ตูม!
ตอนที่เพิ่งสิ้นเสียง หลินสวินก็โจมตีอย่างเหี้ยมหาญแล้ว ในจุดชีพจรรอบตัว ปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายเคลื่อนออกมากลายเป็นค่ายกลกระบี่
ชิ้ง!
ดาบหักบินขึ้นอากาศส่งเสียงใส ไอเข่นฆ่าอันดุดันรุนแรงท่วมฟ้า
และเหนือศีรษะหลินสวิน เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดสาดแสงมรรคทองนิลกาฬแสบตา พื้นผิวปรากฏตัวอักษรมหามรรคที่คลุมเครือและลึกลับมากมาย
พลังมกุฎแห่งหลอมปราณ หลอมกายสองอย่าง ถูกหลินสวินสำแดงออกมาอย่างเต็มกำลังในชั่วขณะ!
เมื่อเทียบกับตอนสังหารมกุฎอริยะทั้งสามอย่างพวกเล่อเทียนเหิง เห็นได้ชัดว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง น่ากลัวกว่า แข็งกร้าวกว่า และชวนใจสั่นกว่า
“เข้าไปพร้อมกัน!”
เลี่ยอวี้ตะเบ็งเสียง กวัดแกว่งพัดหยกลายทองในมือ
สถานการณ์ตอนนี้คือถอยหนีไม่ทันแล้ว มิฉะนั้นจะถูกหลินสวินกักตัวไว้ สูญเสียโอกาส ตกเป็นผู้ถูกกระทำ
ตูมโครม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น ชั่วพริบตาฟ้าดินหมุนเวียน สุริยันจันทราอับแสง
ภูเขาหิมะที่เรียงรายถูกคลื่นน่ากลัวกวาดเรียบ กำจัดออกจากพื้นดิน
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าในระยะพันลี้หน้าเมืองอารักษ์มรรคล้วนได้รับผลกระทบรุนแรง พื้นดินแตกเป็นร่องน่ากลัวมากมาย
และบนท้องฟ้า แสงสมบัติสว่างไสวไหลเวียน วิชามรรคมหัศจรรย์พลุ่งพล่าน ทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวหาที่เปรียบไม่ได้มากมาย มีภาพมายาเทพมารปรากฏตัว มีพายุสายฟ้าพัดโหม มีกระบี่ครวญดุจกระแสน้ำ มีคมดาบเจิดจ้าร่ายรำพริบไหว
ยามนี้ฟ้าดินล้วนตะลึง!
นี่คือศึกแห่งมกุฎอริยะแท้ พลังทำลายล้างระดับนั้นจะธรรมดาได้อย่างไร
ตอนนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคยังตกตะลึง พากันพุ่งขึ้นกลางอากาศจ้องมองจากไกลๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“อะไรนะ ถึงกับมีคนกล้าวิ่งมากำเริบเสิบสานนอกเมืองอารักษ์มรรคของพวกเราหรือ”
“เป็นการต่อสู้ระหว่างมกุฎอริยะ!”
“ใคร ใจกล้าคับฟ้าขนาดนี้ อยากตายหรือไง”
ในเมืองอารักษ์มรรค เสียงฮือฮาดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ต่างประหลาดใจอย่างที่สุด
ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า ผู้มาเยือนก็คือหลินสวินที่ถูกเซวี่ยชิงอีออกคำสั่งว่าจะต้องฆ่าให้ได้ ทันใดนั้นทุกคนต่างยากจะเชื่อ
“เจ้าหมอนั่นดันบรรลุมกุฎอริยะแล้วหรือ”
หลายคนหัวใจสะท้าน
นี่เหลือเชื่อจริงๆ บุคคลแห่งยุคที่สูงส่งอย่างพวกเซวี่ยชิงอี ยังต้องเดินทางไปยังแดนลับนรกโลกันตร์เพื่อช่วงชิงวาสนาบรรลุมกุฎอริยะ
แต่หลินสวินกลับกระโดดสู่มกุฎอริยะภายใต้สถานการณ์ที่ถูกขังในป่าหลอมจิต นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ก่อนหน้านี้มีเสียงแห่งอริยะร่วงหล่นสามสาย คงไม่ได้… เป็นฝีมือของหลินสวินนี่หรอกนะ”
และมีคนหวาดผวา ประหลาดใจจนไม่สามารถสงบได้
ทันใดนั้นในเมืองอารักษ์มรรคที่กว้างใหญ่ไพศาล สายตานับไม่ถ้วนต่างมองไปยังการต่อสู้ห่างออกไป
“น่าชังนัก! ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณกล้าบุกมาโอ้อวดกำลังถึงหน้าค่ายทัพของเรา”
“จะต้องฆ่าเจ้ามารผจญนี่แล้วเอาศพไปแขวนหน้าเมืองเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู”
“และยังมีผู้หญิงคนนั้นก็จะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ว่าเป็นใครที่มาท้าทาย ต้องตายทั้งหมด!”
เสียงที่แฝงความโกรธไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความดุดัน อึมครึม และไม่สามารถปกปิดอารมณ์เหี้ยมโหดรุนแรงได้
ในใจพวกเขาดินแดนรกร้างโบราณเป็นสถานที่ที่เสื่อมโครมและข้นแค้น ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณยิ่งถูกพวกเขามองว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานที่สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้กลับมีแพะสองขาบุกมาถึงหน้ารังของพวกเขา นี่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกถึงความอับอาย
“เผยแพร่คำสั่งของข้า ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ใครก็ห้ามออกจากเมืองโดยพลการ!”
บนหอกำแพงเมืองปี้เจี้ยนฉยงพูดเสียงขรึม
จากนั้นสายตาของเขามองไปยังสนามรบ ความรู้สึกอับอายที่พูดไม่ออกถาโถมในใจ
ถึงกับถูกผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกพวกเขาดูถูกที่สุดบุกสังหารมาถึงหน้าค่ายทัพใหญ่ ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นเลย!
“เรียกรวมตัวมกุฎอริยะแต่ละเผ่า เตรียมพร้อมสังหารศัตรู!”
ปี้เจี้ยนฉยงสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่งค่อยออกคำสั่งอีกครั้ง เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ครั้งนี้ข้าจะให้ชายหญิงสุนัขคู่นี้ตายทั้งหมด!”
คิดๆ แล้ว หากวันนี้ไม่สามารถจับตัวอีกฝ่ายไว้ได้ ตอนที่พวกเซวี่ยชิงอีหวนกลับมาจะคิดอย่างไร
เมื่อข่าวการต่อสู้นี้แพร่เข้าหูผู้แข็งแกร่งดินแดนอื่นๆ จะมองดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเขาอย่างไร
……
ตูม!
ในสนามรบ กลิ่นอายปานทำลายล้างฟ้าดินห้าสายท่วมท้น มีสมบัติอริยะทะยานอากาศ แสงเทพกดข่ม ปลดปล่อยระลอกคลื่นไร้สิ้นสุด มีวิชามรรคพาดห้วงอากาศ ปั่นป่วนห้าธาตุ ไอสังหารทะยานฟ้า มีเสียงฟ้าร้องสะเทือนเลื่อนลั่น สายฟ้าราวกับมังกรที่คดเคี้ยว…
มกุฎอริยะห้าคนร่วมมือกัน อานุภาพระดับนั้นแทบจะพลิกจักรวาลทั้งผืนแล้ว ทำลายภูผาธาราแถบนี้!
หากอยู่ในโลกภายนอก กำแพงเมืองอันยิ่งใหญ่ก็คงจะถูกทำลายจนสิ้นซากในชั่วพริบตา ฉากทำลายล้างที่เกิดขึ้นน่ากลัวเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน
แต่หลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่ในอดีตจะเทียบได้อีกต่อไปแล้ว
ภายใต้การล้อมนี้ สีหน้าของเขาเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มีเพียงไอสังหารที่ดุจดั่งเดือดพล่าน พลังต่อสู้ไร้ที่เปรียบ
“ทลาย!”
รอบตัวเขา มรรคดับดารากลืนกินแผ่ลอย กลายเป็นหุบเหวใหญ่ไร้ใดเปรียบ ราวกับธารสวรรค์คว่ำตัวลง
ไม่ว่าเจ้าจะมีสมบัติอริยะตะลึงโลก วิชามรรคเทียมฟ้าอะไร เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินล้วนเหมือนฟองอากาศ ถูกกลืนกินจนสิ้นซาก
ครืนโครม!
มกุฎอริยะห้าคนสีหน้าเปลี่ยนไป อานุภาพที่โจมตีถูกพลังน่ากลัวยิ่งใหญ่ไม่อาจควบคุมทลายออกอย่างรุนแรง สะเทือนจนร่างกายพวกเขาเซถอยอย่างควบคุมไม่อยู่
ส่วนตำแหน่งที่หลินสวินอยู่ ห้วงอากาศสิบทิศ ทุกสิ่งล้วนสลายสิ้น!
“เฮือก!”
เห็นท่วงท่าผงาดกร้าวเช่นนั้นของหลินสวิน ไม่เพียงแค่เหล่าผู้แข็งแกร่งในเมืองอารักษ์มรรค แม้แต่ปี้เจี้ยนฉยงยังอึ้งงัน หน้าเปลี่ยนสีไป ร่างกายแข็งทื่อ สูดหายใจหนาวเหน็บไม่หยุด
“นี่… นี่ยังใช่คนอยู่หรือ”
คนบางส่วนร้องเสียงแหลม ในเสียงเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งขนาดนี้”
แม้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มากประสบการณ์ มีชีวิตอยู่มาไม่รู้นานเท่าไหร่ ในใจยังอดสั่นสะท้านรุนแรงไม่ได้
เพิ่งจะก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะก็มีอานุภาพปานไร้เทียมทานแล้ว ทำลายการรับรู้ที่ผ่านมาของพวกเขาอย่างแท้จริง ทำให้พวกเขาต่างไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
รั่วอู่ได้ถอยไปอยู่นอกสนามรบแล้ว ท่าทางเคร่งขรึมเตรียมรับศึก ไม่ใช่สอดมือไปไม่ได้ แต่เป็นเพราะกังวลว่าตนจะกลายเป็นภาระของหลินสวิน
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางว่า แม้ถูกมกุฎอริยะเจ็ดคนล้อมก็ไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้ แล้วนับประสาอะไรกับห้าคนที่อยู่ตรงหน้านี้
จะต้องเสียเปล่าเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน!
“ฆ่า!”
ชายชราชุดเทาที่เหี้ยมหาญ หนวดผมดกหนาคนหนึ่งชูค้อนยักษ์สายฟ้าอันหนึ่ง กระแทกไปทางหลินสวินโดยพลัน
ตูม โครม โครม… สายฟ้าสีม่วงน่าสะพรึงราวกับน้ำตกดุดันที่ไหลเชี่ยว เต็มไปด้วยพลังกฎเกณฑ์อริยมรรคแน่นขนัดไหลพุ่งลงมา
เคร้ง!
นิ้วหนึ่งของหลินสวินยื่นออกมา ขวางค้อนยักษ์สายฟ้าม่วงที่อานุภาพน่ากลัวนี้เอาไว้
นี่เป็นถึงสมบัติอริยะที่แข็งแกร่งยิ่งชิ้นหนึ่ง สามารถกระแทกทำลายภูผาธาราทะเลสาบมหาสมุทรอย่างง่ายดาย แต่เผชิญกับหนึ่งนิ้วนี้ของหลินสวิน กลับดุจดั่งกำแพงสวรรค์ที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้แต่ชุ่นเดียว
ชายชราชุดเทาใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา กระตุ้นเร้าสุดชีวิต แต่ยังคงไร้ประโยชน์
กลับถูกหลินสวินใช้ฝ่ามือคว้า พลันชิงค้อนยักษ์สายฟ้าม่วงไปแล้วพลิกมือทุบออกไปอย่างแรง
ค้อนยักษ์สายฟ้าสีม่วงอันหนึ่ง ยามทุบออกไปด้วยฝีมือหลินสวิน พลานุภาพพลันเพิ่มขึ้นอีกช่วงใหญ่
เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง ชายชราชุดเทาถูกสะเทือนจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป
ในเวลาเดียวกันมกุฎอริยะอีกสี่คนก็โจมตีเข้ามาแล้ว
การล้อมโจมตีนี้น่าตกใจเกินไปจริงๆ ทุกคนต่างมีอานุภาพเทียมฟ้า และยังร่วมมือกันโจมตี ทำให้ผู้คนแทบรับมือไม่ไหว
แต่หลินสวินกลับเห็นชัดว่าใจเย็น สีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ นิ่งเรียบไปหมด
เขายกมือขึ้นเบาๆ พลันควบคุมเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดไว้ในมือ นิ้วมือบีบกำกลายเป็นหมัดหนึ่ง จากนั้นปล่อยออกไปกลางอากาศ
ตูมโครม!
ในฝ่ามือ เจดีย์สมบัติสาดแสงมรรคสีทองพร่างพราวรุนแรง พลังที่น่ากลัวพุ่งเข้าในหมัด สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงที่สว่างไสวแรงกล้าสายหนึ่ง ปรากฏอานุภาพแข็งแกร่งไม่อาจทำลาย กำราบแปดทิศ
ราวกับว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหมัดนี้แล้ว ล้วนไม่อาจขวางกั้น!
ทันใดนั้นภูผาธาราแถบนี้พังทลาย สรรพสิ่งล่มจม
การร่วมมือของมกุฎอริยะห้าคนถูกทลายอีกครั้ง แต่ละคนราวกับถูกฟ้าผ่า ถอยร่นหลีกหนี ส่วนพลังหมัดที่ไม่อาจต้านทานของหลินสวินก็กดข่มมาถึงตรงหน้าชายชราชุดเทาคนนั้นแล้ว
ปัง!
ชายชราชุดเทาคำรามสะท้านฟ้า โคจรพลังทั้งหมดต้านทานสุดความสามารถ แต่กลับไม่ต่างกับตั๊กแตนห้ามรถ
ตอนที่ถูกหมัดกวาดโดน ร่างกายของเขาระเบิดออกในพริบตา ฝนโลหิตสาดกระเซ็น
แม้แต่จิตวิญญาณของเขาก็ถูกพลังหมัดที่รุนแรงราวกับกระแสน้ำเชี่ยวโจมตีจนสลาย!
หนึ่งหมัดสะเทือนมกุฎอริยะห้าคน สังหารชายชราชุดเทา!
พลังที่เผด็จการไม่อาจต้านทานนั่น ทำเอาทุกคนในเมืองอารักษ์มรรคที่ชมการต่อสู้อยู่ต่างอึ้งจนอ้าปากค้าง ตกใจจนลูกตาแทบหลุดออกมา
“คนที่สี่”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ ยามเอ่ยปากเขาได้ก้าวย่างกลางอากาศ เคลื่อนตัวโจมตีไปคู่ต้อสู้คนอื่นๆ
บนท้องฟ้าแสงเลือดแสบตาเกลือกกลิ้ง เสียงอริยะร่วงหล่นดังมาเป็นระลอก
มกุฎอริยะสี่คนที่เหลือต่างขึ้งโกรธ หวาดกลัว และหวาดระแวง แต่ตอนนี้พวกเขายากจะถอนตัวแล้ว จำต้องต้านทานต็มกำลัง
ด้านหลังก็คือรังของพวกเขา ตอนนี้ไม่รู้มีกี่สายตากำลังจับจ้องมองมาทางนี้ พวกเขาจะถอยได้อย่างไร
หากถอย ชาตินี้พวกเขาคงถูกกำหนดให้ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกแน่!
“แสงเทพดาวไฟ!”
“เฉือนวิญญาณสังหารแปดทิศ”
“ตัดแบ่งหยินหยาง!”
วิชาเยี่ยมยอด พลังอภินิหาร สมบัติแต่ละชนิดพวยพุ่งมาโจมตีหลินสวิน
แต่ไม่ว่าการโจมตีใด ล้วนถูกหลินสวินทลายอย่างง่ายดาย
เงาร่างของหลินสวินมีแสงมรรคไหลเวียน ราวกับหมื่นวิชาไม่อาจรุกรานอย่างแท้จริง!
ฉัวะ!
ครู่ต่อมาท่ามกลางละอองแสงเหิมหาญเต็มฟ้า หลินสวินมาถึงตรงหน้าชายที่รูปร่างเตี้ยและผอมบางคนหนึ่งแล้ว
คนผู้นี้ตกใจในทันใด ในริมฝีปากส่งเสียงคำราม สองมือยกไขว้สลับซัดออกไป เสียงฉึบดังขึ้นคราหนึ่ง กระบวนเฉือนอักษรสิบหยินหยางสายหนึ่งพลันปรากฏ
อักษรสิบ (十) หนึ่งขวางหนึ่งตั้ง หนึ่งดำหนึ่งขาว ปรากฏกลิ่นอายเข่นฆ่าที่แปลกประหลาดน่ากลัวอย่างหนึ่ง ห้วงอากาศรอบๆ ถึงกับถูกฉีกทึ้งเป็นเส้นกางเขนราวกับกระดาษเปื่อย แผ่ขยายออกไปอย่างน่าทึ่ง
นี่คือไพ่ตายของคนผู้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“คนที่ห้า”
เพียงแต่เผชิญกับการโจมตีระดับนี้ หลินสวินกลับไม่ใส่ใจสักนิด หนึ่งหมัดสะบัดลง
ตูม!
กระบวนเฉือนอักษรสิบหยินหยางระเบิดออกทันใด พลังหมัดของหลินสวินแม้จะถูกทำลายลงไปด้วย แต่เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดที่ถูกแทรกไว้ในพลังหมัดนานแล้วส่งเสียงคำราม กำราบลงมา
ชั่วพริบตาก็ทุบเกราะ สมบัติ และพลังป้องกันของคนผู้นี้จนแหลกละเอียดทั้งหมด ส่วนคนผู้นี้ก็ถูกเจดีย์สมบัติกำราบทำลายตั้งแต่ศีรษะลงมา ร่างกายระเบิดกระเด็นทุกกระเบียด
มองจากไกลๆ เหมือนโคมไฟกระดาษถูกบดขยี้อย่างไรอย่างนั้น สภาพการตายย่ำแย่
มกุฎอริยะร่วงหล่นอีกคน!
ชั่วขณะนี้คนที่เหลืออีกสามคนอย่างพวกเลี่ยอวี้ไม่ใช่แค่ตกใจกลัวแล้ว แต่หวาดผวาอย่างยิ่ง
ล้อมโจมตียังไม่สามารถทำอะไรได้ กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจนตาย กวาดล้างทีละคน!
………….