ตอนที่ 540 – ออกเดินทางไปอาณาจักรวายุคราม
หลังจากออกจากหมู่บ้าน เจี้ยนเฉิน หมิงตง และเถี่ยต้า บินตรงไปยังเมืองลอร์
พวกเขาเดินทางกันโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วยามอย่างไม่รีบร้อน พวกเขามาถึงเมืองลอร์ จากนั้น เดินตรงไปยังตระกูลเจียงหยาง
พวกเราคารวะนายน้อยสี่ ! ทหารลาดตระเวนทำความเคารพเมื่อเจี้ยนเฉินเดินผ่าน
เจี้ยนเฉินโบกมือและสั่งการ เจ้าลาดตระเวนต่อไปได้
“ขอรับ ยามตอบในเวลาเดียวกันก่อนจะกลับไปที่การตระเวนของพวกเขา
เจียงหยางเซียงเทียน นี่คือบ้านของเจ้างั้นหรือ เถี่ยต้าจ้องมองด้วยความประหลาดใจกับสถานที่ที่อยู่ตรงด้านหน้า
เจี้ยนเฉินหัวเราะและตอบว่า มา ลองไปข้างใน ข้าจะแนะนำสหายบางคนให้กับเจ้า เจี้ยนเฉินให้คำแนะนำเถี่ยต้า ในทิศทางของอาคารรูปแบบพระราชวังแล้ว เขาเจอบ่าวรับใช้และกล่าวว่า ไปแจ้ง ตู่กูเฟิง ศิษย์พี่อัน และหยุนเจิ้ง ให้มาพบกับข้าที่นี่
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินนำพาเถี่ยต้าเข้าไปในที่พักของเขาเอง ทันใดนั้น เมื่อเขาได้เข้ามา เถี่ยต้าผู้ไม่รู้จักโลกภายนอกมองไปรอบ ๆ เขาจะหยุดดูรอบ ๆ ด้วยความอิจฉา
“เจียงหยางเซียงเทียน นั่นเป็นห้องนั่งเล่นของเจ้าหรือ ? ครอบครัวของเจ้านั้นร่ำรวยมหาศาลจริง ๆ” เถี่ยต้าถอนหายใจในความชื่นชม
เถี่ยต้าเหมือนเด็กในป่าที่มาสัมผัสกับชีวิตในเมืองเป็นครั้งแรก ทันใดนั้นหมิงตงกล่าว เถี่ยต้า เจ้าไม่จำเป็นต้องอิจฉา รอจนเจ้าแข็งแกร่งมากพอ เรื่องเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
เถี่ยต้ามีดวงตาที่เป็นประกาย ยามเมื่อฟังหมิงตง “ดี ข้าจะทำดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของข้า”
ในช่วงเวลา ตู่กูเฟิง หยุนเจิ้งและศิษย์พี่อัน เดินมาจากภายนอก ทันใดนั้น ที่พวกเขาเข้ามา เสียงของศิษย์พี่อันก็ดังขึ้นมา เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ! เมื่อไรเราจะออกเดินทาง ? ข้าเป็นคนที่สนุกกับการท่องเที่ยวไปทั่วโลก อยู่นิ่ง ๆ ที่นี่ทุกวัน มันจะฆ่าข้า
เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้มว่า “มา นั่งที่นี่ทุกคน ข้าจะแนะนำสหายของข้า”
หลังจากที่ทุกคนนั่ง เจี้ยนเฉินนำเถี่ยต้าไปยังกลุ่ม หลังจากสนทนากันสักครู่ พวกเขาก็เริ่มที่จะทำความคุ้นเคยกัน
เจี้ยนเฉินนึกอยู่ครู่ก่อนประกาศ พวกเราทั้งหมดจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้เช้า เตรียมความพร้อม สิ่งที่เจ้าต้องการซื้อ วันนี้ ตรวจสอบการเตรียมการของเจ้าทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในวันนี้
เราจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เจียงหยางเซียงเทียน เราจะไปไหน ? เถี่ยต้าถาม
อาณาจักรวายุคราม
หลังจากออกจากห้องของเขา เจี้ยนเฉินออกไปหาบิดามารดาของเขา เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียน เพื่อกล่าวอธิบายถึงการเดินทาง
แม้ว่าเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนต้องการที่จะให้เจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่กับพวกเขา ทว่าพวกเขาก็รู้ว่าลูกได้เติบโตขึ้นจะกลายเป็นคนที่มีธุระมากมาย มันไม่มีทางที่เจียงหยางเซียงเทียนจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านของตนตลอดชีวิต ทั้งสองคนจึงไม่ได้กล่าวสิ่งอันใด
มองหาเซียวเทียนและคนอื่น ๆ เจี้ยนเฉินบอกพวกเขาว่าจะออกเดินทางเพื่อพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างของเขา เซียวเทียนและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาอยู่ภายในตระกูลเจียงหยางอีกต่อไป เพื่อให้พวกเขาออกเดินทางในเช้าวันถัดไป พวกเขาจะออกจากอาณาจักรเกอซุนเพื่อกลับไปยังอาณาจักรฉินหวง
เจี้ยนเฉินยังคงนึกถึงภรรยาและลูกของเคนดัล ซึ่งเขาให้สัญญาว่าจะดูแลในนามของเคนดัล เรื่องของซานเป็นเรื่องที่หนักใจของเจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้เขาละอายใจและได้แต่รู้สึกผิด หลายครั้งที่เขาพยายามที่จะหาวิธีที่จะรักษาหรือจัดการทำอาวุธให้ซาน แต่ทว่าเจี้ยนเฉินก็ยังหาวิธีไม่ได้
วันรุ่งขึ้น เจี้ยนเฉินอุ้มลูกเสือที่นอนหลับ เดินมาพร้อมกับหมิงตง, ตู่กูเฟิง หยุนเจิ้ง เถี่ยต้า และศิษย์พี่อัน ที่ลานของตระกูล สมาชิกระดับทั้งหมดออกมาเพื่อที่จะส่งเจี้ยนเฉิน เนื่องจากสถานะอันสูงส่งของเขาในตระกูล ด้านนอกม้าอสูรระดับ 3 ได้ถูกเตรียมไว้โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตู
เซียงเทียน พี่สาวโง่เง่าของเจ้า หมิงเยว่ได้ออกจากครอบครัวเป็นเวลานานโดยไม่มีร่อยรอย แม้จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อค้นหานาง แต่กลับไม่มีเบาะแสใด ๆ เมื่อเจ้าเดินทางไปในโลกภายนอก กรุณาช่วยตามหาลูกสาวของข้าด้วย ป้าสอง หยูเฟิงหยานกล่าวกับเจี้ยนเฉิน สำหรับลูกสาวของนางที่หายไปเป็นเวลานานมาก นั่นเองที่ทำให้นางกังวลนัก
ป้ารองมั่นใจได้เลย ข้าจะพยายามที่สุดเพื่อค้นหาพี่รอง เจี้ยนเฉินกล่าวออกอย่างจริงจัง เจียงหยางหมิงเยว่เป็นพี่สาวคนรองของเขาที่ได้ดูแลเขาในอดีต ดังนั้นหลังจากที่นางหายไป เจี้ยนเฉินเองก็กังวลใจเช่นกัน
ไป๋หยุนเทียนดึงมือของโหยวเยว่ไปทางเจี้ยนเฉิน “เซียงเอ๋อ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าสามารถเดินทางไปในโลกภายนอกและคนน้อยมากที่จะโจมตีเจ้าได้ ทำไมเจ้าถึงไม่นำโหยวเยว่ไปกับเจ้า นางเติบโตในพระราชวังมาทั้งชีวิตของนาง นางรู้จักเพียงแค่สำนักคากัต โลกภายนอก นางย่อมไม่รู้จัก มันจะเป็นสิ่งที่ดีเพื่อจะบรรเทาความเบื่อหน่ายของโหยวเยว่”
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่โหยวเยว่ นางสวมกระโปรงสั้นอย่างสบาย ๆ มันทำให้นางดูเป็นสตรีหาญกล้า แต่ในขณะที่นางยืนอยู่ด้วยความอาย ไป๋หยุนเทียนยืนอยู่ด้านข้าง ที่ซึ่งทุกคนอาจเห็นว่า นางเตรียมตัวที่จะเดินทางไกลจากการแต่งตัวของนาง
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เจี้ยนเฉินรู้สึกว่า เขาจะไม่เจออะไรที่อันตรายเกินไป ขณะที่เขาอยู่ในอาณาจักรวายุคราม รวมกับการเตรียมตัวของโหยวเยว่ในการเดินทาง มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถปฏิเสธได้อย่างง่ายดาย ในที่สุด เขาก็ยอมรับการร้องขอด้วยรอยยิ้ม ดีมาก ถ้าโหยวเยว่ปรารถนาจะเดินทางเพื่อบรรเทาความเบื่อของนาง แล้วทำไมไม่ปล่อยให้นางเดินทางกับเรา
ใบหน้าขององค์หญิงเผยรอยยิ้มที่มีความสุขกับคำเหล่านั้น นับตั้งแต่นางเติบใหญ่ องค์หญิงไม่ค่อยจะได้เห็นด้านนอกของพระราชวังเท่าใดนัก
หลังจากกล่าวอำลาทุกคนในตระกูล บุคคลทั้งเจ็ดเดินทางด้วยสัตว์อสูรของเขาและเริ่มที่จะจากไปจากเมืองลอร์
หลังจากออกจากเมืองลอร์ เจี้ยนเฉินเดินทางอย่างต่อเนื่องไปยังพื้นที่ที่กองทัพเทพดาบตะวันออกที่อยู่ด้านนอกของเมืองลอร์ เมื่อเห็นแม่ทัพทั้งสาม เจี้ยนเฉินพูดไม่กี่คำเหล่านั้น ก่อนที่จะออกค่ายในภูเขาของเขา
ฉินหวู่หมิงและอีกสองแม่ทัพมองดูเจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขาจากไปจวบจนที่พวกเขาหายไปจากมุมมอง ฉินหวู่เทียนพูดขึ้น “ท่านพ่อ ขณะนี้อาณาจักรเกอซุนและผู้พิทักษ์จักรพรรดิต่างก็สามารถดูแลตนเองได้ จากนั้นแล้วเราควรจากไป”
ฉินหวู่หมิงกล่าวขึ้น “ถอนทหารของเราออกจากที่นี่ มันค่อนข้างที่จะลำบาก หากเรามุ่งตรงไปยังอาณาจักรฉินหวง มันคงใช้เวลาเป็นปีด้วยความเร็วของกองทัพของเรา แต่ถ้าใช้ประตูมิติที่อาณาจักรต้าโจวที่อยู่ใกล้เคียง มันจะใช้แกนอสูรจำนวนมาก ในความเป็นจริง มันจะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
นั่นหมายความว่า กองทัพของเราจะคงอยู่ที่นี่ ? ฉินหวู่เจี้ยนถาม
ฉินหวู่หมิงผงกศีรษะของเขา ” ถูกต้อง แต่เดิม เมื่อองค์ราชาส่งทหาร 500,000 คนมายังอาณาจักรเกอซุน พระองค์ไม่ได้วางแผนในการส่งกลับ อาณาจักรเกอซุนอ่อนแอเกินไป แต่ความเชื่อมโยงระหว่างผู้พิทักษ์จักรพรรดิและอาณาจักรเกอซุนนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะล่วงเกินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นองค์ราชาได้ตัดสินใจเพื่อช่วยอาณาจักรเกอซุนและช่วยผู้พิทักษ์จักรพรรดิปกป้องตัวเอง ด้วยความสามารถของเขา เขาก็จะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ ดังนั้น เพื่อรั้งในตัวบุคคลโดยไม่ต้องลงทุน จำต้องกระทำเช่นนี้
อืมม ตอนนี้ ท่านพ่อ แล้วเรายังคงอยู่ที่นี่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไปจะดีหรือไม่ ?” ฉินหวู่เจี้ยนถาม
ฉินหวู่หมิงยิ้ม เป็นแนวหลังนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป เซียนผู้คุมกฎนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก ในสายตาของพวกเขา เรา เหล่าเซียนสวรรค์ถูกพิจารณาว่าเป็นเพียงมดที่ไม่ได้มีมูลค่าแต่อย่างใด ณ ตอนนี้ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิยังไม่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ ดังนั้นนี้เป็นโอกาสดีสำหรับเราที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เมื่อเขาเผชิญกับปัญหาใด แล้วเราจะสามารถให้ความช่วยเหลือเขา ด้วยเราอาจเจอปัญหาใด ๆ แม้มากขึ้นดังนั้น หากเรามีการสนับสนุนของผู้พิทักษ์จักรพรรดิ แม้กระทั่งกองทัพจะไม่ตำหนิหรือจะยโสโอหังเกินไป
“ข้าเข้าใจตอนนี้ มันถูกวางแผนทั้งหมดโดยองค์ราชาแน่นอน นี่คือโอกาสดี หากผู้พิทักษ์จักรพรรดิกลายเป็นเซียนผู้คุมกฏและยินดีที่กลับไปกับเรา แล้วท่านพ่อจะยังมีโอกาสที่จะถูกเลื่อนขั้นให้เป็นแม่ทัพของกองทัพอาณาจักร ฉินหวู่เทียนพูดขึ้น
ฉินหวู่หมิงผงกศีรษะของเขาด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือความหมายของการเก็บกักน้ำให้อุดมสมบูรณ์ภายในเขตแดนของเจ้าเอง องค์ราชาฉลาดมากที่สามารถควบคุมทุกอย่างภายในมือของเขา
บนถนนหลัก เหล่าม้าอสูรทั้งเจ็ดอาจจะเห็นวิ่งด้วยความเร็วสูง ในการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น พวกเขาทิ้งร่องรอยของฝุ่นในขณะที่พวกเขาผ่าน
เจียงหยางเซียงเทียน จะใช้เวลานานเท่าไหร่สำหรับพวกเราที่จะไปถึงอาณาจักรวายุครามด้วยความเร็วที่เรากำลังเดินทาง ? ” โหยวเยว่ถามเจี้ยนเฉินจากด้านข้างของเขา
คิดครู่หนึ่ง เจี้ยนเฉินตอบ ด้วนความเร็วนี้ มันควรเป็น 2 วันหรือมากกว่านั้นก่อนเราจะไปถึง มันไม่ยาวนานหากพวกเราเร่งความเร็ว
ด้วยการหยุดชั่วคราว เจี้ยนเฉินมององค์หญิง “โหยวเยว่ เจ้าควรเรียกข้าว่าเจี้ยนเฉินในอนาคตมากกว่าเจียงหยางเซียงเทียน”
ได้ นี่ต้องเป็นชื่อที่เจ้าใช้หลังจากที่เจ้าออกจากตระกูลเจียงหยาง องค์หญิงยิ้มหวาน
ถูกแล้ว” เจี้ยนเฉินพยักหน้า
เพื่อให้เจ้าเปลี่ยนชื่อของเจ้า ไม่แปลกใจที่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้า ยามเมื่อกล่าวกับตระกูลเจียงหยาง เจี้ยนเฉินก็ฟังดูดีกว่าเจียงหยางเซียงเทียน จากนี้ไป เรียกชื่อเจ้าด้วยชื่อนี้เช่นกัน
กลุ่มคนยังคงหัวเราะและพูดคุยกันเวลาที่พวกเขาเดินทาง เมื่อมันมาถึงความคิดเกี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ้างที่เขาได้เคยเป็นผู้บัญชาการ เจี้ยนเฉินครุ่นคิดหลังจากเดินผ่านเมืองเวค
หลังจากหลายปีผ่านไป เขาคิดได้ว่าควรจะพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างของเขา