“ผู้อาวุโส ท่านจะพาพวกเขาไปไหนหรือ”

หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้

“ทางเดินโบราณฟ้าดารา”

ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าว “จ้าวหยวนจี๋ผู้นั้นฝ่าเคราะห์พิฆาตมรรคได้แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็จะบรรลุระดับจักรพรรดิที่แท้จริง หากเขาทะลวงระดับที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ไม่แน่ว่าจะถูกทาบทามให้เข้าร่วม ‘พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ’

“พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณประกอบขึ้นโดยเหล่าคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิ ระดับจักรพรรดิแต่ละคนที่เข้าร่วม สามารถนำกึ่งจักรพรรดิติดตามไปได้สามถึงห้าคน”

“ในนามเป็นผู้ติดตาม แต่หากสามารถเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ติดตามบำเพ็ญข้างกายระดับจักรพรรดิได้ ภายหน้าโอกาสที่จะฝ่าด่านเคราะห์บรรลุเป็นจักรพรรดิก็จะง่ายขึ้นมาก”

พอฟังมาถึงตรงนี้หลินสวินก็สะท้านในใจ “พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มน้อยๆ “รอภายหน้ายามเจ้าเหยียบย่างไปในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็จะได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ”

หลินสวินจึงเข้าใจว่าการกระทำนี้ของชายหนุ่มจักจั่นทองเรียกได้ว่าเป็นเรื่องดียิ่งเรื่องหนึ่งต่อทั้งจ้าวหยวนจี๋ หรือพวกจักรพรรดินีและจ้าวไท่

“แต่เจ้าพวกนั้น…” สายตาของหลินสวินมองไปที่พวกบรรพจารย์บัวโลหิต อูจิ่วฉงและจวี้เทียนสิง ในใจออกจะกังขา

“สำหรับเจ้าแล้วพวกเขาเป็นศัตรู แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายพวกเขาก็เป็นกึ่งจักรพรรดิอยู่ดี ทั้งภายหน้ายังมีความหวังที่จะบรรลุระดับจักรพรรดิมากนัก ข้าพาพวกเขาไปด้วยก็เป็นเพราะอยากให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง และเป็นการให้โอกาสดินแดนรกร้างโบราณครั้งหนึ่งด้วย”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย “อีกทั้งตอนนี้เมธีของพวกเขาแต่ละเผ่าอยู่ที่พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณไม่น้อย ข้าพาพวกเขาไปด้วยกัน เมธีของพวกเขาแต่ละคนย่อมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณข้า”

ถึงตรงนี้หลินสวินก็เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของชายหนุ่มจักจั่นทองโดยสมบูรณ์ การกระทำแต่ละอย่างของเขาต่างมีความหมายลึกซึ้งยิ่ง กำลังวางแผนเพื่ออนาคต!

“เช่นนั้นกึ่งจักรพรรดิที่ถูกผู้อาวุโสกำราบเหล่านี้…”

ไม่ทันรอให้หลินสวินเอ่ยถาม ชายหนุ่มจักจั่นทองก็ยิ้มพูดแล้วว่า “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขามีฐานะเป็นกึ่งจักรพรรดิ ย่อมต้องลงแรงเพื่อดินแดนรกร้างโบราณ นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากไหว้วานเจ้า”

เขาพูดพลางส่งใบหิมะน้ำแข็งใบนั้นให้หลินสวิน เอ่ยกำชับว่า “รอเจ้าไปที่สมรภูมิเก้าดินแดน หากมีโอกาสก็นำสิ่งนี้ไป ‘สนามรบแนวหน้า’ ที่ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิประจำการ ถึงตอนนั้นกึ่งจักรพรรดิที่ถูกผนึกไว้เหล่านี้จะหลุดพ้นโดยสมบูรณ์ เลือกได้เพียงเส้นทางชดใช้บาป รับใช้ดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้น”

หลินสวินเกิดความเคารพขึ้นในใจ มือทั้งสองรับใบหิมะน้ำแข็งอัศจรรย์ใบนี้มา

แผนการแต่ละอย่างของชายหนุ่มจักจั่นทองต่างมีดินแดนรกร้างโบราณเป็นจุดเริ่มต้นทั้งนั้น ปณิธานและจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดหย่อน

นี่ทำให้หลินสวินนึกถึงเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน อริยพุทธซิงเจีย จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง พวกเขาต่างมีปณิธานเดียวกัน ใช้พลังของตนเองช่วยเหลือใต้หล้า เพื่อให้ดินแดนรกร้างโบราณผาสุก!

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยว่า “จะถึงเวลาแล้ว ไปบอกลาพวกเขาเถอะ”

หลินสวินจิตใจสั่นไหว เก็บความรู้สึกไว้ในใจ ทอดสายตามองไปยังพวกจ้าวหยวนจี๋และจ้าวไท่ไหลในชามหมื่นเคราะห์แปรนภา

ที่เหนือความคาดหมาย พวกจ้าวหยวนจี๋คล้ายได้รับการชี้แนะจากชายหนุ่มจักจั่นทองมาก่อนแล้ว ต่างเหมือนรู้สึกขึ้นได้ในตอนนี้ ส่งเสียงออกมา

“ข้าทะลวงเคราะห์พิฆาตมรรคในวันนี้ได้ก็หนีไม่พ้นการชี้แนะของลู่ป๋อหยาในตอนนั้น หลินสวิน ข้าติดค้างไมตรีของลู่ป๋อหยา ภายหน้าจะค่อยๆ ทดแทนให้ หลินสวิน เจ้าก็ต้องหมั่นฝึกปราณ รีบเหยียบย่างบนทางเดินโบราณฟ้าดาราให้ได้ในเร็ววัน”

จ้าวหยวนจี๋สีหน้าเจือความอ่อนโยน คล้ายทอดถอนใจ “คำพูดที่เหลือข้าก็ไม่พูดแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่คำอยากมอบให้ มหามรรคมีแต่ความยากลำบาก จงก้าวไปข้างหน้า เจ้าหนู รักษาตัวด้วย!”

หลินสวินรู้สึกอบอุ่นใจ

หลายปีมานี้ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ที่เข้าสู่นครต้องห้ามเป็นครั้งแรกจวบจนปัจจุบัน แม้เขาได้พบหน้ากับบุรุษผู้กุมอำนาจสูงสุดในจักรวรรดิผู้นี้น้อยครั้งนัก

แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายติดตามดูตนอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด

ตอนนั้นเป็นเพราะการฝากฝังของจ้าวหยวนจี๋ ราชันกระหายเลือดจ้าวไทไหลจึงช่วยเหลือเขากับตระกูลหลินที่อยู่เบื้องหลังเขาหลายครั้ง!

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่สอนสั่ง”

หลินสวินตอบกลับอย่างจริงจัง

“สำนักศึกษามฤคมรกตก็มีเลือดดวงใจของลู่ป๋อหยาส่วนหนึ่ง หลินสวิน หากเจ้าอยากเสาะหาความจริง ต้องเตรียมตัวให้เต็มที่”

เจ้าสำนักศึกษามฤคมรกตก็เอ่ยปากอย่างอ่อนโยน

“ฮ่าๆๆ เจ้าหนู หวังว่าภายหน้าตอนพบกันอีกครั้ง พวกเราจะออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กัน สู้จนสาแก่ใจได้!”

จ้าวไท่ไหลหัวเราะร่า

“เรื่องของจักรวรรดิในภายภาคหน้า มอบให้ราชครูที่หอคอยดูดาวหลวงผู้นั้นมาดูแลก็พอแล้ว”

จักรพรรดินีพูดถึงตรงนี้ ฉับพลันสีหน้าแปลกไป “แล้วก็ต้องดูแลจิ่งเซวียนให้ดี ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ารังแกนาง ข้าคงไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้”

หลินสวินร้องเอ่อ ออกจะตั้งตัวไม่ทัน นี่จะฝากฝังจิ่งเซวียนไว้กับตนหรือ

“นี่เป็นคำตอบของเจ้าหรือ”

จักรพรรดินีออกจะไม่พอใจ

“ผู้อาวุโสวางใจ ข้าจะอุทิศทั้งชีวิตจิตใจดูแลจิ่งเซวียน ไม่ทำให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมขอรับ”

หลินสวินสูดหายใจเฮือกหนึ่ง กล่าวจริงจัง

“ยังเรียกว่าผู้อาวุโสหรือ”

จักรพรรดินีหัวเราะหยัน

หลินสวินอักอ่วน ในใจอึดอัดอยู่บ้าง แต่ยังพูดว่า “ท่านป้าวางใจได้ขอรับ”

จักรพรรดินีจึงพยักหน้าเหมือนพอใจ ทันใดนั้นหว่างคิ้วนางก็ปรากฏความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีก เอ่ยว่า “ที่จริงข้าอยากจัดการเรื่องแต่งงานให้พวกเจ้าทั้งสองค่อยจากไป…”

หลินสวินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว

ก็ในตอนนี้เองจ้าวหยวนจี๋เอ่ยปากว่า “พอแล้ว เรื่องของคนหนุ่มสาว ให้พวกคนหนุ่มสาวจัดการกันเองเถอะ ข้ากับเจ้าไม่ต้องไปยุ่มย่ามแล้ว”

จักรพรรดินีเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยุ่มย่ามอย่างไรกัน เรื่องใหญ่ทั้งชีวิตของลูกสาว คนเป็นพ่อแม่จะใส่ใจหน่อยไม่ได้หรือ”

จ้าวหยวนจี๋อึ้งไป ยิ้มเจื่อนอย่างจนใจ

หลินสวินอึ้งงัน

“สหายน้อย อย่าลืมหุบเขาตะวันคล้อยล่ะ”

ทันใดนั้นชายหนุ่มชุดขาวนามว่าเฟยหลันที่แปลงกายมาจากผีเสื้อราตรีสีเลือดเอ่ยปาก “เพื่อนเก่าของข้าคนนั้นยอมรับฐานะของเจ้าแล้ว เจ้าก็อย่าไปทำให้เขาผิดหวังเสียล่ะ”

“จักจั่นทอง โปรดคืนคันธนูนี้ให้สหายน้อยผู้นี้ด้วย”

เฟยหลันสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารก็ทะยานขึ้นมา

“ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร…”

จักจั่นทองยื่นมือออกไปคว้า คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารลอยตัวกลางอากาศ เขาประเมินเล็กน้อย ดวงตาปรากฏแววอัศจรรย์ใจ “เจ้าคนที่สร้างคันธนูนี้ขึ้นในตอนนั้นเป็นถึงบุคคลผู้เยี่ยมยอดคนหนึ่ง แน่นอนว่าวิญญาณอาวุธของคันธนูนี้ย่อมเยี่ยมยอดเช่นกัน”

เขาพูดพลางมอบธนูวิญญาณไร้แก่นสารให้หลินสวิน เอ่ยว่า “เจ้าของคันธนูนี้มีนามว่า ‘เทียนเชวีย’ เป็นศัตรูคู่แค้นกับบรรพบุรุษเผ่าอีกาทอง ต่อมาเทียนเชวียหายสาบสูญไปอย่างน่าประหลาดตอนสำรวจแหล่งสถานคุนหลุน มีเพียงคันธนูนี้ที่กลับมายังโลก ตั้งแต่นั้นมาวิญญาณอาวุธของคันธนูนี้ก็ลั่นคำสาบานยิ่งใหญ่ว่าจะทำลายเผ่าอีกาทอง”

“น่าเสียดาย ตอนนั้นเพียงอาศัยพลังของคันธนูนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองผู้นั้น วิญญาณอาวุธของคันธนูนี้จึงถูกบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองผู้นั้นกำราบที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วนำกลับไปที่หุบเขาตะวันคล้อย แต่คันธนูนี้กลับระหกระเหินมาถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างเหนือความคาดหมาย”

เพียงถ้อยคำนี้ทำให้หลินสวินรู้ที่มาที่ไปบางประการของคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารทันที ใจคอว้าวุ่นอย่างห้ามไม่อยู่ไปครู่หนึ่ง

เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าของธนูวิญญาณไร้แก่นสารเป็นคนใหญ่คนโตที่มีนามว่าเทียนเชวีย!

“ผู้อาวุโส แล้วบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองเป็นใครขอรับ”

หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้

ชยาหนุ่มจักจั่นทองนิ่งคิดแล้วพูดว่า “รอเจ้าหาวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารพบ ในภายหน้าก็จะรู้เอง”

ความแค้นครั้งนี้เกี่ยวพันเป็นวงกว้างเกินไป หากไม่จำเป็น เขาไม่ต้องการดึงหลินสวินเข้าไปเกี่ยวพันตั้งแต่ตอนนี้

“จักจั่นทอง เหตุใดไม่บอกเขาไปเลยว่าบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองนั่นก็คือ ‘มหาจักรพรรดิอีกามาร’ ที่ดำรงตำแหน่งผู้ดูแลใหญ่ในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณตอนนี้เล่า”

ทันใดนั้นเด็กสาวจักจั่นขาวหัวเราะหยันเอ่ยปาก “ตาแก่นั่นนิสัยใจคอขวางโลก เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าเขารู้ว่าธนูวิญญาณไร้แก่นสารตกอยู่ในมือเด็กนี่ เหอะๆ…”

ชายหนุ่มจักจั่นทองนิ่วหน้า เอ่ย “อาไป๋…”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าเช่นนี้!” แววอึมครึมปกคลุมใบหน้างามล้ำหาใดเทียบของเด็กสาวจักจั่นขาว

“ช่างเถอะ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองถอนใจเบาๆ สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งตัดขาดการเชื่อมต่อกับนรกหมื่นเคราะห์

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับถามว่า “ผู้อาวุโส มหาจักรพรรดิอีกามารก็คืผู้ที่กำราบวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารผู้นั้นหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองพยักหน้า “แต่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ต่อให้มหาจักรพรรดิอีกามารรู้ว่าธนูวิญญาณไร้แก่นสารอยู่ในมือเจ้าก็ไม่อาจกลับมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราได้”

“แต่ถ้าภายหน้าหลังจากข้าเข้าไปในทางเดินโบราณฟ้าดาราล่ะ” หลินสวินถาม

ชายหนุ่มจักจั่นทองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “งั้นก็ระวังจะถูกมหาจักรพรรดิอีกามารมองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง”

ประโยคเดียวทำให้หลินสวินใจสั่น รับรู้ได้ว่าบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองผู้นี้ต้องเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวถึงที่สุดคนหนึ่ง

“ต้องไปแล้ว”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเหมือนสังเกตอะไรบางอย่าง พลันเงยหน้าขึ้น

“สหายน้อย เจ้าก็ควรจากไปแล้ว รักษาตัวให้ดี”

จากนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองก็หันตัว เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาแล้วสะบัดแขนเสื้อ

สวบ!

ชั่วพริบตาดวงดาราหมุนเคลื่อนเบื้องหน้าหลินสวิน พอภาพในครรลองสายตากลับมาแจ่มชัดโดยสมบูรณ์ ตัวเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายมานอกตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์แล้ว

“ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา สหายน้อย รีบไปเถอะ”

เสียงกังวานของชายหนุ่มจักจั่นทองลอยออกมาจากประตูใหญ่ของตำหนักจักรพรรดิ

จากนั้นทั้งตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ก็สั่นโคลงอย่างรุนแรงขึ้นฉับพลัน ก็เห็นว่ารอยแยกรอยแล้วรอยเล่าปรากฏขึ้นบนเวิ้งฟ้า แผ่กลิ่นอายต้องห้ามน่ากลัวออกมา ส่งผลให้สิบทิศเปลี่ยนสี

นี่คือเคราะห์กักขัง!

เปลี่ยนดินแดนรกร้างโบราณเป็นกรงขังแห่งหนึ่ง ขัดขวางไม่ให้ผู้ฝึกปราณออกไปเสาะแสวงหามรรคในโลกภายนอกมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน!

ฉึบ!

ฉับพลันก็เห็นว่าบริเวณยอดตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ชุดผ้าป่านของชายหนุ่มจักจั่นทองโบกปลิว เท้าเปลือยเปล่าเหยียบอากาศ ถือชามหมื่นเคราะห์แปรนภาไว้ในมือ มองห้วงอากาศเหมือนบันได ก้าวเดินขึ้นไปยังรอยแยกที่ปรากฏขึ้นเหนือเวิ้งฟ้านั้น

เขาสีหน้าสงบนิ่ง สุขุมเยือกเย็น อานุภาพกดข่มแห่งระดับจักรพรรดิอันน่าหวาดหวั่นไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมาทั่วกาย พุ่งทะลุเมฆา

พลังด่านเคราะห์ต้องห้ามเหล่านั้นยังไม่มาเยือนก็ถูกทำลาย บดขยี้ ป่นเป็นผง ขจัดไปในรอยแยกแห่งนั้น

หลินสวินตาเบิกกว้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด

ระดับจักรพรรดิ!

เขาเป็นมหาจักรพรรดิคนหนึ่งดังคาด!

ครืน…

ยามหลินสวินได้สติจากความตกตะลึง ก็เห็นว่าบนเวิ้งฟ้านั้นเงาร่างของชายหนุ่มจักจั่นทองแปรเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่หาใดเทียบ คับแน่นไปทั้งเวิ้งฟ้า

จากนั้นก็โผนทะยานจากไปราวมังกรซึ่งถูกกักขังทะยานฟ้า!

ภาพนี้ดุจดั่งนิรันดร์กาล ประทับอยู่ในก้นบึ้งจิตใจหลินสวิน มหาจักรพรรดิคนหนึ่งออกเดินทาง ทำให้พิบัติเคราะห์เต็มฟ้าไม่อาจกล้ำกราย!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset