พร้อมๆ กับการจากไปของชายชาวนาผู่เจิน พลังไร้รูปที่ปิดครอบเขารับแขกทั้งบนล่างก็พลอยเลือนหายไปด้วย ต้นไม้โบราณมากมายที่ครอบคลุมทั่วทั้งยานลมกรดก็สลายหายลับไปเช่นกัน
ทุกสิ่งล้วนกลับสู่ความเงียบกริบดังเดิม
สำหรับแขกที่โดยสารบนยานลมกรดส่วนใหญ่ ไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าก่อนหน้านี้เคยมีการต่อสู้สะท้านโลกที่อันตรายหาใดเปรียบฉากแล้วฉากเล่าปะทุขึ้น
และพวกเขาก็ไม่อาจล่วงรู้ ว่าหากไม่ใช่เพราะชายชาวนามีแก่ใจปกป้อง ยานลมกรดที่พวกเขาโดยสารนี้ ป่านนี้คงกลายเป็นเถ้าธุลีกลางเวิ้งฟ้าไปแล้ว!
แต่ก็ยังมีข่าวมากมายแพร่กระจายออกไป
ทั่วทั้งเขารับแขกยังมีแขกคนอื่นๆ อาศัยอยู่ ในช่วงแรกใครๆ ต่างก็เห็นหลินสวินสังหารอู่อวิ๋นเหลียนผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์ กำราบผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอย่างพวกจินเทียนฉี
และเคยท้าทายให้ผู้ทรงฌานอู้หมิง ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ กับจินเทียนเสวียนเยวี่ยผู้กล้าหญิงแห่งยุคจากตระกูลจินเทียนลงมือพร้อมกัน…
เพียงแต่ช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นอู้หมิงหรือจินเทียนเสวียนเยวี่ย กลับถูกหลินสวินกดดันซัดทลาย!
กระทั่งคนมากมายล้วนเห็นว่าในช่วงสุดท้าย จักรพรรดิกระบี่วายุปรากฏตัวขึ้น!
ตอนนั้นผู้คนไม่รู้เท่าไหร่ต่างบีบมือทอดถอนใจไปด้วย คิดว่าครั้งนี้หลินสวินต้องตายแน่ และบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ก็จะสูญเสียยอดฝีมือคนหนึ่งที่โดดเด่นเหนือผู้คนไปตลอดกาล
ส่วนเหตุการณ์หลังจากจักรพรรดิกระบี่วายุปรากฏตัว ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อีกเลย
จนกระทั่งเวลานี้บนยานลมกรดกลับสู้ความเงียบสงบดังเดิม ผู้ฝึกปราณทั่วทั้งเขารับแขกต่างพากันถอนหายใจโล่งอก และเริ่มจับจ้องผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
จากนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้น…
อวี่เสวียนนั่น… ยังไม่ตาย!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
คนมากมายแทบจะบ้าคลั่ง เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหมอนี่ยังไม่ตาย
นี่เหนือความคาดหมายของผู้คนเกินไป
ในช่วงเวลาต่อมาผู้คนต่างก็พบจุดทะแม่งๆ มากมายต่อเนื่อง อย่างเช่น คนจากแดนกษิติครรภ์ที่แต่เดิมพักอยู่ที่เรือนพักบริเวณเชิงเขา ถึงกับหายตัวไปกันหมด
ดุจดั่งระเหยกลายเป็นไอหายไปจากโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน
“ยานลมกรดทะยานกลางฟ้าดารา เว้นแต่จะมีระดับจักรพรรดิคอยนำทาง หาไม่ ด้วยพลังของผู้สืบทอดกษิติครรภ์อย่างพวกเขา ย่อมไม่กล้าออกจากยานลมกรดเด็ดขาด!”
“นี่ไม่ได้หมายความว่า เป็นไปได้สูงว่า… พวกเขาอาจประสบเคราะห์แล้ว?”
ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ลอบตกใจ รู้สึกสั่นสะท้าน หากการคาดเดาเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นใครฆ่าพวกเขากันเล่า
ขณะเดียวกันเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนก็ผิดปกติยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิกระบี่วายุหรือจินเทียนเสวียนเยวี่ยต่างเก็บตัวไม่ออกมา ไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลยสักแอะ
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนตะลึงอึ้งค้างและคลางแคลงใจอีกระลอก
อวี่เสวียนกำราบพวกจินเทียนฉี โจมตีจินเทียนเสวียนเยวี่ยจนพ่ายแพ้ จักรพรรดิกระบี่วายุก็กล้ำกลืนฝืนทนเช่นนี้หรือ
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเชียวนะ!
เป็นไปได้หรือที่จะรามือทั้งอย่างนี้
จุดเคลือบแคลงหลายหลากทะลักเข้าสู่จิตใจของผู้ฝึกปราณเหล่านั้น จนสุดท้ายกลายเป็นข้อสงสัยอย่างเดียวกัน หลังจากจักรพรรดิกระบี่วายุปรากฏตัว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เหตุใดอวี่เสวียนยังรอดชีวิตอยู่
เหตุใดผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ถึงหายตัวไป
แล้วเหตุใดเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนถึงไม่ปริปากพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เอาแต่นิ่งเงียบ
ข่าวเหล่านี้แพร่ไปทั่วยานลมกรดอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็เรียกเสียงฮือฮาและข้อสงสัยไม่รู้เท่าไหร่ขึ้นมา
อวี่เสวียน!
ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่ง กลายเป็นบุคลที่ถูกจับจ้องมากที่สุดชั่วข้ามคืน
ผู้คนต่างสะท้านสะเทือนกับพลังต่อสู้พลิกฟ้าที่เขาสำแดงออกมา แต่ขณะเดียวกันก็ข้องใจหาใดเปรียบ เขาใช้วิธีอะไรกันแน่ ถึงรอดชีวิตท่ามกลางคลื่นลมที่อันตรายหาใดเปรียบครั้งนี้ได้
“ลองดูปฏิกิริยาของหอเสียงสวรรค์ก็รู้แล้ว อวี่เสวียนไม่เพียงแต่ฆ่าอู่อวิ๋นเหลียน คนที่ตายด้วยน้ำมือของเขายิ่งมีคนใหญ่คนโตของหอเสียงสวรรค์อย่างพวกอวี๋จวิ้น หากหอเสียงสวรรค์เลือกข่มกลั้น เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแน่นอน!”
คนมากมายทำการสันนิษฐานเช่นนี้ พากันเริ่มสนใจการเคลื่อนไหวของหอเสียงสวรรค์
พวกเขาไม่กล้าไปถามเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน และไม่กล้าไปถามหลินสวินถึงสาเหตุของเรื่องราว นึกอยากรู้ความจริงของเหตุการณ์ ก็ได้แต่ลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของหอเสียงสวรรค์เท่านั้น
…
ภายในโถงใหญ่โอฬารแห่งหนึ่ง
คนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มรวมตัวกัน เซียวอวิ๋นคง โอวหยางเพ่ยที่ก่อนหน้านี้เฝ้าอยู่ข้างกายจวงอวิ้นจื้อก็มากันหมด
รวมถึงจวงอวิ้นจื้อก็อยู่ด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเป็นใคร ต่างก็สีหน้ามืดทะมึนและไม่น่าดูหาใดเปรียบ
เหลียงชวนผู้อาวุโสชั้นสูงนั่งอยู่บนสุด สีหน้ามึนตึง กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ช่วงนี้บนยานลมกรดของพวกเราเกิดเรื่องมากมาย และก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมากด้วย”
ประโยคเดียวเรียกความทรงจำของทุกคน
แรกเริ่มเดิมที คนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ล้วนถูกฆ่าตาย สร้างความโกลาหลขึ้น
ที่ตามมาติดๆ คือผู้อาวุโสชั้นสูงฮว่าเตี่ยนซึ่งตามล่าคนร้าย แต่กลับต้องคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหญิงชราคนนั้น เรียกเสียงฮือฮาขึ้นไม่รู้เท่าไหร่
และในวันนี้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอย่างพวกจินเทียนฉีถูกโจมตี พวกอวี๋จวิ้น อู่อวิ๋นเหลียนถูกฆ่า ยิ่งเหมือนสายฟ้าฟาด ทำให้หอเสียงสวรรค์ตกสู่ความชุลมุนวุ่นวาย
แรงสะเทือนนี้มากมายเกินไป และหนักหนาเกินไป!
และตอนนี้ใครๆ ต่างก็รู้ดี เรื่องเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือคนผู้เดียว…
อวี่เสวียน!
บุคคลที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เกือบจะถูกคนมองข้ามไป
แต่ตอนนี้เมื่อนึกถึงชื่อนี้ ก็ทำเอาคนแค้นจนกัดฟันกรอด จวนจะคลุ้มคลั่ง
มีเพียงจวงอวิ้นจื้อที่สีหน้าซับซ้อนยิ่ง
ยามยานลมกรดแล่นผ่านโลกต้าอวี่ นางเป็นคนรับอวี่เสวียนขึ้นยานลมกรดเอง และก็เป็นนางที่จัดแจงให้อวี่เสวียนอยู่ข้างกายหลิ่วชิงเยียนเป็นผู้คุ้มกัน
ตอนนั้นนางแค่อยากยืมสถานะเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ของอวี่เสวียน ทำให้คนอื่นเกิดความเกรงกลัวขึ้นในใจ ไม่กล้าลงมืออำมหิตต่อหลิ่วชิงเยียนง่ายๆ
ไหนเลยจะคาดคิด…
สถานะของอวี่เสวียนไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรสักนิด แม้แต่อาจารย์ของหลิ่วชิงเยียนอย่างนางก็ยังถูกกักบริเวณ!
เดิมทีจวงอวิ้นจื้อหมดหวังสิ้นกำลังใจไปแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงเป็นอันขาดคือ สถานะของอวี่เสวียนไม่มีประโยชน์อะไร แต่พลังต่อสู้ของเขากลับมีอานุภาพทำลายล้างอย่างน่าเหลือเชื่อ
ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เขาเป็นคนฆ่า
พวกจินเทียนฉี เขาเป็นคนกำราบ
แม้แต่พวกอวี๋จวิ้นกับอู่อวิ๋นเหลียนก็ยังถูกเขาทำลายทิ้งอย่างไม่เกรงใจ
เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้จวงอวิ้นจื้อรู้สึกเหมือนภาพฝัน สะท้านสะเทือนปานนั้น และไม่เหมือนจริงถึงเพียงนั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจเกิดความคิดว่าอวี่เสวียนเป็นศัตรูขึ้นมาได้สักนิด เพราะนางรู้ดี อวี่เสวียนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยก็ได้
ทั้งหมดล้วนทำเพื่อหลิ่วชิงเยียน ลูกศิษย์ของนาง!
“อาจารย์ลุงเหลียงชวน ท่านก็ลงมือเองแล้ว เหตุใดถึงไว้ชีวิตอวี่เสวียนนั่น ตอนนี้ภายนอกต่างกำลังลือกันว่าอวี่เสวียนยังมีชีวิตอยู่!”
โอวหยางเพ่ยสีหน้าคล้ำเขียว กล่าวอย่างเดือดดาล จั่นปิ่งลูกศิษย์ของเขาถูกฆ่าตายเหมือนกับอู่อวิ๋นเหลียน สิ่งนี้ทำให้ใจเขาเหมือนมีดาบเสียบจ้วง
“ใช่แล้ว หายนะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอวี่เสวียนนี่ก่อขึ้น พวกชั่วช้าสุดขีดเช่นนี้เหตุใดถึงยังปล่อยให้เขารอดอยู่อีก”
คนอื่นๆ ในที่นี้ต่างก็เอ่ยพลางกัดฟันกรอด
ในใจเหลียงชวนขมขื่น หน้าเปลี่ยนสีวูบไหวไม่มั่นคง
ฆ่าอวี่เสวียน?
ภิกษุเฒ่าตู้คงแดนกษิติครรภ์ตายไปแล้ว จักรพรรดิกระบี่วายุก็ยังก้มหัว ใครจะกล้าฆ่า
ทว่าเรื่องพวกนี้เขาไม่กล้าพูด และไม่อาจพูด ได้แต่เก็บเงียบอยู่ในใจ
“ทุกคน ว่ากันถึงต้นสายปลายเหตุ อวี่เสวียนก็ทำไปเพราะหวังดีกับชิงเยียน หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าจ้องเล่นงานชิงเยียนไปทุกหนทุกแห่ง มีหรือจะเกิดเรื่องหายนะพวกนี้ขึ้นได้”
เหลียงชวนทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “ที่เรียกพวกเจ้ามาก็เพราะอยากบอกพวกเจ้า ว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ห้ามมองอวี่เสวียนเป็นศัตรู หากใครกล้าไปแก้แค้นเองเป็นการส่วนตัว ข้ารับรองว่าจะฆ่าเขาในทันที!”
กล่าวถึงตอนท้ายสีหน้าเขาก็เผยไอสังหารออกมา
โถงใหญ่เงียบกริบ ทุกคนล้วนตะลึงงัน แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
อวี่เสวียนเป็นถึงตัวการร้าย เหตุใด… ยามนี้ผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนกลับปกป้องเขาอย่างมุ่งมั่น
“เหลียงชวน เจ้ามันเหลวไหลชัดๆ!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามเดือดดาลหาใดเปรียบสายหนึ่งดังก้องขึ้น ก็เห็นเงาร่างของฮว่าเตี่ยนแหวกอากาศเข้ามา ท่าทางเดือดจัด
สีหน้าเขาบิดเบี้ยวจนน่ากลัว ตาแทบถลน “เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เจ้าไม่ไปแก้แค้น ตรงข้ามกลับปกป้องเจ้าสวะแซ่อวี่นั่นอีก เจ้า… ช่างไม่มีหัวจิตหัวใจ วิปริตผิดวิสัยแล้วชัดๆ!”
เขาคำรามเดือดดั่งสายฟ้า สะท้านทั่วโถงใหญ่ ไอสังหารคละคลุ้ง ทำเอาคนมากมายหายใจติดขัด
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเดือดดาล อานุภาพนั่นจะน่ากลัวปานใด
“ศิษย์พี่ฮว่าเตี่ยน ก่อนหน้านี้ท่านปิดด่านเรื่อยมา ไม่รู้ความเป็นจริงของสถานการณ์สักนิด หากท่านเชื่อข้าก็ฟังคำข้า รับรองว่าจะไม่ผิดพลาดแน่”
เหลียงชวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยปากสีหน้าขึงขัง เขารู้ ที่ฮว่าเตี่ยนบันดาลโทสะก็เพราะอู่อวิ๋นเหลียนหลานสาวของเขาถูกอวี่เสวียนนั่นฆ่า
“เจ้าถึงกับเกลี้ยกล่อมข้า?”
ฮว่าเตี่ยนโกรธจนผมชี้ฟู สั่นเทิ้มทั่วร่าง “เจ้ามันสวะใจเซาะ เจ้าไม่ฆ่าสวะนั่น ข้าไปเอง!”
หัวใจเหลียงชวนรัดเกร็ง หน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านอย่าทำเรื่องโง่ๆ เด็ดขาด หากท่านทำเช่นนี้ พวกเราหอเสียงสวรรค์ทุกคนต้องถูกดึงไปเอี่ยวด้วยกันหมด!”
แต่ฮว่าเตี่ยนกลับฟังไม่เข้าหู ทิ้งประโยคหนึ่งไว้อย่างเย็นชา “รอข้ากลับมาจะคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง” แล้วหันตัวเดินจากไป
แต่ทันทีที่หมุนตัว เบื้องหน้าเขาก็พร่าเลือน ถูกเงาร่างสายหนึ่งขวางเอาไว้
นั่นเป็นชายชราในชุดคลุมคนหนึ่ง ใบหน้าผอมซูบ สีหน้าเจือแววเฉยเมยอย่างบอกไม่ถูก
หัวใจเหลียงชวนเต้นตึกตัก สองขาล้วนอ่อนยวบ ลอบสบถว่าซวยแล้ว
“ใครกล้าขวางข้า ไสหัวไป!”
และยามนี้ ฮว่าเตี่ยนที่ความโกรธครอบงำได้ลงมืออย่างไม่ลังเลแล้ว
ตูม!
เขาซัดหนึ่งฝ่ามือออกไป
ทว่าครู่ต่อมาทั้งตัวเขากลับถูกมือข้างหนึ่งกำคอแล้วหิ้วขึ้นมา!
ฮว่าเตี่ยนตกใจยกใหญ่ ฟื้นคืนสติจากเพลิงโทสะอย่างสิ้นเชิง
และพร้อมกันนั้นชายชราในชุดคลุมเอ่ยปากเรียบๆ “เหตุใดหอเสียงสวรรค์ถึงได้มีพวกโง่เง่าเช่นนี้ได้ ไม่สู้ข้าช่วยพวกเจ้าจัดการดีหรือไม่”
“ไม่…”
เหลียงชวนเพิ่งตั้งท่าจะห้ามปราม ก็ได้ยินเสียงตูมหนึ่งครา
ระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างฮว่าเตี่ยนร่างกายแหลกกระจุยพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านโปรยปรายทั่วพื้น
เบื้องหน้าเหลียงชวนดำมืดไปพักหนึ่ง ขวัญหายวิญญาณหลุดลอย
คนอื่นๆ ในโถงใหญ่เวลานี้ต่างสะท้านกันหมด แต่ละคนตกใจจนเข่าแทบทรุด สีหน้าขาวซีดและหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ดีดนิ้วฆ่ากึ่งจักรพรรดิ!
แวบเดียวพวกเขาก็เดาสถานะของชายชราในชุดคลุมออก
เพียงแต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงสักนิด ว่าเหตุใดจักรพรรดิกระบี่วายุถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ขวางผู้อาวุโสฮว่าเตี่ยนไม่ให้ไปฆ่าอวี่เสวียน
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป
ควรรู้ว่าอวี่เสวียนนั่นล่วงเกินเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนไปไม่น้อยเลย!
“นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป บนยานลมกรด ใครกล้าราวีสหายน้อยอวี่เสวียน ก็เท่ากับหาเรื่องเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนของข้าด้วย”
ชายชราในชุดคลุมไม่ได้อธิบายเช่นกัน ทิ้งประโยคนี้ไว้เงาร่างของเขาก็อันตรธานหายไปในอากาศ
ภายในโถงใหญ่เงียบกริบเหมือนตายไปหมดแล้วก็ไม่ปาน
ทุกคนต่างรู้สึกแตกสลาย ผู้อาวุโสเหลียงชวนท่าทีผิดปกติ ไปปกป้องอวี่เสวียนนั่น เรื่องนี้เดิมก็ทำให้ผู้คนไม่อาจรับได้แล้ว
และยามนี้แม้แต่จักรพรรดิกระบี่วายุก็ยังลุกขึ้นมา แสดงจุดยืนปกป้องอวี่เสวียนอย่างชัดเจน!
มีเพียงเหลียงชวนที่เข้าใจ จักรพรรดิกระบี่วายุ… ไม่อาจไม่เป็นเช่นนี้
และในวันนี้เอง ประโยคเดียวของจักรพรรดิกระบี่วายุก็กระจายไปทั่วทั้งยานลมกรดดุจดั่งลมมรสุมก็ไม่ปาน ถูกผู้ฝึกปราณทุกคนรับรู้