จู๋อิ้งคงสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
การแพ้อย่างน่าอนาถของพวกเซวี่ยชิงอีช่างเหมือนสายฟ้าฟาด ทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้าน ไม่อาจสงบนิ่งได้ และไม่อาจจินตนาการได้สักนิดว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องน่าตกใจเช่นนี้ขึ้นมาได้
สายตาเขามองไปยังกำแพงเมืองที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้น นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดถึงพูดลอดไรฟันออกมาว่า
“ไป!”
เขาพูดจบก็หันกายจากไป
ตลอดทางจู๋อิ้งคงไม่ได้หันหน้ากลับไปอีก
ตั้งแต่ชั่วขณะที่พวกเซวี่ยชิงอีแพ้ยับเยินนั้น เขาก็รู้ว่าเรื่องเหยียบย่ำทำลายเมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณแห่งนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว
เพราะเป็นไปได้สูงที่ความพ่ายแพ้ยับเยินคราวนี้จะเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน!
ลองคิดดู พวกเซวี่ยชิงอีคว้าน้ำเหลวกลับมา ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่เดินทางไปแดนลับสนามแม่เหล็กคราวนี้ จะยังมีโอกาสบรรลุมกุฎอริยะได้อย่างไร
ส่วนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ กลับสามารถถือโอกาสนี้ดื่มด่ำกับวาสนาในแดนลับสนามแม่เหล็กได้ มีมกุฎอริยะมากมายผุดขึ้นมาในคราเดียว!
แต่ก่อนค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็เหมือนแพะสองขา อ่อนแอจนถูกฆ่าแกงอย่างไรก็ได้เท่านั้น ไม่อยู่ในสายตาของค่ายทัพแปดดินแดนสักนิด
แต่หลังจากนี้ย่อมไม่เหมือนเดิม!
ไม่เพียงเพราะมีบุคคลร้ายกาจแกร่งกล้าอย่างหลินสวินผุดขึ้นมา แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือค่ายทัพของพวกเขากำลังจะครอบครองรากฐานพลังที่สามารถชิงชัยกับค่ายทัพแปดดินแดนได้!
พูดอย่างไม่เกินจริงก็คือ พวกเซวี่ยชิงอีดูเหมือนพ่ายแพ้ย่อยยับแค่ครั้งเดียว แต่ความจริงกลับส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนไปแล้ว
นี่จึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้จู๋อิ้งคงตกตะลึงที่สุด!
ตลอดทางจู้อิ้งคงดูเงียบงันหาใดเทียบ ไม่พูดไม่จาสักคำ เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินอย่างจู๋อิ้งเสวี่ยเดินตามหลังเขา ในใจก็ไม่อาจสงบได้
พวกเซวี่ยชิงอีเคลื่อนกำลังมากมาย อานุภาพยิ่งใหญ่ปานนี้ ยังถูกหลินสวินคนเดียวเล่นงานจนพ่ายแพ้กระเจิดกระเจิง เรื่องนี้น่าหวาดหวั่นเพียงไหนกัน
มองไปทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน ยังมีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อีก
ยิ่งคิดก็ทำให้พวกเขายิ่งตื่นตะลึง
จู่ๆ เสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นบุคคลระดับอริยะแท้กลุ่มหนึ่ง เพียงแต่แต่ละคนสีหน้าซีดเผือด ตื่นตระหนกเสียสติ เห็นได้ชัดว่าหนีตายมา
“เกิดอะไรขึ้น”
จู๋อิ้งคงขวางชายวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างเยือกเย็นคนหนึ่งเอาไว้
พอชายวัยกลางคนถูกรั้งไว้ได้ ตอนแรกก็ตกใจสะดุ้งโหยง แต่คราเห็นชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินก็ถอนหายใจโล่งอกในทันใด
ทันใดนั้นเขาก็เล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ริมฝั่งทะเลผาดำก่อนหน้านี้อย่างหมดเปลือก ความหวาดผวาที่ข่มไว้ไม่อยู่เจืออยู่ในเสียง
พอจู๋อิ้งคงฟังจบก็ถอนใจยาวอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน ตัดสินข้อเท็จจริงของข่าวได้แล้ว
‘ตัวคนเดียวก็สามารถทำให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณกลับมามีชีวิตได้อีกหรือ หลินสวินคนนี้… เป็นปีศาจร้ายกาจคนหนึ่งจริงๆ’
จู๋อิ้นคงอารมณ์อึมครึมนัก
เขาไม่ร่ำไรอีก พาเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณยอดหยินออกไปอย่างรีบร้อน
……
ในขณะเดียวกันบนหอกำแพงเมืองอารักษ์มรรค เซ่าเฮ่ากับรั่วอู่ต่างอึ้งงัน
จู๋อิ้งคงจากไปเช่นนี้จริงๆ หรือ
เรื่องนี้ดูผิดปกตินัก!
‘เมื่อกี้ตอนพวกเขาพูดคุยกันสีหน้าดูสับสนกระวนกระวาย โดยเฉพาะจู๋อิ้งเสวี่ยคนนั้นเหมือนตกใจมากเกินไป จะเป็นเพราะเกิดเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งบางอย่างที่แดนลับสนามแม่เหล็กหรือไม่’
รั่วอู่ไหวหวั่นในใจ
เซ่าเฮ่านิ่งเงียบไปครู่สั้นๆ แล้วตัดสินใจออกมา “ข้าไปดูหน่อย”
“ไม่ได้!”
รั่วอู่รีบร้อนขัดขวาง “ถ้าเกิดเป็นกับดักล่ะ”
เซ่าเฮ่ายิ้มน้อยๆ “อย่างมากหนีกลับมาก็พอแล้ว หรือเจ้าคิดว่ากระทั่งรักษาชีวิตตัวเองข้าก็ยังทำไม่ได้”
เขาพูดพลางทะยานอากาศไป
รั่วอู่คิดดูแล้วก็วางใจ
ตอนนั้นเซ่าเฮ่าสามารถพาเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหนีการตามล่าครั้งแล้วครั้งเล่าของเหล่ามกุฎอริยะได้ ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขาย่อมไม่อาจเป็นที่กังขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิในมือเขา สิ่งนี้เป็นถึงมหาอาวุธสังหารที่ปกป้องชีวิตได้
ไม่นานนักเซ่าเฮ่าก็กลับมา เพียงแต่สีหน้ากลับดูประหลาดหาใดเทียบ ท่าทางอึ้งงันไม่เข้าใจ ทำใจเชื่อได้ยาก
“ทำไมไวขนาดนี้”
รั่วอู่ถามอย่างอดไม่ได้
เสียงตุ้บดังขึ้น เงาร่างหนึ่งถูกโยนลงกับพื้น นี่คือชายชราที่หนวดเคราเผ้าผมเป็นสีขาว มาจากดินแดนโบราณอสูรดาว
“ระหว่างทางข้าจับตาแก่นี่ได้ สอบสวนเล็กน้อยเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าแดนลับสนามแม่เหล็กตามความจริง”
เซ่าเฮ่าจัดระเบียบความรู้สึกนึกคิดครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่า เกิด… เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร”
ประโยคเดียวก็ปลุกจิตใจสงสัยใคร่รู้ของรั่วอู่ มือนางตบให้ชายชราผู้นั้นตื่นขึ้นมา เริ่มเข้าสู่การสอบสวน
ไม่นานนักรั่วอู่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ตัวนางก็ชะงักอยู่ตรงนั้นไปครู่หนึ่งเช่นกัน ความตกตะลึงที่ควบคุมได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามเหนือธรรมดา
“นี่… นี่จะดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง”
รั่วอู่ยังพูดติดอ่างขึ้นมา เห็นได้ว่าในใจนางไม่สงบปานไหน
“ถามทุกท่านว่ามีหัวอริยะเท่าไหร่… ฮ่าๆๆ เจ้าหลินสวินนี่นะ มีโอกาสงามก็สังหารสะท้านโลก เยี่ยม!”
เซ่าเฮ่าหัวเราะร่า เสียงสะเทือนเมฆา
เลือดบุรุษย่อมอาจหาญ ย้อนนึกภาพหลินสวินคนเดียวโหมซัดพันทหาร กวาดราบสิบทิศ ไร้ซึ่งศัตรูเทียบเทียม
เขาเซ่าเฮ่าแม้สู้ไม่ได้ แต่ใจก็หวังจะไปให้ถึง
รั่วอู่ก็หน้าตารื่นเริง แกว่งหมัดเปล่งปลั่งดั่งหยกนั้นอย่างรุนแรง “วีรกรรมชั้นนี้ไม่เคยมีในกาลก่อน เป็นวีรชนทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดเหนือเขา!”
“ทั้งสองท่าน ที่ตาแก่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว จะทำให้ข้าตายอย่างไม่เจ็บปวดได้หรือไม่”
ชายชราผู้นั้นเอ่ยปากอย่างอ่อนแอ
เห็นได้ชัดว่าเขาก็รับรู้ว่าคราวนี้พ้นเคราะห์ได้ยากแล้ว สู้ขอตายอย่างไม่เจ็บปวดเสียดีกว่า
“ตามที่เจ้าปรารถนา”
เซ่าเฮ่าดีดนิ้ว ชายชราก็สลายกลายเป็นฝุ่นควันปลิวกระจาย
วันนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณล้วนสะเทือนเลื่อนลั่น คนนับไม่ถ้วนแสดงความยินดี ในเมืองอารักษ์มรรคมีแต่ความอึกทึกครึกครื้น
หลินสวินสังหารใหญ่รอบทิศ อารักขาเหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณเข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กได้สำเร็จ เรื่องนี้สำหรับพวกเขาค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ เท่ากับว่าภายหน้าจะมีมกุฎอริยะผุดขึ้นมากลุ่มหนึ่ง!
ภายหน้าพวกเขายังจะกลัวการชิงชัยกับอีกแปดดินแดนไปไย
ที่ทำให้พวกเขาตกใจและใจเต้นระส่ำที่สุดก็คือ หลินสวินถึงกับใช้พลังของตัวเองคนเดียว กดข่มผู้อยู่ในแปดยอดนภาครามได้สามคน นี่ก็หมายความว่าขอเพียงมีหลินสวินอยู่ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็จะไม่ถูกรังแกอย่างแต่ก่อนแล้ว!
“หลินสวิน!”
“หลินสวิน!”
“หลินสวิน!”
วันนี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วนกำลังพร่ำพูดถึงและจารึกนามของผู้ที่เป็นเหมือนตำนานผู้นี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกเคารพชื่นชม ตื่นเต้น และซาบซึ้งบุญคุณ
เพราะใครก็รู้ดีว่า ที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณยังโชคดีอยู่รอดมาได้ในสมรภูมิเก้าดินแดนอันโหดเหี้ยมหาใดเทียบนี้ เป็นความดีความชอบของหลินสวิน!
กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า เขาคนเดียวก็เปลี่ยนสถานการณ์ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!
ต่อให้เป็นสำนักเก่าแก่โบราณ ขุมอำนาจเผ่าใหญ่ที่แต่ก่อนเคยมองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้น ขณะนี้ล้วนเงียบกริบแล้ว
พวกเขาเคียดแค้นชิงชังหลินสวินต่อไปได้ แต่ในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ก็ต้องพึ่งพาหลินสวินเพื่ออยู่รอด!
……
วันนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับศึกนี้ก็กระจายออกไปในสมรภูมิเก้าดินแดนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่โหมกระพือราวกับสยายปีก
“นี่เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเขาหลินสวินถึงน่ากลัวปานนี้”
“มกุฎอริยะเป็นร้อย ทั้งยังมีระดับผู้นำอย่างแปดยอดนภาครามสามคน แต่สุดท้ายกลับแพ้ด้วยน้ำมือหลินสวินคนเดียวหรือ”
“น่าชังนัก!”
“ไอ้สวะตัวจ้อยนั่นไร้ศัตรูใดเทียบได้อย่างนั้นหรือ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้ดังขึ้นไม่ขาดสายในค่ายทัพดินแดนโบราณทั้งแปดอย่างขุมอุดร ยอดหยิน อสูรดาว จิ่วหลี มารโลหิตและต้าหลัว
ในอาณาเขตของค่ายทัพแต่ละแห่งเหมือนผึ้งแตกรัง มีคนตกใจและฮือฮาเพราะเรื่องนี้ไม่รู้เท่าไร
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ
ก่อนหน้านี้หลายคนคิดไปตามจิตใต้สำนึก ว่าที่หลินสวินสามารถกำราบทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนได้ เป็นเพราะอาศัยอานุภาพของกระบวนค่ายกล พลังต่อสู้ของเขาเองไม่แข็งแกร่งถึงขั้นไร้ศัตรูเทียบเทียม
แต่ตอนนี้ ในข่าวกลับบอกว่าเขาคนเดียวก็กำราบบุคคลระดับผู้นำสามคนได้ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ควรรู้ว่าแปดยอดนภาครามเป็นตัวแทนของพลังต่อสู้สูงสุดในสมรภูมิเก้าดินแดนไปแล้ว ขนาดสามคนจากกลุ่มนี้ร่วมมือกันยังแพ้หลินสวินคนเดียว นี่ไม่ได้หมายความว่าในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ หลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งที่มีชื่อสมความสามารถไปแล้วหรือ
ไม่มีใครกล้าเชื่อ!
ค่ายทัพแปดดินแดนดูถูกเหยียดหยามค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมาตลอด ใครจะรับเรื่องอันโหดร้ายหาใดเทียบเช่นนี้ได้
เทียบกับเสียงฮือฮาเหล่านี้ พวกที่มากประสบการณ์บางส่วนเริ่มกังวลใจขึ้นมาแล้ว รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์
ศึกนี้แม้เป็นความพ่ายแพ้ของพวกเซวี่ยชิงอี แต่ก็เท่ากับเป็นความพ่ายแพ้ของค่ายทัพแปดดินแดนไปด้วย เพราะสุดท้าย ในแปดดินแดนไม่มีใครได้เข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กสักคน!
และด้วยเรื่องนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณต้องมีมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นแน่ เรื่องนี้สามารถทำให้สถานการณ์ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณเปลี่ยนไปชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน
นี่จึงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด และน่ากังวลใจที่สุด!
“ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน พูดกันถึงแก่นแล้วเป็นการชิงชัยกันระหว่างพวกเราแปดดินแดน หรือคราวนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว”
หลายคนทอดถอนใจเพราะเรื่องนี้
“หลินสวินนั่นโผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดถึงแข็งแกร่งปานนี้”
แต่มีคนจำนวนมากกว่าที่วิเคราะห์และคาดเดาตัวหลินสวิน ราวกับมองหลินสวินเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งไปแล้ว ไม่กล้าชะล่าใจอย่างแต่ก่อนอีก
อริยะไม่ใช่ผักปลาที่หาได้ทั่วไป!
ในค่ายทัพของแต่ละแห่งดูเหมือนมีมกุฎอริยะกับอริยะแท้มากมายควบคุมสั่งการ แต่พวกเขาก็เป็นตัวแทนของรากฐานพลังทั้งดินแดนด้วย!
และมีเพียงในสมรภูมิเก้าดินแดนเท่านั้น ถึงได้เห็นภาพอริยะมากมายขนาดนี้รวมตัวกันชิงชัย
หากอยู่ในแปดดินแดน ยามปกติย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเช่นนี้
ก็เหมือนค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ ดูเหมือนไม่ขาดบุคคลชั้นหนึ่งระดับอริยะแท้ แต่ควรรู้ว่าอริยะเหล่านั้นมาจากขุมอำนาจเก่าแก่และเหล่าเผ่าใหญ่ต่างๆ
แท้จริงในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะเหล่านี้ต่างไม่ปรากฏตัวในโลกง่ายๆ แล้วจะมีคนพบเห็นเป็นปกติได้อย่างไร
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับมองอริยะเหมือนต้นหญ้ากะจ้อยร่อย ในช่วงหนึ่งปีกว่านี้ มกุฎอริยะกับอริยะแท้ที่ตายด้วยน้ำมือเขามีไม่รู้เท่าไรแล้ว
เรื่องนี้ดูน่ากลัวอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็นั่งไม่ติด อกสั่นขวัญผวา!
ทว่าเมื่อเทียบกับเรื่องเหล่านี้ เรื่องที่ทำให้เหล่าค่ายทัพแปดดินแดนรู้สึกว่าเป็นสถานการณ์ร้ายแรง ถึงกับสะท้านใจจริงๆ กลับเกี่ยวข้องกับเจี้ยนชิงเฉิน
เพราะในข่าวที่กระจายมา เจี้ยนชิงเฉินสิ้นชีพด้วยน้ำมือของหลินสวินตั้งแต่ก่อนที่ศึกนี้จะปะทุขึ้นแล้ว!
เจี้ยนชิงเฉิน บุคคลระดับผู้นำดินแดนโบราณต้าหลัว บุคคลในตำนานที่มีฉายาว่า ‘ครองอำนาจสิบทิศ’ คนหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานที่มีรากฐานพลังระดับมกุฎอริยะคนหนึ่ง ตายด้วยน้ำมือหลินสวินนั่นโดยไม่มีใครรู้เสียแล้วหรือ
เรื่องนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
——