ในเวลาเช้าตรู่ ท้องฟ้าส่องแสงสว่างไสวช่างสดชื่น
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาก็สวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ในขณะที่กำลังจะเปิดม่านหน้าต่างนั้น ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลู่หมิงชูละมือที่จับม่านนั้นออก แล้วเดินไปที่ประตู
เสียงประตูดัง “แกร๊ก” จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก
ทั้งคนที่ยืนอยู่ในห้องและนอกห้องก็มองหน้ากันด้วยความงุนงง
ลู่หมิงชูชะงักลงเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาเขาก็เผยแววตาอันเป็นประกาย
“อ่าหะ?” น้ำเสียงต่ำทุ้มของเขาดังออกมาจากลำคอ ช่างมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก
ประกอบกับที่เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จออกมา ร่างกำยำถูกคลุมไว้ด้วยชุดคลุมบางๆ ท่าทางอันผ่อนคลายของเขา บอกได้ว่าช่างน่าหลงใหลจริงๆ
ที่ด้านนอกประตู สายตาของหญิงสาวมองไปทางอื่นแล้วพูดว่า “อาหารเช้าที่สั่งค่ะ พอดีคนอื่นๆยังไม่มีใครว่าง ส่วนจาวจาวก็ยังไม่ตื่น ฉันเลย……” ดังนั้นเธอจึงต้องเป็นคนที่นำอาหารเช้ามาให้เขาเอง
แม้จะบอกว่าคนอื่นๆวุ่นอยู่กับงานของตัวเอง แต่ที่จริงในโฮมสเตย์นี้มีเพียงไม่กี่คน
เดิมทีโฮมสเตย์นี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนมากมาย
ในมื้อเช้า จะมีบริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ซึ่งอาจเทียบไม่ได้กับโรงแรมห้าดาว มันมีเพียงอาหารเช้าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น โดยมากแขกผู้มาพักจะลงไปรับประทานข้างล่าง แต่แขกบางคนก็อาจจะพิถีพิถัน โดยสั่งขึ้นมารับประทานข้างบนห้อง
ลู่หมิงชูจึงได้พบว่าในมือของเธอถือตะกร้าสานอยู่ เขารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย……นี่คือครั้งแรกที่เขาพบว่าโรงแรมใช้ตะกร้าสานในการเสริ์ฟอาหารเช้าให้แขก
เพียงแต่ว่า……นี่มิใช่เรื่องสำคัญอะไร
ริมฝีปากเรียวบางขยับขึ้นเล็กน้อย
“อ้อ……” น้ำเสียงของเขาลากยาว ดูเหมือนมันออกมาจากจมูกเสียมากกว่า จากนั้นเขาก็มองไปยังใบหน้าของหญิงสาว
“เอาเข้ามาสิ”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “คุณลู่คะ ถือเข้าไปเองไม่เป็นหรือไงไม่ทราบ?”
ลู่หมิงชูเลิกคิ้วอันคมได้รูปขึ้น แล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คุณคิดว่าผมเป็นคนที่ถนัดทำอะไรพวกนี้เองหรือไง?”
เรื่องพวกนี้?
เรื่องพวกไหนกัน?
หญิงสาวกลอกตามองเขา…..หึๆ คงเป็นพวกคุณชายที่หยิบจับอะไรไม่เป็นอีกแล้วสินะ
ลู่หมิงชูยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ? เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไม่เป็นหรือไง?” เมื่อพูดจบเขาก็เบ้ปากแล้วพูดต่อไปว่า “จริงสินะ คุณเป็นคุณชายนี่”
เห็นได้ชัดว่า เขากำลังเยาะเย้ยถากถางเธอ!
หญิงสาวมองไปทางเขา จากนั้นก็ถือตะกร้าสานก้าวเท้าเข้าไปด้านในห้อง
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงดังตามหลังมาว่า “เอาวางไว้บนโต๊ะน้ำชา”
เธอจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปด้านในอีกหน่อย
หลังจากวางตะกร้าสานในมือลงเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพูดว่า “คุณลู่รับประทานไปก่อนนะคะ ประเดี๋ยวตอนที่แม่บ้านมาทำความสะอาดจะมีคนเก็บกลับไปให้เอง”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินตรงไปตรงประตูเตรียมตัวเดินจากไป
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็พบท่าทางของลู่หมิงชูที่กำลังยืนกอดอกพิงอยู่ที่หน้าประตู ประตูนั้นถูกบังเอาไว้ ผมเผ้าของเขายังเปียกโชกมีน้ำหยดลงมาติ๋งๆ ลูกผมบริเวณหน้าผากเผยอขึ้นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
เธอจึงทำได้เพียงก้มตาลงไม่กล้าจ้องมอง
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูชื่นชมใบหน้าอันบูดบึ้งของเธอด้วยความสุขใจ เขาไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ที่ดูไม่เป็นทางการแต่แอบมีเสน่ห์ของตนเองในตอนนี้เลย
“เถ้าแก่เนี้ยครับ ไม่กินอาหารเช้าด้วยกันหน่อยเหรอ?”
หญิงสาวยื่นมือออกไปจับลูกบิดประตูที่ถูกบังเอาไว้ จากนั้นก็รีบกางแขนอันเรียวงามของเธอออกไปแล้วกดลงที่ประตู
เมื่อตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนี้ทำท่าทางหัวเราะใส่เธอ จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจนัก
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน แล้วตอบว่า “ถ้าคุณลู่จะมีจิตใจดีขนาดนั้น ทำไมไม่ไปเลี้ยงข้าวคนยาจกข้างทางล่ะคะ?”
“ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ” ลู่หมิงชูยิ้มขึ้นมาเบาๆ แต่จู่ๆ เขาก็ดึงมือที่กดไว้ตรงประตูออกแล้วตอบว่า “เถ้าแก่เนี้ยครับ เมื่อวานนี้คุณบอกกับผมว่าคุณจากมอบชุดชงชาแบบที่คุณดื่มให้ผมชุดหนึ่ง แล้วก็ยังมีเก้าอี้แบบเดียวกับที่คุณนั่งอีกตัวหนึ่งให้ผมด้วย”
“ใช่ค่ะ ฉันเคยพูดเอาไว้ เดี๋ยวรับประทานอาหารเสร็จแล้วฉันจะให้อาเซิ่งไปนำมาให้”
ลู่หมิงชูส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะให้ของใครสักคนแน่นอนว่าจะต้องให้ในสิ่งที่ผู้รับอยากได้ ผมจะเลือกเอง”
เลือกเองอย่างนั้นหรือ?
“จะเลือก…… ยังไงคะ?” น่าสนุกดีเหมือนกัน “จะให้ฉันนำชุดชงชาและเก้าอี้ทุกชิ้นออกมาวางไว้ด้านหน้าคุณลู่และให้คุณ เลือกเองทีละอันอย่างงั้นหรือไง?”
“จะทำให้วุ่นวายแบบนั้นทำไมครับ?” ลู่หมิงชูแอบยิ้มออกมา ดวงตาของเขาดูเป็นประกาย “ได้ยินมาว่าที่เมืองโบราณต้าหลี่ครึกครื้นน่าดู มีพวกของสะสมน่าสนใจมากมายทีเดียว บังเอิญที่ผมก็อยากจะไปดูอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่รู้จักใครและไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลย ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยให้สัญญากับผมแล้วว่าจะมอบชุดน้ำชาและเก้าอี้ให้ ในเมื่อจะเป็นคนดีก็ควรจะดีให้ถึงที่สุด ช่วยเป็นไกด์นำทางให้ผม และเดินเที่ยวชมเมืองโบราณต้าหลี่เป็นเพื่อนผมสักหน่อยเป็นไร”
หญิงสาวไม่แม้แต่จะครุ่นคิด เธอตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวรอให้จาวจาวตื่นแล้วฉันจะให้จาวจาวไปเป็นเพื่อนคุณนะคะ”
“ไม่ๆๆๆ” ลู่หมิงชูยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา จู่ๆ เขาก็ก้มตัวลงไปใกล้หญิงสาวคนนี้แล้วพูดว่า “ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่จริงใจสิครับ คุณเป็นคนที่บอกว่าจะมอบของให้กับผม เช่นนั้นคนที่ไปเดินเลือกของกับผมก็ควรจะเป็นคุณสิ”
“……” เธอถูกใบหน้าที่ใกล้เข้ามาโดยกะทันหันนี้ทำให้ตกอกตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ในระยะใกล้เช่นนี้เธอจึงได้พบว่าเขาหน้าตาดีมากทีเดียว
เพียงแต่ว่า…… ในสมองของเธอปรากฏใบหน้าของคนคนหนึ่งลอยขึ้นมา จากนั้นสีหน้าของเธอก็ซีดเผือด…… คิ้วและแววตาช่างเหมือนกันได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?
รสชาติของความขมขื่นค่อยๆแพร่กระจายไปทั่ว
“ถอยไป!” เธอพยายามควบคุมตนเองและพูดออกมาให้น้ำเสียงดูปกติ หากไม่ได้สังเกตละก็ด้วยน้ำเสียงอันกระด้างนั้นคนอื่นๆคงฟังไม่ออกว่าเธอเป็นผู้หญิง เนื่องจากน้ำเสียงของเธอในตอนนี้ช่างใหญ่ห้าวหาญและแข็งกระด้าง
ลู่หมิงชูชะงักลงเล็กน้อย “เอ๊ะนี่คุณ ทำไม……” เป็นอะไรไป……
“เพียะ!”
เสียงดังชัดเจนก้องกังวาน เมื่อเขายื่นมือออกไปก็ถูกเธอตอบให้อย่างจัง
“อยู่ห่างฉันให้ไกลกว่านี้!”
ลู่หมิงชูยืนมองดูมือที่ถูกตบจนเอนไปอีกข้าง ด้านหลังมือนั้นแดงเรื่อ
ผู้หญิงคนนี้…… แรงเยอะจริงๆ!
เขากัดฟันหรี่ตาลงมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยความลึกล้ำ สีหน้าของเธอขาซีด แต่ก่อนหน้านี้เพียงวินาทีเดียวเธอยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือไง? สายตาของเขาจับจ้องไปยังริมฝีปากอันขาวซีดนั้น…… ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปได้แบบนี้ล่ะ?
เมื่อเขาหรี่ตาคิดพิจารณาอยู่สักครู่ ลู่หมิงชูไม่ใช่คนโง่ เขาช่างฉลาดหลักแหลม ดังนั้นใช้เวลาครุ่นคิดเพียงไม่นานเขาก็พอจะเดาออก
เขาขบฟันไปมา ดวงตานั้นมองมาที่เธออย่างลึกล้ำ จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมและก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นดูเหมือน จะพัดพาเมฆหมอกจากไป มีเสียงออกมาจากลำคอของเขาว่า
“เถ้าแก่เนี้ยครับ คุณดูไม่ยุติธรรมเลยนะ เมื่อสักครู่ที่คุณตีผม มือผมแดงไปหมดแล้ว เจ็บจังเลย”
หญิงสาวเอื้อมมือไปพลิกมือเขาดูอย่างไม่รู้ตัว แดงจริงอย่างที่ว่า…… นิ้วมือของชายหนุ่มช่างขาวและเรียวงาม กระดูกกระเดี้ยวก็เรียงตัวเป็นระเบียบ เล็บของเขาสะอาดสะอ้าน….. มองดูก็รู้ว่ามือคู่นี้ไม่ค่อยได้ทำงาน
แต่บัดนี้กลับถูกเธอตีเสียจนแดงขึ้นเม็ดเลือด
อีกทั้งเขาถูกเธอตีเนื่องจากทำให้เธอโมโหเท่านั้น…..ไม่ได้มีความผิดใดๆด้วยซ้ำ
“โอ๊ย! เจ็บจริงๆนะครับ ผมโตจนป่านนี้ยังไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนตีที่มือมาก่อนเลย”
ลู่หมิงชูกุมมือของเขาและพิจารณาดูรอยแดงก่อนจะนวดเบาๆ……เธอมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เนื่องจากพยายามระงับความเจ็บปวดเอาไว้
เดิมทีความรู้สึกละอายที่เธอมีอยู่กลับกลายเป็นความรู้สึกผิด
“เฮ้อ แบบนี้เมื่อไรผมจะหายละครับเนี่ย……” ลู่หมิงชูไม่ได้มองหน้าเธอแต่กลับกุมมือของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลทำอะไรไม่ถูก
ตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ..…. ก็แค่ถูกตีจนมือแดงไม่ใช่หรือไง?…… คนเราต้องมีสักครั้งสองครั้งและนะที่ต้องโดนแบบนี้ คิดไปซะว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำก็พอ เดิมทีผมมาที่เอ๋อร์ไห่ก็เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกตีเข้าแบบนี้ เฮ้อ……” ลู่หมิงชูพึมพำกับตัวเอง
ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้แววตาของเธอแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่ในอกจนแทบจะล้นออกมา “เอาล่ะค่ะๆ ฉันจะไปเดินดูของเป็นเพื่อนคุณที่เมืองโบราณต้าหลี่ ถือว่าเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน”
“หา!” จู่ๆ ลู่หมิงชูก็ร้องออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าทางรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา “แบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่มั้งครับ…… ผมอาจทำให้คุณอึดอัดใจได้”
“คุณขับรถเป็นใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างก่อนนะ ถ้าคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ลงไปนะคะ ฉันจะรอคุณอยู่ข้างล่าง” เมื่อเธอพูดจบก็เดินออกไปทันที
ลู่หมิงชูมองตามหลังของเธอไป ดวงตาสีดำกลมโตของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มแวบหนึ่ง