ลู่หมิงชูยิ้มขึ้นมาเบาๆ เป็นตามที่คาดไว้จริงๆ
ชุดน้ำชานี้มีความเป็นมาจริงๆด้วย
เขากวาดตาไปที่หลังมือของตน รอยแดงนั้นจางลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังเห็นอยู่
นัยน์ตาสีดำของเขาหรี่ลง มุมปากเผยอยิ้ม ตรงรถกระบะนั้นชายร่างสูงใหญ่สัดส่วนกำลังดี หันหลังให้กับถนนและหันหน้าไปทางประตูคนขับ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
หากมีคนเดินผ่านหลังเขาในเวลานี้ จะเห็นว่าแขนของชายหนุ่มกำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด
ลู่หมิงชูลูบหลังมืออย่างแรงอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาดูไม่พอใจจึงกัดฟันอย่างโหดเหี้ยม แล้วจับผิวหนังที่หลังมือของตนบิดเต็มแรง270องศา……หึๆ! ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย!
จากนั้นจึงปิดประตูรถอย่างมีความสุขและเดินไปหาหญิงสาว
“เก็บเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ครับ”
“ไปนานจริงๆนะคะ”
“ถนนที่นี่ผมไม่ค่อยคุ้นเคย ก็เลยเข้าซอยผิดน่ะ”
หญิงสาวถาม ชายหนุ่มตอบ
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่ถนนสายหลัก
“คุณต้องการเก้าอี้แบบไหน?” หญิงสาวถามอย่างไม่รีบร้อน
“ผมว่าอย่างของคุณก็ไม่เลวนะ”
หญิงสาวพยักหน้า “ค่ะ ฉันจะพาคุณไปยังร้านที่ฉันซื้อมา มันเป็นงานฝีมือเก่าแก่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ราคาแพงอาจจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่มันก็สมเหตุสมผลที่จะแพง”
“อืมครับ”
หญิงสาวพูดไปเดินไป
คนเดินถนนที่เดินผ่านไปมาเห็นชายร่างสูงหล่อและหญิงสาวที่เดินตามหลังเขามาทีละก้าวๆอย่างช้าๆ เขามักจะก้มหน้าลงมองดูหญิงสาวที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเกือบฟุตด้วยความอ่อนโยน
ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ทั้งสองเข้าไปในร้านเฟอร์นิเจอร์และออกมาในไม่ช้า พวกเขาได้เจรจาต่อรองกับเจ้าของร้านขายของเรียบร้อย และให้อีกฝ่ายขนสินค้าไปให้ที่ด้านหลังรถกระบะของพวกเขา
ตอนนี้บนถนนมีคนมากขึ้นกว่าเดิม หากเธอเดินช้าก็ไม่เป็นอะไร แต่คนขนของไม่ทันระวังจึงทำให้บังเอิญไปชนกับเธอเข้า
“ตุ๊บ!” เธอกระแทกและล้มลงกับพื้น
“คุณขนของยังไงเนี่ย!” ลู่หมิงชูโมโหและรีบก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นอะไรไหมครับ?”
หญิงสาวใช้มือค้ำพื้นถนนหินชนวนแล้วยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นตบฝุ่นที่กระโปรงของเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ อย่าโทษเขาเลย ฉันไม่ทันเห็นเอง”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ตบฝุ่นบนกระโปรงของเธอแล้วก้าวเท้าขึ้นและกำลังจะเดินไปทางรถกระบะ
ชายคนนั้นหน้าแดงเล็กน้อย “ขอโทษทีครับ ผมไม่ทันมอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ค่อยๆเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอยังคงเงียบและก้มหน้าเดินต่อไป
ดวงตาของลู่หมิงชูเผยถึงความเจ้าเล่ห์ แขนยาวของเขาเหยียดออกทันที เขาออกแรงและย่อตัวลงเล็กน้อย
“กรี๊ด!” หญิงสาวกรีดร้องออกมาอย่างไม่ทันระวัง เธอยังไม่ทันมองไปด้านหน้าแต่หงุดหงิดเล็กน้อย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “ทำอะไรของคุณน่ะ!”
เธอตะโกนขึ้น
แต่ต่อมาเธอก็อึ้ง
ด้านหน้านี้ ชายร่างสูงใหญ่ก้มลงมาเล็กน้อย เขานั่งยองๆต่อหน้าเธอแล้วหันศีรษะมายิ้ม พูดกับเธอว่า
“ขึ้นมาสิ”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง “บ้าไปแล้วหรือไง!” เธอสบถออกมาแล้วก้าวข้ามผ่าน “ภูเขา” ที่อยู่ตรงหน้านี้ ชายหนุ่มเหยียดแขนยาวของเขาออก และใช้ความสามารถอันชาญฉลาดคว้าตัวเธอเอาไว้ เธอก้มหน้าลงมองพบว่าลู่หมิงชูกำลังยิ้มและมองเธออยู่
รอยยิ้มนั้นดูเยาะเย้ยเล็กน้อย แต่ก็ดูทะเล้น
“ขัดขืนทำไมครับ? หกล้มเจ็บก็บอกผมสิ ต่อให้คุณไม่พูดผมก็ไม่ได้ตาบอด ผมเห็นนะ”
ตอนที่พูด เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
“ขึ้นมาเถอะครับ ผมบอกให้ขึ้นมาไม่ต้องอายไง”
ในใจของหญิงสาวได้แต่ตะโกนด่าเขาสารพัน……นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะอายหรือไม่อายใครหรอกนะ!
“ฉันดินเองได้ ไม่ได้เจ็บอะไรมากนักหรอก……อ๊า!” ยังไม่ทันพูดจบเธอก็อุทานขึ้นมาเธอมองไปยังชายหนุ่มอย่างงุนงง เขา……แบกเธอไปจริงๆงั้นเหรอเนี่ย?
ตอนที่ได้สติกลับคืนมา เธอก็รู้สึกไม่ชอบใจ เนื่องจากตอนนี้ตัวเธอที่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับทำอะไร กลับถูกลู่หมิงชูกระทำด้วยแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบ
เธอจึงดิ้นรน “ปล่อยฉันลงนะ ฉันไม่ชอบ……”
เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ผู้ชายที่แบกเธออยู่ก็ส่งเสียงดัง “ซี้ด!” ราวกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากบางสิ่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ?”
เธอถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรๆ” ลู่หมิงชูเพียงขยับมือข้างที่บาดเจ็บ และซ่อนหลังมือของเขาไว้ในที่ที่เธอมองไม่เห็น
การกระทำนี้หญิงสาวมองเห็นมันเข้า จึงดิ้นรนอย่างแรงและผลักเขา เธอลงจากหลังเขาแล้วดึงแขนของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกหลังมือของเขาดู……หลังมือของเขายังแดงอยู่!
“คุณ……” เป็นเพราะเธอตีใช่ไหม?
“ทำไม……เป็นเยอะจัง?” ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่รอยแดงบวมยังไม่หายเลยงั้นเหรอ? เธอ……ใช้แรงขนาดนั้นเลยเหรอ?
หญิงสาวรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ความรู้สึกบอกกับเธอว่าตนไม่ได้ออกแรงมากขนาดนั้น อย่างน้อยแรงตีก็ไม่น่าจะแดงได้จนถึงตอนนี้
แต่…… “ความจริง”ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
“อย่ามองอย่างนั้นสิครับ” ลู่หมิงชูยิ้มออกมา “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหรอก เป็นเพราะร่างกายผมเอง คุณอาจจะมองว่ามันแดง แต่ไม่ได้เจ็บหรอกครับ”
เมื่อเห็นชายตรงหน้าเธอยิ้มขึ้นอย่างเฉยเมยแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย หญิงสาวก็ก้มหน้าลงพร้อมกับความรู้สึกผิดในใจ
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดว่า “ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวผมอุ้มคุณไปเอง”
หญิงสาวส่ายหัวและเดินไปข้างหน้า แม้ว่าเธอจะเดินช้า แต่คราวนี้ลู่หมิงชูไม่ได้บังคับเธอ
คนส่งของได้ผูกเก้าอี้หวายติดกับรถกระบะบน และผูกเข็มขัดอีกครั้งทำให้แข็งแรงขึ้น
“ไม่เดินซื้อของต่อแล้วเหรอคะ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ “คุณบอกว่าคุณไม่เคยมาเมืองโบราณต้าหลี่ไม่ใช่หรือ?”
“ครั้งหน้าแล้วกันครับ ผมว่านมย่างที่ตรอกนั้นน่าสนใจมากทีเดียว ไว้ครั้งหน้าคุณมาเป็นเพื่อนผมอีก ได้ไหม?”
เธอตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็พบสายตาตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น จึงได้กลืนคำปฏิเสธนั้นลงไป “ค่ะ”
หลังจากขึ้นรถ ลู่หมิงชูกำลังจะสตาร์ทเครื่องยนต์
“เดี๋ยวนะคะ”
หญิงสาวที่นั่งข้างๆพูดขึ้น
ลู่หมิงชูหันศีรษะไปอย่างสับสน “หือ?” เขาถามเธอด้วยสายตาสงสัย มีเรื่องอะไรอีกงั้นหรือ?
หญิงสาวนิ่งเงียบ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆหยิบยาออกจากกระเป๋าของเธอ “ส่งมือมาสิคะ”
“ครับ?”
หญิงสาวไม่ได้สนใจเขา เธอยื่นมือออกมาดึงมือเขาเข้าไป เปิดฝาขวดยาแล้วเทน้ำมันในขวดลงไปเล็กน้อยลงในมือของเธอ จากนั้นนวดลงบนหลังมือของเขาเบาๆไปมา
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นช้ามาก แต่ก็ทำให้ลู่หมิงชูมองจนตาลอย
จู่ๆ รอยยิ้มตรงมุมปากก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวนวดน้ำมันอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยขอโทษออกมาด้วยตนเอง
ลู่หมิงชูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วไงว่าร่างกายของผมมันพิเศษกว่าคนอื่นๆ คุณจะมาขอโทษผมทำไม” แม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับตะโกนอย่างมีความสุขว่า
ไม่เป็นไรๆ! เอาอีกสักสองสามครั้งก็ดี!
“คุณลู่ มองอะไรอยู่คะ?”
ลู่หมิงชูตกอยู่ในภวังค์ จนกระทั่งหญิงสาวเอ่ยถามออกมาเบาๆ เขาจึงได้สติกลับคืนมา “ครับ?” เขาตอบรับเบาๆ
“คุณสวยจริงๆ”