Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1801 แม่น้ำเก้าแคว้น

วาสนาอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างฐานมรรคของราชันอริยะหรือ

หลินสวินได้ยินดังนี้ แต่กลับไม่ถึงขั้นหวั่นไหวเท่าไหร่

เขารอแค่จุดเปลี่ยนเดียวก็จะทะลวงปราณบนมรรคาของตนได้แล้ว ไม่ต้องการวาสนาอะไรเลย

อวี่ชิงหยางเหมือนมองความคิดของหลินสวินออก “วาสนานี้เป็นสิ่งที่ ‘จักรพรรดิอวี่’ บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าเหลือทิ้งไว้ แดนแห่งวาสนามีโครงสร้างเหมือน ‘เก้ากระถางสยบหล้า’ ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความสามารถเข้าไปในนั้นได้ ล้วนย่อมได้รับการขัดเกลา ‘เขตแดนมรรค’ จากพลังของเก้ากระถาง”

“สหายน้อย บางทีเจ้าอาจไม่ต้องกังวลเรื่องการทะลวงปราณ แต่เจ้าเคยพิจารณาไหมว่าควรควบรวมเขตแดนมรรคของตนอย่างไร”

คำพูดพวกนี้ทำให้หลินสวินอดใจเต้นไม่ได้

ระดับราชันอริยะจะครอบครองเขตแดนมรรคได้ เมื่อสำแดงออกมา เขตแดนจะเหมือนโลกหล้า ยามสังหารศัตรู หากอยู่ในเขตแดนมรรคก็เหมือนผันตัวเป็นนายเหนือหัว อานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์หาใดเปรียบ

ส่วนการควบรวมเขตแดนมรรคก็เป็นสิ่งที่หลินสวินขาดในยามนี้

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”

อวี่ชิงหยางกล่าว “เขตแดนก็เหมือนโลกหล้า เขตแดนมรรคคือการใช้พลังมหามรรคที่ตนครอบครอง วิวัฒน์เป็นพลังที่เหมือนกฎระเบียบของโลก”

“การฝึกปราณของพวกเราคือหยั่งรู้ผืนฟ้าปฐพี เป้าหมายสุดท้ายก็คือควบคุมกฎระเบียบฟ้าดิน นำมาใช้งาน เขตแดนมรรคก็ถือกำเนิดด้วยเหตุนี้”

จากคำพูดของอวี่ชิงหยาง อานุภาพเขตแดนมรรค มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังมหามรรคที่ผู้ฝึกปราณครอบครอง

คุณลักษณะของมหามรรคที่ครอบครองยิ่งสูง อานุภาพของเขตแดนมรรคก็ยิ่งแข็งแกร่ง

ภายในนั้นมีข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ เขตแดนมรรคที่มกุฎราชันอริยะครอบครองจะมีอานุภาพเหนือกว่าเขตแดนมรรคของราชันอริยะทั่วไป!

และเขตแดนมรรคที่มกุฎราชันอริยะครอบครอง ก็มีอานุภาพที่ต่างกันไปเช่นกัน

“สหายน้อยโปรดดู”

อวี่ชิงหยางพูดพลางขับเคลื่อนความคิด

เบื้องหน้าหลินสวินพลันฝ้าฟาง ปรากฏตัวอยู่ในเขตแดนมรรคที่อัศจรรย์หาใดเปรียบแห่งหนึ่งทันที ภูเขาแม่น้ำเรียงราย ผืนฟ้ากว้างใหญ่ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังชีวิต

ไหนเลยจะเหมือนเขตแดนมรรคแห่งหนึ่ง ช่างไม่ต่างอะไรกับโลกใบเล็กใบหนึ่งจริงๆ!

“ขอแค่ข้าขับเคลื่อนความคิด ทิวทัศน์นี้ก็จะกลายเป็นพลังมหามรรคที่เหมือนกฎเกณฑ์ของโลกหล้า สยบพิฆาตคู่ต่อสู้”

ขณะที่เสียงของอวี่ชิงหยางดังขึ้น ภูผาธารากว้างใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปนั้นเหมือนมีชีวิตขึ้นมาทันที กลายเป็นดาบเล่มหนึ่งพาดขวางเวิ้งฟ้า โชติช่วงชัชวาล คอมประกายอัดแน่นฟ้าดิน!

“หมอกเมฆ กระแสลม ต้นไม้ใบหญ้า ปฐพี เงาแสงนี้… ล้วนเปลี่ยนเป็นพลังให้ข้า สร้างประโยชน์แก่ข้าได้”

อวี่ชิงหยางกล่าว “สรุปง่ายๆ ก็คือ ในเขตแดนนี้ข้าเป็นเทพผู้สร้างสรรพสิ่ง เมื่อขับเคลื่อนความคิดก็ทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ครอบครองความเป็นตายได้ดุจภาพฝันมายา!”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น เขตแดนมรรคที่เหมือนโลกใบเล็กนี้ก็หายไป

ในใจหลินสวินกลับไม่อาจนิ่งสงบ

ก่อนหน้านี้ยามที่เขากำราบหม่าไท่เจิ้น ฆ่าเหวยชงและไฉเฟิง… ก็เคยเจอเขตแดนมรรคที่พวกเขาครอบครองมาก่อน

แต่เปรียบเทียบกับอวี่ชิงหยางแล้ว เขตแดนมรรคของพวกหม่าไท่เจิ้นก็เหมือนกระท่อมมุงจากผุพังย่อยยับ

“พลังของเขตแดนดำรงอยู่ทุกแห่งหน สหายน้อยเจ้าดูนะ”

อวี่ชิงหยางพูดพลางยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ปลายนิ้วพลันปรากฏแสงมรรคเพริศแพร้วเล็กน้อย

สายตาหลินสวินมองไป แค่แสงสายหนึ่งบนปลายนิ้วเท่านั้น แต่ภายในกลับเหมือนเต็มไปด้วยนัยเร้นลับแห่งมหามรรคนานัปการ วิวัฒน์ออกมาเป็นพลังกฎระเบียบนับไม่ถ้วน!

“เขตแดนมรรคไม่เพียงแต่ล้อมสังหารคู่ต่อสู้ได้ ยังควบรวมไว้ในแต่ละกระบวนท่าได้ด้วย ยามต่อสู้ทั้งปราณกระบี่ ปราณดาบ พลังหมัด พลังดรรชนี ประทับฝ่ามือ… ไม่ว่าจะสำแดงวิชาต่อสู้ใด ล้วนควบรวมพลังของเขตแดนมรรคไว้ในนั้นได้”

อวี่ชิงหยาง ‘จักรพรรดิดาบ’ คนหนึ่งที่เกริกก้องสะท้านฟ้าดารามานานมากแล้ว!

ด้วยการชี้แนะจากเขา ทำให้หลินสวินได้รับประโยชน์ไม่น้อย เข้าใจนัยเร้นลับของพลังเขตแดนมรรคอย่างลึกซึ้ง

การชี้แนะเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถ่ายทอดวิชาไขข้อสงสัย!

“เจ้ามีร่างอริยบุคคลแล้ว ทั้งยังครองมกุฎมรรคาด้วย วันหน้ายามทะลวงปราณต้องบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะได้แน่ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องพิจารณาก็คือควรควบรวมเขตแดนมรรคของตนอย่างไร”

อวี่ชิงหยางกล่าว “ดังนั้นข้าจึงแนะนำเจ้าให้มุ่งหน้าไปเยือนแดนลับต้าอวี่ โครงสร้างของเก้ากระถางสยบหล้าที่อยู่ในนั้น เดิมทีก็เป็นสิ่งที่บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าเหลือทิ้งไว้ มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อการควบรวมและเคี่ยวกรำเขตแดนมรรค”

คราวนี้หลินสวินตอบรับอย่างยินดี “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ!”

อวี่ชิงหยางหัวเราะร่า “มาๆๆ ดื่มเหล้า”

ตั้งแต่วันนี้ไปหลินสวินจึงอยู่ที่ภูเขาเทพนพเลิศ สงบใจฝึกปราณ ถกมรรคสนทนานัยเร้นลับกับอวี่ชิงหยางเป็นครั้งคราว มีความรู้สึกว่าได้กระจ่างแจ้งอยู่บ่อยครั้ง

อวี่ชิงหยางก็ชี้แนะเพิ่มเติม พูดได้ว่าถ่ายทอดสิ่งที่ตนหยั่งรู้บนหนทางฝึกปราณออกมาจนหมด

สิ่งที่ทำให้หลินสวินปิติยินดีคือ เดิมทีเขายังกลัดกลุ้มว่าควรช่วยหนานชิวเลือกสำนักอย่างไร หลังจากอวี่ชิงหยางรู้เรื่องนี้ก็เอ่ยปากรับหนานชิวให้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาตรงๆ

จักรพรรดิดาบชิงหยางที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา ถึงกับยอมรับตนให้ฝึกปราณอยู่ข้างกาย นี่ทำให้หนานชิวรู้สึกผิดคาดและประหลาดใจหาใดเปรียบ

เวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ

ในตระกูลอวี่ ภายใต้การจัดระเบียบครั้งใหญ่ของอวี่ปี้คง สถานการณ์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ มีเสถียรภาพอย่างสมบูรณ์

อวี่ปี้คงไม่ฉวยโอกาสนี้ดันบุตรชายอวี่อวิ๋นเหอขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย แต่ยังเลือกจะจัดการทดสอบประจำตระกูลเหมือนเดิม อาศัยสิ่งนี้มาคัดกรองและเลือกสรรคนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป

นี่ทำให้คนในตระกูลอวี่ต่างโล่งอก

หลายวันต่อมา การทดสอบประจำตระกูลอวี่ได้เปิดม่านตามกำหนด

หลินสวินพาหนานชิวมาดูด้วย ได้การต้อนรับจากคนในตระกูลอวี่ทุกคนในที่นั้นเป็นอย่างดี

ในตระกูลอวี่ยามนี้ล้วนรู้ชัด ว่าชายหนุ่มที่มีชื่อว่าหลินเต้ายวนคนนี้มีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับผู้อาวุโสชิงหยางนานแล้ว ใครจะกล้ามองเขาเป็นคนธรรมดาได้อีก

สองวันต่อมา

การทดสอบประจำตระกูลปิดฉาก สุดท้ายมีอยู่สามคนที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น

ได้แก่อวี่อวิ๋นเฟิงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในหมู่คนรุ่นเยาว์ อวี่อวิ๋นหลงที่เป็นพี่รอง รวมถึงอวี่อวิ๋นเหอที่เป็นน้องหก

ความสามารถที่แสดงออกมาของอวี่อวิ๋นเหอ อยู่เหนือความคาดหมายของคนในตระกูลอวี่ส่วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า อวี่อวิ๋นเหอที่หลายปีมานี้ถูกพวกเขามองเป็นคนไร้ความสามารถเหมือนลูกผู้ดี ถึงกับมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!

นี่ก็เป็นการยืนยันคำพูดของอวี่ปี้คงบิดาของเขา คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เอาการเอางานคนหนึ่ง จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งคนแรกที่บรรลุมกุฎมหาอริยะในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้อย่างไร

ส่วนอวี่อวิ๋นเจิงที่มุ่งเป้ามาที่อวี่อวิ๋นเหอตลอด ก็ไม่ปรากฏตัวที่การทดสอบประจำตระกูลเลย

เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้วยเขาเคยร่วมมือกับหลันไฉ่อีเพื่อทำร้ายหลินสวิน ทั้งร่วมมือกับทายาทรุ่นเยาว์คนอื่นมุ่งเป้ามาที่หลินสวินและอวี่อวิ๋นเหอ จึงถูกอวี่ปี้คงกักขังไว้โดยไม่ลังเล เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันได้เสนอหน้าออกมาอีก!

วันนั้นเองที่อวี่ปี้คงได้ประกาศว่าหลังจากนี้ครึ่งเดือน อวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงสามคนจะมุ่งหน้าไปที่แดนลับต้าอวี่พร้อมกับหลินสวิน!

โลกต้าอวี่

ช่วงที่ผ่านมาในโลกต้าอวี่ก็มีคลื่นลมก่อตัว ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะแดนลับต้าอวี่ใกล้จะเปิดอีกครั้ง!

ครั้งนี้ยอดบุคคลของเก้าโลกใหญ่รวมถึงโลกต้าอวี่ในเขตแดนดาราจื่อเหิง ล้วนมาเข้าร่วมในงานนี้ด้วย

ฟุ่บ!

ยานสมบัติลำหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ พาพวกหลินสวินและอวี่อวิ๋นเหอพุ่งห่างออกไป

แดนลับต้าอวี่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเก้าแคว้น นั่นเป็นอาณาเขตหนึ่งที่เหมือนเขตผนึก เต็มไปด้วยกระแสน้ำหลากเยียบเย็นที่ม้วนตัวลงมาจากเวิ้งฟ้า

ยามปกติต่อให้เป็นอริยะก็ไม่กล้าเข้าใกล้ง่ายๆ

เมื่อแดนลับต้าอวี่เปิดออก กระแสน้ำเยียบเย็นที่ปกคลุมอยู่บนแม่น้ำเก้าแคว้นนั้นจะมีทางเข้าสู่แดนลับต้าอวี่ปรากฏออกมา

“แดนลับต้าอวี่คือสิ่งที่บรรพชนตระกูลอวี่ของพวกเจ้าเหลือทิ้งไว้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงอนุญาตให้ผู้แข็งแกร่งของเก้าโลกใหญ่เข้าไปในนั้นด้วย”

บนยานสมบัติหลินสวินใคร่รู้อยู่บ้าง

“เรื่องนี้ข้ารู้ดี ปีนั้นตอนที่จักรพรรดิอวี่บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าหลอมศาสตราจักรพรรดิเก้ากระถางขึ้น เคยยืมพลังกฎเกณฑ์แรกกำเนิดของเก้าโลกใหญ่นี้ ตั้งแต่นั้นมาจักรพรรดิอวี่ก็รับปากว่าจะเปิดแดนลับต้าอวี่ให้เก้าโลกใหญ่ด้วย ผู้มีวาสนาล้วนเข้าไปเสาะหาศุภโชคในนั้นได้”

อวี่อวิ๋นเหอกล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว

หลินสวินพลันเข้าใจกระจ่าง

หลายวันต่อมา

พวกเขามาถึงหน้าแม่น้ำเก้าแคว้นอย่างราบรื่น

ครืนๆ

แม่น้ำเก้าแคว้นกว้างใหญ่ไพศาล เสียงคลื่นดั่งฟ้าคำรามเหมือนหลั่งลงมาจากฟากฟ้า ฟองคลื่นท่วมนภา กระแสน้ำหลากเยียบเย็นโหมกระหน่ำ ตระการตาและน่ากลัวหาใดเปรียบ

เมื่อพวกหลินสวินมาถึงก็มีผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏตัวอยู่ก่อนแล้ว

“ทายาทตระกูลอวี่มาแล้ว!”

“อวี่อวิ๋นเหอ? ฮ่าๆ เจ้าลูกผู้ดีจอมอวดเบ่งนี่ก็มาด้วย คนรุ่นเยาว์ของตระกูลอวี่ไม่มีใครแล้วหรือ”

เมื่อเห็นพวกหลินสวินในที่นั้นก็เกิดความโกลาหล คนไม่น้อยต่างหัวเราะเยาะขึ้นมา ด้วยมองเห็นลูกผู้ดีอย่างอวี่อวิ๋นเหอ

ส่วนหลินสวิน เนื่องจากหน้าไม่คุ้นจึงไร้คนเหลียวแล

อวี่อวิ๋นเหอกล่าวอย่างราบเรียบ “พี่หลิน ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกมีตาหามีแววไม่พวกนี้ พวกเราไปหาสถานที่พักผ่อนก่อน ยังเหลือเวลาก่อนวันที่ทางเข้าของแดนลับจะเปิดออกอีกสามวัน”

ขณะที่พวกเขาหาที่พักเท้าได้

วู้ม!

รุ้งเพลิงสายหนึ่งพุ่งผ่าอากาศมา

ในรุ้งเพลิงมองเห็นเงาร่างที่เหมือนเทพปีกอัคคีร่างหนึ่งอยู่รางๆ เปลวไฟอบอวลไปทั้งตัว คิ้วและเส้นผมล้วนเป็นสีชาด ปีกทั้งสองที่อยู่ด้านหลังโบกสะบัด ฝนเพลิงงามตระการไหลบ่า

ทันทีที่คนผู้นี้มาถึง อานุภาพกดดันที่ปกคลุมฟ้าดินก็เต็มแน่นไปทั่วลาน ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ส่งเสียงครวญไม่หยุด

“เป็นชื่อหลิงจื่อแห่งโลกใหญ่ขุมอัคคี ลือกันว่าเขามีร่างจริงเป็นเพลิงมรรคแต่กำเนิด พรสวรรค์โดดเด่น เป็นอันดับหนึ่งในระดับมกุฎมหาอริยะของโลกใหญ่ขุมอัคคี!”

มีคนตกตะลึง

“เป็นเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาด้วย ได้ยินว่าหลายปีก่อนหลังจากกระดานมหาอริยะฟ้าดาราจัดอันดับใหม่อีกครั้ง ชื่อหลิงจื่อได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบสาม ปั่นป่วนไปทั่วเขตแดนดาราจื่อเหิง”

คนไม่น้อยสูดหายใจเย็นเยียบ ก่อให้เกิดความแตกตื่นในที่นั้น

“ร้ายกาจ…”

“นี่คือคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่ไม่อาจไม่ให้ความสำคัญและทวีความระวัง!”

อวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงต่างไหวหวั่น เผยสีหน้าหวาดกลัว

คนที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในร้อยอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราได้ ในโลกใหญ่มากมายทั่วเขตแดนดาราจื่อเหิงนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่หายากดั่งขนหงส์เขากิเลน

ส่วนหลินสวินก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักนิด

ตอนอยู่ที่แหล่งสถานคุนหลุน เขาเคยฆ่ามกุฎมหาอริยะที่อันดับสูงกว่าชื่อหลิงจื่อมานับไม่ถ้วน อย่างเช่นซวีหลิงคุน กู่ฉางซิน เมิ่งอี้… ไหนเลยจะเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต่อให้หลินสวินไม่สมัครใจ ก็ไม่อาจไม่ยอมรับความจริงเรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือเขาในตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราแล้ว

……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset