เซียวเหิงโดนท่านแก่เซียวตีอีกแล้ว ตอนไป เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่สะอาดไม่มีคราบ เมื่อออกมาจากบ้านใหญ่อีก เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกย้อมด้วยเลือด
พ่อบ้านเหล่าหลี่วิ่งตามออกมา “คุณชาย ถือไว้”
เซียวเหิงกวาดสายตามองไปที่ยาครีมในมือของพ่อบ้านเหล่าหลี่ ความเยือกเย็นในตาจางหายไปเล็กน้อย ยื่นมือรับมา “ขอบคุณลุงหลี่”
พ่อบ้านลังเลสักพัก เรียกเซียวเหิงก่อนที่เขาจะขึ้นรถ “คุณชาย คุณก็…จำเป็นต้องทำแบบนี้ไหม”
“ลุงหลี่ ท่านไม่เข้าใจ”
“ก็แค่ผู้หญิงหนึ่งคน…ถ้าคุณชายอยากได้ ในอนาคตยังจะมีอีกเยอะแยะมากมาย”
“ผู้หญิงมีเยอะแยะมากมาย เจี่ยนถงมีแค่คนเดียว”
“เฮ้อ…ท่านแก่ไม่มีทางให้ผู้หญิงแบบนั้นเข้าประตูบ้านตระกูลเซียวหรอก คุณชายจำเป็นต้องพยายามขนาดนี้ไหม คนนั้นของตระกูลเสิ่นไม่ใช่คบหากันได้ง่ายนัก ก่อนหน้านี้คุณก็ไม่เคยสัมผัสธุรกิจของเซียวซื่อ ตอนนี้คุณจู่ๆ ก็มารับช่วงต่อ เป็นข้อต้องห้ามของอาชีพนี้แล้วนะ
คุณชายสามารถรับช่วงต่อ ทุกวันนี้ทำถึงระดับนี้แล้ว ก็ทำให้ท่านแก่รู้สึกตกใจมากแล้ว
แต่ว่าคุณชาย วันนี้ผมลุงหลี่ขออาศัยที่ตนมีอายุมากและเป็นผู้อาวุโสทีเถอะนะ” พ่อบ้านเหล่าหลี่พูดว่า “ตอนเด็ก ไม่ว่าเรื่องอะไรคุณชายก็ชอบแข่งกับเด็กแสบของตระกูลเสิ่นคนนั้น ผู้ใหญ่ของตระกูลเซียวและตระกูลเสิ่นทั้งสองตระกูลล้วนเห็นแก่ตา
คุณชายตอนสมัยเด็กๆ คุณแพ้เยอะมาก
วันนี้คุณชายและเด็กแสบของตระกูลเสิ่นคนนั้นก็ล้วนโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว”
เหล่าหลี่ก็ไม่ไว้หน้าให้เซียวเหิงสักนิดเดียวเลยจริงๆ ถามตรงๆ ว่า “คุณชาย คุณก็คงเคยได้สัมผัสอุบายและความสามารถของคนนั้นของตระกูลเสิ่นแล้ว
คนในกี่รุ่นนี้ของตระกูลเสิ่น ถือว่าเสิ่นซิวจิ่นใจร้ายที่สุดโหดเหี้ยมที่สุดแล้ว แต่กลับเป็นคนแบบนี้ที่ความสามารถกับสภาพจิตใจยังเสนียดจัญไรมาก กลับเป็นคนแบบนี้ที่ยิ่งเลือดเย็นด้วยซ้ำ
คุณชาย คนแบบนี้ ถ้าไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับแก หลักการเช่นนี้ คุณชายควรรู้อยู่แล้ว”
รู้แต่ทำไม่ได้
ทั้งๆ ที่รู้ก็ยังจงใจละเมิด จึงเป็นสิ่งที่ผิดที่สุด
ส่วนคนฉลาดอย่างคุณชายของพวกเขา กลับทำผิดสิ่งที่ไม่ควรทำผิด
ในใจเหล่าหลี่อดไม่ไว้ที่จะมีความไม่พอใจต่อผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนถงคนนั้น
สองมือที่วางอยู่บนพวงมาลัยของเซียวเหิงค่อยๆ กุมแน่นตามคำพูดของเหล่าหลี่…พอเงยหน้าขึ้นมา เหล่าหลี่ยิ้มออกมา ถามพ่อบ้านเหล่าหลี่ว่า “ลุงหลี่ ทุกคนล้วนคิดว่าผมจะแพ้ใช่ไหม”
คาดคิดไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะถามแบบนี้ ทันใดนั้น เหล่าหลี่อึ้งมาก พูดอะไรไม่ค่อยออก “คุณชาย…ไม่ได้หมายถึงแบบนี้…”
เซียวเหิงยิ้มแห้งทีหนึ่ง “ลุงหลี่” เขากวาดสายตามองแขนเสื้อเสื้อเชิ้ตที่ย้อมด้วยเลือดตรงแขนตัวเอง “ไม้เท้าของคุณปู่ตีลงมาที่ตัวมันเจ็บมากเลย แต่ถ้าให้ผมละทิ้งยัยโง่คนนั้น มันเจ็บยิ่งกว่าถูกไม้เท้าร้อยอันของคุณปู่ตีตรงร่างกาย”
พูดอยู่ก็สตาร์ตรถ โบกมือให้พ่อบ้านเหล่าหลี่ที่หน้าตะลึงทั้งใบ “ผมรู้ว่าผมในตอนนี้ยากที่จะชนะเสิ่นซิวจิ่นได้ แต่ดีที่ความไม่ถนัดชดเชยได้ด้วยความขยัน สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถือว่าแย่มาก ถึงแม้ว่าความเสียหายก่อนหน้านี้จะไม่ได้ชดเชยกลับมา แต่สถานการณ์ในทุกวันนี้ก็ได้ดีขึ้นแล้ว ลุงหลี่…ยังไม่ถึงเวลาที่ผมต้องยอมแพ้เลย”
สีหน้าของเหล่าหลี่ซับซ้อน “คุณชาย ผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนถงคนนั้น คุ้มพอที่จะให้คุณชายยอมทำให้ท่านแก่โมโห ยอมแบกความกดดันจากบริษัท แบกความกดดันจากผู้ถือหุ้น แบกความกดดันจากครอบครัวใหญ่ของเซียวซื่อ ไม่เสียดายทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่ยอมละทิ้งเลยเหรอ มันคุ้มเหรอ”
ริมฝีปากของเซียวเหิงเปิดออก แทบไม่เคยลังเล “คุ้ม” เขาแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ลุงหลี่ บริษัทยังมีเรื่องให้ผมไปจัดการอยู่ ผมขอตัวไปก่อน”
รถยนต์ค่อยๆ ขับออกไป ริมฝีปากของเซียวเหิงโค้งขึ้น คิดถึงเจี่ยนถงขึ้นมาอีก จับริมฝีปากบางของเขา นี่คือผู้หญิงคนแรกที่จูบเธอครั้งหนึ่งก็ทำให้ใจเขาเต้นแรงขนาดนี้…ผู้หญิงบนโลกใบนี้มีเยอะแยะมากมาย แต่เจี่ยนถงมีแค่คนเดียว
เพื่อเธอ เขาสามารถแบกรับความกดดันจากตระกูลไว้ แบกรับความกดดันจากบริษัทและผู้ถือหุ้นไว้!
ไม่ยอมแพ้! เด็ดขาด!
หัวใจของเขาตื้นตันราวกับความเร็วของรถคันนี้! …เสิ่นซิวจิ่น เขาเป็นใคร!
……
ครึ่งเดือนผ่านไป
เจี่ยนถงเจอเซียวเหิงอีกครั้ง เขาผอมลงเยอะมาก แต่คนกลับมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเฉพาะความสดใสในดวงตาในขณะนี้
“ไป! ผมพาคุณไปที่หนึ่ง” ไม่ให้คนได้พูดได้จาอะไร ก็ดึงคนขึ้นไปบนรถแล้ว
“ไปไหนเหรอ”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้แล้ว” เขาพูดอีกว่า “คืนนี้ลางานเถอะ”
“…”
“ลาแค่วันนี้วันเดียวเอง ได้ไหม”
“…” ไม่ดี
“เฮ้อ…ชีวิตผมช่างโชคร้ายจริงๆ เลี้ยงบะหมี่เนื้อวัวให้ใครบางคนตั้งหลายมื้อ…ใครบางคนกลับไม่รู้จักขอบคุณเลย จุ๊ๆๆ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเฮ้ย” ผู้ชายที่อยู่บนเบาะคนขับ ขับรถไปด้วย เหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเองไปด้วย แต่เสียงกลับดังจนเจี่ยนถงอยากจะเพิกเฉยก็ยาก
“เฮ้อ…เสียดายบะหมี่เนื้อวัวตั้งหลายถ้วยเลยจริงๆ เลี้ยงให้ใครบางคนกินฟรีๆ แล้ว”
เจี่ยนถงยังคงเงียบต่อไป ไม่ออกความคิดเห็น
“บะหมี่เนื้อวัวน้อบะหมี่เนื้อวัว…เธอตายได้น่าสงสารจริงๆ เลย ใครๆ ก็พูดกันว่ากินของเขา รับของเขา ปฏิเสธไม่ได้ ผู้หญิงบางคนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคามากเกินแล้ว กินบะหมี่เนื้อวัวของผมไปตั้งหลายถ้วย แค่ลาวันเดียวยังไม่ยอมเลยน้อ”
“…” เจี่ยนถงเริ่มมีแรงกระตุ้นแบบ “เลือดเดือดพุ่งพล่ำ” เล็กน้อยแล้ว ส่วนความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้มีมานานมากแล้ว อย่างน้อยช่วงนี้ที่เซียวเหิงหายไป อารมณ์ของตัวเองก็ไม่เคยผันผวนแบบนี้
“บะหมี่เนื้อวัวของผมน้อ…”
เจี่ยนถงบดฟัน ในที่สุด…
“ความจริง…” เธอค่อยๆ เปิดปาก ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ตาสว่างขึ้นมา……ในที่สุดเธอก็ยอมพูดแล้ว “ความจริง…ฉันไม่ได้ชอบกินบะหมี่เนื้อวัว”
ข้างๆ มุมปากที่โค้งขึ้นของผู้ชายจู่ๆ ก็ชะงักลง สั่นคลอนอย่างพะอืดพะอมได้ครู่หนึ่ง “แค่ก แค่กๆ…คุณพูดว่าอะไรนะ อยู่ๆ ผมก็หูหนวกไม่ได้ยินแล้ว! ไม่!ได้!ยิน!”
“ฉันบอกว่า” ในตาเจี่ยนถงมีความจำใจลอยผ่าน “ฉันสัญญากับคุณ คืนนี้จะลา แต่คุณต้องบอกฉันว่าจะทำอะไร”
เธอเพิ่งพูดจบ ผู้ชายข้างๆ ที่อยู่ตรงเบาะคนขับก็หันหน้ามาอย่างดีใจถามเธอว่า “จริงเหรอ จริงๆ ใช่ไหม”
“…ไหนคุณเซียวหูหนวกแล้วไม่ใช่เหรอ”
“หูหนวกชั่วคราว ตอนนี้หายดีแล้ว”
“…” ถึงแม้คนอย่างเจี่ยนถงอารมณ์ไม่ค่อยผันผวนมากเท่าไหร่ ใช้ชีวิตอย่างเย็นชา ขณะนี้หน้าก็ยังสั่นกี่ทีอย่างสงสัย เธอก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ตามองจมูก จมูกมองใจ
มุมตาของเซียวเหิงกวาดสายตามองเห็นฉากนี้ ในตามีรอยยิ้มลอยผ่าน
เจี่ยนถงนึกขึ้นมาได้อีกว่า “คุณเซียว คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ทำไมฉันต้องลา คุณจะไปทำอะไรเหรอ”
กำลังพูดอยู่ รถก็เบรกและจอดลง
“ถึงแล้ว” เซียวเหิงเปิดปากยิ้มให้เธอ “ลงรถกันเถอะ เดี๋ยวคุณก็จะรู้ในเร็วๆ นี้”
เจี่ยนถงทำหน้าสงสัย เซียวเหิงลงไปจากรถแล้ว เดินอ้อมไปฝั่งเบาะข้างคนขับ เปิดประตูรถออกมาให้เธอ “เสี่ยวถง ลงรถ”
เจี่ยนถงดูอาคารที่อยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง จัดวางโครงสร้างใหม่จากโรงงานเก่าแห่งหนึ่ง ไม่ถือว่าหรูหรา…เธอโล่งใจได้สักที เซียวเหิงจับมือเธอขึ้นมาเดินเข้าไปข้างในโดยที่ไม่ให้เธอมีโอกาสได้พูดอะไรเลย
หลังจากที่เข้าไปแล้วจึงพบว่าที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและดื่มน้ำชา
“เสี่ยวถง เค้กแบล็คฟอเรสต์ของที่นี่อร่อยมากนะ เดี๋ยวสั่งให้ชุดหนึ่ง คุณลองชิมดู”
เซียวเหิงพูดไปด้วย พาเจี่ยนถงเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่อยู่ข้างในสุดด้วย
เจี่ยนถงทำเป็นแค่ว่าเซียวเหิงจู่ๆ ก็เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมาอีกแล้ว พาเธอมากินของหวาน
รอยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องส่วนตัว ดวงตาของเซียวเหิงวูบวาบขึ้นมา บอกกับเธอว่า “ผมจะแนะนำกลุ่มเพื่อนซี้ของผมตอนเรียนที่เมืองนอกให้คุณรู้จัก”
พอได้ยินปุบ เจี่ยนถงก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันไม่…”
“แอ๊ด” เสียงเดียว เซียวเหิงกลับผลักประตูห้องส่วนตัวออกมาแล้ว “เสี่ยวถง มา ผมแนะนำให้คุณ ลู่เชน คาย์อัน เพื่อนซี้ของผมตอนเรียนที่เมืองนอก”
พอประตูเปิดออกมา ตาทั้งสามคู่อึ้งอยู่กับที่
ชั่วขณะนั้น สีหน้าของเจี่ยนถงซีดขาวทั่วหน้า!