ท้องฟ้าแจ่มใส แสงดวงอาทิตย์ค่อนข้างร้อนแรง เจี่ยนถงใส่เสื้อคลุมแน่น ถนนสายเล็กที่มีต้นไม้เรียงราย วันนี้คนค่อนข้างน้อย แต่ทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านเธอไป พวกเขาก็มักจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“นี่……สมองผิดปกติหรือเปล่า?”
คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินผ่านเธอไปก็ยังไม่ลืมที่จะหันกลับมามองเธอ พวกเขาซุบซิบนินทา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อหน้าเจี่ยนถง แต่พวกเขาก็ไม่ได้จงใจพูดเสียงเบา
เสียงซุบซิบนินทาที่กระจัดกระจายดังอยู่ในหัวของเธอ เธอชินแล้ว สำหรับสีหน้าประหลาดๆของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เธอก็ชินแล้ว
เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เธอเข้าใจว่าการแต่งตัวของเธอน่าตกใจแค่ไหนในสายตาของคนอื่น
ในตอนที่ทุกคนล้วนแต่ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อแขนสั้นหรือกระโปรงสั้น แต่เธอกลับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิด
มองดูเสื้อเชิ้ตแขนยาวบนตัว เธอก็รู้สึกเสียใจ…….น่าจะใส่เสื้อคลุมที่หนากว่านี้
เธอเจ็บปวดที่กระดูก และข้างๆก็มีคู่รักหนุ่มสาวอีกคู่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเธอไป
ผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงสีขาว ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ผู้หญิงมีนิสัยน่าเริง สามารถได้ยินเสียงของเธอมาแต่ไกล:
“เฮ้เฮ้ ไปเลย เดี๋ยวเราจะไปสวนสนุกกันเถอะ วันนี้อากาศดีแบบนี้ ไม่ไปคงน่าเสียดาย”
“โอเค โอเค เอาที่คุณว่า เราไปสวนสนุกกัน”
“งั้นตอนเย็นไปตั้งแคมป์กันไหม?ฉันซื้อเต็นท์มา”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่ พวกเขาก็ขี่ผ่านเจี่ยนถง
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน”
“อะไรเหรอ?” คู่รักสองคนนั้นตกใจ ผู้ชายวางเท้าลงบนพื้นแล้วหยุดรถ “คุณเรียกเราเหรอ……?” มองเจี่ยนถงตั้งแต่หัวขรดเท้า ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ขมวดคิ้วสีกาแฟที่สวยงาม “มีอะไรรึเปล่า?” เขาทำหน้าสงสัย……นี่ นี่ เป็นคนบ้ารึเปล่า?
เจี่ยนถงตกใจ……เธอไม่ได้อยากจะเรียกหยุดคู่รักสองคนนั้น แต่เธอกลับอดไม่ได้ที่จะเรียก
“คุณ……คุณเป็นอะไรไหม?” ผู้หญิงสาวที่นั่งซ้อนข้างหลัง ย้อมผมสีเกาลัด เอียงหน้าแล้วยื่นมือออกมาโบกๆตรงหน้าเจี่ยนถง
เจี่ยนถงเหม่อลอย “ฉัน……?”ฉันอะไรเหรอ
ทำไมจู่ๆถึงได้เรียกหยุดคนแปลกหน้าอย่างพวกเขา?
“คุณอยากถามทางใช่ไหม ไม่เป็นไร ถามได้ แฟนของฉันรู้ทุกอย่าง เขาคุ้นเคยกับถนนทุกสายในย่านนี้”
เสียงของผู้หญิงช่างมีชีวิตชีวา เจี่ยนถงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว เธอกะพริบตา ยกมือขึ้นเช็ดความเจ็บปวดที่มุมตาราวกับไม่ได้ตั้งใจแล้วพูดเบาๆว่า:
“ฉัน ฉัน……วันนี้ฝนจะตก ฉันดูพยากรณ์อากาศมา”
เธอพูดจบก็หันหลังเดินออกไป เท้าของเธอไม่สะดวก เธอเลยเดินบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่เมื่อมองจากฝีเท้ามันทำให้เธอเดินดูไม่เป็นธรรมชาติ
เสียงพูดคุยกันของคู่รักคู่นั้นเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ
ยังคงได้ยินคลุมเครือว่า “หา? พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ฝนจะตกเหรอ?”
สีหน้าของผู้ชายมึนงง “หรือว่า……เธอดูผิด?แต่ว่าเธอเป็นคนดีจริงๆ……”
เสียงค่อยๆหายไป เจี่ยนถงหัวเราะอย่างขมขื่น………คนดีเหรอ?
ถ้าพวกเขารู้ว่าเธอเคยติดคุก ไม่รู้ว่าพวกเขายังจะบอกว่าเธอเป็นคนดีอยู่ไหม?
ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เจี่ยนถงถึงกับตกใจ……
ใต้ต้นไทร เธอเห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีกากี
เขายืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยิ้มให้เธอ เผยให้เห็นฟันขาวของเขา และแล้ว แม้แต่อากาศก็ยังมีฟองสีชมพู……
ในความมึนงง ราวกับว่าเธอมองเห็นฤดูร้อนของปีนั้น
ใต้ต้นไทรที่ใหญ่กว่าต้นนี้ ผู้ชายคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีกากี ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เธอวิ่งเหยาะๆเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาทำสีหน้าไม่พอใจและพูดเร่งเธอว่า
“ช้าจังเลย ผู้หญิงนี่วุ่นวายจริงๆ รีบหน่อย ถ้าคุณยังไม่รีบ ผมจะไปแล้วนะ”
เขาพูดแบบนี้แต่กลับยังยืนรอเธออยู่ใต้ต้นไทรเงียบๆ
นั้นมันเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?
อ้อ……ตอนม.สาม……
เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกหน้าและมีระยะห่าง?
จำไม่ได้แล้ว……
“เสิ่น……” ดวงตาของเธอพร่ามัว อ้าปากเรียกชายที่อยู่ใต้ต้นไม้
ทันใดนั้นชายที่อยู่ใต้ต้นไม้ก็เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส “เจี่ยนถง ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องมารอคุณที่นี่”
เสียงเรียกนี้ทำให้เจี่ยนถงตัวสั่น เธอได้สติกลับมาก็มองไปที่ชายที่อยู่ใต้ต้นไม้ มือสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เธอยิ้มมุมปาก รอยยิ้มอันขมขื่นที่บรรยายไม่ได้……
ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น……
“คุณเซียว สวัสดีค่ะ”
เธอทักทายชายที่อยู่ใต้ต้นไม้อย่างสุภาพ
เซียวเหิงยิ้มฟันขาว เอียงหน้าและพูดกับเธอว่า “คุณมานี่สิ ยืนทำอะไรตั้งไกล มานี่มานี่”
เขากงักมือเรียกเธออีกครั้ง
เจี่ยนถงก้าวไปข้างหน้าช้าๆ:“คุณเซียว คุณรอฉัน?”
ถ้าเธอไม่ได้หูแว่วไป เมื่อกี้เขาพูดแบบนั้นจริงๆ
“ใช่ ผมกำลังรอคุณ” เซียวเหิงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “เจี่ยนถง คุณยังไม่ได้ให้คำตอบผมเลย เป็นแฟนผมไหม?”
เจี่ยนถงตกใจ
“ก่อนหน้านี้ผมไปมิลานมา มีโปรเจกต์ที่ต้องรีบไปจัดการ ตอนเช้าวันนี้ขึ้นเครื่องบินมาถึงเมืองS ผมก็มาที่นี่ทันที ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอกับคุณที่นี่”
“เจี่ยนถง เป็นแฟนผมไหม?”
หัวใจของเจี่ยนถงเต้นแรงขึ้นครึ่งจังหวะ เงยหน้าขึ้นเธอก็มองเข้าไปในดวงตาที่กำลังส่องแสงคู่หนึ่ง ดวงตาคู่นี้กับชายคนนั้นมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เธอเชื่องช้าไปครึ่งจังหวะ จ้องมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหล่าที่อยู่ใกล้ๆอย่างเหม่อลอย
เธอสับสนมาก ใช้คำพูดที่เป็นที่นิยมตอนนี้ก็คือ แบลงค์ไปหมด
เธอมองไปที่ใบหน้านั้นอย่างเหม่อลอย
“เฮ้ ถ้าคุณมองผมอยู่แบบนี้ ผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
เสียงของเซียวเหิงดังขึ้นมาในหูของเธอ
เจี่ยนถงตกใจ เงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง เธอกะพริบตา “อะไรนะ?”
เห็นเธอเป็นแบบนี้ เซียวเหิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แบบนี้” พูดเสร็จ ก็มีเงาสีดำเอนลงมา เจี่ยนถงรู้สึกว่ามีอุณหภูมิอุ่นๆมากระทบกับริมฝีปากของเธอแล้วก็หายไป
“โทษผมไม่ได้นะ คุณจ้องผมอยู่แบบนี้ ผู้ชายคนไหนจะทนไหว”
เซียวเหิงพูด ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา มองไปที่เจี่ยนถง “หูของคุณแดง”
มันจะไม่เป็นไรถ้าเขาไม่พูด แต่พอเขาพูด หูของเจี่ยนถงก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม
“เจี่ยนถง” จู่ๆเซียวเหิงก็ยื่นมือออกมาจับมือของเจี่ยนถงไปไว้ในฝ่ามือขนาดใหญ่ของตัวเอง จับมันไว้ที่หน้าอก “คบกับผมนะ”
ตอนที่เขาอยู่ที่มิลาน เขาก็คิดไปต่างๆนานา สุดท้าย เขาแน่ใจแล้วว่าเขาต้องการผู้หญิงคนนี้ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพียงแค่มองไปที่หูที่แดงของเธอก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่หยุด
เพียงแค่มองไปที่ริมฝีปากของเธอก็ทำให้เขาอยากจะหยุดคิดแต่ก็หยุดไม่อยู่
เรื่องแบบนี้ ใครบอกว่าต้องตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตา?
ทุกครั้งที่หยอกล้อเธอ มันมักจะทำให้เขารู้สึกสบายใจและมีความสุขที่สุด
“เจี่ยนถง คบกับผมนะ”เขาบอกว่า “ผมจะดูแลคุณเอง”