ท่านแก่เสิ่นเป็นลมเพราะเลือดออกในสมอง เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เสิ่นซิวจิ่นจะรู้สึกสงสัยบ้างรึเปล่า?
แน่นอนว่าเขาเกิดความรู้สึกสงสัยเช่นกัน
แต่เมื่อคิดไปถึงประวัติอาการป่วยของท่านแก่เสิ่นก็เคยประวัติเลือดออกในสมองและหมดสติด้วยเช่นกัน เพราะอย่างนั้นมันจึงดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
“เร็วอีกหน่อย”
ชายที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังพูดขึ้น
เหงื่อเริ่มไหลออกมาบริเวณหน้าผากของเสิ่นเอ้อและสติของเขาทั้งหมดมันก็จดจ่ออยู่กับการขับรถ
เกิดเสียงเบรกขึ้นอย่างรุนแรง
“Boss ถึงแล้วครับ”
หลังจากที่ เสิ่นเอ้อพูดจบ ชายที่นั่งตรงเบาะหลังก็ผลักประตู และลงจากรถไปทันที
พ่อบ้านใหญ่ที่อยู่ข้างกาย ท่านแก่เสิ่นส่งข้อความมาให้เขาแล้ว เสิ่นซิวจิ่นหันไปมองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีลมอยู่ใต้เท้า เขาก็หันหลังกลับ แล้วรีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
“คุณชาย ในที่สุดคุณก็มาแล้ว” มีผู้คนจำนวนมาก รออยู่ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน
เสิ่นซิวจิ่นกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็หันไปถาม พ่อบ้านใหญ่ของบ้านใหญ่ตระกูลเสิ่น “อาการของคุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
พ่อบ้านใหญ่คนนี้ก็เหมือนกับตระกูลเซี่ยที่เป็นลูกจ้างของตระกูลเสิ่น มาหลายชั่วอายุคน เรื่องที่เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแล บ้านใหญ่ตระกูลเสิ่น และให้ คนตระกูลเซี่ย เป็นผู้ดูแลเสิ่นซิวจิ่นเรื่องนี้เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไม
“หมอช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้ทันครับ” ขณะที่พูด แววตาของเขาก็สะท้อนความกังวลออกมา เมื่อก้มหน้าลง ความกังวลที่เคยปรากฏในแววตา ก็แปรเปลี่ยนเป็นความคิดที่ว่า…อาการของคุณท่านจะเป็นอย่างไรดี ในฐานะที่เขาเป็นพ่อบ้านที่สนิทกับคุณท่านมากที่สุด เขาจึงเข้าใจสถานการณ์ดี
แม้ว่าคุณท่านจะไม่ได้บอกอะไร แต่เขาก็สามารถเข้าใจมันได้
ก่อนหน้านี้ที่คุณท่านจะ “หมดสติ” ไป เขาได้บอกเอาไว้แล้วว่าถ้าคุณชายมา ให้สังเกตท่าทางและทัศนคติของคุณชายอย่างใจเย็นไปก่อน
……
จากฉากในโรงพยาบาล ก็ตัดมาที่คฤหาสน์ ตระกูลเสิ่น ที่เสิ่นซิวจิ่นอาศัยอยู่
มีเงาดำลับๆ ล่อๆ เงาหนึ่ง เดินออกไปจากประตูเหล็กของคฤหาสน์ ตระกูลเสิ่น เงานั้นเดินเรียบไปด้านข้าง มีต้นไม้อยู่สองข้างของถนน และเพียงพริบตาเดียวเงานั้นก็หายไปจากถนน
ด้านหลังต้นไม้
ชายชราผมสีเงิน รูปร่างผอมบาง ยื่นมือออกไปตรงหน้าชายแปลกหน้า “ของล่ะ?”
เขาดูสติไม่ดี และอารมณ์ของเขาก็ไม่ค่อยดีด้วยเช่นกัน
ผู้มาเยือนรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “คุณท่านสั่งมาว่า เขาเตรียมของไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว อย่าออกมาเพ่นพ่านอีก แล้วก็…อย่าเพิ่งรีบลงมือ งานนี้เป็นงานใหญ่ ถ้าลงมือแล้ว มันจะน่าสงสัย ส่วนขั้นตอนต่อไป ก็ให้รอคำสั่งจากคุณท่าน”
ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะบอกเป็นนัยๆ เพียงแค่ว่า “ผู้ต้องสงสัย” “คนนี้” เป็นใคร แต่เขาก็เข้าใจมันได้
เปลือกตาของชายชราผมสีเงินกระตุก จากนั้นเขาก็มองตรงไปที่ซองเอกสารที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาอยู่นานสองนาน และทันใดนั้นเองเขาก็คว้ามันมา และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง
“บอกคุณปู่ว่า ฉันต้องการทำงานที่ใสสะอาด”
ชายชรานำซองเอกสารนั้น มาซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมกันลม จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินเข้าไปในประตูเหล็ก
เขามีเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานให้ ท่านแก่เสิ่นได้ทราบว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ในคฤหาสน์ ตระกูลเสิ่น !
ใบหน้าของชายชราขรุขระ และแข็งราวกับไม้เก่าที่ไม่โดนอากาศ และในตอนนี้รูม่านตาที่เป็นดั่งโคลนของเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา…วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้!
พูดตามตรงก็คือ เวลาที่เขาจะสามารถอยู่ที่นี่ได้ก็คือ ก่อนที่ คุณชายจะกลับมา เพราะอย่างนั้นตอนนี้มันจึงเหลือเวลาอีกไม่มาก!
ส่วนคำเตือนของคุณท่าน…
เขาไม่ได้เข้าไปทางประตูหน้า แต่เขาไปที่ห้องใต้ดินแทน ก่อนจะกดโทรศัพท์แล้วโทรออก “คุณท่าน ได้สั่งแผนการใหม่มาแล้วว่า ให้ปล่อยข่าวคนพวกนั้นทันที ถึงเวลาแล้วที่ลูกสาวที่ดีแสนของพวกคุณจะได้เจอกับคนพวกนั้น”
หลังจากพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็กระตุกขึ้น และมันก็เป็นรอยยิ้มที่ดูโหดร้าย
เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบเฉียบ ล้วงเอากุญแจที่ได้รับมาตอนที่เขาได้รับมอบหมายให้เป็นพ่อบ้านออกมาจากกระเป๋า แล้วเดินไขประตูห้องหนังสือ และเดินเข้าไปด้านในอย่างแผ่วเบา
เมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบๆ เขาก็เห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะ