สีหน้าอิ๋นฮวนสงบนิ่งไม่ไหวติง
หลินสวินในฐานะ ‘อันดับหนึ่งในสมรภูมิเก้าดินแดน’ สามารถต้านการโจมตีของอ๋าวเจิ้นเทียนไว้ได้ เดิมก็สมเหตุสมผล หาไม่ก็เป็นเพียงพวกดีแต่อ้างชื่อคนหนึ่งเท่านั้น
แต่อ๋าวเจิ้นเทียนกลับนัยน์ตาแข็งทื่อ กล่าวอย่างโมโห “นัยเร้นลับเจินหลง หัวขโมยอย่างเจ้าถึงกับกล้าฝึกมรรคเผ่าข้า!”
อะไรนะ!
เวลานี้อิ๋นฮวนก็ตกใจเช่นกัน
มหามรรคเจินหลง นั่นเป็นพลังมหามรรคของเผ่าเจินหลง หลินสวินนี่เป็นเผ่ามนุษย์ชัดๆ เหตุใดถึงสามารถหยั่งถึงและเชี่ยวชาญพลังมหามรรคระดับนี้ได้
นี่ผิดปกติยิ่ง!
หลินสวินหมุนตัวกล่าวเสียงเรียบ “มหามรรคเจินหลงนี่เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นมรรคทั้งมวล เหตุใดข้าถึงจะฝึกไม่ได้”
ดวงหน้าหล่อเหลาของอ๋าวเจิ้นเทียนมืดทะมึน ไอสังหารกลางนัยน์ตาพลุ่งพล่าน กล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ที่เจ้าฝึกคือมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร มีแต่วิชามังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้หัวขโมยต่ำช้าอย่างเจ้าลักลอบหยั่งถึงพลังมหามรรคแห่งเจินหลงได้!”
มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!
อิ๋นฮวนพยายามครุ่นคิด ก็คิดไม่ออกว่าบนโลกนี้เหตุใดถึงมีมรดกส่วนนี้อยู่ได้
“ต่ำช้า? หัวขโมย? ลักลอบ?”
นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึกเย็นชา เอามือไพล่หลัง มองอ๋าวเจิ้นเทียนแล้วกล่าว “หรือเจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าคนแซ่หลินไม่กล้าสังหารมังกร”
ขณะพูดเขาย่างเท้าก้าวออกไป กลิ่นอายทั่วร่างโคจรโดยพลัน ประหนึ่งเตาหลอมที่หลอมละลายสรรพสิ่งทั่วจักรวาล อานุภาพน่าสะพรึงแผ่กว้าง ทำให้ห้วงอากาศยังร้องครวญ
เมื่อเทียบกับท่าทางราบเรียบนิ่งสงบก่อนหน้านี้ ช่างต่างกันราวกับเป็นคนละคน!
นัยน์ตาอิ๋นฮวนแข็งทื่อ แข็งแกร่งยิ่ง!
“สังหารมังกร? ไม่รู้จักดีชั่ว!”
อ๋าวเจิ้นเทียนคำรามเสียงดัง เงาร่างสูงกำยำดุจเจินหลงปรากฏบนโลก กลิ่นอายปกคลุมฟ้าดิน
เหนือศีรษะของเขาปรากฏลักษณ์ประหลาดฟ้าดาราอย่างหนึ่ง เจินหลงตัวหนึ่งท่องทะยานอยู่ในนั้น ร่างกายทอดขยายดุจไร้สิ้นสุด บดขยี้ธารดารานับล้านเป็นผุยผง
สวบ!
เขายื่นกรงเล็บทะลวงห้วงอากาศว่างเปล่าเข้าใส่หลินสวิน
พลังนิ้วมือคมกริบไร้เทียมทานนั่นปกคลุมด้วยเกล็ดลายมรรคคลุมเครือ คล้ายสามารถฉีกฟ้าแหวกดิน ปั่นป่วนหยินหยาง
เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็สามารถทำให้มกุฎอริยะยังหวั่นหวาด!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับเจินหลงบนสวรรค์ แต่ตนเป็นเพียงมด เล็กจ้อยหาใดเปรียบ นี่คือการขู่ขวัญทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง
สีหน้าหลินสวินไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่แม้แต่จะมอง ในใจสะท้อนภาพเตาหลอมมหามรรค หลอมรวมแก่นแท้หมื่นมรรค วิวัฒน์เป็นความอัศจรรย์แห่งหมื่นวิชา
เมื่อเขากดมือออกไป
ตูม!
กลางห้วงอากาศมีเงามายาเตาหลอมปรากฏ ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต มีอานุภาพกำราบกาลนิรันดร์ อมตะยืนนาน
คัมภีร์เตาหลอมมหามรรค!
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้ในการต่อสู้หลังจากสร้างวิชาแห่งตน
พริบตาเดียวพลังกรงเล็บของอ๋าวเจิ้นเทียนก็ถูกบดขยี้ เกิดเสียงก้องกระหึ่มสะเทือนโสตจนหูแทบหนวก
และเตาหลอมก็แผ่อานุภาพ กำราบอย่างต่อเนื่อง
เมื่อดูให้ดีเตาหลอมนี้ให้ความรู้สึกไพศาลหนักแน่นที่ ‘เป็นหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์’ แก่ผู้คน
ภายในเตาหลอม มหามรรคมากมายผสมผสาน หยินหยางโคจรบังเกิดยอดเอกอุ น้ำไฟหลอมรวมกลายเป็นแข็งแกร่งอ่อนโยน เจินหลงไร้มรณะท่องกลางหุบเหว นัยเร้นลับดับดารากลืนกินซุ่มซ่อนภายในเตา!
และรอบด้านของเตาหลอม ประทับวิชาคลุมเครือเหลือล้น มีเงาร่างสะเทือนฟ้าดินสำแดงวิชาหมัด มีปราณกระบี่นับล้านเดือดพล่านดั่งมหาสมุทร มี…
เตาหลอมใบหนึ่ง กลับบรรจุนัยเร้นลับมหามรรคหมื่นวิชา!
เพียงแต่นัยเร้นลับและภาพมายาภายในนั้นมีเพียงหลินสวินที่สามารถสัมผัสถึง ในสายตาผู้อื่น เตาหลอมนี้มีเพียงลักษณะเดียว…
ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกทำลาย!
อ๋าวเจิ้นเทียนยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเตาหลอมมหามรรคกระแทกลอย ร่างกระเด็นอัดผนังโถงใหญ่อย่างจัง กระอักเลือดออกปากจมูก
พลังคุ้มกันร่างของเขาหอบม้วนขึ้นมาอย่างรุนแรง หากไม่เป็นเช่นนี้ ลำพังแค่การโจมตีนี้ก็สามารถทำให้เขาพะอืดพะอมได้แล้ว
นี่คือวิชาแบบไหนกัน
ในที่สุดอิ๋นฮวนก็ไม่อาจสงบนิ่งได้ นัยน์ตางามเปลี่ยนไป ถูกทำให้ตกใจแล้ว
ท่วงท่าผ่าเผยของการโจมตีเพียงเล็กน้อยนั่นกลับเปี่ยมด้วยนัยเร้นลับนับไม่ถ้วน เพียงแค่มองยังทำให้นางตกใจไม่อาจบรรยาย สะท้านสะเทือนไม่สิ้น
ก่อนหน้านี้แม้จะยอมรับสถานะ ‘อันดับหนึ่งในสมรภูมิเก้าดินแดน’ ของหลินสวิน แต่สำหรับอิ๋นฮวนที่ชื่ออยู่ในอันดับเก้ากระดานยอดจรัสฟ้าดารา ก็ยังไม่ถึงขั้นกริ่งเกรงหรือให้ความสำคัญอีกฝ่ายนัก
แต่ตอนนี้นางเพิ่งค้นพบว่าตนดูเบาดินแดนรกร้างโบราณ และดูเบาหลินสวินตรงหน้านี่ไปเสียแล้ว!
‘เยี่ยมยอด!’
ท่านเมี่ยวเสวียนลอบชื่นชมในใจ
เดิมทียามที่หลินสวินและอ๋าวเจิ้นเทียนปะทะกัน เขายังหวั่นใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรฝ่ายหลังก็มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา สถานะยิ่งเป็นทายาทสายตรงของเผ่าเจินหลง รากฐานแข็งแกร่งจนน่ากลัว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินสวินก็ไม่ได้ด้อยกว่าสักนิด ถึงขั้นเหนือกว่าด้วยซ้ำ!
“ทายาทเจินหลงเลือดบริสุทธิ์ ไม่เอาไหนปานนี้เชียวหรือ”
ท่ามกลางความเงียบ หลินสวินเอ่ยพูดเสียงเรียบ
ไกลออกไปอ๋าวเจิ้นเทียนตะกายขึ้นจากพื้น เงาร่างสูงใหญ่กำยำอาบไล้ประกายเทพ ดูเพียงภายนอก อาการบาดเจ็บไม่ถือว่าสาหัส
แต่การโจมตีครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกอัปยศ อับอายขายขี้หน้า!
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา เขาอ๋าวเจิ้นเทียนแม้จะไม่ถึงกับแข็งแกร่งไร้ศัตรู แต่ก็เป็นบุคคลที่เด่นสะดุดตาชื่อสะท้านแดนดินฝั่งหนึ่ง ตัวเขามีอานุภาพยิ่งยงมาเนิ่นนาน
แต่ตอนนี้ ในดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกเขาดูแคลนอย่างสิ้นเชิงนี้ กลับถูกผู้อื่นโจมตีลอยกระเด็น นี่เหมือนโดนกระบองตีแสกหน้าชัดๆ ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาถูกโจมตีอย่างจัง
“เข้ามาอีก!”
อ๋าวเจิ้นเทียนตวาดลั่น
เขาหาได้ถูกเพลิงโทสะบังตา ตรงข้าม ผ่านการโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาไม่กล้าดูเบาอีก ใช้อานุภาพแท้จริงออกมา
ตูม!
เขาย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า ใต้ฝ่าเท้าผุดแผนภาพลายมรรคที่มีนัยเร้นลับภาพแล้วภาพเล่า ทั่วร่างของเขาแผ่แสงเจิดจ้าพร่าตาออกมา
“มังกรทะยานสู่ฟ้า!”
ก็เห็นร่างของเขาขยายออกอย่างรวดเร็ว หมอกเมฆพวยพุ่ง ประกายเทพเดือดพล่าน ราวกับเจินหลงตัวหนึ่งควบเมฆคุมหมอกมาเยือน ทรงอานุภาพกลืนกินสี่สมุทร
แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเงามายาเตาหลอมใบนั้นสลายไปอีกครั้ง ร่างซวนเซออกไป ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เอ็นกระดูกทั่วร่างส่งเสียงเสียดสีกันคล้ายรับไม่ไหว
“นี่…”
อิ๋นฮวนเบิกเนตรงามกว้าง ยากจะเชื่อได้
นางรู้ดีที่สุดว่าพลังและรากฐานของอ๋าวเจิ้นเทียนน่าสะพรึงปานใด เปลี่ยนเป็นคนรุ่นเดียวกันคนอื่น ต้องไม่สามารถต้านพลังโจมตีหฤโหดปานนี้ของเขาได้เด็ดขาด
แต่อยู่ในมือหลินสวิน กลับเห็นได้ชัดว่าหมดสภาพอย่างยิ่ง!
‘ในหมู่ผู้แข็งแกร่งย่อมมีผู้แกร่งกว่า ภูเขาย่อมมีเขาที่สูงกว่า เพียงแต่… พลังต่อสู้ของเจ้าเด็กหลินสวินนี่ออกจะเย้ยฟ้าเกินไปแล้ว เตาหลอมเดียวคงนิรันดร์ ทลายสิ้นหมื่นวิชา!’
ท่านเมี่ยวเสวียนยังไหวหวั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นี่ก็คือคนที่หมายทะยานสู่ ‘กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา’ หรือ”
หลินสวินเอ่ยปากอีกครั้ง
คำพูดถากถางไม่ปิดบังสักนิด
ถูกซัดพ่ายในการโจมตีเดียวติดกันสองครั้งทำเอาอ๋าวเจิ้นเทียนเดือดคลั่ง เพลิงโทสะลุกโหม รับไม่ได้ยิ่งกว่าถูกคนตบหน้าสองครา
“เข้ามาอีก!”
อ๋าวเจิ้นเทียนคำราม ประหนึ่งมังกรพิโรธแผดเสียง เขามังกรคู่หนึ่งเหนือศีรษะคละคลุ้งแสงเรื่อลายมรรคคลุมเครือ บนร่างปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรมากมาย
กลิ่นอายของเขายิ่งกร้าวแกร่งขึ้น!
ทั้งยังใช้มรดกวิชาลับของเผ่าเจินหลง ทุกท่วงท่าอิริยาบถล้วนทรงพลัง สามารถซัดทำลายบดขยี้ทุกสิ่ง แข็งแกร่งจนน่าตกใจ
แต่ไม่ว่าอานุภาพของเขาจะแกร่งแค่ไหน วิชามรรคอัศจรรย์เพียงใด หลินสวินก็ทลายลงได้ด้วยวิชาเดียว!
เตาหลอมหามรรคใบหนึ่ง เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ก่อเกิดหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์ ยอดเยี่ยมถึงขีดสุด และน่าสะพรึงอย่างที่สุดเช่นกัน
ปึงๆๆ!
เพียงครู่เดียวสั้นๆ ก็ซัดอ๋าวเจิ้นเทียบหมอบราบไปเจ็ดแปดครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบไร้ซึ่งพลังต่อต้าน
อิ๋นฮวนอึ้งค้างไปแล้ว จิตใจเหมือนธารพลิกสมุทรคว่ำ!
หลินสวินนี่แข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไรกัน
หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา มกุฎอริยะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็หายากยิ่งนัก แต่ละคนขอเพียงผงาดขึ้นมา ก็ย่อมสามารถขึ้นสู่ ‘กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา’ กลายเป็นพวกไร้ทัดเทียมที่เจิดจรัสสะเทือนฟ้าดารา!
เพียงแต่อิ๋นฮวนคิดไม่ถึงเลยว่า ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ยังกลับทำให้นางพบเจอคนแกร่งแห่งยุคเช่นนี้
อ๋าวเจิ้นเทียนในยามนี้ผมยุ่งกระเซิงไปนานแล้ว เสื้อผ้าขาดวิ่น ผิวหนังแตกระแหงเป็นรอยแตกมากมาย ปากจมูกก็มีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด
สภาพน่าสังเวชนั้นไม่อาจใช้หมึกพู่กันมาเขียนบรรยายได้
“เจ้าน่าจะรู้ดี หากข้าต้องการสังหารเจ้า ไม่ต้องรอถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ หากยังไม่รู้ชั่วดีอีก ตายไปก็สมควร”
หลินสวินเอ่ยปากเย็นชา
ที่นี่คือหอฤทธิ์เทพ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ท่านเมี่ยวเสวียนจะไม่ได้ยื่นมือเข้าแทรก แต่เขากล้ามั่นใจว่าหากตนมีความคิดจะฆ่าอ๋าวเจิ้นเทียน ท่านเมี่ยวเสวียนย่อมไม่อาจไม่เหลียวแลอย่างแน่นอน
ดังคาด ท่านเมี่ยวเสวียนยื่นมือเข้าแทรกแล้ว มือข้างหนึ่งกดที่ไหล่อ๋าวเจิ้นเทียน กล่าวว่า“องค์ชายเจ็ด ควรพอได้แล้ว”
นัยน์ตาอ๋าวเจิ้นเทียนแดงก่ำ ดวงตาแทบถลน แต่ท้ายที่สุดเขาก็สูดหายใจลึกหลายเฮือก ฝืนข่มเพลิงโทสะที่เดือดพล่านเอาไว้ จ้องหลินสวินเขม็งไม่วางตาครู่ใหญ่ ก่อนสะบัดแขนเสื้อออกไป
ก่อนหน้านี้หน้าของเขาแทบจะไม่เหลือประกายแล้ว ไหนเลยจะมีหน้าอยู่ต่ออีก
เขาไม่ใช่คนซื่อบื้อ ย่อมรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะมีท่านเมี่ยวเสวียนอยู่ หลินสวินนั่นต้องกล้าสังหารตนโดยไม่ลังเลแน่นอน!
‘น่าชังนัก! เหตุใดดินแดนรกร้างโบราณนี่ถึงมีพวกพลิกฟ้าเช่นนี้โผล่มาได้ แล้วใครกันที่ถ่ายทอดวิชามังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรให้เขา นั่นเป็นถึงความลับต้องห้ามที่บรรพบุรุษเผ่าข้าทิ้งเอาไว้…’
ภายในใจอ๋าวเจิ้นเทียนเดือดพล่าน
การโจมตีที่ประสบพบเจอในครั้งนี้หนักหนาเกินไป ทำให้จิตใจของเขาเสียสมดุลไปบ้าง ต้องสงบสติอารมณ์ลงสักหน่อย
……
ในโถงใหญ่เมื่ออ๋าวเจิ้นเทียนจากไป บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเปราะบางขึ้นมา
ดวงหน้างามของอิ๋นฮวนซับซ้อน สายตาที่มองหลินสวินก็เปลี่ยนไป เห็นการพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าของอ๋าวเจิ้นเทียนกับตา ย่อมสร้างแรงโจมตีที่ไม่เคยมีมาก่อนภายในใจอิ๋นฮวนด้วยเช่นกัน
กระทั่งนางยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าคนแบบนี้ถึงกับถือกำเนิดในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ นี่ลบล้างความรู้ความเข้าใจที่ผ่านมาของนางไปอย่างสิ้นเชิง
หากรู้แต่แรกว่าหลินสวินนี่เป็นพวกน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ นางคงไม่ ‘มองข้าม’ อย่างเช่นก่อนหน้าขนาดนั้น
น่าเสียดาย ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไปก็สายไปแล้ว
‘หลินสวิน เรื่องนี้คนผิดไม่ใช่เจ้า แต่ว่าต่อไปหากเจ้าอยากมุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ต้องระวังแล้ว’
ท่านเมี่ยวเสวียนสื่อจิตเอ่ยเตือน
หลินสวินพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
ทว่าก็แค่อ๋าวเจิ้นเทียนคนเดียวเท่านั้น ต่อให้เบื้องหลังมีเผ่าเจินหลงทั้งเผ่าหนุนอยู่ เขาก็ไม่มีทางระส่ำระสายและหวาดกลัวเพราะเหตุนี้แน่
“อันที่จริงเจ้าเข้าใจผิดแล้ว คุณชายอ๋าวมาครั้งนี้ก็เพื่อมารับแม่นางจิ่งเซวียนคนนั้นกลับเผ่าเจินหลง ทั้งสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด คงไม่ทำร้ายนางแน่”
จู่ๆ อิ๋นฮวนก็เอ่ยปากกล่าวว่า “หากเป็นไปได้ ข้ายังหวังว่าเจ้าจะใจกว้างพอ ช่วยคุณชายอ๋าวสักครั้ง ดังคำกล่าวที่ว่าความแค้นเคืองพึงละไม่พึงผูก ถือโอกาสนี้อาจจะแก้ไขความสัมพันธ์ของเจ้าและคุณชายอ๋าวได้บ้าง”
หลินสวินพูดตัดบท “นี่เป็นเพียงความคิดของคุณชายอ๋าวผู้นั้นฝ่ายเดียว เว้นแต่จิ่งเซวียนเต็มใจตามเขากลับไปเอง หาไม่ ใครก็ไม่อาจบังคับได้”
อิ๋นฮวนลอบทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่ต่อ หันตัวออกจากโถงใหญ่ไป
ในใจนางอันที่จริงก็รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ถูกนางกำจัดทิ้งไป
นางมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ส่วนหลินสวิน อาจมีพรสวรรค์เลิศล้ำ รากฐานโดดเด่น แต่เขาทั้งเกิดในดินแดนรกร้างโบราณ ทั้งยังไม่รู้ว่าอนาคตจะไปถึงโลกกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้นได้หรือไม่
อย่างไรเสีย บนโลกนี้ก็ใช่ว่าใครๆ ล้วนมีคุณสมบัติมุ่งสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา!
——