Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1582 เจี้ยนชิงเฉินตายแล้วหรือ

จู๋อิ้งคงสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

การแพ้อย่างน่าอนาถของพวกเซวี่ยชิงอีช่างเหมือนสายฟ้าฟาด ทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้าน ไม่อาจสงบนิ่งได้ และไม่อาจจินตนาการได้สักนิดว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องน่าตกใจเช่นนี้ขึ้นมาได้

สายตาเขามองไปยังกำแพงเมืองที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้น นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดถึงพูดลอดไรฟันออกมาว่า

“ไป!”

เขาพูดจบก็หันกายจากไป

ตลอดทางจู๋อิ้งคงไม่ได้หันหน้ากลับไปอีก

ตั้งแต่ชั่วขณะที่พวกเซวี่ยชิงอีแพ้ยับเยินนั้น เขาก็รู้ว่าเรื่องเหยียบย่ำทำลายเมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณแห่งนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว

เพราะเป็นไปได้สูงที่ความพ่ายแพ้ยับเยินคราวนี้จะเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน!

ลองคิดดู พวกเซวี่ยชิงอีคว้าน้ำเหลวกลับมา ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่เดินทางไปแดนลับสนามแม่เหล็กคราวนี้ จะยังมีโอกาสบรรลุมกุฎอริยะได้อย่างไร

ส่วนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ กลับสามารถถือโอกาสนี้ดื่มด่ำกับวาสนาในแดนลับสนามแม่เหล็กได้ มีมกุฎอริยะมากมายผุดขึ้นมาในคราเดียว!

แต่ก่อนค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็เหมือนแพะสองขา อ่อนแอจนถูกฆ่าแกงอย่างไรก็ได้เท่านั้น ไม่อยู่ในสายตาของค่ายทัพแปดดินแดนสักนิด

แต่หลังจากนี้ย่อมไม่เหมือนเดิม!

ไม่เพียงเพราะมีบุคคลร้ายกาจแกร่งกล้าอย่างหลินสวินผุดขึ้นมา แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือค่ายทัพของพวกเขากำลังจะครอบครองรากฐานพลังที่สามารถชิงชัยกับค่ายทัพแปดดินแดนได้!

พูดอย่างไม่เกินจริงก็คือ พวกเซวี่ยชิงอีดูเหมือนพ่ายแพ้ย่อยยับแค่ครั้งเดียว แต่ความจริงกลับส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนไปแล้ว

นี่จึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้จู๋อิ้งคงตกตะลึงที่สุด!

ตลอดทางจู้อิ้งคงดูเงียบงันหาใดเทียบ ไม่พูดไม่จาสักคำ เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินอย่างจู๋อิ้งเสวี่ยเดินตามหลังเขา ในใจก็ไม่อาจสงบได้

พวกเซวี่ยชิงอีเคลื่อนกำลังมากมาย อานุภาพยิ่งใหญ่ปานนี้ ยังถูกหลินสวินคนเดียวเล่นงานจนพ่ายแพ้กระเจิดกระเจิง เรื่องนี้น่าหวาดหวั่นเพียงไหนกัน

มองไปทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน ยังมีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อีก

ยิ่งคิดก็ทำให้พวกเขายิ่งตื่นตะลึง

จู่ๆ เสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นบุคคลระดับอริยะแท้กลุ่มหนึ่ง เพียงแต่แต่ละคนสีหน้าซีดเผือด ตื่นตระหนกเสียสติ เห็นได้ชัดว่าหนีตายมา

“เกิดอะไรขึ้น”

จู๋อิ้งคงขวางชายวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างเยือกเย็นคนหนึ่งเอาไว้

พอชายวัยกลางคนถูกรั้งไว้ได้ ตอนแรกก็ตกใจสะดุ้งโหยง แต่คราเห็นชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินก็ถอนหายใจโล่งอกในทันใด

ทันใดนั้นเขาก็เล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ริมฝั่งทะเลผาดำก่อนหน้านี้อย่างหมดเปลือก ความหวาดผวาที่ข่มไว้ไม่อยู่เจืออยู่ในเสียง

พอจู๋อิ้งคงฟังจบก็ถอนใจยาวอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน ตัดสินข้อเท็จจริงของข่าวได้แล้ว

‘ตัวคนเดียวก็สามารถทำให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณกลับมามีชีวิตได้อีกหรือ หลินสวินคนนี้… เป็นปีศาจร้ายกาจคนหนึ่งจริงๆ’

จู๋อิ้นคงอารมณ์อึมครึมนัก

เขาไม่ร่ำไรอีก พาเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินออกไปอย่างรีบร้อน

……

ในขณะเดียวกันบนหอกำแพงเมืองอารักษ์มรรค เซ่าเฮ่ากับรั่วอู่ต่างอึ้งงัน

จู๋อิ้งคงจากไปเช่นนี้จริงๆ หรือ

เรื่องนี้ดูผิดปกตินัก!

‘เมื่อกี้ตอนพวกเขาพูดคุยกันสีหน้าดูสับสนกระวนกระวาย โดยเฉพาะจู๋อิ้งเสวี่ยคนนั้นเหมือนตกใจมากเกินไป จะเป็นเพราะเกิดเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งบางอย่างที่แดนลับสนามแม่เหล็กหรือไม่’

รั่วอู่ไหวหวั่นในใจ

เซ่าเฮ่านิ่งเงียบไปครู่สั้นๆ แล้วตัดสินใจออกมา “ข้าไปดูหน่อย”

“ไม่ได้!”

รั่วอู่รีบร้อนขัดขวาง “ถ้าเกิดเป็นกับดักล่ะ”

เซ่าเฮ่ายิ้มน้อยๆ “อย่างมากหนีกลับมาก็พอแล้ว หรือเจ้าคิดว่ากระทั่งรักษาชีวิตตัวเองข้าก็ยังทำไม่ได้”

เขาพูดพลางทะยานอากาศไป

รั่วอู่คิดดูแล้วก็วางใจ

ตอนนั้นเซ่าเฮ่าสามารถพาเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหนีการตามล่าครั้งแล้วครั้งเล่าของเหล่ามกุฎอริยะได้ ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขาย่อมไม่อาจเป็นที่กังขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิในมือเขา สิ่งนี้เป็นถึงมหาอาวุธสังหารที่ปกป้องชีวิตได้

ไม่นานนักเซ่าเฮ่าก็กลับมา เพียงแต่สีหน้ากลับดูประหลาดหาใดเทียบ ท่าทางอึ้งงันไม่เข้าใจ ทำใจเชื่อได้ยาก

“ทำไมไวขนาดนี้”

รั่วอู่ถามอย่างอดไม่ได้

เสียงตุ้บดังขึ้น เงาร่างหนึ่งถูกโยนลงกับพื้น นี่คือชายชราที่หนวดเคราเผ้าผมเป็นสีขาว มาจากดินแดนโบราณอสูรดาว

“ระหว่างทางข้าจับตาแก่นี่ได้ สอบสวนเล็กน้อยเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าแดนลับสนามแม่เหล็กตามความจริง”

เซ่าเฮ่าจัดระเบียบความรู้สึกนึกคิดครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่า เกิด… เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร”

ประโยคเดียวก็ปลุกจิตใจสงสัยใคร่รู้ของรั่วอู่ มือนางตบให้ชายชราผู้นั้นตื่นขึ้นมา เริ่มเข้าสู่การสอบสวน

ไม่นานนักรั่วอู่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ตัวนางก็ชะงักอยู่ตรงนั้นไปครู่หนึ่งเช่นกัน ความตกตะลึงที่ควบคุมได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามเหนือธรรมดา

“นี่… นี่จะดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง”

รั่วอู่ยังพูดติดอ่างขึ้นมา เห็นได้ว่าในใจนางไม่สงบปานไหน

“ถามทุกท่านว่ามีหัวอริยะเท่าไหร่… ฮ่าๆๆ เจ้าหลินสวินนี่นะ มีโอกาสงามก็สังหารสะท้านโลก เยี่ยม!”

เซ่าเฮ่าหัวเราะร่า เสียงสะเทือนเมฆา

เลือดบุรุษย่อมอาจหาญ ย้อนนึกภาพหลินสวินคนเดียวโหมซัดพันทหาร กวาดราบสิบทิศ ไร้ซึ่งศัตรูเทียบเทียม

เขาเซ่าเฮ่าแม้สู้ไม่ได้ แต่ใจก็หวังจะไปให้ถึง

รั่วอู่ก็หน้าตารื่นเริง แกว่งหมัดเปล่งปลั่งดั่งหยกนั้นอย่างรุนแรง “วีรกรรมชั้นนี้ไม่เคยมีในกาลก่อน เป็นวีรชนทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดเหนือเขา!”

“ทั้งสองท่าน ที่ตาแก่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว จะทำให้ข้าตายอย่างไม่เจ็บปวดได้หรือไม่”

ชายชราผู้นั้นเอ่ยปากอย่างอ่อนแอ

เห็นได้ชัดว่าเขาก็รับรู้ว่าคราวนี้พ้นเคราะห์ได้ยากแล้ว สู้ขอตายอย่างไม่เจ็บปวดเสียดีกว่า

“ตามที่เจ้าปรารถนา”

เซ่าเฮ่าดีดนิ้ว ชายชราก็สลายกลายเป็นฝุ่นควันปลิวกระจาย

วันนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณล้วนสะเทือนเลื่อนลั่น คนนับไม่ถ้วนแสดงความยินดี ในเมืองอารักษ์มรรคมีแต่ความอึกทึกครึกครื้น

หลินสวินสังหารใหญ่รอบทิศ อารักขาเหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณเข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กได้สำเร็จ เรื่องนี้สำหรับพวกเขาค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ เท่ากับว่าภายหน้าจะมีมกุฎอริยะผุดขึ้นมากลุ่มหนึ่ง!

ภายหน้าพวกเขายังจะกลัวการชิงชัยกับอีกแปดดินแดนไปไย

ที่ทำให้พวกเขาตกใจและใจเต้นระส่ำที่สุดก็คือ หลินสวินถึงกับใช้พลังของตัวเองคนเดียว กดข่มผู้อยู่ในแปดยอดนภาครามได้สามคน นี่ก็หมายความว่าขอเพียงมีหลินสวินอยู่ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็จะไม่ถูกรังแกอย่างแต่ก่อนแล้ว!

“หลินสวิน!”

“หลินสวิน!”

“หลินสวิน!”

วันนี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วนกำลังพร่ำพูดถึงและจารึกนามของผู้ที่เป็นเหมือนตำนานผู้นี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกเคารพชื่นชม ตื่นเต้น และซาบซึ้งบุญคุณ

เพราะใครก็รู้ดีว่า ที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณยังโชคดีอยู่รอดมาได้ในสมรภูมิเก้าดินแดนอันโหดเหี้ยมหาใดเทียบนี้ เป็นความดีความชอบของหลินสวิน!

กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า เขาคนเดียวก็เปลี่ยนสถานการณ์ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!

ต่อให้เป็นสำนักเก่าแก่โบราณ ขุมอำนาจเผ่าใหญ่ที่แต่ก่อนเคยมองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้น ขณะนี้ล้วนเงียบกริบแล้ว

พวกเขาเคียดแค้นชิงชังหลินสวินต่อไปได้ แต่ในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ก็ต้องพึ่งพาหลินสวินเพื่ออยู่รอด!

……

วันนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับศึกนี้ก็กระจายออกไปในสมรภูมิเก้าดินแดนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่โหมกระพือราวกับสยายปีก

“นี่เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเขาหลินสวินถึงน่ากลัวปานนี้”

“มกุฎอริยะเป็นร้อย ทั้งยังมีระดับผู้นำอย่างแปดยอดนภาครามสามคน แต่สุดท้ายกลับแพ้ด้วยน้ำมือหลินสวินคนเดียวหรือ”

“น่าชังนัก!”

“ไอ้สวะตัวจ้อยนั่นไร้ศัตรูใดเทียบได้อย่างนั้นหรือ”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้ดังขึ้นไม่ขาดสายในค่ายทัพดินแดนโบราณทั้งแปดอย่างขุมอุดร ยอดหยิน อสูรดาว จิ่วหลี มารโลหิตและต้าหลัว

ในอาณาเขตของค่ายทัพแต่ละแห่งเหมือนผึ้งแตกรัง มีคนตกใจและฮือฮาเพราะเรื่องนี้ไม่รู้เท่าไร

เรื่องนี้ทำให้ทุกคนทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ

ก่อนหน้านี้หลายคนคิดไปตามจิตใต้สำนึก ว่าที่หลินสวินสามารถกำราบทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนได้ เป็นเพราะอาศัยอานุภาพของกระบวนค่ายกล พลังต่อสู้ของเขาเองไม่แข็งแกร่งถึงขั้นไร้ศัตรูเทียบเทียม

แต่ตอนนี้ ในข่าวกลับบอกว่าเขาคนเดียวก็กำราบบุคคลระดับผู้นำสามคนได้ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ควรรู้ว่าแปดยอดนภาครามเป็นตัวแทนของพลังต่อสู้สูงสุดในสมรภูมิเก้าดินแดนไปแล้ว ขนาดสามคนจากกลุ่มนี้ร่วมมือกันยังแพ้หลินสวินคนเดียว นี่ไม่ได้หมายความว่าในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ หลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งที่มีชื่อสมความสามารถไปแล้วหรือ

ไม่มีใครกล้าเชื่อ!

ค่ายทัพแปดดินแดนดูถูกเหยียดหยามค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมาตลอด ใครจะรับเรื่องอันโหดร้ายหาใดเทียบเช่นนี้ได้

เทียบกับเสียงฮือฮาเหล่านี้ พวกที่มากประสบการณ์บางส่วนเริ่มกังวลใจขึ้นมาแล้ว รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์

ศึกนี้แม้เป็นความพ่ายแพ้ของพวกเซวี่ยชิงอี แต่ก็เท่ากับเป็นความพ่ายแพ้ของค่ายทัพแปดดินแดนไปด้วย เพราะสุดท้าย ในแปดดินแดนไม่มีใครได้เข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กสักคน!

และด้วยเรื่องนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณต้องมีมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นแน่ เรื่องนี้สามารถทำให้สถานการณ์ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณเปลี่ยนไปชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน

นี่จึงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด และน่ากังวลใจที่สุด!

“ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน พูดกันถึงแก่นแล้วเป็นการชิงชัยกันระหว่างพวกเราแปดดินแดน หรือคราวนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว”

หลายคนทอดถอนใจเพราะเรื่องนี้

“หลินสวินนั่นโผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดถึงแข็งแกร่งปานนี้”

แต่มีคนจำนวนมากกว่าที่วิเคราะห์และคาดเดาตัวหลินสวิน ราวกับมองหลินสวินเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งไปแล้ว ไม่กล้าชะล่าใจอย่างแต่ก่อนอีก

อริยะไม่ใช่ผักปลาที่หาได้ทั่วไป!

ในค่ายทัพของแต่ละแห่งดูเหมือนมีมกุฎอริยะกับอริยะแท้มากมายควบคุมสั่งการ แต่พวกเขาก็เป็นตัวแทนของรากฐานพลังทั้งดินแดนด้วย!

และมีเพียงในสมรภูมิเก้าดินแดนเท่านั้น ถึงได้เห็นภาพอริยะมากมายขนาดนี้รวมตัวกันชิงชัย

หากอยู่ในแปดดินแดน ยามปกติย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเช่นนี้

ก็เหมือนค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ ดูเหมือนไม่ขาดบุคคลชั้นหนึ่งระดับอริยะแท้ แต่ควรรู้ว่าอริยะเหล่านั้นมาจากขุมอำนาจเก่าแก่และเหล่าเผ่าใหญ่ต่างๆ

แท้จริงในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะเหล่านี้ต่างไม่ปรากฏตัวในโลกง่ายๆ แล้วจะมีคนพบเห็นเป็นปกติได้อย่างไร

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับมองอริยะเหมือนต้นหญ้ากะจ้อยร่อย ในช่วงหนึ่งปีกว่านี้ มกุฎอริยะกับอริยะแท้ที่ตายด้วยน้ำมือเขามีไม่รู้เท่าไรแล้ว

เรื่องนี้ดูน่ากลัวอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็นั่งไม่ติด อกสั่นขวัญผวา!

ทว่าเมื่อเทียบกับเรื่องเหล่านี้ เรื่องที่ทำให้เหล่าค่ายทัพแปดดินแดนรู้สึกว่าเป็นสถานการณ์ร้ายแรง ถึงกับสะท้านใจจริงๆ กลับเกี่ยวข้องกับเจี้ยนชิงเฉิน

เพราะในข่าวที่กระจายมา เจี้ยนชิงเฉินสิ้นชีพด้วยน้ำมือของหลินสวินตั้งแต่ก่อนที่ศึกนี้จะปะทุขึ้นแล้ว!

เจี้ยนชิงเฉิน บุคคลระดับผู้นำดินแดนโบราณต้าหลัว บุคคลในตำนานที่มีฉายาว่า ‘ครองอำนาจสิบทิศ’ คนหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานที่มีรากฐานพลังระดับมกุฎอริยะคนหนึ่ง ตายด้วยน้ำมือหลินสวินนั่นโดยไม่มีใครรู้เสียแล้วหรือ

เรื่องนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset