Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1878 เมืองหลิงเฟิงกระแสคลื่นโหมกระพือ

หลายวันนี้หลินสวินกับผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีอย่างพวกเจียงเหิงแลกเปลี่ยนถกมรรค ก็ได้ผลเก็บเกี่ยวไปไม่น้อย

พวกเจียงเหิงอายุยังน้อยก็สร้างความโดดเด่น เหยียบย่างระดับมกุฎราชันอริยะ ย่อมไม่อาจเทียบกับคนทั่วไปได้

มรรคาที่พวกเขาเสาะแสวงแตกต่างกัน เขตแดนมรรคที่แต่ละคนควบรวมก็ไม่เหมือนกัน ทำให้หลินสวินได้เปิดหูเปิดตา ได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง

อีกทั้งในตอนที่พูดคุย ก็ทำให้หลินสวินได้รู้ข่าวเกี่ยวกับศึกถกมรรคแคว้นเมฆาบางประการ

ศึกถกมรรคแคว้นเมฆาคราวนี้จะมีผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้ มหาอริยะ และราชันอริยะเข้าร่วมด้วยกัน

แต่ด้วยมีฐานะเป็นมกุฎราชันอริยะ สิ่งที่พวกเจียงเหิงจับตามองที่สุด ย่อมเป็นศึกถกมรรคระหว่างระดับราชันอริยะ

พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเจียงเหิงต่างพูดถึงผู้โดดเด่นสะดุดตายิ่งบางคนในแคว้นเมฆาตอนนี้

เช่นลู่ตู๋ปู้ ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ว่างเปล่าซึ่งเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเมฆา ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นมกุฎราชันอริยะอันดับหนึ่งในแคว้นเมฆา

เซี่ยอวี่ฮวาผู้สืบทอดลัทธิเทพดาราเมฆซึ่งเป็นสำนักอันดับสองของแคว้นเมฆา อัจฉริยะแห่งยุคที่เพิ่งผงาดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้คนหนึ่ง ชื่อเสียงเจิดจรัสดุจดาวหาง

หรืออย่าง…

เมื่อพูดถึงผู้โดดเด่นในแคว้นเมฆาเหล่านี้ พวกเจียงเหิงต่างเผยความรู้สึกแตกต่างกันไป ทั้งหวั่นเกรง ทั้งมองเป็นศัตรู ทั้งมีจิตต่อสู้หมายจะลองดูเต็มแก่

อีกอย่างในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาครั้งนี้ไม่สนใจฐานะ ขอเพียงพลังปราณเข้าเงื่อนไขล้วนสามารถเข้าร่วมได้ทั้งนั้น

นี่ก็ทำให้คนรุ่นอาวุโสมากมายต่างถูไม้ถูมือ บางส่วนถึงกับเป็นคนใหญ่คนโตชั้นอาวุโสในขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไร ตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน

เช่นนี้แล้วจะต้องทำให้ศึกถกมรรคแคว้นเมฆายิ่งดุเดือดขึ้นแน่นอน

คนรุ่นอาวุโสสามารถยืนตระหง่านในความรุ่งเรืองเสื่อมถอยของกาลเวลาได้จนบัดนี้ ไม่อาจดูเบาได้เด็ดขาด

เช่นเดียวกัน ผู้กล้าชั้นยอดรุ่นเยาว์บางคน หลายคนต่างเป็นอัจฉริยะที่มีชื่ออยู่บนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ก็ทำให้ผู้คนกลัวเกรงและให้ความสำคัญเช่นกัน

เรื่องนี้หลินสวินเพียงแค่ฟัง ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปีศาจผู้กล้าหรือพวกร้ายกาจรุ่นอาวุโสอะไร ที่เทียบกันไม่ใช่มีชีวิตมานานเพียงไหนหรือมีชื่อเสียงมากน้อยเพียงใด ว่ากันถึงแก่นแล้วคือพลังต่อสู้ของแต่ละคนสูงต่ำสิ่งอย่างไรต่างหาก!

ในแง่นี้ หลินสวินไม่กลัวใครอยู่แล้ว

“สหายน้อย”

เหิงเซียวมาแล้ว เอ่ยปากเจือรอยยิ้ม

พวกเจียงเหิงรวมถึงจินเทียนเสวียนเยวี่ยเห็นดังนี้ ต่างจากไปอย่างรู้กาลเทศะ

“สหายยุทธ์มาหาข้าด้วยเรื่องใดหรือ”

หลินสวินลุกขึ้น

“สองเรื่อง เรื่องแรก บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อฝากให้ข้ามาบอกสหายน้อยว่า เรื่องที่เจ้าอยากทำเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว”

เหิงเซียวรีบกล่าว

หลินสวินใจสะท้าน รู้ว่าเรื่องที่ป๋อหยาจื่อทำเกี่ยวข้องกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง

เหิงเซียวเอ่ยว่า “แต่บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อบอกว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องใหญ่โตนัก เขาต้องหาสหายคนหนึ่งช่วยเหลือ อย่างน้อยหนึ่งเดือน อย่างมากก็สามเดือนถึงจะได้คำตอบที่ชัดเจน ยังขอให้สหายน้อยอย่าได้ร้อนใจไป”

หลินสวินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “อีกเรื่องหนึ่งล่ะ”

“เกี่ยวข้องกับศึกถกมรรคแคว้นเมฆา

เหิงเซียวพูดพลางส่งม้วนหยกชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน “อีกครึ่งเดือนการประลองครั้งนี้ก็จะเปิดฉาก ข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกอยู่ในม้วนหยก”

“ลำบากสหายยุทธ์แล้ว”

หลินสวินกุมมือคารวะแล้วจึงรับม้วนหยกมา

“ข้าตัดสินใจแล้วว่าอีกสิบวันจะพาศิษย์ในสำนักที่เข้าร่วมการประลองออกเดินทาง”

พูดถึงตรงนี้ เหิงเซียวใคร่ครวญแล้วเอ่ยว่า “สหายน้อย เจ้าไม่คิดจะใช้ฐานะศิษย์แกนหลักของสำนักยุทธ์เสวียนจีของข้า เข้าร่วมศึกถกมรรคครั้งนี้จริงๆ หรือ”

ในแววตาของเขาเจือแววตั้งตาคอย

แต่หลินสวินยังส่ายหัว เรื่องนี้เขาตัดสินใจไว้นานแล้ว ถ้าใช้ฐานะผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์เสวียนจีเข้าร่วมศึกถกมรรค ย่อมได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ นานา

แต่หลินสวินรู้ดีว่าต่อให้ปิดบังฐานะของตนดีเพียงไหน ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เปิดเผย ถึงตอนนั้นสำนักยุทธ์เสวียนจีที่เคยให้ความช่วยเหลือตนจะต้องถูกลากไปพัวพันด้วย

“ให้เสวียนเยวี่ยใช้ฐานะผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีเข้าร่วมก็พอแล้ว”

หลินสวินกล่าว

เหิงเซียวเห็นว่าหลินสวินมีท่าทีตัดสินใจแล้วก็รู้ว่าฝืนขอไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้าเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ เช่นนั้นเจ้าจะต้องรับปากข้า ว่าถ้าเจอเรื่องยุ่งยากอะไรในศึกถกมรรคต้องบอกข้า”

หลินสวินยิ้มพยักหน้า

หลังถามสารทุกข์สุกดิบกันอีกครู่หนึ่งเหิงเซียวก็จากไป

ส่วนหลินสวินถือม้วนหยกกลับถ้ำสถิต เริ่มพลิกอ่าน

…..

สิบวันผ่านไป

เหิงเซียวพาเหล่าผู้สืบทอดที่จะเข้าร่วมศึกถกมรรคแคว้นเมฆาไปยัง ‘เขาเทพว่างเปล่า’ ด้วยตัวเอง

เขาเทพว่างเปล่า เป็นอาณาเขตของสำนักยุทธ์ว่างเปล่าซึ่งเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเมฆา

ด้านหลินสวินก็จากไปเงียบๆ ในวันนั้นเช่นกัน

ศึกถกมรรคแคว้นเมฆาครั้งนี้จะมีการคัดเลือกสามรอบ

สถานที่คัดเลือกรอบแรกอยู่ในเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นอาณาเขตของเจ็ดสำนักใหญ่ ขอเพียงตรงตามเงื่อนไขก็ลงชื่อเข้าร่วมได้ทั้งนั้น

ผู้แข็งแกร่งที่ชนะการประลองบนสังเวียนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงจะมีโอกาสเข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สอง

และสถานที่คัดเลือกรอบสองก็อยู่ที่เขาเทพว่างเปล่า

ส่วนผู้สืบทอดเจ็ดสำนักใหญ่ไม่ต้องคัดเลือกรอบแรก ก็เข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สองได้เลย

นี่ก็เป็นสาเหตุที่เหิงเซียวจะพาทุกคนในสำนักมุ่งตรงไปที่เขาเทพว่างเปล่า

ถึงอย่างไรสำนักยุทธ์เสวียนจีก็เป็นหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่ หนำซ้ำยังอยู่อันดับสาม เมื่อศิษย์ในสำนักเหล่านี้เข้าร่วมศึกถกมรรค ย่อมมีสิทธิพิเศษ

ส่วนหลินสวินต่างออกไป ทำได้เพียงเริ่มคัดเลือกจากรอบแรก

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหลินสวินคิดจะเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้น เริ่มแรกต้องแสดงความโดดเด่นในศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกสุดเป็นอย่างน้อย

และในศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ก็ต้องเข้าไปให้ถึงการคัดเลือกรอบที่สาม…

เพียงคิดก็รู้ว่าด้วยการคัดออกเป็นชั้นๆ เช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคได้ในท้ายที่สุดต้องเป็นบุคคลชั้นยอดอันดับดับต้นๆ ในปัจจุบันแน่

เมืองหลิงเฟิง

เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้สำนักยุทธ์เสวียนจีที่สุด เจริญรุ่งเรือง ขนาดใหญ่ยิ่งนัก เกรียงไกรกว่าเมืองหลินอันที่หลินสวินมาถึงในตอนแรกมาก

อีกห้าวันการคัดเลือกรอบแรกของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาก็จะเปิดฉากขึ้นในเมืองต่างๆ ของแคว้นเมฆา

เมืองหลิงเฟิงเป็นเพียงหนึ่งในนั้น

ผู้ที่รับผิดชอบการคัดเลือกคือผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิเจ็ดคนที่มาจากเจ็ดสำนักใหญ่ ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนทุจริต

ช่วงใกล้ๆ นี้ในเมืองหลิงเฟิงคึกคักหาใดเทียบ ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจากทั่วสารทิศล้วนมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

บ้างมาเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกรอบแรก แต่โดยมากมาเพื่อดูการต่อสู้

ถึงอย่างไรความใหญ่โตของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาก็ใช้คำว่ารุ่งโรจน์อย่างไม่เคยมีมาก่อนมาบรรยายได้ ดึงดูดสายตาผู้คนไม่รู้เท่าไรมานานมากแล้ว

ความรู้สึกแรกหลังจากหลินสวินเข้าสู่เมืองหลิงเฟิงก็คืออึกทึกครึกโครมและคึกคัก ทั้งถนนใหญ่และซอกซอยต่างกำลังพูดคุยเรื่องการคัดเลือกรอบแรก

“ในการคัดเลือกรอบแรกนี้ แม้กล่าวว่าผู้สืบทอดจากเจ็ดสำนักใหญ่จะไม่เข้าร่วม แต่ก็ยังดูเบาไม่ได้ ตามที่ข้ารู้มา พวกร้ายกาจจากเผ่าโบราณกับขุมอำนาจเก่าแก่บางส่วนลงชื่อกันแล้วทั้งนั้น”

“ก็ไม่รู้ว่าในการคัดเลือกรอบแรกนี้จะมีม้ามือฝ่าออกมาได้เท่าไรกันแน่ และจะมีใครฝ่าไปถึงการประลองรอบสุดท้ายได้”

“รอดูก็พอ การคัดเลือกรอบแรกนี้จะดำเนินอยู่สามวัน สามวันผ่านไปก็จะตัดสินรายชื่อผู้ที่เข้าคัดเลือกรอบสองได้แล้ว”

บนถนนเสียงสนทนาเซ็งแซ่

แม้แคว้นเมฆาจะเป็นเพียงหนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นของโลกใหญ่หงเหมิง แต่อาณาเขตในแคว้นกลับกว้างขวางหาใดเปรียบ เทียบได้กับโลกอันไพศาลแห่งหนึ่งได้

ขุมอำนาจที่กระจายอยู่ในแคว้นไม่ได้มีเพียงเจ็ดสำนักใหญ่ ยังมีเผ่า ตระกูลและสำนักอื่นอีกมากมาย

ในบรรดาขุมอำนาจน้อยใหญ่เหล่านี้ก็ไม่ได้ขาดบุคคลสะดุดตา ขอเพียงเข้าร่วมศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ก็ต้องปรากฏตัวในการคัดเลือกรอบแรก!

ข่าวเหล่านี้หลินสวินได้รู้เป็นอย่างดีมานานแล้ว ย่อมไม่เปลืองใจไปสืบข่าวอีก เขาเดินมุ่งหน้าไป

บริเวณศูนย์กลางเมืองหลิงเฟิง

หน้าเรือนโอฬารหาใดเทียบถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนมากมาย เบียดเสียดหนาแน่น

ที่นี่คือสถานที่ลงชื่อเข้าร่วมการคัดเลือกรอบแรก และเป็นสถานที่ที่ครึกครื้นและถูกจับตามองที่สุดของเมืองหลิงเฟิงในตอนนี้

เมื่อหลินสวินมาถึงที่นี่ เสียงร้องตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้น…

“‘ฉู่ชิว’ ผู้สืบทอดสำนักวิญญาณประกายฟ้า! ฝึกปราณมาห้าร้อยปี ตอนนี้เป็นบุคคลระดับมกุฎราชันอริยะที่มีชื่อเสียงในแถบหนึ่งไปนานแล้ว พลังกายของเขาต้านทานการถล่มโจมตีของสมบัติอริยะได้!”

หลินสวินเห็นทันทีว่าชายชุดเงินคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ผมยาวสีเงินทั้งหัว ดวงตามีสายฟ้าไหลเวียน ยามเดินเหินภาคภูมิดุจพยัคฆ์มังกร อิทธิฤทธิ์โอหัง

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้คือฉู่ชิว

“ฉู่ชิว คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็มาด้วย ดีเลย ข้าตั้งตารอจะเล่นกับเจ้าในการคัดเลือกรอบแรกนัก”

เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น ถัดมาแสงสีเขียวมรกตก็ทะลุอากาศเข้ามา แล้วแปรสภาพเป็นชายชุดเขียวคนหนึ่ง คิ้วกระบี่เนตรดารา เท้าเหยียบกระบี่บินสีแดงเพลิง กลิ่นอายทั้งร่างดุดันน่าสะพรึงกลัว

“‘กู่เจี้ยนสิง’ นายน้อยเผ่าขุมทมิฬ! เขาก็มาแล้วหรือ”

หลายคนตกตะลึง ฮือฮาไม่หยุดหย่อน

กู่เจี้ยนสิง อัจฉริยะมรรคกระบี่ผู้ดื้อรั้นคนหนึ่ง ลือกันว่านานมาแล้วมีคนฐานะสูงในสำนักยุทธ์ว่างเปล่าคนหนึ่งชื่นชมความสามารถของเขา คิดจะรับเขาเป็นศิษย์เบื้องท้าย แต่ผิดคาด กลับถูกกู่เจี้ยนสิงปฏิเสธทันควัน!

คนฐานะสูงผู้นั้นเสียดายเรื่องนี้อยู่นาน เอ่ยว่า ‘เดิมทีเมล็ดพันธุ์มรรคกระบี่ชั้นเลิศในโลกนี้หายากยิ่ง กู่เจี้ยนสิงย่อมเป็นหนึ่งในนั้น แต่กลับไม่มีวาสนากับสำนักยุทธ์ว่างเปล่าของข้า!’

การทอดถอนใจประโยคนี้ครู่เดียวก็กระจายไปทั่ว จึงทำให้ชื่อของกู่เจี้ยนสิงลือลั่น เป็นที่รู้จักในโลก

“หึ เช่นนั้นถึงเวลามาสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะก็พอ”

ฉู่ชิวผู้สืบทอดสำนักวิญญาณประกายฟ้าหัวเราะหยัน เดินตรงดิ่งไปที่เรือนโอ่โถงแห่งนั้น เมินกู่เจี้ยนสิง

ประกายกระบี่แผ่กระจายออกมาจากดวงตากู่เจี้ยนสิง สักพักก็หัวเราะเบาๆ ส่ายหัวน้อยๆ แล้วเดินตามเข้าไปในเรือนใหญ่นั้น

นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้น

ต่อมาผู้โดดเด่นที่มีชื่อเสียงในแถบหนึ่งคนแล้วคนเล่าต่างปรากฏตัว บ้างเป็นนายน้อยตระกูลใหญ่ บ้างเป็นผู้กล้าเผ่าโบราณ บ้างเป็นคนเก่งกล้าในสำนัก…

คนเหล่านี้บ้างหยิ่งผยองจองหอง บ้างเงียบงันเย็นชา ทั้งยังมีคนงามแห่งยุค สง่างามล่มเมือง

ขอเพียงมีผู้โดดเด่นเช่นนี้ปรากฏตัว บริเวณนั้นก็จะเกิดเสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่ง ปั่นป่วนไม่ว่างเว้น ทำให้บรรยายกาศในบริเวณนี้ยิ่งคึกคัก

หรือพูดได้ว่าเมืองหลิงเฟิงในอดีตไม่เคยคึกคักอย่างวันนี้

ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ประเมินแต่ละภาพอย่างเรียบเฉย อารมณ์ในแววตาไม่หวั่นไหว

ไม่ว่าจะเป็นฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิง หรือผู้โดดเด่นคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศในระดับเดียวกันจริงๆ พลานุภาพแตกต่างกันไป ล้วนโดดเด่นเหนือธรรมดา

น่าเสียดายที่จนตอนนี้ยังไม่มีใครดึงดูดความสนใจของหลินสวินได้สักคน

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset