ใจที่เย็นชา เลือดอุ่นสามารถละลายได้
เธอมองไปที่ฝ่ามือเปื้อนเลือดของเขา สายตาของเธอเลื่อนไปบนหน้าของเขา เจี่ยนถงเห็นเสิ่นซิวจิ่นลังเล ความร้อนรุ่มในใจ ค่อยๆเย็นลง
ในที่สุด เขาก็ยังลังเล………. เขาไม่เชื่อใจตัวเองใช่ไหม
เจี่ยนถงเม้มปากด้วยความขมขื่น
ซูเมิ่ง ณ เวลานี้ แก้เชือกให้เจี่ยนถงด้วยสีหน้าที่ซีด
มองดูซูเมิ่งที่ปากซีด เจี่ยนถงพยุงซูเมิ่งขึ้นมา พูดกับเสิ่นซิวจิ่นว่า
“พี่เมิ่งโดนเตะเพราะรับแทนฉัน เธอรับบาดเจ็บแล้ว ส่งพี่เมิ่งไปโรงพยาบาลก่อน แล้วมือของคุณก็บาดเจ็บด้วย”
สำหรับพ่อบ้านเซี่ย……..เธอไม่สนใจว่าเขาจะเป็นหรือตาย
สิ่งที่เสิ่นซิวจิ่นคิดไม่ถึงก็คือ เพียงเพราะเขาลังเลไปสักครู่ ก็ทำให้ผลักผู้หญิงที่อ่อนไหวและน่าสงสัยคนนี้ซึ่งไม่มีใครสนใจออกไปอีกครั้ง และเห็นว่าซูเมิ่งสีหน้าแย่มาก พยุงท้องไว้ และได้ยินเจี่ยนถงบอกว่าซูเมิ่งโดยพ่อบ้านเซี่ยเตะที่หน้าท้องหนึ่งทีอย่างแรง เสิ่นซิวจิ่นสบัดพ่อบ้านเซี่ยที่อยู่ข้างๆออกอย่างแรง “เดินไหวไหม” เขาถามซูเมิ่ง
บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซูเมิ่งกัดฟันแล้วพยักหน้า “ไหวค่ะ Boss”
เสิ่นซิวจิ่นพยักหน้า “เสี่ยวถง คุณช่วยพยุงเธอออกไปก่อน ฉันจะไปเอารถ” โทรหาเสิ่นยี บอกที่อยู่ของโกดัง “รีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด” หยิบเชือกที่มัดเจี่ยนถงก่อนหน้านี้ขึ้นมา เสิ่นซิวจิ่นมัดพ่อบ้านเซี่ยไว้กับเก้าอี้ตัวเดิมด้วยความคล่องตัว
จัดการอย่างเรียบร้อย ปัดฝุ่นบนฝ่ามือ แล้วเดินออกจากประตูโกดังบานใหญ่ มองตามเจี่ยนถงกับซูเมิ่งที่ใกล้ถึงประตู
มีคนกลุ่มหนึ่ง ทันใดนั้นก็มาถึงประตูอย่างรวดเร็ว ขวางประตูไว้
เสิ่นซิวจิ่นมองไปด้วยความสงสัย สายตาลังเล ไม่ได้พูดอะไร แค่มองดูคนกลุ่มนั้นอย่างระมัดระวัง
แต่อีกฝ่ายตั้งใจพุ่งตรงมาที่เขา ชายผู้แข็งแรงคนหนึ่งยืนขึ้น เดินเข้าไปหาเสิ่นซิวจิ่นระยะห่างกันประมาณครึ่งเมตร
“คุณเสิ่น เจ้านายของพวกเราบอกว่า วันนี้คุณเสิ่นจะไม่ได้เดินออกไปจากโกดังนี้อย่างง่ายๆ”
“พวกคุณ เป็นคนของเขาใช่ไหม” เห็นได้ชัดว่าเสิ่นซิวจิ่นรู้ว่า คนกลุ่มนี้เป็นสุนัขรับใช้ของใคร”
เขาจ้องมองคนกลุ่มนี้ มองไปที่เจี่ยนถงกับซูเมิ่ง ความห่วงใยในใจแสดงออกมาทางสายตา เพียงแค่มองกลุ่มผู้ชายสิบกว่าคนที่กำลังข่มขู่ “เรื่องระหว่างผู้ชาย จะไม่เกี่ยวกับผู้หญิงที่บ้าน ปล่อยพวกเธอไป”
คนนำมองมือที่เอื้อมออกไปของเสิ่นซิวจิ่น “กุญแจรถ”
เสิ่นซิวจิ่นโยนกุญแจรถในมือออกไป วาดเส้นในอากาศหนึ่งเส้น ตกลงในมือของชายผู้แข็งแรง แล้วก็หันหลังไปอย่างเย็นชา ตะโกนไป “เฮ่ย รับไว้” เจี่ยนถงเอื้อมมือไปรับ กุญแจรถตกลงในฝ่ามือ ท่ามกลางฝูงคน มองไปที่เสิ่นซิวจิ่น
“คุณคนเดียว ไหวไหม”
บนหน้าของเสิ่นซิวจิ่นแสดงรอยยิ้มที่นิ่ง “ไม่เป็นไร”แล้วตาก็จ้องไปที่ซูเมิ่ง “รีบพาเธอออกไปจากที่นี่”
สถานที่ที่แย่เช่นนี้ ตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ เขาก็จะไม่สบายใจ
เพียงเธอออกไปจากสถานที่ที่แย่ๆนี้เท่านั้น ถึงจะนับว่าปลอดภัยจริง
“เสี่ยวถง รีบไป พวกเราอยู่ที่นี่ช่วยอะไรไม่ได้ จะเป็นภาระของBossเท่านั้น” ซูเมิ่งพูดอย่างตื่นเต้น มือข้างหนึ่งพยุงท้อง แล้วเร่งเจี่ยนถงขึ้นรถ และเพราะประโยคนี้ ทำให้เจี่ยนถงใจสั่นเล็กน้อย…….ซูเมิ่งพูดถูก พวกเธออยู่ที่นี่ จะเป็นภาระ
“หยุดมองได้แล้ว รีบขึ้นรถ” หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถ อยู่ห่างจากฝูงคน เจี่ยนถงมองดูเสิ่นซิวจิ่นที่รายล้อมไปด้วยฝูงชน
เหยียบคันเร่ง “พี่เมิ่ง ฉันจะส่งคุณไปโรงพยาบาลก่อน”
เธอไม่ได้สังเกต ความเร็วในการขับรถของตัวเอง เร็วกว่ารถคันอื่นๆบนถนนหลายเท่า
จากความเร็วของรถ ซูเมิ่งสามารถรับรู้ได้ว่า เจี่ยนถงมีความกระวนกระวายในใจ
“พี่เมิ่ง รีบโทรศัพท์ เรียกลูกน้องของคนคนนั้นทุกคนที่สามารถติดต่อได้”
“คุณใจเย็นๆ Bossไม่ได้แพ้ให้ใครง่ายๆเหมือนที่คุณคิด” ในความจริง ในตัวของเสิ่นซิวจิ่น นอกจากมีการฝึกตั้งแต่อายุยังน้อย ระยะหลังผ่านการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริง ถ้าคนคนนั้นโดนล้มง่ายๆ ก็คงจะไม่ใช่เสิ่นซิวจิ่นแล้ว
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ซูเมิ่งก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร หลังจากโทรติดแล้วพูดสองประโยคก็ตัดสายทันที “เสี่ยวถงฉันพูดว่าไงนะ อย่าดูถูกBoss ใช่ไหม ตอนที่Bossมาที่โกดังตามลำพัง ระหว่างทางมาได้ส่งข้อความให้ลูกน้องแล้ว ฉันโทรหาเสิ่นยีเมื่อครู่ เสิ่นยีบอกว่า ใกล้จะถึงแล้ว”
เช่นนี้ สีหน้าของเจี่ยนถงก็เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอตรวจเช็กให้ซูเมิ่ง บอกว่า ไม่เป็นไรมาก แต่ท้องของผู้หญิงเมื่อถูกเตะ ความเจ็บปวดนั้น สามารถจินตนาการได้ว่ามันเจ็บขนาดไหน
ได้ยินว่าเมิ่งไม่เป็นไรมาก ความกังวลที่แขวนอยู่ในใจของเจี่ยนถง ก็วางลงแล้ว
“ไหล่ของคุณ” ซูเมิ่งเห็นเจี่ยนถงไหล่ตึงเพราะกล้ามเนื้อถูกทุบ พูดว่า “ไอ้แก่ที่แซ่เซี่ยคนนั้นลงมือได้โหดร้ายมาก”
“ไม่เป็นไร” เจี่ยนถงยิ้ม
“พี่เมิ่ง” ทันใดนั้น ซูเมิ่งถูกกอดไว้อย่างแน่น เจี่ยนถงอยู่ใกล้หูของซูเมิ่ง “พี่เมิ่ง มีโอกาสได้รู้จักกับคุณ คือสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของฉันเลย”
ความโลดโผนของเจี่ยนถง ทำให้ซูเมิ่งเข้าใจ กางแขนออกช้าๆ แล้วกอดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากลับ
“คุณ…….ตัดสินใจแล้ว?”
“อืม ……….ขอโทษนะ”
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ…….แต่เรื่องในตอนนั้น ก็ชัดเจนทุกอย่างแล้วไม่ใช่เหรอ ความบริสุทธิ์ของคุณ ก็ได้รับการยืนยันแล้ว ความเข้าใจผิดระหว่างคุณกับBoss ก็คลี่คลายแล้ว……ยังจะไปอีกเหรอ”
เจี่ยนถงส่ายหัวยิ้มฝืด “บุญคุณความแค้นระหว่างฉันกับเขา มันเริ่มต้นจากความไม่ไว้วางใจของเขามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปีนั้นเขาจับฉันเข้าคุกอย่างไร้ความปรานี ไม่มีที่สำหรับการหวนกลับมาระหว่างพวกเราอีกแล้ว”
“แต่ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายแล้ว”
“ผู้หญิงมักจะหลอกตัวเองและผู้อื่น โกหกตัวเอง
ฉันก็อยากจะโกหกตัวเองเช่นนี้เหมือนกัน แต่ฉันทำไม่ได้
ปวดกายทั้งวันทั้งคืน เตือนฉันตลอดเวลา เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านั้น หลอกตัวเองและคนผู้อื่น เป็นเรื่องเศร้าที่สุดในโลก”
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เวลานี้ เขาก็ยังไม่ยอมเชื่อเราไม่ใช่เหรอ
ตอนที่เธอถามเขาว่าเชื่อเธอไหม ความลังเลของเขาในวินาทีนั้น ได้แสดงให้รู้ว่าในใจลึกๆของเขามีความลังเล
เธอหยิบบัตรประชาชนออกมา “พี่เมิ่ง คุณดู เขาไม่สามารถควบคุมฉันได้อีกแล้ว”
ไม่รู้ทำไม ซูเมิ่งรู้สึกใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นๆที่หน้าอกเพราะได้ยินประโยคนี้ของเจี่ยนถง
เจี่ยนถงสามารถพูดความคับข้องใจใด ๆได้ สามารถสาปแช่งเสิ่นซิวจิ่นด้วยคำพูดต่างๆได้ ……หลังจากที่เธอสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้ในที่สุด เธอสามารถระบายความคับข้องใจและความอัปยศอดสูที่เธอได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้
แต่เธอกลับเลือกที่จะจากไป วินาทีที่จะจากไป ดีใจเหมือนเด็กคนหนึ่ง ถือบัตรประชาชนที่ทุกคนก็มี พูดกับตัวเองว่า พี่เมิ่ง คุณดูสิ เขาไม่สามารถควบคุมฉันได้อีกแล้ว
คนคนหนึ่งถ้าอยากทิ้งอีกคนอย่างกระตือรือร้นก็จะเป็นแบบนี้
“คุณจะไปไหน”
เจี่ยนถงไม่ได้คิดอะไร “เอ๋อร์ไห่” นิ่งไปสักครู่ เหมือนคิดอะไรออก พูดเสริมไปว่า “แต่คุณห้ามบอกใครนะ ท้องฟ้าของเอ๋อร์ไห่เป็นสีฟ้าใส น้ำใสมาก ลมก็สดชื่น มันไม่ควรย้อมด้วยความขมขื่น” ดังนั้น ห้ามบอกใครทั้งนั้น ไม่ต้องมาหาเธอ ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวที่นั่นอย่างเงียบๆ
“คำถามสุดท้าย” ซูเมิ่งพูด “คุณ…….ยังรักเขาอยู่ไหม”