Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1717 ตำนานแท่นสักการะ

จนตอนนี้ในใจหลินสวินพอมีโครงร่างคร่าวๆ บ้างแล้ว

ในโลกมืดบนทางเดินโบราณฟ้าดารามีสามยักษ์ใหญ่ แบ่งเป็นสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ หอวิหคทองแดง

ในนั้นสำนักโบราณจรัสเทพมองตัวเองว่าเป็น ‘ทูตเทพพยากรณ์’ รับบัญชาแห่งทวยเทพ กระทำการเข่นฆ่า

แดนกษิติครรภ์มองว่าตนเป็น ‘ผู้หลุดพ้น’ ยึดการกำจัดมารนอกรีตในโลกเป็นหน้าที่แห่งตน

ส่วนหอวิหคทองแดงก็เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์และผู้ควบคุมระเบียบของโลกมืด อำนาจกระจายทั่วโลกมืด อิทธิพลหยั่งรากฝังลึก

มีแสงสว่าง ก็ย่อมมีความมืดมิด

ส่วนโลกมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในโลกนี้ต่างก็บอกไม่ถูก

รวมถึงอาหู ก็ได้แต่บอกว่าโลกมืดเป็นเพียงคำเรียกแบบกว้างๆ อย่างหนึ่ง โดยทั่วไปยิ่งก่อกวนแดนปั่นป่วนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสแทรกซึมอำนาจในโลกมืดได้มากขึ้นเท่านั้น

นี่ทำให้สามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดอย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ และหอวิหคทองแดงยิ่งเร้นลับขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

และนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในใจหลินสวินก็เกิดความระวังตัวขึ้นมาบ้างแล้วส่วนหนึ่ง

ถูกสองขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์หมายหัวพร้อมกัน ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางนิ่งเฉยได้

หนึ่งวันต่อมา

ทั่วทั้งแดนหลอมสมบัติสั่นสะเทือนรุนแรงครู่หนึ่ง ฟ้าดินไหวโคลง ผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวอยู่ในนั้นต่างหยุดการกระทำในมือ

“ที่แห่งนี้จะจมสู่ผนึกอีกครั้งแล้ว…”

มีคนพึมพำ

“บททดสอบและอันตรายที่แท้จริงจะเริ่มนับจากบัดนี้ อย่าลืมล่ะ ในกาลเวลาที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถรอดชีวิตออกจากแหล่งสถานคุนหลุนได้มีเพียงไม่กี่หยิบมือเท่านั้น!”

มีคนสีหน้าเคร่งขรึม

แดนหลอมสมบัติเป็นเพียงอาณาเขตรอบนอกของแหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้น ยังไม่มีอันตรายให้พูดถึงมากนัก

แต่ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุนย่อมไม่เหมือนกันแล้ว ทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยเคราะห์สังหาร เป็นไปได้สูงว่าแค่ดินโคลนก้อนหนึ่ง หญ้าเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาต้นหนึ่ง ล้วนสามารถเอาชีวิตมกุฎมหาอริยะได้ !

นี่หาได้กล่าวเกินจริง หากแต่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ในกาลเวลาที่ผ่านมา

“ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุนมีอันตรายยิ่งใหญ่ และมีมหาวาสนาด้วยเช่นกัน ความลับภายในนั้นดุจหมอกควันแผ่กว้าง หมื่นยุคสืบมาไม่เคยมีคนมองทะลุสภาพความเป็นไปทั้งหมดได้อย่างแท้จริง ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถได้รับวาสนาภายในนั้น…”

มีคนคิดไปต่างๆ นานา

ตูม!

ไม่ทันไรบนเวิ้งฟ้าแถบนั้นมีเสียงก้องกระหึ่มดังขึ้น ทำเอาสภาวะจิตของผู้คนสะท้านสะเทือน

หลังจากนั้นเถาวัลย์สีเขียวที่ใหญ่หนาเถาแล้วเถาเล่าตกลู่ลงมาจากฟากฟ้า สะบัดลงในพื้นที่แตกต่างกันในแดนหลอมสมบัติ

“เถาวัลย์บรรลุนภาปรากฏแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณมากมายต่างเริ่มเคลื่อนไหว

บ้างเรียกสมบัติออกมา บ้างก็ทำมุทราโคจรวิชา บ้างก็กระตุ้นพลัง…

พวกเขาต่างเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง

เถาวัลย์บรรลุนภาจำนวนไม่อาจนับ ผู้ฝึกปราณแค่ต้องปีนไต่เถาวัลย์ขึ้นไป ก็สามารถออกจากแดนหลอมสมบัติ เข้าสู่ภายในแหล่งสถานคุนหลุนอย่างแท้จริงได้

แต่ในเถาวัลย์บรรลุนภาเหล่านั้น มากกว่าครึ่งแทบจะเชื่อมไปยัง ‘แดนมรณะ’ หากเคราะห์ไม่ดีเลือกผิด เป็นไปได้สูงว่าสถานที่ที่ไปถึงก็คือแดนไร้หวังเปี่ยมอันตราย!

ในกาลเวลาที่ผ่านมาไม่รู้มีผู้ฝึกปราณเท่าไหร่กลายเป็นคนตายจริงๆ เพราะเข้าสู่ ‘แดนมรณะ’ แบบไม่ทันตั้งตัว

“พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวกันเถอะ”

อาหูเอ่ยปาก มือเรียวของนางสะบัดคราหนึ่ง ปิ่นสีเงินเล่มหนึ่งพุ่งออกมา บนนั้นสลักลายมรรคแน่นขนัดเอาไว้

วู้ม!

ปิ่นสีเงินส่องแสง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งไกลออกไปโดยทันที

“ไป”

อาหูนำทางไปก่อน หลินสวินตามหลังนางติดๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้จู่ๆ หลินสวินก็นึกขึ้นมาได้ ปีนั้นยามทะลวงสามด่านสุดท้ายของทางเดินเมฆาหยกในห้องโถงมรรคาสวรรค์ ตนเคยได้รับสมบัติสามอย่าง

หนึ่งคือปีกผลาญเทพ สองคือพลังเร้นชะตาสวรรค์ ส่วนสิ่งสุดท้ายคือสมบัติที่มีชื่อว่า “พันฤกษ์วัฏจักรนำพา”

จากคำพูดของหญิงลึกลับ พันฤกษ์วัฏจักรนำพาอัศจรรย์พันลึกสุดขีด ไม่ว่าจะหลงทางในทะเลดาราไร้ขอบเขต จมสู่ปราการวงกตฟ้าดิน หรือว่าหลงเข้าไปในแดนเสี่ยงอันตราย ล้วนสามารถใช้สมบัติชิ้นนี้ชี้ทางรอดได้

“ถึงแล้ว”

ไม่ทันไรอาหูก็หยุดฝีเท้า เบื้องหน้าเทือกเขาลูกหนึ่งไกลๆ เถาวัลย์ยักษ์สีเขียวที่หยาบหนาเหมือนถังน้ำสายหนึ่งร่วงลงมาจากฟากฟ้า

ทอดสายตามองจากไกลๆ ก็เหมือนงูหลามสีเขียวตัวหนึ่งห้อยหัวลงมาจากฟ้า!

ปิ่นสีเงินของอาหูชี้ไปทางเถาวัลย์บรรลุนภาเถานี้พอดี

หลินสวินเงยหน้าขึ้นมอง ดูไม่ออกสักนิดว่าเถาวัลย์เถานี้ยาวแค่ไหนกันแน่ เหมือนแตกเครือทอดลงมาจากนอกเวิ้งฟ้า

“ปีนขึ้นไปเหนือฟ้าก็คือคุนหลุน ที่นั่นเป็นโบราณสถานที่ไพศาลไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง ซุกซ่อนอันตรายและความลับไม่รู้เท่าไหร่ หลังจากไปถึงที่นั่นต้องระวังตัวให้มากๆ”

อาหูกำชับหนึ่งประโยค ตั้งท่าเตรียมเคลื่อนไหว

จู่ๆ เสียงอ่อนโยนเสมือนลมวสันต์สายหนึ่งก็ดังขึ้น “บังเอิญจริง ถึงกับพบทั้งสองคนที่นี่”

ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือระลอกคลื่นสายหนึ่งที่ผุดขึ้นในห้วงอากาศไกลๆ จากนั้นเงาร่างสามสายก็เดินออกมา

ร่างผอมที่นำหน้าสุดสวมชุดแขนกว้างรัดเข็มขัด มีมาดบัณฑิตสุภาพ เป็นเมิ่งอี้ทายาทเลือดบริสุทธิ์ที่ผ่าเหล่าผ่ากอที่สุดคนหนึ่งของเผ่านักรบฉงฉี

จีเฉียนและเจียงเหิงจากสำนักยุทธ์เสวียนจีติดตามอยู่ข้างกายเขา ตอนที่มองเห็นหลินสวินและอาหู พวกเขาสองคนต่างอึ้งไป

จีเฉียนขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้างดงามของเจียงเหิงก็เย็นเยียบลง

และตอนที่หลินสวินเห็นเจียงเหิงก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเช่นกัน เขาจำอีกฝ่ายได้ เป็นหญิงสาวคนนั้นที่มองว่าตนเป็นขโมยในสมรภูมิเซียนเหินนั่นเอง

“ช่างบังเอิญจริงเชียว”

หลินสวินยิ้มแล้ว แววตานึกสนุก เขาเหลือบมองจีเฉียนปราดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ปีนั้นคงเป็นเจ้าที่ลงมือ หมายจะแย่งสมบัติในมือข้ากระมัง”

จีเฉียนแค่นเสียงเย็น “ปีนั้นในสมรภูมิเซียนเหิน เจ้าปล้นโอสถเทพของสำนักยุทธ์เสวียนจีของข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้ายังไม่ทันคิดบัญชีกับเจ้าเลย!”

หลินสวินแค่นหัวเราะ “แหม จะบอกว่าสมรภูมิเซียนเหินนั่นเป็นสวนหลังบ้านของสำนักยุทธ์เสวียนจีของเจ้าหรือ โอสถเทพไร้เจ้าของจำนวนหนึ่งถูกพวกเจ้าหมายตา ก็กลายเป็นของพวกเจ้าแล้วรึ”

“ทุกท่าน บุญคุณความแค้นที่ผ่านมาไม่พูดถึงดีหรือไม่ แค่เรื่องเล็กน้อยนิดหน่อยเท่านั้น หากก่อนหน้านี้พี่หลินมีพลาดพลั้งอะไรไป ก็ให้ข้าเมิ่งอี้ชดเชยให้ดีหรือไม่”

เมิ่งอี้ยิ้มพลางเอ่ยปาก น้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาผู้คนเหมือนอาบชโลมลมวสันต์

“ไม่ดี”

หลินสวินตอบกลับอย่างแน่นหนักยิ่ง

เมิ่งอี้สีหน้าแข็งค้าง คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะพูดยากเช่นนี้ จีเฉียนและเจียงเหิงต่างก็เริ่มโกรธกรุ่นขึ้นมา จ้องหลินสวินอย่างเดือดดาล

พวกเขาตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกเมิ่งอี้หยุดไว้

เมิ่งอี้กล่าวว่า “ช่างเถอะ แดนหลอมสมบัติใกล้จะจมสู่ผนึกแล้ว แทนที่จะถือสาเรื่องไม่เป็นเรื่องในอดีต ไม่สู้ออกจากที่นี่ก่อนดีกว่าหรือ”

หลินสวินและอาหูสบตากันปราดหนึ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

ต่อมาเมิ่งอี้พาจีเฉียนและเจียงเหิงเคลื่อนไหวนำหน้าไปก่อน ทะยานตัวไปอยู่บนใบสีเขียวที่ใหญ่หนาใบหนึ่งของเถาวัลย์บรรลุนภาอย่างมั่นคง

อาหูและหลินสวินก็เลือกใบไม้แถบหนึ่งตามหลังไปติดๆ เหยียบย่างลงไปบนนั้น

ไม่จำเป็นต้องปีนไต่ เถาวัลย์ใหญ่หนานี้ก็เริ่มหดเข้าไปในเวิ้งฟ้าอย่างรวดเร็ว พาพวกหลินสวินทะยานฟ้าขึ้นไป

“พี่หลิน ข้าน้อยเมิ่งอี้เผ่านักรบฉงฉี”

ระหว่างทางเมิ่งอี้ประสานหมัดเอ่ยกล่าว

หลินสวินเหลือบมองเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ข้าไม่รักษาน้ำใจ เจ้ามีอะไรก็ว่ามาตรงๆ เลยดีกว่า”

เมิ่งอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าคนแซ่เมิ่งมาครั้งนี้ ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปเสาะหาวาสนาในแดนอันตรายแห่งหนึ่งของแหล่งสถานคุนหลุน หากได้การช่วยเหลือจากป้ายคำสั่งเซียนเหิน ก็จะมีโอกาสคว้าวาสนาครั้งนี้ได้เจ็ดส่วน…”

ไม่รอให้พูดจบหลินสวินก็ยิ้มขึ้นมา “เจ้าก็ทำเพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินหรือ”

จีเฉียนและเจียงเหิงต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ มักรู้สึกว่าคำพูดและรอยยิ้มของหลินสวินเจือแววเยาะหยันอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาผู้คนอลักเอลื่อยิ่ง

เมิ่งอี้กลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สา พยักหน้าเรียบๆ “เป็นเช่นนั้นแหละ แต่ข้าไม่ได้อยากให้พี่หลินลำบากใจ หากเป็นไปได้ ข้าหวังว่าจะร่วมมือกับพี่หลิน มุ่งหน้าไปยังแดนแห่งวาสนานั้นพร้อมกันได้ ผลเก็บเกี่ยวที่ได้รับทั้งหมด แน่นอนว่าย่อมมีส่วนแบ่งของพี่หลินอยู่แล้ว”

ไม่รอให้หลินสวินตอบ จู่ๆ อาหูก็กล่าวว่า “สหายยุทธ์พอจะบอกหน่อยได้หรือไม่ว่าจะไปแดนวาสนาใดกัน”

เมิ่งอี้นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “แท่นสักการะ”

คำสั้นๆ เท่านั้น กลับทำเอาเนตรงามของอาหูแข็งทื่อ กล่าวว่า “เท่าที่ข้ารู้ จากอดีตจนปัจจุบัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าสู่สถานที่แห่งนั้น ทุกคนล้วนไปไม่กลับ ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาสักคน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในแหล่งสถานคุนหลุน ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากป้ายคำสั่งเซียนเหินก็ยังไม่ใคร่มีประโยชน์เท่าใดนัก”

เมิ่งอี้กล่าวอย่างแปลกใจ “แม่นางถึงกับรู้จักแท่นสักการะด้วยหรือ ถูกต้อง นับจากอดีตจนปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาจากในนั้นได้จริงอย่างว่า แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน”

กล่าวพลางมือเขาพลิกขึ้นคราหนึ่ง ปรากฏม้วนตำราที่ถูกประทับผนึกม้วนหนึ่ง แม้จะถูกประทับผนึกไว้ แต่ยังคงแผ่กลิ่นอายเร้นลับที่เวิ้งว้างเก่าแก่สายหนึ่งออกมา

ดุจดั่งบัญชาจากสวรรค์สายหนึ่ง แม้ยังไม่ทันปรากฏก็มีอานุภาพเหนือสุดแล้ว!

“นี่คือ ‘คำจารึกสักการะ’ ม้วนหนึ่งที่บรรพชนเผ่าข้าได้รับมาด้วยความบังเอิญ ภายในใช้พลังเทพเหนือสุดประทับเบาะแสส่วนหนึ่งเอาไว้ ล้วนเกี่ยวข้องกับแท่นสักการะ หากอาศัยสมบัตินี้ กอปรกับมีความช่วยเหลือจากป้ายคำสั่งเซียนเหินเพิ่มเข้าไปอีก ก็สามารถมุ่งหน้าเข้าไปได้เที่ยวหนึ่งแล้ว!”

หว่างคิ้วเมิ่งอี้ฉายแววมั่นใจเต็มเปี่ยม

คำจารึกสักการะ!

จีเฉียนและเจียงเหิงต่างสีหน้าแปลกพิกล ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ยักรู้ว่าในมือเมิ่งอี้ถึงกับมีของที่วิเศษศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ด้วย

อาหูทอดสายตามองหลินสวิน เรื่องระดับนี้ให้หลินสวินเป็นคนตัดสินใจดีกว่า

แต่นางสื่อจิตบอกกับหลินสวินแล้ว ว่าเมิ่งอี้น่าจะไม่กล้าพูดปด เพราะหากไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน เขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไปในแท่นสักการะนั่นโดยเด็ดขาด!

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ แม้ว่าเขาจะมีแผนสกปรกในใจ แต่อย่างน้อยระหว่างเดินทางไปแท่นสักการะต้องไม่กล้าลงมือมั่วซั่วแน่นอน

หลินสวินกล่าว “ข้าใคร่รู้นักว่าแท่นสักการะซ่อนอะไรไว้กันแน่ ถึงทำให้เจ้ายืนกรานจะมุ่งหน้าไปทั้งที่รู้ว่าอันตรายเช่นนี้”

เมิ่งอี้กล่าวเน้นทีละคำ “ตามตำนาน ที่นั่นซุกซ่อนความลับที่จะบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์เอาไว้!”

ประโยคเดียวทุกคนต่างอึ้งงัน ภายในใจสั่นสะท้าน

บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์!

ศุภโชคสูงสุดระดับนี้ อย่าว่าแต่มกุฎมหาอริยะ ต่อให้ถูกบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิ หรือครึ่งก้าวสู้ระดับจักรพรรดิรู้เข้า ก็ต้องทุบศีรษะแย่งชิงกันเป็นแน่!

ชั่วขณะนี้หลินสวินก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน

“ทั้งสองไม่ต้องด่วนตัดสินใจ ก่อนมุ่งหน้าไปยังแท่นสักการะยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน ระหว่างนี้หากทั้งสองคนตัดสินใจได้แล้วก็ติดต่อข้ามาทันทีได้เลย”

เมิ่งอี้กล่าวพลางยื่นป้ายยืนยันป้ายหนึ่งให้หลินสวิน “ทุบป้ายนี้ให้แตก ข้าจะมุ่งหน้ามารวมตัวกับทั้งสองคนทันที”

เขานิ่งไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อไปว่า “เพื่อแสดงความจริงใจ ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ข้าคนแซ่เมิ่งจะร่วมหัวจมท้ายกับพวกเจ้าทั้งสอง หากพบเจอสิ่งที่ไม่เจริญตามาขัดขวาง ข้าคนแซ่เมิ่งจะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด!”

กล่าวถึงตอนท้าย ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นของเขาเจือแววเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ข้าจะพิจารณาดูอีกที”

หลินสวินรับป้ายยืนยันป้ายนั้นมา

เมิ่งอี้เผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าเฝ้ารอจะได้ร่วมมือกับคนมากความสามารถเช่นพี่หลินยิ่งนัก”

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาถ่อมตัวอ่อนโยน รู้รุกรู้ถอย มารยาทเป็นเอก บุคลิกจริงใจ พาให้ผู้คนรู้สึกไร้ที่ติ

แม้จะเป็นหลินสวินยังหาเหตุผลมาเกลียดชังคนผู้นี้ไม่ได้แม้แต่น้อย

แน่นอน คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครก็ตามที่สามารถบรรลุเป็นมกุฎมหาอริยะได้ ย่อมไม่มีพวกธรรมดาสักคน!

ตูม!

ไม่ทันไรเถาวัลย์บรรลุนภาก็สั่นสะเทือนรุนแรง นำพาพวกหลินสวินทะยานเข้าไปในรอยแยกที่มืดมิดสายหนึ่งที่แหวกกว้างกลางเวิ้งฟ้า

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset