ที่โรงพยาบาล ท่านแก่เสิ่นยังไม่ได้ออกมาจากประตูห้องฉุกเฉิน ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตู รู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ได้
และเปลือกตาขวากระตุกอีกครั้งความกังวลในใจเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขามองไปด้านข้างที่ประตูแล้วถามพ่อบ้านที่อยู่ข้างกายคุณปู่“ คุณปู่เป็นลมได้อย่างไร?”
“คุณท่านเป็นลมอย่างกะทันกัน…….” พ่อบ้านพูดไปพูดมาก็มีแค่ประโยคนี้ ขณะที่พูด ประตูก็เปิดออก คนในชุดขาวก็ออกมาจากข้างในเสิ่นซิวจิ่นเอื้อมมือออกไปขวางคุณหมอชุดขาวไว้ “คนด้านใน เป็นคุณปู่ของฉัน ตอนนี้อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
คนในชุดขาวคาดไม่ถึงว่า จู่ๆจะมีคนขวางทางเพื่อถามคำถาม “คุณปู่ของท่านไม่ได้……….”
“คุณท่านของพวกเราเป็นประธานใหญ่ของบริษัทเสิ่นซื่อกรุ๊ป โรงพยาบาลของพวกคุณต้องทำการรักษาดีๆนะ”
ยังไม่ทันรอคนชุดขาวพูดจบ จู่ๆพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา
คนชุดขาวปรับความคิดในสมองได้เร็วมาก ทันใดนั้นก็เปลี่ยนการพูด บอกว่าอาการยังไม่ชัดเจน ยังต้องมีการตรวจเช็กอย่างละเอียดอีกครั้ง
ชายผู้นั้นไม่ได้พูดอะไร เท้าขวาก้าวหลบไปข้างๆ หลีกทางให้คนชุดขาว ในขณะเดียวกัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจ้องมองพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ “ยู่สิงก็เรียนแพทย์เหมือนกันทักษะทางการแพทย์รู้กันทั้งประเทศ และมีชื่อเสียงมาก มีเขาอยู่ ฉันก็จะสบายใจ”
เปลือกตาของพ่อบ้านกระตุก เงยหน้าขึ้น อ้าปากแล้วป้าปากอีก เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับผู้ชายตรงหน้า แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
มีภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนความรู้สึกคนใบ้กินมะระ ขมแต่พูดไม่ออก
และคุณชายตระกูลเสิ่นของพวกเขาคนนี้ เป็นนักเคลื่อนไหวเสมอในปากกำลังพูดว่าจะโทรหาคุณชายของตระกูลไป๋ ยังไม่ทันรอเขาขัดขวาง หมายเลขที่คุณชายโทรออกไป ก็เชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว………เขาจะพูดอะไรได้อีก?
“ไป๋ยู่สิงคุณมาที่โรงพยาบาลนี้หน่อย ………อืม คุณปู่เป็นลม หมอที่โรงพยาบาลกำลังพยายามช่วยเหลือ
คุณมาที่นี่หน่อยสิ มาดูว่ายังสามารถช่วยคุณปู่ไว้ได้หรือไม่”
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆตอนที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของเสิ่นซิวจิ่น สีหน้าดูแย่มาก……..นี่ คุณชายพูดราวกับว่าคุณปู่กำลังจะเสียชีวิตแล้ว
แม้ว่าตระกูลไป๋กับตระกูลเสิ่นจะมีความร่วมมือกันอีกครั้ง คุณชายตระกูลไป๋กับพวกเขาตระกูลเสิ่นเป็นกันเองมาก……แต่อย่างไรก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่ดี ต่อหน้าคนนอก พูดออกไปว่าคุณท่านของตระกูลเสิ่นกำลังจะเสียชีวิตแล้ว นี่……..ไม่เหมาะสมเท่าไหร่มั่ง
และอีกฝ่ายของโทรศัพท์ หลังจากที่ไป๋ยู่สิงรับโทรศัพท์ ทำหน้าแปลกๆ………นี่กำลังล้อเล่นอะไรกันอีกล่ะ ฟังจากน้ำเสียงของเสิ่นซิวจิ่น ยังไงก็ไม่เหมือนว่าคุณท่านของพวกเขากำลังจะเสียชีวิตแล้ว
“เสิ่นซิวจิ่น เรื่องล้อเล่นแบบนี้ไม่สนุก”
เสิ่นซิวจิ่นหัวเราะอย่างเย็นชา มุ่งหน้าไปหา คนชุดขาวที่กำลังออกมาจากห้องฉุกเฉิน ถือของในมือ เดินกลับมาอีกครั้ง แววตาเย็นชา เอื้อมมือออกไปขวางคนชุดขาวที่โชคร้ายอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“คุณหมอ คุณช่วยบอกคนในโทรศัพท์หน่อยว่า คุณปู่ของฉันอาการแย่มาก”
ก่อนหน้านี้มีพ่อบ้านเก่าคอยขัดจังหวะ ครั้งนี้ เสิ่นเอ้อรีบยืนขวางตรงหน้าพ่อบ้านเก่าไว้ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย และแสดงท่าทางนักเลง“คุณกล้าขัดขวางก็ลองดู”
ครั้งนี้คนชุดขาวไม่มีคนคอยเตือนแล้ว แค่คิดว่าพ่อบ้านเก่าห้ามเขาพูดความจริง แล้วยังบอกใบ้เรื่องของเรา คนชุดขาวพูดตามเมื่อครู่อีกรอบ ครั้งนี้ ยังจงใจพูดให้อาการดูหนักยิ่งกว่าเดิม
เสิ่นซิวจิ่นเอาโทรศัพท์มาแนบที่หู “ไป๋ยู่สิงสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณ คุณหมอก็บอกแล้ว คุณปู่ของฉันอาการแย่มาก”
ระหว่างที่พูด ก็เตะเล่นคางของคุณหมอ คุณไปได้แล้ว
และหน้าแก่ๆของพ่อบ้านกดำเหมือนก้นหม้อแล้ว……..สถานการณ์ในตอนนี้ เป็นยังไงบ้าง
คิดถึงตรงนี้ พ่อบ้านเก่าโกรธจนอยากจะหักคอคนชุดขาวที่ไม่มีไหวพริบ
เปลือกตาของเสิ่นซิวจิ่นกระตุกอีกครั้ง ในใจเขารู้สึกกังวล ยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น……..มองห้องฉุกเฉินหลายครั้ง อาการของคุณปู่ไม่ได้รุนแรงมาก ไม่ใช่คุณปู่…….แล้ว อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความกังวลใจ?
วินาทีต่อมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที โทรศัพท์ในมือยังไม่ทันเก็บ ก็โทรกลับไปที่บ้าน “วันนี้คุณนายสบายดีไหม”
“คุณนายไปตระกูลเจี่ยนร่วมงานวันเกิดของคุณหญิงเจี่ยน”
เสิ่นซิวจิ่นขมวดคิ้ว “เรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำไมคุณไม่บอกฉัน”
อีกฝ่ายของโทรศัพท์ พ่อบ้านหวังอึ้ง “คุณนายโทรหาท่านเพื่อขออนุญาตแล้วไม่ใช่หรือ?”
บูม!
ข้างหูระเบิดลง ใจเขาวุ่นวายสับสนมาก……..ไม่เคยรับสายของเธอเลย