หมัดเดียวสังหารเถาเยา ความนองเลือดที่ก่อขึ้นทำให้ทั้งที่นั้นหวาดหวั่น
ทุกคนรู้สึกได้ถึงไอสังหารคับฟ้าจากตัวหลินสวิน ต่างมีสังหรณ์แรงกล้าอย่างห้ามไม่อยู่
ว่าหลินสวินไม่สนใจรากฐานบรรลุจักรพรรดิอะไรสักนิด เขามาเพื่อฆ่าคน!
“ไป รีบตามไป!”
“กำลังจะมีศึกใหญ่สะเทือนโลกปะทุขึ้นแล้ว!”
ขณะนี้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้เคียงต่างย้อนกลับมา ร้องเสียงดังตื่นเต้น เลือดลมสูบฉีด
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเนี่ยฝู่หรือเถาเยาต่างอหังการถึงที่สุดทั้งสิ้น จองหองอวดดียิ่งยวด การโจมตีของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกสาแก่ใจนัก ระบายความคั่งแค้นออกมา
พอเห็นหลินสวินบุกขึ้นทางมังกรหมอบไป คนมากมายก็ตามไปอย่างไม่ลังเล ใครก็รู้ดีว่าการปรากฏตัวของหลินสวินต้องชักนำฝนโลหิตคาววายุขึ้นบนภูเขาพญามังกรแน่!
……
ทันทีที่เหยียบย่างบนทางมังกรหมอบ หลินสวินก็พลันรู้สึกได้ว่าในห้วงอากาศเต็มไปด้วยกฎระเบียบต้องห้าม ไม่อาจเคลื่อนตัวเหินทะยานได้
อีกทั้งทางขึ้นเขาอันเลี้ยวลดดั่งมังกรนี้ดูเหมือนกว้างแค่ไม่กี่จั้ง แต่พอเดินอยู่บนนั้นกลับให้ความรู้สึกกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ห้วงอากาศทบทวีหรือ
หลินสวินเดินไปพลางสัมผัสไปพลาง
“ใครน่ะ”
ทันใดนั้นเสียงตะเบ็งดังขึ้นระหว่างทาง “ที่นี่ถูกปิดกั้นไว้แล้ว ไสหัวลงเขาไป!”
หลินสวินยื่นมือออกไป
โครม!
ห้วงอากาศปั่นป่วน ใกล้ๆ หินผาที่อยู่ห่างไปหลายสิบจั้งก้อนหนึ่ง มีเงาร่างหนึ่งถูกคว้าตัวออกมาเหมือนหยิบลูกเจี๊ยบ
คนผู้นี้เป็นพวกร้ายกาจจากเผ่านักรบกิเลนโลหิตคนหนึ่ง แต่ยังไม่ทันดิ้นรน ร่างกายก็ถูกบีบระเบิด ฝนเลือดไหลเชี่ยวดั่งน้ำตก
หลินสวินไม่แม้แต่จะหันหน้ามอง ขึ้นเขาต่อไป
ผู้ฝึกปราณหลายคนที่ตามหลังหลินสวินอยู่เห็นดังนี้ต่างสูดหายใจเย็นออกมาไม่ได้ อหังการเกินไปแล้ว พลังต่อสู้ก็น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว
‘นายท่าน สืบได้แล้ว เมื่อสามวันก่อนราชันเผิงปีกทองน้อยกับหยวนฝ่าเทียนปรากฏตัวที่นี่ คนแรกถูกกู่ฉางซินกำราบ คนหลังถูกคุนจิ่วหลินกำราบ’
เสี่ยวอิ๋นสื่อจิตอยู่ข้างหูหลินสวิน เขาเพิ่งกลืนกินเศษเสี้ยววิญญาณบางส่วนของเถาเยาไป จึงจับข้อมูลที่มีค่ามาได้บางประการ
‘แต่พวกเขาไม่ได้ถูกฆ่า บอกว่าต้องการใช้ชีวิตของพวกเขามาขู่ให้นายท่านยอมถูกจับโดยละม่อม’
ดวงตาดำหลินสวินวาววาบ ‘พูดแบบนี้ พวกเขาวางอุบายที่นี่เพื่อหมายหัวข้าดังคาดใช่ไหม’
เสี่ยวอิ๋นพยักหน้าแล้วบอกข้อมูลบางอย่างแก่หลินสวินอีก
ยอดเขาพญามังกรแห่งนี้มีผู้แกร่งกล้ามากมายรวมตัวกันอยู่ ล้วนมาจากขุมอำนาจใหญ่อย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคจักรวาล เผ่านักรบกิเลนโลหิต เผ่านักรบเถาอู้
พวกเขาวางแผนการที่นี่ เป้าหมายโดยตรงที่สุดก็เพื่อฆ่าหลินสวินชิงเอาป้ายคำสั่งเซียนเหินไป
ในหมู่ผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ มีชื่อที่หลินสวินคุ้นเคยอย่างเถาเจี้ยนสิง กู่ฉางซินและคุนจิ่วหลิน และมีบางชื่อที่ไม่คุ้นหู
ไม่น้อยเป็นคนชั้นยอดโดดเด่นสะดุดตาในหมู่มกุฎมหาอริยะ เรียกได้ว่าผู้แข็งแกร่งมากมายเหมือนต้นไม้ในป่า ขุมอำนาจเช่นนี้รวมตัวกัน ก็เพียงพอจะทำให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดก็ต้องหวั่นใจ!
‘จริงสิ ในความทรงจำของวิญญาณเถาเหยานี้ ตอนแรกสุดเคยมีคนถือป้ายคำสั่งเซียนเหินปีนขึ้นยอดเขา เข้าไปในแดนผนึกลึกลับ และยังไม่ใช่แค่คนเดียว’
เสี่ยวอิ๋นเอ่ยฉับไว ‘ผู้แข็งแกร่งที่ร่วมทางมากับพวกกู่ฉางซินบางคนได้อาศัยป้ายคำสั่งเซียนเหินที่ชิงไปจากพวกราชันเผิงปีกทองน้อย บุกเข้าไปในแดนผนึกลึกลับแห่งนั้นแล้ว’
‘ข้าเข้าใจแล้ว’
ไอสังหารผุดขึ้นในใจหลินสวิน
เดินหน้าไม่นานนักบนทางขึ้นเขาก็มีเงาร่างอีกร่างหนึ่งปรากฏตัว แต่งกายชุดสีเขียวเข้มทั้งตัว มือถือทวนยาวสำริดเล่มหนึ่ง สีหน้าเหี้ยมเกรียม
เป็นเนี่ยฝู่ที่เพิ่งไปจากตีนเขาเมื่อครู่!
“หืม? หลินสวิน! เจ้า…”
เนี่ยฝู่อึ้งไปก่อน จากนั้นดวงตาพลันหดรัด หันกายจะพุ่งขึ้นยอดเขาอย่างไม่ลังเล
เขารับรู้ได้ว่าไม่เข้าที หมายจะไปส่งข่าว
ฟุบ!
ดาบหักโฉบออกมาอย่างรวดเร็ว ไหววูบกลางอากาศดั่งแสงทอสายหนึ่ง ขาทั้งสองข้างของเนี่ยฝู่ถูกฟันร่วง ระหว่างที่น้ำเลือดสาดกระเซ็น ร่างกายครึ่งบนของเขาก็กระแทกลงบนทางขึ้นเขาอย่างรุนแรง ส่งเสียงร้องเจ็บปวดอู้อี้
ที่ทางขึ้นเขาตรงตีนเขาในตอนแรก เนี่ยฝู่ตั้งด่านเพียงลำพัง มองเหล่าผู้กล้าเป็นอากาศธาตุ เยาะเย้ยและท้าทายอย่างเหิมเกริม และไม่มีใครกล้าต่อต้านเขา
แต่ตอนนี้เพียงกระบวนเฉือนเดียวเท่านั้นเขาก็บาดเจ็บสาหัส ขาถูกฟันขาด!
ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำเอาผู้ฝึกปราณที่ตามหลังหลินสวินอยู่เหล่านั้นตกตะลึงอีกครั้ง หลินสวินคนนี้เหมือนจะน่ากลัวกว่าในข่าวลือเสียอีก!
คราวนี้หลินสวินยังไม่ได้ลงมือสังหารทันที แต่หยิบเอาเชือกสีเงินออกมาเส้นหนึ่ง มัดร่างของเนี่ยฝู่แล้วลากไปกับพื้น
เหมือนลากเดรัจฉานที่มีลมหายใจรวยรินตัวหนึ่ง!
หลายคนต่างหวาดผวา เนี่ยฝู่เป็นถึงผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ บนทางเดินโบราณฟ้าดารา เพียงอาศัยฐานะของเขา ใครเล่าจะกล้าเหยียดหยามเขาเช่นนี้
แต่หลินสวินก็ทำแบบนี้แล้ว ตามไม่กะพริบสักนิด
ฉึบ!
ลูกศรสีเทาขมุกขมัวดอกหนึ่งยิงมาจากทางขึ้นเขาเบื้องหน้า เร็วจนน่าเหลือเชื่อ แหวกห้วงอากาศให้เป็นรอยแยกตรงแน่ว
หลินสวินไม่แม้แต่มองดู ยกมือขึ้นคว้าแล้วโยนทิ้งไป ศรที่ยิงมาดอกนี้พุ่งกลับไปยังทางที่เคลื่อนมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า
ฟุบ!
เสียงทะลุร่างทุ้มๆ ดังขึ้น มีคนส่งเสียงโหยหวน
ที่นั่นมีชายหนุ่มชุดแพรหรูหราคนหนึ่งหน้าอกถูกแทงทะลุ สีหน้าซีดเผือด ร่างกายกระตุกเกร็งกลางกองเลือด
หลินสวินไม่เกรงใจสักนิด มัดชายหนุ่มคนนี้ไว้เช่นกัน ถูกผูกด้วยเชือกเส้นเดียวกับเนี่ยฝู่แล้วลากเดินต่อไป
ขึ้นบันไดหินไปขั้นแล้วขั้นเล่า
เหยื่อทั้งสองถูกลากไป ร่างกายกระแทกกับบันไดหินเป็นพักๆ แม้ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับดูอัปยศและยับเยินหาใดเทียบ
พวกเขาร้องเสียงแหลม คำราม ด่าทอใหญ่โต แต่ก็ไม่ช่วยอะไร หลินสวินที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่หันหน้ากลับมาสักนิด
ไม่นานนักก็มีศัตรูปรากฏตัวขึ้นบนทางขึ้นเขาอีกสิบกว่าคน มีทั้งชายหญิง ล้วนมีพลานุภาพไม่ธรรมดา เหนือล้ำกว่าผู้ฝึกปราณทั่วไป
ผู้ฝึกปราณที่ตามอยู่ข้างหลังหลินสวินเหล่านั้นเห็นดังนี้ เดิมนึกว่าหลินสวินจะประสบความยุ่งยาก แต่ครู่ต่อมาพวกเขาก็นิ่งอึ้ง
ก็เห็นว่าระหว่างที่หลินสวินก้าวหน้าไป ปราณกระบี่อันโชติช่วง เกรียงไกรและดุดันนับหมื่นพันสายแน่นขนัด รวมเป็นภูเขาปราณกระบี่ลูกแล้วลูกเล่ากำราบลงมา
เขากระบี่อสูรปฐพี!
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงกัมปนาทกึกก้องสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ชายหญิงสิบกว่าคนนั้นก็ต่างรับรู้ได้ถึงอันตราย เรียกสมบัติลับออกมาและสำแดงพลังโจมตีทั้งหมด
แต่ทุกอย่างล้วนสูญเปล่า ภูเขาปราณกระบี่แต่ละลูกล้วนหนาแน่นน่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการ ทั้งยังเต็มไปด้วยไอสังหารห้อทะยาน ประทับเจตกระบี่ไท่เสวียน
ไม่ว่าสมบัติใด วิชามรรคใด ล้วนถูกบดขยี้หายลับไปในอากาศจนหมดสิ้น เหมือนฟองที่ไม่อาจต้านรับการโจมตี
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ชายหญิงสิบกว่าคนนั้นก็ถูกกำราบ รอยแผลทั่วร่าง เลือดสดๆ ไหลริน ตัดสลับกับรอยกระบี่น่าตกใจ
ผู้คนทั้งที่นั้นต่างนิ่งอึ้งไปแล้ว
สู้หนึ่งต่อหนึ่ง เข่นฆ่าเหมือนเชือดไก่ นี่เดิมทีก็ทำให้คนใจสั่น
แต่ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์หนึ่งสู้สิบ หลินสวินยังใช้การโจมตีเดียวกำราบเหล่าศัตรู ความอหังการโอหังไร้ศัตรูเช่นนั้น เหนือกว่าจินตนาการของทุกคนโดยสิ้นเชิง
ผู้แข็งแกร่งที่ถูกกำราบเหล่านี้ล้วนถูกมัดไว้ทีละคน ถูกลากอยู่เบื้องหลังหลินสวินโดยไม่มีข้อยกเว้น
ปึงๆๆ… ร่างของพวกเขากระแทกกับบันไดหิน เสียงทุ้มหนักเหมือนทำนองดนตรีสีเลือดที่น่าตระหนก ทำเอาทุกคนหวาดกลัว
“นี่เขาจะฉีกหน้าพวกผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นโดยสิ้นเชิงเลยนะ!”
มีคนร้องเสียงหลงไหวหวั่น
“มองไปบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ใครจะกล้าปฏิบัติเช่นนี้ต่อผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่เหมือนเขาบ้าง”
ผู้ฝึกปราณที่ตามหลังมาเหล่านั้น เดิมทีมาเพื่อดูเรื่องสนุก แต่ตอนนี้แต่ละคนต่างตื่นตะลึงจนศีรษะชาหนึบ จิตใจปั่นป่วน
หลินสวินร้ายเกินไปแล้ว ทั้งยังไม่หวั่นสิ่งใด ทำให้พวกเขาไม่กล้าจินตนาการ
ภูเขาพญามังกรสูงตระหง่านเป็นที่สุด ทางขึ้นเขาก็ยืดยาวดั่งมังกร เพราะไม่อาจเหินทะยานหรือเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศได้ ความเร็วระหว่างขึ้นบันไดจึงค่อนข้างช้าไม่น้อย
เพียงแต่ไม่มีใครรู้สึกเบื่อหรือทรมาน
เพราะตลอดทางนี้หลินสวินก็เหมือนทวนแหลม พุ่งตรงแน่วทะลวงด่านที่ถูกศัตรูควบคุมไปด่านแล้วด่านเล่าตลอดทาง!
ในเวลาต่อมา บนเชือกในมือหลินสวิน เหยื่อที่ถูกลากก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย ไม่ว่าเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หรือเรือนมรรคจักรวาล หรือเป็นลูกหลานเผ่านักรบกิเลนโลหิตหรือเผ่านักรบเถาอู้
ล้วนถูกกำราบกันทั้งนั้น!
สู้หลินสวินไม่ได้สักคน และไม่มีใครยับยั้งการก้าวขึ้นเขาของหลินสวินได้สักคน
บันไดหินแต่ละขั้นตลอดทางนี้ ก็ย้อมคาวโลหิตถ้วนทั่วด้วยเหตุนี้
ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ดั่งเดินเล่นในสวน
ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาโกรธเคืองขนาดไหน ยามแน่ใจว่าสถานการณ์บนภูเขาพญามังกรนี้พุ่งเป้ามาที่เขา!
นี่คิดว่าเขาหลินสวินไม่กล้าฆ่าคนหรือ
เช่นนั้นวันนี้ก็จะฆ่าให้สาแก่ใจ!
……
ที่กลางไหล่เขา ต้นสนเขียวตั้งตระหง่านกลางหิมะขาวโพลน
ชายหญิงกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันนั่งกับพื้น ต้มหิมะชงชา ดื่มกินสนทนา พึงพอใจหาใดเทียบ
คนที่เป็นผู้นำคือชายหนุ่มท่าทางเกียจคร้านผมยาวสยายคนหนึ่ง
เขาลิ้มรสน้ำชาพลางยิ้มเอ่ยว่า “การจัดฉากนี้ เดิมทีทำเพื่อหลินสวินนั่น คิดไม่ถึงว่ากลับจับเหยื่อที่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่กับตัวเหมือนกันได้สองคน ก็ถือว่าเป็นเรื่องยินดีที่ไม่คาดฝัน”
คนอื่นต่างยิ้มอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
“ได้ยินว่าเหยื่อสองคนนี้สนิทสนมกับหลินสวิน ก็ไม่รู้ว่ายามหลินสวินได้ยินเรื่องนี้เข้าจะอดไม่อยู่เข้ามาช่วยหรือไม่”
มีคนครุ่นคิด
“ข้าหวังว่าเขาจะมา!”
มีคนแววตาเย็นชา “เจ้าหมอนี่ฤทธิ์เยอะโหดเหี้ยม ฆ่าศิษย์พี่เยี่ยนฉุนจวิน ถ้าแค้นนี้ไม่ชำระ พวกเราผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลต้องกลายเป็นตัวตลกแน่!”
ชายหนุ่มท่าทางเกียจคร้านที่เป็นผู้นำคนนั้นกำลังจะพูดอะไร แต่จู่ๆ ก็หน้าเปลี่ยนสี
ในขณะเดียวกันเสียงกระแทกปึงๆๆ ที่ทุ้มหนักระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น ลอยมาจากทางขึ้นเขาไกลลิบเบื้องล่าง
“นี่มัน…”
หลายคนต่างอึ้งไป
“เขามาแล้ว!”
ความเกียจคร้านของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำคนนั้นจางลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
“ใคร”
“หลินสวิน!”
“อะไรนะ!”
ชายหญิงที่กำลังต้มหิมะชงชาอยู่ต่างลุกขึ้นทันควัน เผยสีหน้าทำใจเชื่อได้ยาก เจ้าหมอนั่นถึงกับมาจริงๆ หรือนี่
นี่ดูน่าขันนัก
ควรรู้ว่าที่พวกเขาวางแผนการนี้ เดิมก็พุ่งเป้าไปที่หลินสวินอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้พอหลินสวินมาจริงๆ พวกเขากลับไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง คล้ายคิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะใจกล้าไม่หวั่นกลัวเช่นนี้!
จากนั้นในจิตรับรู้ของพวกเขาล้วนมองเห็นภาพนองเลือดโหดร้ายภาพหนึ่ง ทำเอาพวกเขาตาเบิกกว้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด
บนทางขึ้นเขาเก่าแก่อวลหมอก ชายหนุ่มแต่งกายชุดสีขาวพระจันทร์คนหนึ่งขึ้นบันไดมาทีละขั้น ประหนึ่งนักเดินทางที่ปีนเขาชมนกชมไม้ ท่าทางผ่อนคลายเยือกเย็น
แต่ที่ด้านหลังของเขา เชือกเส้นหนึ่งคดไปคดมาอยู่บนบันไดหินแต่ละขั้น ร่างที่โชกเลือดแต่ละร่างถูกมัดไว้กับเส้นเชือก แน่นขนัดเบียดเสียด มีมากหลายสิบร่าง
เสียงกระแทกทุ้มหนักเป็นระลอกที่ลอยมาก่อนหน้านี้ ก็เกิดขึ้นยามร่างเหล่านี้กระแทกกับบันไดหินตอนถูกลากไปข้างหน้า!