ตอนที่ 1908 อานุภาพแห่งการผลาญเผา
คนใหญ่คนโตในที่นั้นต่างตัวแข็งทื่อ เผยสีหน้าตกตะลึง
กลิ่นอายระดับจักรพรรดิ!?
ในตอนนี้ลู่ตู๋ปู้มีอานุภาพดุจสูงส่งเหนือล้ำ
ส่วนในสนามประลอง หลินสวินนัยน์ตาหดรัด จิตใจปั่นป่วนอย่างหาได้ยาก
นี่ต้องเป็นเท็จแน่!
หลินสวินแน่ใจในข้อนี้ ถ้าลู่ตู๋ปู้บรรลุระดับจักรพรรดิจริง จะมาเข้าร่วมศึกถกมรรคแคว้นเมฆาได้อย่างไร
ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจก็คือ ด้วยประสบการณ์กรำศึกมานานปีของเขากลับไม่อาจมองทะลุช่องโหว่ได้สักนิด นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า กลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่ปรากฏขึ้นจากตัวลู่ตู๋ปู้สมจริงเกินไป!
ตูม!
ลู่ตู๋ปู้เคลื่อนไหวแล้ว ประหนึ่งทวยเทพผู้เหยียบย่างบนหมู่ดาว ควบคุมจักรวาล เพียงสะบัดมือสุริยันจันทราพลิกคว่ำ เส้นสายปั่นป่วนยุ่งเหยิง
แสงมรรคเจิดจรัสหาใดเทียบกลายเป็นกระแสเชี่ยวอันงดงามไพศาลเข้าปกคลุมหลินสวิน
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกใจจนเหงื่อกาฬอาบกาย ขนพองสยองเกล้า อานุภาพการต่อสู้เช่นนี้ไม่มีทางเป็นพลังที่ระดับมกุฎราชันอริยะมีได้เด็ดขาด!
จินตู๋อีนั่น… อันตรายแล้ว!
แต่ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ หลินสวินก็ยิ้มขึ้นมา
ทั้งตัวเขามีประกายเทพสีชาดพุ่งโฉบ ปลดปล่อยกลิ่นอายเผาฟ้าผลาญดิน ตัวเขาที่เดิมแน่วนิ่งดั่งภูผาก็เหมือนเทพอัคคีที่ถือกำเนิดจากการอาบเพลิงเทพองค์หนึ่ง
ผลาญเผารุนแรง กำเริบเสิบสานดุจเปลวเพลิง!
เขาไม่ถอยกลับรุก พุ่งประจันไปข้างหน้า ดั่งทะเลเพลิงที่ปิดฟ้าคลุมดินจู่โจม แผดเผาถาโถม ปะทะเข้ากับกระแสเชี่ยวไร้ใดเทียบเทียมนั้น
ตูม โครม!
การโจมตีที่เปี่ยมพลานุภาพระดับจักรพรรดิของลู่ตู๋ปู้ถึงกับสลายเป็นเถ้าธุลีทุกกระเบียด ถูกเผาผลาญสิ้นซากท่ามกลางเสียงปะทะชวนครั่นคร้าม!
“นี่…”
ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน และมีคนเพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้ ว่าพลังที่เปี่ยมอานุภาพระดับราชันของลู่ตู๋ปู้นั้นไม่ใช่ของจริงอย่างเห็นได้ชัด
หาไม่แล้ว จะถูกตีกระจุยอย่างง่ายดายปานนี้ได้อย่างไร
“ฆ่า!”
แต่เมื่อลู่ตู๋ปู้ลงมือซัดละอองแสงเต็มฟ้าอีกครั้ง ทุกคนก็เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง พลานุภาพระดับจักรพรรดิที่เปี่ยมล้นในการจู่โจมนั้นปะทะเข้ามา ทำเอาเขาต่างรู้สึกหวาดผวาและกดดัน
นี่จะเป็นของปลอมไปได้อย่างไร
จิตวิญญาณหลายคนแทบปั่นป่วน ลู่ตู๋ปู้ซึ่งขณะนี้เป็นดั่งระดับจักรพรรดิ ตกลงเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่
เพียงแต่ต่อมาจิตใจและสายตาของพวกเขาก็ถูกดึงดูดไปเพราะการเคลื่อนไหวของหลินสวิน
ก็เห็นว่าเงาร่างของเขาดุจเปลวเพลิง จู่โจมดุจสายลม ทุกที่ที่ผ่าน การโจมตีทั้งหมดของลู่ตู๋ปู้จะถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อนทั้งสิ้น
พลังน่าครั่นคร้ามซึ่งเปี่ยมด้วยพลานุภาพของระดับจักรพรรดินั้น ต่อหน้าเขากลับดูอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง!
เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
“ดูไปแล้ว แม้พลังเช่นนี้ของลู่ตู๋ปู้จะดูน่ากลัวคล้ายระดับจักรพรรดิ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นของจริง”
ถึงตอนนี้หลายคนต่างกระจ่างแจ้งแล้ว แต่ละคนสีหน้าตกตะลึง ต่อให้เป็นของปลอม แต่พอห้ำหั่นต่อสู้จริงๆ ใครจะแยกออกได้
ด้านลู่ตู๋ปู้ที่ครอบครองพลังมหัศจรรย์เช่นนี้ ถ้าสำแดงพลังนี้โดยไม่ทันตั้งตัว เกรงว่าระดับกึ่งจักรพรรดิยังหวาดผวา ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ!
“ทุกท่านสังเกตเห็นไหมว่าจินตู๋อีคนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว ตัวเขาก่อนหน้านี้มั่นคบงดั่งภูผา ให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอนได้ แต่เขาในตอนนี้กลับร้อนแรงดั่งไฟ แผลงฤทธิ์กำเริบเสิบสาน พลังที่สำแดงออกมาเต็มไปด้วยอานุภาพเผาผลาญชวนครั่นคร้าม อย่างกับเปลี่ยนเป็นคนละคน”
มีคนหน้าเปลี่ยนสีพูดขึ้น
ความจริงไม่ต้องเอ่ยถึงทุกคนในที่นั้นก็เห็นภาพนี้แล้ว แต่ละคนต่างจิตใจหวั่นไหว ไม่อาจสงบลงได้
ตูม!
บนสนามประลอง สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้น
ฝีมือของหลินสวินยิ่งรวดเร็วรุนแรง ตัวเขาเหมือนไฟเผาฟ้าผลาญดิน อหังการดุร้าย เคลื่อนบุกเหิมเกริมไปทั้งสนาม
กลับมาดูลู่ตู๋ปู้ แม้พลานุภาพจะชวนหวาดหวั่นจนน่าตกใจ แต่ในการต่อสู้กลับมีทีท่าพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
‘ทำไมจู่ๆ เจ้าหมอนี่ถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน’
สีหน้าลู่ตู๋ปู้เจือแววฉงน
หลายวันก่อนหน้านี้ เขาได้ศึกษาวิชาต่อสู้และรูปแบบการต่อสู้ของหลินสวินโดยเฉพาะ นึกว่ามองทะลุตื้นลึกหนาบางโดยส่วนใหญ่ของหลินสวินไปนานแล้ว
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าในการประลองวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะพลังหรือวิธีการต่อสู้ของหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์
พอเป็นเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกรับมือไม่ทัน
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นลู่ตู๋ปู้หรือคนอื่นในสนาม ก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่หลินสวินใช้มาตลอดก่อนหน้านี้คือกายมรรคดินเหลือง
แต่ที่เขาใช้ในวันนี้กลับเป็นกายมรรคเพลิงแดง!
พลังพรสวรรค์ของกายมรรคทั้งสองกับรูปแบบการต่อสู้ที่สำแดงออกมาย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ครืน!
ฝนเพลิงแถบหนึ่งจู่โจมมา พอลู่ตู๋ปู้กำลังจะสลายการโจมตีนี้ หลินสวินก็เคลื่อนผ่านห้วงอากาศมาถึง ชูหมัดโจมตี
เพลิงเทพไหวเคลื่อนไปทั่วร่างเขา แสงเพลิงเป็นริ้วๆ ลอยล่องอยู่บนเส้นผม พร่างพราวโชติช่วง น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ
หลังจากเสียงกระแทกหนักทึบระลอกหนึ่ง ลู่ตู๋ปู้ร่างกายสั่นโคลง ถอยตึงๆๆ ออกไปหลายก้าว เสื้อผ้าตรงทรวงอกถูกเผา เหลือรอยไหม้สีดำ
ท่ามกลางเสียงร้องตกตะลึง การโจมตีของหลินสวินเหมือนพายุฝนบ้าคลั่ง เปลวเพลิงที่พลังหมัดปะทุออกมาบดบังฟ้าดิน กลบตัวลู่ตู๋ปู้จนมิด
ชั่วขณะเดียวลู่ตู๋ปู้ก็ตกเป็นรอง กลายเป็นฝ่ายรับโดยสมบูรณ์!
“เจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว…
ก้วนซวีสีหน้าเคร่งครัด
คนใหญ่คนโตอื่นๆ ก็เผยสีหน้าตกตะลึง
จินตู๋อีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขารู้สึกเหนือความคาดหมาย ไม่อาจจินตนาการได้ว่าอานุภาพการโจมตีของคนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
“ชีวิตดั่งมายา มรรคข้าเป็นจริง!”
ทันใดนั้นลู่ตู๋ปู้ส่งเสียงคำรามยาว ใช้วิชาก้นกรุ
ก็เห็นว่าเงาร่างเขาแปลงเป็นละอองแสงมายาโดยพลัน ละอองแสงเหล่านั้นกลายเป็นสุริยันจันทราภูผาธารา เส้นสายต่างๆ เรื่องราวที่ผันแปรในโลกหล้า…
ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งปวงประทับด้วยพลังมหามรรคมหัศจรรย์ เข้าปกคลุมหลินสวินไว้ด้วยกันราวกับกำราบเขาไว้ในโลกใบหนึ่ง
เขตแดนมรรคกายจำแลง!
นี่ก็คืออานุภาพขั้นสมบูรณ์ของ ‘ชีวิตดุจห้วงฝัน’
หากถูกขังไว้ในนั้นก็เหมือนเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ!
และก็ในตอนนี้เอง หลินสวินพลันหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ในดวงตามีปรากฏการณ์ประหลาดน่าพรั่นพรึงภาพแล้วภาพเล่าอุบัติขึ้น
สุดท้ายก็มีแสงไฟสองสายเคลื่อนกวาดออกมาจากนัยน์ตาของเขา
ตูม!
ภายในโลกชีวิตดุจห้วงฝันแห่งนี้ ทุกที่ที่แสงไฟกวาดผ่าน สรรพสิ่งดับสลายกลายเป็นเถ้าธุลีหายลับไป ฟ้าดินสุริยันจันทราดารา สรรพสิ่งแปรผัน… ต่างถูกเปลวเพลิงน่ากลัวเผาวอด หลอมละลายไปสิ้น!
ท้ายที่สุดทั้งโลกก็จมดิ่งอึงอล ระเบิดออกเป็นแสงเพลิงไร้สิ้นสุด
เผาฟ้าผลาญดิน แปลงสรรพสิ่งเป็นธุลี!
นี่ก็คือเนตรผลาญเผา!
“อ๊าก…!”
บนสนามประลองมีเสียงร้องเจ็บปวดดังลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น
ก็เห็นว่าเงาร่างของลู่ตู๋ปู้ถลาออกมาจากละอองแสงเปลวเพลิง เสื้อผ้าบนร่างมีแต่รูพรุน ผิวหนังที่เผยออกมาต่างถูกเผาจนไหม้ดำ ดูน่าอนาถถึงที่สุด
ทั้งที่นั้นเงียบสงัด ได้ยินกระทั่งเสียงใบไม้
ทุกคนสีหน้าไหวหวั่น จิตใจปั่นป่วนไปหมด
ลู่ตู๋ปู้…
ถึงกับถูกพิชิต!
บุคคลในตำนานที่มีชื่อครองแคว้นเมฆามานาน สะดุดตาดั่งสุริยันกลางนภาเช่นนี้ ถูกมองว่าเป็นความภาคภูมิใจของแคว้นเมฆามาโดยตลอด
แต่ที่ยอดเขาเซียนยุทธ์ในวันนี้ กลับถูกจินตู๋อีเอาชนะ!
เห็นเขาร้องลั่นน่าอนาถ เห็นเขามีแผลไหม้ไปทั้งตัว ทุกคนต่างรู้สึกไม่เหมือนจริง อย่างกับฝันไป
เมื่อแสงเพลิงสลายไป ในสนามประลองก็คืนสู่ความสงบ ลู่ตู๋ปู้หอบหายใจถี่กระชั้นอยู่สักพักถึงพูดเสียงขมขื่นว่า “พี่จินฝีมือเหนือกว่าข้า ข้าแพ้แล้ว…”
เหล่าผู้กล้าที่มองอยู่ ชั่วขณะเดียวก็สะท้านจนคำพูด
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ตู๋ปู้ เจ้าแพ้อย่างใสสะอาด รอเมื่องานชุมนุมถกมรรคเปิดฉากจะต้องมีบุคคลแห่งยุคอย่างจินตู๋อีมากกว่านี้แน่ เจ้าจะล้มเพียงครั้งแล้วไม่อาจกลับมายืนหยัดอีกไม่ได้”
ก้วนซวีเอ่ยเสียงขรึม
ลู่ตู๋ปู้เป็นความภาคภูมิใจของแคว้นเมฆา และยิ่งเป็นความภาคภูมิใจของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า ก้วนซวียังกังวลใจอย่างอดไม่ได้ ว่าการได้รับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้จะกระทบจิตใจของลู่ตู๋ปู้หรือไม่
“เจ้าสำนักไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
ลู่ตู๋ปู้กุมมือคารวะแล้วหันหลังเดินลงจากสนามประลอง
เห็นว่าสีหน้าเขายังถือว่าสงบนิ่ง ก้วนซวีจึงถอนหายใจโล่งอกแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไปพักฟื้นสักหน่อย อีกหนึ่งเค่อมาสู้กับอู่หวง”
ลู่ตู๋ปู้พยักหน้า นั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มสงบจิต
ด้านหลินสวินเดินลงจากสนามประลอง เพียงแต่พอมองเขาอีกครั้ง สีหน้าของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นชอบกลขึ้นมา
ลู่ตู๋ปู้ ก้าวย่างลำพังในใต้หล้า
จินตู๋อี หนึ่งเดียวไม่มีสอง!
การชิงชัยระหว่างทั้งสองคน สุดท้ายยังเป็นจินตู๋อีที่ได้ชัยชนะไป ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า ชายหนุ่มที่เป็นม้ามืดตั้งแต่การคัดเลือกรอบแรกผู้นี้ เก็บงำได้ล้ำลึกกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก!
ขณะนี้เซี่ยอวี่ฮวาก็นึกถึงคำพูดนั้นของอวี๋ฮูหยินขึ้นมาอีก…
ประเมินจินตู๋อีไว้สูงเพียงไหน ก็ไม่เกินไป!
หนึ่งเค่อต่อมา
ลู่ตู๋ปู้ขึ้นสนามประลองอีกครั้ง เพียงแต่คู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นอู่หวงแล้ว
ศึกนี้ถ้าเขาแพ้อีก ก็จะกลายเป็นอันดับสาม อยู่หลังหลินสวินกับอู่หวง
“ลู่ตู๋ปู้ ไพ่ตายของเจ้าข้าได้เห็นแล้ว ศึกนี้เจ้าต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
อู่หวงเอ่ยเสียงเรียบ เขาแต่งกายชุดดำทั้งตัว ผมยาวปลิวไสว ประกายแสงประหลาดน่าหวาดหวั่นทออยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเทา
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอ”
ลู่ตู๋ปู้สีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นไหว
ตูม!
อู่หวงลงมืออย่างไม่ลังเล เงาร่างฉายวาบ ประหนึ่งเงามืดหมอกทะมึน พิสดารสุดหยั่ง โจมตีเข้าใส่ลู่ตู๋ปู้
กลางฝ่ามือเขาจักระสำริดชิ้นหนึ่งหมุนวนดังหึ่งๆ ทอแสงเทพที่คาวเลือดเข้มข้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาน่ากลัวจนทำให้ฟ้าดินยังเปลี่ยนสี
การโจมตีนี้ ถึงกับใช้สมบัติจักรพรรดิทันที!
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะสู้พัวพันกับลู่ตู๋ปู้ เพราะศึกต่อไปเขายังต้องประลองกับหลินสวิน ถ้ารีบสู้รีบจบได้ ก็จะประหยัดพลังกายไปมาก
“น่าขัน เจ้านึกว่าข้าไม่มีสมบัติจักรพรรดิหรือ”
ลู่ตู๋ปู้เยาะหยัน เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง เจดีย์สมบัติองค์หนึ่งทะยานขึ้นฟ้า เก่าแก่กร้านโลก แผ่กลิ่นอายบรรพกาลออกมา
เจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า!
พริบตาทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างจำสมบัติชิ้นนี้ได้ เพราะการคัดเลือกรอบที่สองเกิดขึ้นในเจดีย์นี้
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าสมบัตินี้จะถูกลู่ตู๋ปู้นำมาใช้ในตอนนี้!
ควรรู้ว่านี่เป็นถึงสมบัติพิทักษ์สำนักของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า เล่าลือกันว่าเป็นวัตถุโบราณลึกลับที่มาจากแดนแห่งปริศนา!
“เจ้า…”
อู่หวงนัยน์ตาหดรัด เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจอยู่บ้าง
ไม่ทันรอให้เขามีปฏิกิริยาตอบกลับ จักระสำริดกับเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าก็หปะทะกันแล้ว สมบัติสองชิ้นที่ล้วนเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวต้านทานกัน เหมือนเทพสององค์กำลังห้ำหั่น ฝ่ายแรกทอแสงเทพคาวเลือดมากมาย แปลงเป็นประตูที่ดุจดั่งนรกสีเลือด กดข่มโลกา
ส่วนเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าก็ปะทุละอองแสงประกายเทพเป็นสายๆ ขึ้นสู่ชั้นฟ้า กระจายออกไปสิบทิศ อานุภาพน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบเช่นกัน
ชั่วขณะเดียวสนามประลองสั่นสะเทือนรุนแรง ปกคลุมไปด้วยสัญญาณทำลายล้างอันปั่นป่วน!
——