บทที่ 13 ย้ายเธอไปฝ่ายประชาสัมพันธ์
เจี่ยนถงรีบลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นซิวจิ่น ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก เสิ่นซิวจิ่นเงียบไปสักพักก็พูดขึ้นมา “เข้ามา”
เจี่ยนถงมองคนที่เดินเข้ามา—เป็นซูเมิ่งที่เคยสัมภาษณ์งานเธอเมื่อสามเดือนก่อน
“พี่เมิ่ง” ใจเธออยู่ไม่เป็นสุข พลางมองไปทางเสิ่นซิวจิ่นที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความหวาดระแวง จากนั้นก็ถอนสายตามาที่ซูเมิ่งอีกครั้ง ใจเธอเต้นเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเล่นงานอะไรเธออีก
“ประธานเสิ่น” ซูเมิ่งสวมชุดสูทสีขาวแต่ก็ไม่ได้ลดทอนเสน่ห์ของเธอเลย หน้าอกทั้งสองของเธอแทบจะทะลักออกมา เธอพูดขึ้นมาต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่นว่า “คุณมีอะไรจะสั่งฉันหรือเปล่าคะ?”
เจี่ยนถงรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของซูเมิ่งที่มีต่อเสิ่นซิวจิ่น เหมือนกับว่าเสิ่นซิวจิ่นเป็นเจ้านายใหญ่ของเธอ …อันที่จริงเจี่ยนถงเองก็ไม่รู้ว่าเสิ่นซิวจิ่นเป็นเจ้านายใหญ่ของซูเมิ่ง เนื่องจากเจี่ยนถงติดคุกอยู่นานสามปี หลังจากที่ออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกล้วนเปลี่ยนไปมาก
“คุณรู้จักเธอใช่ไหม?” เสิ่นซิวจิ่นยกปลายคางไปทางเจี่ยนถง ซูเมิ่งเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี เธอแอบชำเลืองตามองเจี่ยนถงที่อยู่ด้านข้าง ก่อนหน้านี้เธอค่อนข้างถูกชะตากับเจี่ยนถงเพราะผู้หญิงคนนี้ได้ทิ้งความประทับใจไว้อย่างสุดซึ้ง
ซูเมิ่งขยับมุมปากและยิ้มออกมาอย่างเกร็งๆ “ประธานเสิ่น เสี่ยวถงทำอะไรให้คุณโมโหหรือเปล่าคะ? คุณอย่าโกรธเธอเลย ฉันจะอบรมสั่งสอนเธอให้ดีเองค่ะ”
เจี่ยนถงฟังออกถึงความตั้งใจที่จะปกป้อง เดิมทีเธอคิดว่าในช่วงเวลาแบบนี้พี่เมิ่งก็คงคิดจะขับไสไล่ส่งเธอ แต่อีกฝ่ายกลับออกโรงปกป้องเธอต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่น เธออดประหลาดใจไม่ได้ แต่จะให้ลุกขึ้นมาขอบคุณซูเมิ่งก็ไม่ได้อีกเช่นกัน
ซูเมิ่งจ้องหน้าเจี่ยนถงอีกครั้ง หากไม่เป็นเพราะเจี่ยนถงทำงานดีมาตั้งแต่แรก ทั้งยังมีความนอบน้อมและมีไหวพริบ ไม่เคยทำให้เธอยุ่มย่ามลำบากใจ เธอเองก็คงไม่เสี่ยงอันตรายมาปกป้องเจี่ยนถง ไม่รู้ว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างเจี่ยนถงจะไปทำให้คนอื่นโมโหเอาได้
การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆระหว่างคนทั้งสองไม่อาจรอดพ้นสายตาล้ำลึกคู่นั้นไปได้
เสิ่นซิวจิ่นมองไปที่ซูเมิ่ง “ใครเป็นคนสัมภาษณ์ให้เธอเข้ามาทำงาน?”
ซูเมิ่งหน้าซีดลงทันที เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาก
“หืม?” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง เขาจ้องมองใบหน้าขาวซีดของซูเมิ่ง
“ฉัน ฉันเองค่ะ ประธานเสิ่น ฉันสัมภาษณ์เธอด้วยตัวเอง” อันที่จริงโดยปกติแล้วซูเมิ่งไม่จำเป็นต้องทำการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง จริงๆเลย…ซวยแล้ว! ไม่ได้สัมภาษณ์มาสองสามปี คืนนั้นเธอทำผิดเผลอไปกระตุกต่อมเส้นประสาทส่วนไหนกันแน่นะ?
ซูเมิ่งรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันควันเมื่อได้เห็นประธานเสิ่นมีท่าทีแบบนี้ เจี่ยนถงคนนี้น่าจะทำให้เขาโมโหแล้วจริงๆ เธอติดตามประธานเสิ่นมานานหลายปี ซูเมิ่งก็เพิ่งเคยเห็นเสิ่นซิวจิ่นโมโหจริงๆจังๆ
“คุณเป็นคนสัมภาษณ์? ตำแหน่งแม่บ้าน?” เสิ่นซิวจิ่นเลิกคิ้วขึ้น ซูเมิ่งถึงกับเหงื่อตก เธอเครียดจนเกร็งไปทั่วทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะเช็ดเหงื่อ
เธอรายงานข้อเท็จจริงออกไปอย่างระมัดระวัง “ตอนที่สัมภาษณ์ เงื่อนไขของคุณเจี่ยนไม่สามารถทำตำแหน่งอื่นได้ในคลับบันเทิงตงหวงของเรา แม้แต่พนักงานเสิร์ฟก็…” ซูเมิ่งรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย “แต่ถึงอย่างไรคุณเจี่ยนเองก็ยังมีความคิดอยากจะทำงานที่ตงหวงในตำแหน่งแม่บ้าน”
พอพูดมาจนถึงตรงนี้ ซูเมิ่งก็เงยหน้าขึ้นพูดกับเสิ่นซิวจิ่น “ประธานเสิ่น ตั้งแต่เจี่ยนถงเข้ามาทำงานเป็นแม่บ้าน เธอก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทั้งยังทำด้วยความตั้งใจ”
เมื่อพูดถึงตำแหน่งของซูเมิ่งแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องสนใจหรือใส่ใจคนที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่า มีเพียงแค่เจี่ยนถงคนนี้…ซูเมิ่งเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไร
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงต่ำต้อยคนนี้สมควรอยู่คนละโลกกับเธอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าในตัวเจี่ยนถงมักมีอะไรบางอย่างที่คล้ายเธอ เธอคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าคืออะไรกันแน่
หลังจากพูดโพล่งออกไปด้วยความกล้าหาญ ซูเมิ่งก็สะดุ้งและมองไปทางเสิ่นซิวจิ่นอย่างหวาดระแวง
ชายหนุ่มนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาเดี่ยวที่ทำมาจากหนังสีน้ำตาลด้วยท่าทางสง่างาม “ซูเมิ่ง ย้ายเธอไปฝ่ายประชาสัมพันธ์”
ซูเมิ่งสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป เธอจ้องหน้าเสิ่นซิวจิ่น “ประธานเสิ่น คุณ…เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะคะ? ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด” ฝ่ายประชาสัมพันธ์? เจี่ยนถงเนี่ยนะ? เธอจะต้องฟังผิดไปแล้วแน่ๆ
“ผมคิดว่าพนักงานที่ขยันขันเเข็งและโดดเด่นอย่างเจี่ยนถง ควรย้ายไปอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่มีเงินเดือนสูงกว่านี้” ในขณะที่พูด ขาเรียวยาวก็ทิ้งตัวลง ชายหนุ่มยืนขึ้นมองเจี่ยนถงอย่างเย็นชา
เขาค่อยๆยกมุมปากขึ้นและยิ้มอย่างถากถาง “ซูเมิ่ง ก่อนจะใช้คนทำงาน คุณต้องเข้าใจความสามารถของลูกน้องเสียก่อน…คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าคุณเจี่ยนท่านนี้มีความสามารถด้านการเเสดงเป็นอย่างมาก”
เจี่ยนถงเเข็งทื่อไปทั้งตัว
เสียงชายหนุ่มฟังดูเหมือนกำลังระงับความโกรธ “ฝ่ายประชาสัมพันธ์ยังขาดคนที่มีความสามารถในการคุกเข่าและเขกหัวตัวเองได้ดีอย่างคุณเจี่ยน ส่วนอย่างอื่นเช่นการยั่วผู้ชาย เธอก็ทำได้อย่างคล่องมือเลยทีเดียว”
อากาศดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
เจี่ยนถงมีใบหน้าซีดเซียว เมื่อไม่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากผู้ชาย เสิ่นซิวจิ่นก็รู้สึกชื่นชมกับท่าทางสิ้นหวังของเธอในขณะนี้…เจี่ยนถง เธอยังจะทำเป็นเฉยอยู่ได้งั้นหรือ?
เสิ่นซิวจิ่นไม่เชื่อว่าเจี่ยนถงที่หยิ่งทระนงตัวจะกลายเป็นมดที่ต่ำต้อยไร้ศักดิ์ศรีเหมือนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ เขาต้องการเห็นกับตาตัวเองว่าเธอจะทำตัวไร้ศักดิ์ศรีและปล่อยตัวเองให้ตกต่ำอย่างที่เธอแสดงออกมาในวันนี้จริงหรือ
ทุกสิ่งที่เสิ่นซิวจิ่นทำล้วนเป็นการบีบบังคับเจี่ยนถง เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าลึกๆในใจของเขา สิ่งที่เขาต้องการก็คือคนคนนั้นที่พูดกับเขาด้วยความจองหองว่า “ถ้าเซี่ยเวยเหมิงเป็นแฟนคุณเมื่อไหร่ ฉันจะออกไปจากชีวิตคุณเอง” ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับรู้จักแค่การคุกเข่าอย่างไร้ศักดิ์ศรีและน่าสมเพช!
และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบื้องหลังวิธีการบังคับข่มเหงเจี่ยนถงทั้งหมดที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถยอมรับความจริงได้—-เขาจึงทำให้เธอกลายเป็นผู้ร้ายโดยปริยาย!
เสิ่นซิวจิ่นมีข้ออ้างให้ตัวเองมากมาย สาเหตุที่เขาต้องการทำให้เจี่ยนถงได้รับความอับอายคือเจี่ยนถงฆ่าเซี่ยเวยเหมิง และเขาเกลียดเจี่ยนถง
คุณไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งหลับได้ตลอด แต่มันต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมาเอง
ครั้งนี้ซูเมิ่งก็ได้ยินอย่างชัดเจน—ประธานเสิ่นสั่งให้เธอย้ายเจี่ยนถงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์
หากพูดกันตามตรง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของตงหวงเป็นคำเรียกทั่วไปของพวกเจ้าหญิง นายแบบ นางแบบ และพวกคุณชาย
“นี่มัน…” ซูเมิ่งเหลือบมองเจี่ยนถงที่มีใบหน้าซีดเซียว “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ประธานเสิ่น” จากประสบการณ์หลายปีมานี้ ซูเมิ่งมีลางสังหรณ์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนถงกับประธานเสิ่นนั้นไม่ธรรมดา
เธอไม่เคยเห็นประธานเสิ่นใส่ใจเกี่ยวกับกิจการภายในของตงหวงเลยสักครั้ง หากกล่าวอย่างตรงไปตรงมาคลับบันเทิงตงหวงเป็นเพียงหนึ่งในกิจการเล็กๆของเสิ่นซิวจิ่น และประธานเสิ่นเองก็ไม่เคยมาสนใจกิจการเล็กๆแบบนี้
“เจี่ยนถง เธอตามฉันมา” ซูเมิ่งพูดอย่างเป็นงานเป็นการ เจี่ยนถงหน้าซีดเผือด ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เสิ่นซิวจิ่นอย่างอ้อนวอน “ไม่ได้ ฉันทำไม่ได้” ฝ่ายประชาสัมพันธ์…เสิ่นซิวจิ่นต้องการให้เธอไปอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์งั้นหรือ?
ไม่!
————