ความเย็นยะเยือกที่ปลายนิ้วสัมผัสลงบนผิวของเธอ ความหนาวเย็นส่งผ่านมาจากปลายนิ้วของเขา
“สัมผัสเบาๆ คือการเริ่มต้นยั่วยวน” เสียงทุ้มของเขาดูยียวน ปลายนิ้วสัมผัสบนลำคอของเธอ แต่ทว่าเขากลับไม่เลื่อนปลายนิ้วลงมา เขาวนนิ้วไปมาอยู่ที่ลำคอของเธอตามอำเภอใจและไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ แต่เมื่อทุกที่ที่ปลายนิ้วสัมผัสลงไป ทำให้ผิวหนังบนลำคอของหญิงสาวรู้สึกขนลุก
เจี่ยนถงขัดขืนตามสัญชาตญาณ
คนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ “ทำเป็นหรือยัง”
“.…..?”
“แบบนี้ไง” ชายหนุ่มเห็นสีหน้างุนงงของเธอ เขาจึงใช้ปลายนิ้วขูดเบาๆ ผิวหนังที่ลำคอของเธอขนลุก “ทำเป็นหรือยัง”
จู่ๆ เจี่ยนถงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สีหน้าของเธอแดงระเรื่ออย่างไม่สามารถควบคุมได้!
คนคนนี้หน้าไม่อายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
ทำเรื่องแบบนี้ แล้วยังมาถามเธอว่าทำเป็นหรือยัง!
“ประธานเสิ่น ฉันง่วงแล้ว” ดังนั้น นายออกไปได้หรือยัง
แน่นอนว่าเสิ่นซิวจิ่นฟังออกว่าเธอกำลังพูดไล่แขก
“เสี่ยงถง เธอยั่วเองนะ” เขาจับมือของเจี่ยนถงเอาไว้ อีกทั้งยังเอามือของเธอไปทาบไว้ตรงนั้น “เสี่ยวถง เธอยั่วมันขึ้นมาเองนะ”
“ปล่อยมือ ปล่อยมือนะประธานเสิ่น!”
แววตาของเสิ่นซิวจิ่นวูบไหว “ถ้าฉันไม่ปล่อย เธอจะทำอะไร” คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความคิด ความกลุ้มใจ ความจริงจังที่ซ่อนอยู่ในใจ ทำให้คำพูดยั่วยวนดูผิดปกติ
ตอนนี้แววตาของเสิ่นซิวจิ่นลุ่มลึก ดวงตาของเขาเหมือนอินทรีที่จ้องคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“ฉันจะเกลียดนาย”
เมื่อเสิ่นซิวจิ่นได้ยินประโยคนี้ เหมือนหัวใจของเขาถูกคนเอามีดมากรีดทีละนิด
สีปากที่ดูปกติ ตอนนี้เริ่มซีดลง
ภายใต้ใบหน้าไร้ความรู้สึก ปากบางเม้มเข้าหากัน……ภายใต้ใบหน้าอันราบเรียบ มันสับสนวุ่นวายตั้งนานแล้ว
ขณะที่กำลังสับสน อุณหภูมิรอบตัวเริ่มลดลง
เธอขยับตัวตามสัญชาตญาณและห่อตัว
สำหรับเธอมันก็แค่ไม่สิบกว่าวินาที แต่สำหรับเสิ่นซิวจิ่นเหมือนหนึ่งศตวรรษ
‘หนึ่งศตวรรษ’ ภายในช่วงสิบกว่าวินาที ในหัวของเขาเริ่มตั้งแต่ตื่นตระหนก จนกระทั่งตัดสินใจได้
เจี่ยนถงรู้สึกเหมือนโลกหมุน เธอโดนกดตัวลงกับเตียง วินาทีต่อมาเงาดำก็คร่อมอยู่บนตัวของเธอ
ปลายนิ้วเย็นเหมือนเมื่อครู่ วาดลงบนผิวหนังของเธอ ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าเขามีเทคนิคมาก
เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาจากหน้าผากของเจี่ยนถง “หยุดนะ! ประธานเสิ่น!”
“นี่คือสัมผัสของรัก”
“อะไรนะ” เธอบอกให้เขาหยุด แต่เขากลับตอบไม่ตรงคำถาม
ไม่รอให้เธอได้คิดอะไร เสิ่นซิวจิ่นก้มหัวศีรษะลงอย่างกะทันหัน ริมฝีปากร้อนผ่าวซึ่งแตกต่างจากปลายนิ้วเย็นอย่างสิ้นเชิง ประทับลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ
ไม่ว่าเจี่ยนถงจะดิ้นรนเพียงใด ผู้ชายที่อยู่บนตัวกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงบนตัวเธอ รอยจูบอยู่บนตัว บนขาและขาอ่อนของเธอ เขาทำต่อไปเรื่อยๆ…..สีหน้าของเจี่ยนถงเปลี่ยนไป “หยุดนะ! หยุดนะ! หยุดนะ! เสิ่นซิวจิ่น! นายบ้าไปแล้วหรือไง!”
เท้าอันสวยงามของเธอถูกเขาจับเอาไว้ เขาจูบลงบนหลังเท้าของเธอและนิ้วเท้าของเธอ……เจี่ยนถงอุทานออกมา “เสิ่นซิวจิ่น! ไอ้โรคจิต!”
สติของเธอกระเจิดกระเจิง จนตวาดออกมาเสียงดัง เธอไม่รู้เลยว่าหน้าของตัวเองแดงขนาดไหน ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างของเธอยังพูดอย่างเงียบๆ ว่า “ร่างกายของเธอกำลังมีอารมณ์”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเรียวและเฉียบคมมองผู้หญิงที่กำลังสติกระเจิดกระเจิง……เธอควรจะรู้ว่าคนที่ยโสอย่างเขายอมก้มหัวไปจูบทุกส่วนบนร่างกายของเธอ……เธอควรจะรู้ว่าผู้ชายคนหนึ่งสามารถละทิ้งความละอายและความภาคภูมิใจในตนเองของมนุษย์ เพื่อก้มลงจูบเท้าและนิ้วเท้าของผู้หญิงอย่างซื่อสัตย์
“นี่คือจูบ” เขาตอบเธออย่างไร้ความรู้สึก
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนก็คือ “สัมผัสรัก” ก่อนหน้านี้มันกลายเป็น “จูบ”
“เจี่ยนถง ∑εαγαπώ(S’agapo)” จู่ๆ ปากบางของเสิ่นซิวจิ่นก็ขยับอย่างรวดเร็ว
“นายพูดอะไร”
“ฉันพูดว่า งั้นเธอก็เกลียดฉันสิ” เมื่อพูดจบ เขาก็โน้มตัวลงมา ขณะที่ดวงตาของหญิงสาวกำลังหวาดกลัว เขาก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหญิงสาว
ความหวาดกลัวภายในดวงตาของเธอเริ่มมีความเกลียดชังขึ้นมา
เสิ่นซิวจิ่นยื่นมือออกมาปิดตาของเธอ ปิดดวงตาคู่ที่ทำให้จิตใจของเขากดดัน…..
ทุกจังหวะ ในใจของเขายิ่งจมลึก……เกลียดสิ! เกลียดสิ! เกลียดสิ!
เห็นได้ชัดว่าร่างกายเข้ากันได้อย่างมีความสุข แต่ทว่าหัวใจกลับจมดิ่งลงไปในเหว……พระเจ้า เสิ่นซิวจิ่นไม่เคยขออะไรท่านเลย ผมขอให้ท่าน……คืนเจี่ยนถงเมื่อสามปีก่อนกลับมาให้ผมเถอะ!