“ตกลงคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่!” เจี่ยนถงกำหมัดแน่น ผู้ชายคนนี้ ตกลงว่าอยากจะได้อะไรในตัวของเธอกันแน่ “ประธานเสิ่น คุณดูให้ละเอียด!ตรวจดูให้ละเอียดเลย!ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฉันนี่ ยังมีอะไรที่คนมีอำนาจล้นฟ้าอย่างคุณต้องการอีก!”
“คุณบอกมาสิ!เพียงแค่พูดออกมา ฉันให้คุณได้หมด!” แล้วอยู่ดีๆ ก็เข้ามาวนเวียนในเรื่องการใช้ชีวิตของเธอแบบงงๆ “ประธานเสิ่น!ฉันไม่ใช่เจี่ยนถงคนเดิมในตอนนั้นแล้ว!คุณต้องเข้าใจในจุดนี้!
ฉันคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอะไรถึงทำให้คนที่คนอื่นนับหน้าถือตาอย่างคุณ ถึงได้มาตามตอแยกับฉันอย่างยากเย็นแบบนี้ ตกลงว่าคุณชอบอะไรในตัวฉันกันแน่?”
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ถูกเว่ยซือซานลากขึ้นรถ เพื่อไปที่งานเลี้ยงบ้าบอนั่น แล้วยังไปเจอคนที่ไม่ควรจะเจอในบ้านหลังนั้นอย่าง ——เซียวเหิง!
มีดที่เซียวเหิงแทงมาในใจนั้นยังไม่ทันดึงออกมา พี่ชายแท้ๆของเธอก็รีบเข้ามาแทงเป็นอีกครั้งหนึ่ง!
แล้วหลังจากนั้นน่ะเหรอ?หลังจากนั้นก็เป็นผู้ชายคนนี้ ที่เข้ามาปรากฏตัวอย่างงงๆ และยังมาทำอะไรของเขาก็ไม่รู้ เธอดูไม่ออก และไม่อยากดูแล้ว
ถึงจะเป็นพวกวัวควายที่ต้องถูกฆ่า ถึงแม้จะเปรียบเธอเป็นสัตว์พวกนั้น……แต่ก็ต้องให้เธอได้พักหายใจหายคอบ้างสิ ถึงแม้จะเป็นเพชฌฆาตที่ฆ่าสัตว์ ก็คงไม่มีทางที่ยังไม่ดึงมีดออกมา แล้วแทงเข้ามาอีกรอบหรอก มีดที่สองนั้นแทงเข้ามาเรียบร้อยแล้ว……มันก็วุ่นวายมากพอแล้ว!
วุ่นวายมากพอแล้ว!
เสิ่นซิวจิ่น ทำไมคุณถึงต้องเข้ามาเพิ่มความวุ่นวายอีก!
คุณด่าฉันสิ คุณตีฉันเลย ดูถูกฉัน พูดเสียดสีฉันเถอะ!ขอแค่อย่าเข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย……ฉันขอร้องล่ะ!
ขอร้องล่ะ อย่าเข้ามาทรมานฉันเลย……พอแล้ว!พอแล้ว!
เธอก้มหน้าลง พร้อมกับกดเสียง แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ประธานเสิ่น ฉันคิดไปคิดมา สิ่งที่ฉันเหลืออยู่ ก็คงจะเป็นร่างกายเน่าๆ นี้แหละ……ถ้าหากว่าประธานเสิ่นไม่รังเกียจ คุณเอาไปได้เลย”
ไม่เห็นต้องกังวลแล้ว วิญญาณก็ตายไปแล้ว จะยังเอาร่างนี้ไปเพื่ออะไร?
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมกับหันไปมองคนตรงหน้า แล้วยกมือขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับในการ์ตูน เธอยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นซิวจิ่นอยู่แบบนั้น พร้อมทั้งยื่นมือออกมาเพื่อปลดเสื้อผ้าตัวเอง
เสิ่นซิวจิ่นเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที อยากจะเข้ามาขัดขวาง แต่กลับถูกสายตาของเธอจ้องอยู่ จนไม่กล้าขยับ และก้าวขาไม่ออก
เธอไม่ได้ร้องไห้ รอบดวงตาไม่มีน้ำตาเลยสักหยด แต่กลับมีบางอย่างที่ไม่ใช่สำหรับคนวัยนี้ ที่ควรจะไม่แยแส “ประธานเสิ่น คุณตรวจให้ละเอียด ในร่างกายฉัน ยังมีอะไรที่คุณรู้สึกสนใจ?คุณเอาไปให้หมดเลย แต่ต้องขออภัยที่ร่างกายเน่าๆ นี้ไม่สมบูรณ์ ขาดไตไปข้างหนึ่ง”
สายตาของเสิ่นซิวจิ่นที่เอาแต่จ้องมองดวงตาของเจี่ยนถง เขาไม่ขยับขาและก็ไม่ยอมย้ายสายตาไปไหนเหมือนกัน จนได้ยินตอนที่เธอบอกว่า “ขาดไตไปข้างหนึ่ง” สายตาของเขาชะงักไป แล้วถึงได้มองต่ำลง ตรงเอวซ้ายของเธอ
“ไม่ต้องเล่นแล้ว คุณอยากได้อะไร เอาไปเถอะ หลังจากเอาไปแล้ว ก็ไม่ต้องมาก่อกวนฉันอีก” เธอหลับตาลงอย่างไม่แยแส และท่าทางไม่สนใจอะไรปล่อยให้เขาทำตามใจเลย……เธอบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร
ตึกตึก ตึกตึก……เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ และถึงแม้ว่าจะหลับตาอยู่ แต่เจี่ยนถงก็สามารถสัมผัสได้ พลางทำใจแข็ง กัดฟันแน่น
มีบางอย่างคลุมที่ตัวเธอ เธอชะงักไป พร้อมกับลืมตาขึ้น แล้วค่อยๆ มองมาที่เสื้อสูทที่คลุมบนตัวเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ไม่ใช่ขอบคุณ แต่เป็นความผิดหวัง……ถ้าดูจากที่เธอดูเขาแล้ว ตกลงมันคือเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาเสียเวลามาตอแย มาเล่นกับเธอแบบนี้
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วก้มลง แล้วเงยหน้าขึ้น ทำแบบนั้นอยู่สามครั้ง สุดท้าย เธอแข็งใจ พร้อมกัดฟันแน่น ยื่นมือออกไป โดยไม่กะพริบตา แล้วโอบไปที่คอของเขาเอาไว้ ในตอนนี้เธอกำลังตัวสั่น
“ประธานเสิ่น คุณไม่ต้องการฉันเหรอ?” ประโยคนี้ที่พูดออกมา คอของเธอก็แดงขึ้น จนไม่สามารถจะอธิบายความเขินนี้ได้ ประโยคนี้ เป็นตอนที่เธอเคยเห็นผู้หญิงคนอื่นพูดกับผู้ชายวัยกลางคนในห้องวีไอพี
เพียงแต่ ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังไม่สามารถเลียนแบบท่าทางยั่วยวนของผู้หญิงปากแดงพวกนั้นได้……แต่สำหรับเธอแล้ว กลับรู้สึกทรมานกว่าการคุกเข่าอย่างมาก
สายตาของเสิ่นซิวจิ่นเปลี่ยนไปทันที กล่องเสียงขยับ ในใจก็ผุดขึ้นมาเสียงหนึ่ง “สมควรตาย” แต่เขากลับไม่พูดแล้วผละออกจากเจี่ยนถง พร้อมกับยื่นมือออกมาติดกระดุมให้แน่น แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ “ผ่านไปแล้วห้านาที ตอนนี้เธอเหลือเวลาสิบห้านาที ในการเก็บของ”
เจี่ยนถงนิ่งไป แล้วพูดขึ้นอย่างเสียสติ “ทำไม……สิ่งที่ฉันเหลืออยู่ ก็มีแค่ร่างกายแล้ว แต่ทำไมล่ะ?” ทำไมเธอลุกขนาดนี้ เขากลับผลักเธอออก?
เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเธอยังมีอะไรที่ให้เขาได้อีก สิ่งที่เขาต้องการ ถ้าไม่ใช่ร่างกาย แล้ว……มันคืออะไรกันแน่?
เธอยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม แล้วก็ยืนบื้ออยู่ตรงนั้นสิบนาที
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เร่งเร้าเธอ
“หมดเวลา” เขาพูดแค่นี้ แล้วก็ยื่นมือไปดึงเจี่ยนถงเข้ามาซบที่อก หลังจากนั้นก็ขยับมือลงมากอดที่เอวของเธอไว้อย่างแน่น พร้อมกับพยายามพาเธอออกมาจากประตู
จู่ๆ เจี่ยนถิงที่แข็งทื่อไปก็ได้สติกลับมา สีหน้าเธอซีดขาว แล้วพยายามดิ้นไปมา “ฉันไม่ไป ประธานเสิ่น ฉันไม่ไป ได้ไหม ฉันอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว จริงๆ นะ ขอร้องล่ะ ฉันไม่อยากจะย้ายไปไหน”
เธอพยายามไม่ยอมเดิน แต่ว่าแรงของเธอจะไปสู้แรงผู้ชายได้ยังไง?
ในเมื่อขอร้องไม่ได้ผล เธอจึงพูดจาต่อว่าเขา “เสิ่นซิวจิ่น!คุณมันคนเผด็จการ!บุกรุกบ้านคนอื่น!ใช้อำนาจบังคับคนอื่น!คุณจะต้องถูกจับ!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าเธอ “เอาไป แจ้งความ”
“……” ไม้ไหนก็ใช้หมดแล้ว ขอร้องก็ทำแล้ว ยอมเป็นทาสก็ทำแล้ว หรือว่าการด่าก็ทำแล้ว เขาก็ยังไม่โกรธ……คนคนนี้ ปัญญาน่ากลัวมาก!
“ตกลงว่า คุณต้องการอะไรกันแน่?” ไม้ไหนก็ใช้หมดแล้ว ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล เจี่ยนถงที่รู้สึกไร้ความสามารถ สุดท้ายจึงก้มหน้าลงอย่างคอตก ดูท้อแท้ใจอย่างมาก เสียงพูดก็ดูไร้เรี่ยวแรง ค่อยกว่าตอนขอร้อง และยังน้อยกว่าอารมณ์ตอนด่าคน มีเพียงความรู้สึกสิ้นหวัง…… “ประธานเสิ่น……ฉันเหนื่อย ขอร้องล่ะ……”
ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะนะ
หัวใจของเธอแตกสลาย สิ้นหวังจนแทบไม่มีอะไรมาเทียบได้ เหมือนกับถูกขังในห้องมืดๆ เล็กๆ จนมองไม่เห็นแสง เธอเองแทบไม่รู้เลยว่าในห้องนี้ มีอะไรอยู่ข้างๆ เธอ
เสิ่นซิวจิ่นในตอนนี้นั้น คือคนที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
แขนแข็งๆ ที่กอดเอวเธอไว้นั้น เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย…… ด้วยประโยคนั้น “ฉันเหนื่อย ขอร้องล่ะ……”
เธอไม่ได้พูดว่าขอร้องอะไรเขา แต่ว่าเขาเองก็รู้ดี ว่าสิ่งที่เธอขอร้องนั้นคืออะไร
เขาส่ายหน้า “ไม่ได้” ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองเริ่มชอบเธอ เขาก็ไม่สามารถวางมือและปล่อยเธอไปได้แล้ว
เพียงแต่ตอนนี้เสิ่นซิวจิ่นไม่เข้าใจ ปลาที่จับได้ ยิ่งจับแน่น ก็จะยิ่งหลุดมือได้ง่าย บางทีเขาอาจจะเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ แต่เขากลับคิดว่า เจี่ยนถง ควรจะเป็นของคนอย่างเขา