ระหว่างที่ลิฟต์ เจี่ยนถงมองหางที่ตามมา วินาทีนั้น เธอรู้สึกว่าสมองของเธอมีปัญหาแน่ๆ
ถูกเขาเซ้าซี้จนตกลงพาเขาออกมาด้วย
ตอนนี้เสื้อผ้าของคนคนนี้ ยังเป็นของเมื่อวาน หลังจากเสื้อผ้าและรองเท้าแห้ง สวมใส่บนตัว เธอเป็นกลัวว่าคนรู้จักจะจำได้ “ก้มหัว”
คนคนนั้นมองเธอหันกลับมา ไม่มีคำถามใดๆ ยื่นหัวไปหาเธออย่างเชื่อฟัง โชว์หัวดำ แม้เป็นเช่นนั้น เธอก็ต้องเขย่งเท้าขึ้น คลุมหมวกเสื้อฮูดให้เขา “เดี๋ยวไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้ามวิ่งเล่น ห้ามเอาหมวกบนหัวออก”
“อืม” มองคนคนนั้นพยักหน้าอย่างหนัก เจี่ยนถงถึงได้โล่งใจ
เปิดประตูรถ ครั้งนี้ เขาอ้อมไปที่นั่งข้างคนขับด้วยความคุ้นเคย เรียนแบบเจี่ยนถง เปิดประตูข้างคนขับ นั่งเข้าไป
เห็นเจี่ยนถงคาดเข็มขัดนิรภัย เขาก็เรียนแบบทำตาม
เจี่ยนถงหน้าบูดบึ้งตลอดทาง โกรธตัวเองทำไมยอมใจอ่อน ทำไมถึงเห็นด้วยกับเขา
อยากจะโกรธคนข้างๆ จริงๆ แต่คนคนนั้นน่ารักจนหาที่ทำให้เธอโกรธไม่ได้
อย่าพูดถึงว่ารู้สึกผิดหรือทุกข์ในใจแค่ไหน
แม้แต่หาความแตกต่างก็ยังหาไม่เจอ
ขับรถไปหลายชั่วโมง เธอจงใจเลือกซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ห่างไกลออกไป ขอบข่ายไม่ใหญ่มาก แต่เป็นกังวลว่าจะเจอคนรู้จัก
สองคน หน้าคนหลังคน เขาเดินตามเธอทีละก้าว
ใส่เหรียญลงในรถเข็น เข็นรถ เดินตามเธออย่างมีความสุข
ซื้อมีดโกน ถามเขาอันไหนดี เขาหัวเราะเหอะๆ สิ่งที่ถงถงเลือกดีทุกอย่าง
เธอหน้าตึง “ใครให้คุณเรียกฉันว่าถงถง?”
“โอ้?เรียกถงถงไม่ได้เหรอ?” สีหน้าผิดหวัง
เธอหันมา โยนมีดโกนที่เขาเคยใช้ลงในรถเข็นอย่างอึดอัด ไม่สนใจคนข้างหลัง เดินไปข้างหน้า
หันมาอีกที คนคนนั้นไม่รู้หายไปไหนแล้ว เธอตกใจ กำลังจะไปตามหา
มีเสียงมาจากหัวมุม
“ถงถง ถงถง อันนี้ อันนี้”
โล่งใจ แล้วโกรธอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยการกระแทกเท้าเล็กน้อย ถามอย่างเย็นชา “ตกลงกันแล้วจะไม่วิ่งเล่น!”
“ขอโทษ” คนคนนั้นก้มหัวลง ประมาณว่ารู้ตัวว่าตัวเองทำผิด ทำให้เธอโกรธ เจี่ยนถงเม้มปากเบาๆ ถึงแม้เขาจะขอโทษแล้ว แต่เธอมีความทุกข์ชนิดหนึ่งที่เธออธิบายไม่ได้
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้ยินคำขอโทษจากเขา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คนคนนี้เรียนรู้ที่จะขอโทษ
แต่การขอโทษแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุข
“อีกอย่าง อย่าเรียกฉันว่าถงถง จำได้หรือยัง”
“อ้อ จำได้แล้ว ถงถง”
“…….” เจี่ยนถงรู้สึกเห็นภาพที่ชกอยู่บนสำลี มองหน้าหล่อของคนคนนั้น นิ่งไปสักพัก มีมายาคติ………มีความสงสัย เขาตั้งใจใช่ไหม?
ข้างๆหู
“ถงถง ดูนี่สิ ฉันอยากได้รองเท้าแตะกระต่ายสีชมพูฟ้า”
เจี่ยนถงสงสัยว่าตัวเองหูฝาด เล่นตลกอะไร?รองเท้าแตะกระต่ายสีชมพูฟ้า?
เธอมองตามนิ้วมือของคนคนนั้นที่ชี้ไป มองเขามองดูรองเท้าแตะกระต่ายสีชมพูฟ้าแสนน่ารักคู่หนึ่งบนชั้นวางอย่างมีความสุข
ส่ายหัวซ้ำๆ………คนคนนี้คงจะไม่ได้ตั้งใจ
ในความทรงจำ ชาตินี้เสิ่นซิวจิ่นไม่มีวันชอบสีสันลวดลายที่มันอ่อนหวานและเด็กๆแบบนี้
“อยากได้” คนคนนั้นพูดเสียงเบาๆที่ข้างหู
เธอเห็นว่าคนคนนั้นกำลังมองเธออย่างอ้อนวอน และไม่อยากวางรองเท้าแตะที่อยู่ในมือลง
คงไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่ ไม่ได้ตั้งใจแน่นอน
เธอปฏิเสธภาพลวงตาก่อนหน้านี้อีกครั้ง
แล้วถูกดวงตาคู่นั้นจ้องตาเขม็งอยู่ เธอหน้าแดง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงแดง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีว่า “ซื้อให้คุณ”
รองเท้าแตะกระต่ายสีชมพูฟ้าคู่หนึ่ง วางอยู่บนรถเข็น ไม่นาน รองเท้าแตะกระต่ายสีชมพูกับรองเท้าแตะกระต่ายชมพูฟ้า ก็วางอยู่บนรถเข็นคู่กัน
“ไม่ใช่แค่สีชมพูฟ้าเหรอ?”
คนคนนั้นกล่าวอย่างมีความสุข “สีชมพูฟ้าเป็นของฉัน ส่วนสีชมพูเป็นของถงถง”
เจี่ยนถงขยับปากเล็กน้อย ด้วยใบหน้าอย่างเสือและเอื้อมมือไปในรถเข็นอย่างเงียบ ๆ หยิบรองเท้าแตะสีชมพูเด็ก ๆ ออกมา เตรียมวางกลับบนชั้นวางอย่างเงียบๆ
รองเท้าแตะในมือ ถูกสกัดกั้นระหว่างทาง เงยหน้าขึ้น คนคนนั้นกอดไว้ที่อกอย่างแน่น จ้องตาเธอ ตั้งรับกลัวว่าเธอจะแย่งมันไป กล่าวอีกสองคำว่า “เอาด้วย”
เธออ้าปาก อยู่ดีๆ ก็รู้สึกปวดสมองขึ้นมา
เอื้อมมือไปนวดขมับ “คุณก็ไม่ใส่” จะเอามาทำไม?
“ถงถงใส่”
โอเค ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว เธอปวดสมองจริงๆ ปวดมาก!
จ้องด้วยความโกรธ แทบจะกัดฟัน “ใครบอกว่าฉันจะใส่มัน?ฉันมีรองเท้าแตะที่บ้าน”
“ฉันรู้สึกว่าถงถงใส่รองเท้าแตะกระต่ายสีชมพู ฉันใส่สีชมพูฟ้า จะได้คู่กัน”
ใครจะอยากจับคู่กับคุณ!
เจี่ยนถงแทบจะตะโกนใส่คนตรงหน้า
ณ ขณะนี้ เพราะพวกเขาล่าช้ากับชั้นวางนี้เป็นเวลานาน คุณน้าที่ดูแลสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เดินเข้ามา ยืนมองพวกเขาสองคนอยู่ข้างๆ
สายตาของคุณน้า มองพวกเขาเหมือนขโมย เจี่ยนถงแก้มร้อนขึ้นทันที แย่งรองเท้าแตะสีชมพูในมือของคนคนนั้น โยนไปในรถเข็น กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ฉันซื้อ!”
เธอคิดว่านี่เช่นนี้คนคนนี้ก็วุ่นวายกับเธอทำให้เธอปวดสมองมากแล้ว ถ้าคิดเช่นนี้ คุณไร้เดียงสาเกินไป
แม้แต่แปรงสีฟันเขาก็จะซื้อเป็นคู่!
เป็นคู่เหรอ!!!
สีชมพูอ่อนกับสีฟ้า คิตตี้กับโดเรม่อน…….ใครช่วยบอกเธอหน่อย ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ทำไมถึงมีของแปลกๆพวกนี้ครบทุกอย่าง!
ใครช่วยบอกเธอหน่อย สามารถหลอกคนแซ่เสิ่นคนนี้ไม่ขายที่หุบเขาได้หรือไม่!
เจี่ยนถงอยู่หน้าเครื่องครัวอย่างอ่อนแรง มองดูคนคนนั้นเลือกถ้วยตะเกียบอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สำหรับข้าวของที่น่ารักๆเหล่านั้นในรถเข็น เธอรู้สึกมึนมาก
แล้วยังมีแก้วคู่รักอีกหนึ่งคู่ ถูกคนคนนั้นใส่ไว้ในรถเข็น
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ขณะที่อยากจะโทรหาไป๋ยู่สิง นึกขึ้นได้ว่า ไป๋ยู่สิงพวกเขาได้ขึ้นเครื่องไปแล้ว
ไม่เป็นไร เปลี่ยนเป็นคนคนนั้นก็ได้ เธอเปลี่ยนมาเลือกซีเฉิน โทรไปออก
“อืม เสี่ยวถงเหรอ ฉันประชุมอยู่ ยุ่งมากเลย เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” ความสม่ำเสม น้ำเสียงเฉยๆของซีเฉิน หลังจากพูดจบก็วางสายทันที ดูเหมือนทางโน้นจะยุ่งมาก
เจี่ยนถงมองดูหน้าจอที่มีเสียงสายไม่ว่าง ในใจมีไฟหนึ่งก้อน มีความอยากทุบโทรศัพท์
ถ้าวิเวียนอยู่ตรงนี้ หรือว่าเป็นลู่หมิงชูอยู่ตรงนี้ จะต้องรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ
เจี่ยนถงนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้หญิงที่ใจนิ่งเหมือนน้ำ อยู่ในที่สาธารณะในขณะนี้ แต่อยากทุบโทรศัพท์มาก คำตอบที่ลู่หมิงชูอยากได้ แม้จะใช้ความพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางได้มา แต่เสิ่นซิวจิ่นไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ให้เจี่ยนถงที่ใจนิ่งเหมือนน้ำ กิ่งไม้ที่เยือกเย็น อารมณ์เเปรปรวนได้
ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นซิวจิ่นที่มีสติสัมปชัญญะ หรือเด็กที่อายุแค่แปดขวบ…….เสิ่นซิวจิ่นสามารถ!
มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้!