Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1888 ไร้ศัตรูนั้นว้าเหว่ปานใด

ตอนที่หลินสวินได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งที่สามสิบเจ็ด ทั่วทั้งลานแสดงมรรคถึงกับเปลี่ยนเป็นเงียบกริบอย่างน่าประหลาด

ทุกคนล้วนมีสีหน้าสะทกสะท้านจนคำพูด

ต่อให้เป็นพวกเถาซงถิง อวี๋ฮูหยิน ในใจก็ไม่อาจสงบได้เช่นกัน

ฉู่ชิวที่ก่อนหน้านี้แสดงความสามารถได้โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุด ก็ทำได้เพียงหยุดเท้าก่อนที่การต่อสู้ครั้งที่สามสิบเจ็ดจะเริ่มต้นเท่านั้น

ชัยชนะครั้งนี้ของหลินสวินได้ทำลายสถิติของฉู่ชิวอย่างไร้ข้อกังขา กลายเป็นคนแรกที่คว้าชัยสามสิบเจ็ดครั้งรวด ซ้ำยังยืนหยัดอยู่บนสังเวียนเพียงคนเดียวจนถึงบัดนี้!

ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครต่างก็คาดไม่ถึง

ที่ตามมาติดๆ คือเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ทั้งลานแสดงมรรค

“จินตู๋อีคนนี้… ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”

มีคนตื่นเต้นตะโกนลั่น

ก่อนการคัดเลือกถกมรรค ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ถูกผู้คนตั้งความหวังไว้มากที่สุด มีฉู่ชิว มีกู่เจี้ยนสิง และมีจั๋วเฟิ่งอิ่ง…

ไม่มีหลินสวินแค่คนเดียว

แต่ยามนี้กลับเป็นคนที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงอย่างหลินสวินที่กำราบกู่เจี้ยนสิง ทำลายสถิติการต่อสู้อันเลิศล้ำของพวกจั๋วเฟิ่งอิ่ง ฉู่ชิวอย่างต่อเนื่อง!

ใครบ้างจะไม่แปลกใจ ไม่ตกใจ

“ยามเมื่อม้ามืดตัวนี้พุ่งออกมา ก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจ และตอนนี้เขายิ่งมีท่าทีกร้าวแกร่งพร้อมทะยานสู่อันดับหนึ่ง ใครจะเชื่อได้”

มีคนสีหน้ามึนงง

“หมดกัน เดิมทีข้าพนันว่าฉู่ชิวจะเป็นที่หนึ่งในการคัดเลือกถกมรรค ทุ่มทรัพย์สมบัติทั้งบ้านเดิมพันไปหมดแล้ว คราวนี้… จบเห่แล้ว”

ยังมีคนมากมายทำหน้าเจ็บช้ำระกำใจ ทุบอกกระทืบเท้า

และยามนี้บุคคลเด่นสะดุดตาอย่างพวกกู่เจี้ยนสิง เกาหลิงเทียน จั๋วเฟิ่งอิ่ง ฉู่ชิว แต่ละคนต่างก็สีหน้าซับซ้อนเช่นกัน

พวกเขาดีดลูกคิดใคร่ครวญถึงคู่ต่อสู้แต่ละคนอย่างดิบดี แต่มีหนึ่งเดียวที่คาดไม่ถึง คือการมีพวกร้ายกาจไม่เป็นไปตามครรลองอย่างจินตู๋อีโผล่ออกมา

ท่วงท่าแข็งกร้าวไม่มีสิ่งใดขวางได้นั่น ห้อทะยานไม่เห็นฝุ่นชัดๆ!

สำหรับพวกเขาแล้วเหมือนห่างชั้นถึงที่สุด!

“อวี๋ฮูหยิน ข้ากังวลใจว่าคนหนุ่มเช่นนี้ ลัทธิเทพดาราเมฆของพวกเจ้าจะรับไม่ไหวน่ะสิ”

เถาซงถิงทอดถอนใจ

ในใจอวี๋ฮูหยินก็พลิกตลบเช่นกัน พอได้ยินก็ฝืนกล่าวว่า “รับไม่ไหวก็ต้องไหว อย่างไรก็ต้องทุ่มเต็มกำลังไปช่วงชิงให้จงได้!”

คนอื่นๆ ต่างอดส่ายหน้าไม่ได้

ถึงตอนนี้แล้วพวกเขามีหรือจะดูไม่ออก ว่าจินตู๋อีผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกปราณอิสระคนหนึ่ง ความจริงเป็นไปได้มากว่าจะเป็นพวกปีศาจที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา

ลัทธิเทพดาราเมฆแม้จะเป็นสำนักอันดับสองในแคว้นเมฆา แต่คิดจะรับปีศาจเช่นนี้เป็นผู้สืบทอด เกรงว่าจะไม่ไหว

ในลานแสดงมรรคฮือฮา กระตุ้นบรรยากาศของการคัดเลือกถกมรรคถึงขีดสุด สายตาทั้งหมดแทบจะมองไปยังร่างหลินสวินเป็นจุดเดียว

เพียงแต่เขากลับดูเหมือนไม่รู้สึก ยืนนิ่งบนสังเวียน รอคอยอย่างเงียบๆ

“คงไม่กระมัง นี่เขาคิดจะสู้ต่ออย่างนั้นหรือ”

ผู้ชมการต่อสู้บางส่วนตกใจยกใหญ่

ทั้งที่นั้นก็ชุลมุนไปพักหนึ่ง

“ข้าล่ะอยากรู้ยิ่งนัก ว่าเขาจะสามารถยืนหยัดได้ถึงขนาดไหนกันแน่”

และมีคนมากมายเหิมฮึก ฉายแววตั้งตาคอยออกมา

ในพื้นที่เข้าร่วมต่อสู้ ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกเหล่านั้นต่างรู้สึกว่าในปากมีรสขม จินตู๋อีไม่ออกไป ไหนเลยพวกเขาจะมีโอกาสเฉิดฉายจรัสแสง

แต่ก็มีคนไม่เชื่อ คิดว่าเวลานี้ไปท้าสู้หลินสวินย่อมเป็นโอกาสดีที่จะสร้างชื่ออย่างหนึ่ง

ต่อให้แพ้ก็ยังถูกผู้คนจับตามอง!

แต่ถ้าชนะขึ้นมา…

ย่อมทำให้ชื่อของตนกึกก้องสะท้านฟ้าอย่างแน่นอน!

ไม่นานนักการต่อสู้ครั้งที่สามสิบแปดของหลินสวินก็เปิดฉากขึ้น

ไม่มีข้อยกเว้น ก็ยังคงเป็นหลินสวินที่ชนะ

เขาที่อยู่บนสังเวียน มั่นคงจนน่ากลัว ประหนึ่งภูผาเทพที่แน่นปึกไม่ไหวติง จนบัดนี้ยังไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้!

ในช่วงเวลาต่อมา ผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าไม่เกรงกลัวบาป พุ่งขึ้นสังเวียนต่อสู้กับหลินสวิน…

และมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่แต่เดิมปราชัยใต้น้ำมือหลินสวิน หลังจากพักฟื้นคืนแรง ก็พุ่งโถมขึ้นมาบนสังเวียนอีกครั้ง…

แต่น่าเสียดาย ทั้งหมดล้วนปราชัย

และพร้อมๆ กับการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเริ่มต้นและปิดม่าน เสียงฮือฮา และตกใจในลานแสดงมรรคก็ดังขึ้นในโสตหูไม่ว่างเว้น

เพียงแต่เวลาต่อมา ผู้คนต่างพากันรู้สึกสะท้านขวัญชาวาบอย่างหนึ่ง

หลินสวินมั่นคงเกินไปแล้ว ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนเหมือนไม่อาจถูกโค่นสยบตลอดกาล

ในระหว่างนี้ไม่รู้มีคนเท่าไหร่คาดการณ์ว่าเขาจะปราชัยในการต่อสู้สักครั้ง แต่สุดท้ายล้วนถูกความจริงฟาดหน้า!

เวลาเคลื่อนคล้อย

ห้าชั่วยามหลังการคัดเลือกถกมรรคเริ่มขึ้น หลินสวินคว้าชัยห้าสิบครั้งรวดบนสังเวียน

เจ็ดชั่วยาม คว้าชัยรอบที่หกสิบแปดติดต่อกัน

เก้าชั่วยาม คว้าชัยไปแปดสิบสี่ครารวด

……

ภายในลานแสดงมรรคหลิงเฟิง สายตาของเหล่าผู้ชมการต่อสู้ล้วนอึ้งค้าง จิตใจชาหนึบ

ความสะท้านสะเทือน ตกใจ แปลกประหลาด ตื่นเต้น ฮึกเหิมและไม่อยากจะเชื่ออะไร… ล้วนไม่มีเหลือแล้ว

เหลือเพียงแต่ความรู้สึก ‘อึ้งงัน’

จนกระทั่งตอนที่หลินสวินคว้าชัยชนะครั้งที่เก้าสิบเก้า แม้แต่ผู้เข้าร่วมที่อยู่ในเขตพื้นที่ต่อสู้คนอื่นๆ ล้วนเกิดความสิ้นหวังในใจ

นี่ยังจะสู้อย่างไร

ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างคิดว่าอีกไม่นานจินตู๋อีนี่ก็จะยืนหยัดไม่ไหวเพราะพลังกายหมดสิ้น แต่ทุกครั้งล้วนถูกพิสูจน์ว่าคิดผิด

ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างก็นึกว่าตนจะเป็นผู้โชคดีคนนั้น ที่มีโอกาสกำราบจินตู๋อี แต่สุดท้ายล้วนถูกสยบกันหมด!

จวบจนเวลานี้ ผู้เข้าร่วมการต่อสู้เหล่านี้ในใจไม่กล้าหวังหาโชคช่วยอีก ชั่วขณะเดียวก็ไม่มีใครพรวดพราดขึ้นมาท้าต่อสู้กับหลินสวินบนสังเวียนอีก

ทั้งที่นั้นถึงกับเปลี่ยนเป็นเงียบกริบขึ้นมาแบบแปลกๆ โดยฉับพลัน

บนสังเวียน หลินสวินยืนสันโดษเพียงลำพัง แต่ทอดสายตามองรอบทิศกลับไม่มีใครกล้าขึ้นมาต่อสู้อีก!

ผู้ชมการต่อสู้ต่างมึนตื้อไปชั่วขณะ ในลานแสดงมรรคหลิงเฟิงนี้ มีจินตู๋อีอยู่ ใครจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นที่หนึ่ง

เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิดทีละน้อย

บนสังเวียนอื่นการต่อสู้อุบัติขึ้นไม่หยุด มีเพียงสังเวียนที่หลินสวินอยู่เท่านั้นที่เงียบเชียบ ขนาดผู้ท้าสู้สักคนยังไม่มี

นี่ก็คือบารมีที่เกิดขึ้นหลังจากชนะเก้าสิบเก้าครั้งติด!

ต่อให้เป็นพวกเถาซงถิง อวี๋ฮูหยิน ก็ยังอดครุ่นคิดไม่ได้ ว่าในบรรดาผู้สืบทอดแกนหลักของเจ็ดสำนักใหญ่ จะมีสักกี่คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้

นี่เพิ่งจะคัดเลือกรอบแรก ในการคัดเลือกรอบที่สอง ม้ามืดที่พุ่งทะยานอย่างจินตู๋อีจะมีฝีมือที่น่าทึ่งขนาดไหน

มีแค่หงอวี่ที่สงบนิ่งที่สุด

เพราะเขารู้ชัดยิ่ง หากเต็มใจ เดิมจินตู๋อีก็มีคุณสมบัติไม่ต้องเข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรครอบแรกนี้ก็ได้!

บนสังเวียน หลินสวินเฝ้ารอเนิ่นนานก็ไม่เห็นมีคนมาท้าสู้อีก จึงทอดสายตามองไปทางสังเวียนอื่น

ตามกฎแล้วเขาทั้งสามารถรับการท้าสู้ และสามารถไปท้าสู้ผู้อื่นในสังเวียนอื่นๆ ได้ด้วย!

ไม่มีคนมา เช่นนั้นตนก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหากระมัง?

ในใจหลินสวินเพิ่งผุดความคิดนี้ขึ้นมา ก็ตระหนักได้ว่าผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนสังเวียนอื่นล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสี

“พี่จิน เดี๋ยวข้าก็จะชนะสิบครารวดแล้ว โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!”

มีคนร้อนรน

“พี่จิน การคัดเลือกรอบแรกนี้ทุกคนล้วนยอมรับในพลังต่อสู้ของท่าน ท่านจะไม่เหลือทางรอดให้พวกเราไม่ได้นะ”

มีคนเอ่ยปากขอร้อง

ชั่วขณะหนึ่งผู้แข็งแกร่งที่กำลังต่อสู้ดุเดือดบนสังเวียนเหล่านี้ล้วนหยุดการเคลื่อนไหวในมือ แต่ละคนสีหน้าจืดเจื่อน

ทั่วลานตะลึงงัน ภายในใจผู้ชมการต่อสู้ล้วนสะท้านไหว ดูสิ จินตู๋อีผู้นี้ทำเอาผู้คนตกใจจนกลายเป็นสภาพไหนแล้ว

มุมปากหลินสวินกระตุกน้อยๆ อย่างไม่เป็นที่จับสังเกต สุดท้ายก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ช่างเถิด พวกเจ้าสู้ต่อไป”

กล่าวเสร็จเขาก็ออกจากสังเวียนไป

คราวนี้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ บนสังเวียนถึงได้มีท่าทีปานยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจยาว จนกระทั่งมองส่งเงาร่างของหลินสวินหายลับไปจากลานแสดงมรรคถึงได้เก็บความคิด เริ่มสู้กันต่อ

“ในที่สุดจินตู๋อีก็ไม่สู้ต่ออีก!”

ภายในลานแสดงมรรค เสียงฮือฮามากมายดังขึ้น

“นี่คือยิ่งสูงยิ่งหนาวสินะ หาคู่ต่อสู้ที่คู่ควรไม่พบ ก็ได้แต่จากไปเช่นนี้…”

มีคนทอดถอนใจ

“วิธีการคว้าชัยชนะเช่นนี้ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด ไม่อาจสั่นคลอน ไร้ศัตรูทัดเทียม ได้แต่เลือกถอดใจเอง แค่ไม่รู้ว่ายามที่การคัดเลือกรอบสองเริ่ม จินตู๋อีผู้นี้จะเดินไปได้ไกลแค่ไหนกันแน่”

มีคนฉายแวววาดหวัง

การคัดเลือกรอบสองจะเปิดม่านขึ้นที่ ‘เขาเทพว่างเปล่า’ ซึ่งสำนักยุทธ์ว่างเปล่าตั้งอยู่

ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการคัดเลือดรอบแรกจากพื้นที่ต่างๆ ในแคว้นเมฆา ล้วนจะเข้าร่วมพร้อมกันในนั้น

อีกทั้งผู้สืบทอดเจ็ดสำนักใหญ่ก็จะปรากฏตัวด้วยเช่นกัน!

ตอนนั้นจึงจะเป็นการต่อสู้ดุเดือดอย่างแท้จริง การถกมรรคที่สำแดงย่อมมีสีสันยิ่งกว่า ทำให้ผู้คนเฝ้าคอยยิ่งกว่า

‘ถึงตอนนั้นไม่ว่าต้องควักจ่ายมากเท่าใด ข้าก็ต้องไปดูที่เขาเทพว่างเปล่าสักหน่อย ว่าจินตู๋อีจะถูกใครเอาชนะกันแน่’

คนมากมายต่างลอบตัดสินใจ

“ชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด ผลงานเช่นนี้ ในการคัดเลือกรอบแรกทั่วทั้งแคว้นเมฆา เกรงว่าคงไล่นิ้วนับได้เลย”

พวกเถาซงถิง อวี๋ฮูหยิน หงอวี่ ต่างเกิดสังหรณ์รุนแรงภายในใจ

ลำพังแค่ฝีมือในวันนี้ของจินตู๋อี ยามการคัดเลือกรอบสองเริ่มขึ้น ย่อมไม่อาจเผยฝีมือแบบธรรมดาทั่วไปแน่!

เสียงวิพากษ์วิจารณ์และฮือฮาในลานแสดงมรรคล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน

เขาออกไปนานแล้ว เดินกลับไปโรงเตี๊ยมตามลำพัง

วันนี้ผ่านการต่อสู้เก้าสิบเก้าครั้ง ทำให้เขาเข้าใจพลังมหามรรคที่คนระดับเดียวกันเก้าสิบเก้าคนครอบครองทั้งหมด ภายในใจสั่งสมการหยั่งรู้เอาไว้มากมายนานแล้ว

ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงก็เริ่มฝึกปราณทันที

ในสมอง โลกมายาหุ่นกระบอกของตงหลิวซื่อ อาภรณ์สวรรค์ไร้ตะเข็บของหวังเจินหยาง นรกดาบครวญของเกาหลิงเทียน ม่านกระบี่ธุลีเพลิงของกู่เจี้ยนสิง…

รูปร่าง กลิ่นอาย ท่วงทำนองของเขตแดนมรรคแต่ละอย่างล้วนทะลักสู่กลางใจหลินสวินราวกับกระแสน้ำหลาก

จนกระทั่งต่อมา เขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาวของจินเทียนเสวียนเยวี่ย เงากระบี่มหาสหัสของกึ่งจักรพรรดิข่งอิน โลกบงกชสามสิบหกชั้นของกึ่งจักรพรรดิชวีเหรา ทางนรกไร้หวนของเสอหลิงผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพ…

การหยั่งรู้ที่เกี่ยวกับเขตแดนมรรคทั้งหมดเหมือนหมื่นกระแสกลับสู่ต้นสาย กลายเป็นการหยั่งรู้มากมายซึมซาบเข้าสู่จิตใจหลินสวิน

เขตแดนมรรค

ใช้มหามรรคที่ตนครอบครองทั้งหมดเป็นรากฐาน พลังเขตแดนที่ควบรวมขึ้นดุจดั่งโลกมหามรรคที่เบิกขึ้นแห่งหนึ่ง!

คุณลักษณะของเขตแดนมรรคยิ่งสูง สื่อถึงการควบคุมพลังมหามรรคของผู้ฝึกปราณที่ยิ่งแข็งแกร่ง อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมายามโรมรันต่อสู้ก็ยิ่งน่ากลัว

หลังจากหลินสวินเหยียบย่างระดับมกุฎราชันอริยะเมื่อนานมาแล้ว ก็อาศัยการควบคุมพลังมหามรรคควบรวมเขตแดนมรรคออกมา ทว่ากลับเป็นแค่ต้นแบบที่เลือนรางอย่างหนึ่งเท่านั้น

และตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งในเวลานี้ เขาก็เอาแต่ขัดเกลาและศึกษานัยเร้นลับของเขตแดนมรรค เพื่อควบรวมเขตแดนมรรคหนึ่งเดียวใต้หล้าที่สมบูรณ์เต็มเปี่ยมออกมา!

และยามนี้ ภายใต้การหยั่งรู้มากมายที่สั่งสมไว้ในใจ ภายในใจหลินสวินราวกับเห็นแจ้งฉับพลัน เริ่มสำแดงและหลอมเขตแดนมรรคแห่งตนขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset