Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1562 ทะลวงผ่านทั่วทิศ

โก่วเทียนฉีคือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในเมืองอารักษ์มรรคเมื่อไม่นานมานี้ ย่อมเคยได้ยินเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับหลินสวินมาก่อนเป็นธรรมดา

เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะปรากฏตัวในช่วงสำคัญเช่นนี้!

นี่ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้ นานพอควรเขาจึงสูดหายใจลึกกล่าวเย็นชา “หลินสวิน ที่แท้ก็เป็นเจ้า เห็นแก่ที่เจ้าสร้างเมืองอารักษ์มรรคได้สำเร็จ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจว่าที่นี่คือสมรภูมิเก้าดินแดน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีความแค้นเก่าฝังลึกหรือไม่ วันนี้พวกเราก็ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน แน่นอนว่าต้องร่วมกันต่อต้านศึกภายนอก เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

ทุกคนที่รายล้อมต่างไม่วายรังเกียจอยู่ในใจ เจ้าเฒ่านี่เปลี่ยนสีหน้าเร็วจริงๆ!

หลินสวินพยักหน้า “ความแค้นเก่าฝังลึกก่อนหน้านี้ ข้าย่อมไม่เอาความตอนนี้แน่”

วาจานี้ทำให้โก่วเทียนฉีลอบโล่งอก แต่ประโยคต่อมาของหลินสวินกลับทำให้เขาพลันหน้าถอดสี

“เพียงแต่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณไม่เก็บขยะไว้”

ประโยคแผ่วเบาประโยคเดียวทำให้หน้าของโก่วเทียนฉีอึดอัดจนแดงก่ำ ควบคุมความโกรธภายในใจอย่างเต็มที่กล่าว “คุยไม่ถูกคอครึ่งคำก็มากเกิน ขอลา!”

พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจะจากไป

กลับเห็นหลินสวินกล่าวราบเรียบ “หากเจ้ากล้าจากไป นับจากวันนี้ขอเพียงเป็นพวกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ล้วนไม่อาจเหยียบเข้ามาในเมืองนี้อีก”

โก่วเทียนฉีพลันร่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่า

หากเป็นก่อนหน้านี้ ยามเผชิญหน้ากับการข่มขู่เช่นนี้เขาคงไม่ยี่หระ แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าไม่ให้ความสำคัญ

อย่างน้อยในเมืองอารักษ์มรรคนี้หลินสวินก็มีอำนาจเด็ดขาด แค่ประโยคเดียวก็พอจะตัดสินชะตาของพวกเขาเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแล้ว!

“หลินสวิน นี่เจ้ากำลังใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัวไม่ใช่หรือ”

โก่วเทียนฉีหน้าเขียว กล่าวเน้นทีละคำ

เพี๊ยะ!

หลินสวินเงื้อมือฟาดผ่านอากาศ ตบโก่วเทียนฉีจนจมูกปากกบเลือด กระเด็นออกไปอย่างหนักหน่วง ใบหน้าชราบวมเป่ง

ทุกคนที่อยู่ใกล้ต่างเงียบกริบเหมือนจักจั่นเดือนหนาว

กลับเห็นหลินสวินก้าวไปข้างหน้า ก้มมองโก่วเทียนฉีแล้วกล่าวเฉยชา “เมืองนี้ข้าเป็นคนสร้าง กฎเกณฑ์ทุกอย่างแน่นอนว่าข้าเป็นใหญ่ ใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัวแล้วอย่างไร เจ้าจะกัดข้ารึ”

โก่วเทียนฉีโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ขบฟันแน่นกรอดกล่าวข่มขู่ “เจ้าอาละวาดเหิมเกริมเช่นนี้ ไม่กลัวทำให้ผู้ร่วมวิถีทั้งหมดของดินแดนรกร้างโบราณหวั่นใจหรือ”

“ถุ้ย! เจ้าหมาแก่นี่หน้าด้านถึงที่สุดจริงๆ หากไม่มีคุณชายหลินไหนเลยจะมีเมืองนี้ ให้พวกเจ้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเข้าเมืองก็เมตตาพอแล้ว พวกเจ้ากลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ช่างไม่มีคราบความเป็นคนจริงๆ!”

ไม่รอหลินสวินเอ่ยปาก ก็มีคนทนไม่ไหวตวาดด่าดังลั่นก่อนแล้ว

“ใช่ ไอ้แก่นี่หน้าไม่อายเกินไปแล้ว ถ้าข้าเป็นคุณชายหลินต้องฆ่าเขาเป็นคนแรกแน่!”

“ไอ้แก่ รีบไสหัวไปเถอะ เมืองอารักษ์มรรคไม่ต้อนรับพวกเจ้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!”

พื้นที่ใกล้เคียงพลันมีเสียงด่าดังขึ้นทันที มีท่าทีดั่งว่าฝูงชนจะปลุกระดมกันด่าว่ากล่าวหา

เพียงพริบตาโก่วเทียนฉีก็อึ้งงันไปทั้งอย่างนั้น ทั้งคับแค้นอับอาย ทั้งตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าจะเอาใบหน้าชราไปไว้ที่ไหน

ในดินแดนรกร้างโบราณ เขาเป็นถึงอริยะแท้ที่น่าเกรงขาม เดินไปที่ไหนล้วนได้รับความเคารพเลื่อมใสจากผู้คน แต่ตอนนี้กลับถูกผู้คนร้องด่ารุมตีเหมือนหนูข้ามถนน!

“เจ้าหมาแก่ ระวังตัวให้ดี”

หลินสวินคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย ยกเท้าจากไป

หวั่นอินรีบตามไป ในใจรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกกล่าว “คุณชายหลิน ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ยึดมั่นคุณธรรมให้ความช่วยเหลือ”

หลินสวินโบกมือกล่าว “หากเปลี่ยนเป็นเซ่าเฮ่าก็ย่อมไม่อาจทนเห็นเขาโอหังเช่นกัน”

“เฮ้อ นายน้อยตระกูลข้าเมตตามากเกินไป เมืองอารักษ์มรรคยามนี้มีผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณอยู่รวมกันแสนกว่าคนแล้ว พอป่าใหญ่ขึ้นนกอะไรก็ล้วนมี หลายวันมานี้มีพวกที่เหมือนเจ้าหมาแก่นั่นไม่รู้เท่าไร ไม่เพียงแต่ชุบมือเปิบ ยังไม่ยอมออกแรงอีก”

หวั่นอินทอดถอนใจ “ถึงขั้นมีผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจไม่น้อยลอบสมคบกัน ปฏิเสธการเคลื่อนพลและคำสั่งทุกอย่างแล้ว”

“ท่านก็รู้ พวกเราเป็นค่ายทัพหนึ่ง แต่หากทุกคนทำตามใจตัวเอง ไม่เชื่อฟังการจัดระบบและเคลื่อนพล รู้จักแต่ชุบมือเปิบ เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการแตกสามัคคี”

ในดวงตาดำของหลินสวินฉายแววเยียบเย็นกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”

ไม่นานหลินสวินก็มาเจอเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ในคฤหาสน์โอ่โถงหลังหนึ่ง

ทั้งสองคนเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่ หลังจากเห็นหลินสวินก็นัยน์ตาเป็นประกายพร้อมกัน กล่าวว่า “ในที่สุดคนเคาะกรับตัดสินก็มาแล้ว”

หลินสวินชะงัก ก็เห็นรั่วอู่ยิ้มกล่าว “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ในเมืองมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่น้อย ยังดีที่ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม”

เซ่าเฮ่าก็ยิ้มกล่าว “ตอนนี้ขาดแค่เจ้ามาตัดสินใจแล้ว”

หลินสวินสงสัยยิ่งกว่าเดิม “ตัดสินใจอะไร”

“ช่วงนี้ในเมืองมีพวกนอกลู่นอกทางปรากฏตัวไม่น้อย อย่างเช่นเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เป็นต้น ข้ากับแม่นางรั่วอู่จับตามองพวกเขาไว้แล้ว ขอแค่เจ้าออกคำสั่ง คนพวกนี้ก็จะถูกจัดเตรียมไปประจำการยังสถานที่ซึ่งอันตรายที่สุด”

เซ่าเฮ่ากล่าวเสียงละมุนละม่อม แต่ความเยียบเย็นในคำพูดกลับมีไอสังหารแผ่ซ่าน

“ที่แท้พวกเจ้าก็วางแผนไว้หมดแล้ว กำลังตกปลากันมาตลอดอย่างนั้นหรือ”

หลินสวินเข้าใจได้รางๆ

รั่วอู่กล่าวยิ้มน้อยๆ “ศึกภายในต้องสงบก่อนค่อยรับมือศึกภายนอก ปัญหาภายในไม่กำจัด ภายหน้าดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราจะเอาอะไรไปสู้กับศัตรูแปดดินแดนเล่า”

หลินสวินใคร่ครวญ “ถ้าพวกนอกลู่นอกทางนั่นปฏิเสธที่จะส่งคนไปล่ะ”

เนตรดาราของรั่วอู่ฉายแววเยียบเย็นทันที “ฆ่าหนึ่งเพื่อเตือนร้อย! ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนรกร้างโบราณ ใครขัดคำสั่งไม่ส่งกำลังคน ก็ถือว่าเป็นศัตรูกับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา ฆ่าทิ้งซะก็จบ”

ในใจหลินสวินผ่อนคลายลงไม่น้อยทันที ตลอดทางมานี้เขาเองก็ใคร่ครวญว่าควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ไม่คิดเลยว่ารั่วอู่และเซ่าเฮ่าจะวางมาตรการทั้งหมดไว้แล้ว

เขายิ้มกล่าว “เรื่องแค่นี้พวกเจ้าจัดการก็ได้แล้ว ทำไมต้องรอข้ามาตัดสินใจด้วย”

รั่วอู่กลอกตาใส่ “ตอนนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณยอมรับคำสั่งของเจ้าแค่คนเดียว เจ้าเป็นถึงบุคคลระดับผู้นำที่พวกเขาทุกคนต่างยอมรับ หากพวกข้าตัดสินใจคงไม่อาจทำให้ผู้คนเชื่อมั่นได้ทั้งหมด”

หลินสวินยิ้มขื่น “ผู้นำรึ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่เลย”

แต่สุดท้ายหลินสวินก็ตกปากรับคำอย่างยินดี

วันนั้นคลื่นลมหนึ่งเปิดฉากขึ้นในเมืองอารักษ์มรรค ภายใต้การชี้นำของเซ่าเฮ่าและรั่วอู่

สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินคือ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬถึงกับเปลี่ยนท่าทีก่อนหน้านี้ มาร่วมมือด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องการส่งกำลังคนใดๆ ก็ล้วนตกปากรับคำโดยไม่ลังเล

เห็นชัดว่าหลังจากที่โก่วเทียนฉีนั่นถูกหลินสวินสั่งสอนไปยกหนึ่ง ก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ผิดแปลกเลยเปลี่ยนท่าที

แน่นอนว่าย่อมมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ยังปฏิเสธไม่ยอมส่งคนเหมือนเดิม ส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากสำนักโบราณบางส่วน อวดตัวว่าสูงส่งเหนือคนอื่น ไม่เห็นคำสั่งของหลินสวินอยู่ในสายตา

เพียงแต่พลบค่ำวันนั้น หลังจากเซ่าเฮ่าออกพิฆาตพวกที่แน่ใจแล้วว่าเป็น ‘ตัวปัญหา’ สิบกว่าคนด้วยตัวเอง เสียงนอกลู่นอกทางพวกนั้นก็หายไปทันที

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู ฟาดภูเขาขู่พยัคฆ์

จากนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ประพฤติตัวนอกลู่นอกทางมาตลอดในช่วงนี้ ก็ถูกเตรียมให้ไปปฏิบัติภารกิจที่มีความเสี่ยงสูงบางส่วน อย่างการสอดแนม สืบข่าว ลาดตระเวนโลกรกร้างโบราณเป็นต้น…

ต่อให้พวกเขาไม่พอใจแค่ไหน ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับแต่โดยดี

ขอแค่ไม่โง่ก็ย่อมมองออก ว่าในเมืองอารักษ์มรรคนี้มีหลินสวิน เซ่าเฮ่า รั่วอู่สามคนนั่งบัญชา ใครเป็นศัตรูกับพวกเขาก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว!

บรรยากาศในเมืองอารักษ์มรรคพลันเปลี่ยนไปในชั่วขณะเดียว ไม่ถึงขั้นเคร่งครัดกฎเกณฑ์ แต่หากเป็นการส่งกำลังคนและคำสั่งของเซ่าเฮ่ากับรั่วอู่ ก็ไม่มีใครกล้าต่อต้านและโต้แย้งอีก

ส่วนหลินสวินนั้นไม่มีอารมณ์มาใส่ใจเรื่องจุกจิกพวกนี้อย่างสิ้นเชิง

วันนั้นเขาทะยานออกไปจากค่าย

ช่วงเวลาก่อนแดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือนยังเหลืออีกประมาณห้าเดือน หลินสวินคิดฉวยโอกาสนี้ไปเสาะหาร่องรอยของจ้าวจิ่งเซวียน!

ตั้งแต่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออกจนถึงตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีกว่าแล้ว แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวของจ้าวจิ่งเซวียนเลย นี่จะไม่ให้หลินสวินเป็นห่วงได้อย่างไร

ผ่านไปหลายวัน

โลกอสูรดาว บนทุ่งรกร้างแห่งหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งของโลกอสูรดาวกลุ่มหนึ่งกำลังเก็บวัตถุดิบเทพชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ไม้ม่วงหยินเก้าใบ’ อยู่

ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา สวมชุดสีขาวพระจันทร์ร่างสูงโปร่ง บุคลิกสันโดษปลีกวิเวกเหมือนเทพเซียน

เป็นหลินสวินนี่เอง

“เจ้าเป็นใคร!?”

มีคนตวาดลั่น เผยให้เห็นความหวาดกลัว

“พวกเจ้าเคยเจอคนผู้นี้ไหม”

ปลายนิ้วหลินสวินกรีดวาด ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏเป็นเงาร่างงามสง่าของจ้าวจิ่งเซวียน

“ไม่ว่าพวกเราเคยเจอหรือไม่ เรื่องอะไรต้องบอกเจ้าด้วย”

มีคนโกรธจัดจนกลายเป็นหัวเราะ

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ไม่พูดมากอีก เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณอสูรดาวกลุ่มนี้ ไม่มีใครไม่ตายคาที่ในชั่วพริบตา

ฟุ่บ!

จากนั้นเสี่ยวอิ๋นก็พุ่งเข้าไปตรวจสอบในจิตวิญญาณที่เหลือของศพพวกนี้ทีละศพ

ผ่านไปครู่ใหญ่เสี่ยวอิ๋นก็ส่ายหัว “ไม่มีขอรับ”

หลินสวินกล่าวอืมออกมาคำหนึ่งแล้วหันหลังจากไป

ผ่านไปครึ่งเดือน

โลกจิ่วหลี

“เจ้าเคยเจอคนผู้นี้ไหม”

ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณจิ่วหลีกลุ่มหนึ่งถูกขวางไว้ หลินสวินยังคงไม่พูดมาก ร่างภาพเหมือนของจ้าวจิ่งเซวียนจากม่านแสงเหมือนเดิมแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่เคย”

คนพวกนี้ถูกกลิ่นอายของหลินสวินทำให้หวั่นหวาดตื่นตระหนก

แต่สุดท้ายยามหลินสวินจากไป พวกเขาก็ถูกสังหารหมดไม่รอดสักคน

หนึ่งเดือน

สองเดือน

ร่องรอยของหลินสวินเริ่มจากโลกอสูรดาว ข้ามเขตต่อเนื่องผ่านโลกจิ่วหลี โลกเพลิงสวรรค์ โลกยอดหยิน…

ด้วยพลังปราณและพลังต่อสู้ของเขาตอนนี้ ทุกหนแห่งที่ก้าวผ่านไม่เคยเผยร่องรอย ผู้แข็งแกร่งที่ถูกเขาซักถามล้วนถูกกำจัดไปทีละคน ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้

ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ต้นจนจบขุมอำนาจของศัตรูต่างดินแดนพวกนี้จึงไม่สังเกตเห็น ว่าหลินสวินที่พวกเขาแค้นจนกัดฟันกรอดและหวาดกลัวเหลือคณา เคยก้าวผ่านอาณาเขตของพวกเขาอย่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง!

แต่ตลอดทางมาถึงตอนนี้ หลินสวินกลับไม่ได้อะไรเลย

นี่ทำให้ความกังวลในใจของหลินสวินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าคิดว่าหากจ้าวจิ่งเซวียนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เช่นนั้นควรจะทำอย่างไร…

‘จิ่งเซวียน… ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่’

วันนี้บนยอดเขาสูงชันในโลกต้าหลัว หลินสวินก้าวเดินอยู่ระหว่างช่องแคบโกรกธารเพียงลำพัง หัวคิ้วขมวดมุ่น สีหน้าผิดหวัง

“ใครกัน”

“มีคนหาที่นี่พบด้วยหรือ”

“รีบขวางเขาไว้เร็วเข้า อย่าให้ใครรบกวนการเคลื่อนไหวของนายน้อยเด็ดขาด!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งพลันดังขึ้น ทำให้หลินสวินตื่นจากห้วงคิด

เมื่อเงยหน้ามองออกไป ที่แท้ก็มาถึงหน้าทะเลสาบสีเขียวมรกตแห่งหนึ่งกลางหุบเขาโดยไม่รู้ตัว

ทะเลสาบกว้างสุดลูกหูลูกตา มีดอกบัวสีฉูดฉาดเหมือนเพลิงลุกโชนเบ่งบานอยู่มากมาย บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบมีบานประตูว่างเปล่าของแดนลับแห่งหนึ่งปรากฏ

ยามนี้กำลังมีเงาร่างมากมายปิดล้อมรอบทะเลสาบผืนนั้น!

…………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset