ณ บ้านใหญ่ตระกูลเสิ่น ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่หนึ่งในสิบ ความเงียบท่ามกลางความเคลื่อนไหวและท่ามกลางความเคลื่อนไหวก็มีความเงียบ หนึ่งร้อยปีก่อน สามารถอาศัยอยู่บนพื้นที่นี้ได้ จึงเป็นที่เคารพนับถือของทุกคน
ควันไม้จันทน์อบอวล ใบหน้าของท่านแก่เสิ่น ซ่อนอยู่ท่ามกลางหมอก ปรากฏรอยย่นบนใบหน้าชราของเขาอย่างเลือนราง
เจี่ยนถงถูกพาเข้าไปในห้องรับแขก ยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่นานมาก นอกจากท่านแก่เสิ่นแล้ว สองข้างยังมีคนรับใช้สองคนของตระกูลเสิ่นสวมชุดจงซานเอามือไขว้หลังไว้เหมือนกัน
จู่ๆ เจี่ยนถงก็หัวเราะอย่างเงียบๆ กวาดตามองไปรอบด้าน เหมือนเข้ามาอยู่ในศาลพิจารณาคดีสมัยโบราณจริงๆ ส่วนเธอ คือ “นักโทษ” คนนั้น
ท่านแก่เสิ่นรักการสูบยาเส้น เสียงสูบยาเส้นดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ
เสิ่นยีอยู่ด้านหลังท่านแก่เสิ่น กับพ่อบ้านใหญ่ตระกูลเสิ่น ราวกับเป็นมือขวาของท่านแก่เสิ่น
แววตาของเจี่ยนถงเย็นชา มองผ่านใบหน้ามั่นใจในความได้เปรียบของเสิ่นยีอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากคลี่ยิ้มขึ้นแวบหนึ่ง เพียงแต่ยิ้มนี้ ช่างถากถางเลยเกิน……สามารถสั่งสอนให้เสิ่นซิวจิ่นมีนิสัยเผด็จการแบบนั้น ท่านแก่เสิ่นที่สั่งสอนคนอย่างเสิ่นซิวจิ่น ทำไมถึงเก็บสุนัขที่ไม่ซื่อสัตย์เอาไว้ ?
“กึกๆ —”
เสียงเคาะยาเส้นบนโต๊ะ และเสียงไอทำลายความเงียบ พ่อบ้านใหญ่ถือกระโถนสไตล์โบราณขนาดใหญ่ ส่งให้ตรงหน้าท่านแก่เสิ่นทันที
ทั้งหมดนี้ รอท่านแก่เสิ่นทำเสร็จ เจี่ยนถงยังคงยืนเงียบอยู่กลางห้องโถงใหญ่
ในที่สุดสายตาท่านแก่เสิ่นก็มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ เมื่อเหลือบดู เขาหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว พิจารณาเจี่ยนถงหัวจรดเท้า ด้วยนัยน์ตาขุ่นมัว ไร้ความเกรงใจ
เจี่ยนถงยังคงยืนนิ่งเฉย
ท่านแก่เสิ่นวางกระโถนที่พ่อบ้านใหญ่ยกมาให้เขาบ้วนปาก “ปู่ของเธอสั่งสอนเธอได้ไม่เลว”
“ท่านชมเกินไปแล้วค่ะ”
เธอพูดอย่างไร้ความรู้สึก
ท่านแก่เสิ่นทำสิ่งเหล่านี้ เพื่ออะไร เธอรู้ดี
ให้เสิ่นยีมาขัดขวางเธอตั้งแต่เริ่ม ต่อมาก็มาที่บ้านใหญ่ตระกูลเสิ่น และทิ้งเธอไว้อย่างเมินเฉยในห้องโถงใหญ่นี้ บุคคลที่มีอิทธิพลแห่งยุคของตำนานโลกธุรกิจเมื่อสามสิบปีก่อนตรงหน้า ทำสิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดคือการจงใจ ทั้งหมดเป็นขั้นเป็นตอน เป้าหมายก็เพื่อขยี้ความกล้าหาญของเธอเท่านั้น ให้เธอหัวเสียก่อน
“ฉันประหลาดใจมาก
เธอช่วยบอกฉันหน่อยสิ ปู่ที่ตายไปแล้วของเธอสั่งสอนเธอได้ยอดเยี่ยมและฉลาดเช่นนี้
หกปีก่อน ทำไมเธอจึงถูกหลานชายของฉันส่งไปที่นั่น?”
ท่านแก่เสิ่นเอ่ยถามอย่างช้าๆ
สายตาคนแก่คู่นั้น กระจ่างแจ้ง ไม่ละไปจากใบหน้าของเจี่ยนถง
เจี่ยนถงหรี่ตาลงเล็กน้อย คุณท่านตรงหน้านี้ สมกับตำนานโลกธุรกิจเมื่อปีนั้นอย่างที่คิดเอาไว้ เธอยิ้มบางๆ ค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น “ท่านยังดูกระฉับกระเฉง ยิ่งกว่าปีนั้น สายตา วิธีการ ทั้งหมดรวดเร็วแม่นยำเป็นที่หนึ่ง”
เธอเจี่ยนถง ไม่ใช่ว่าใครจะเอาชนะเธอได้
ท่านแก่เสิ่นต้องการให้เธออับอาย จะทำได้เหรอ?
แน่นอน
แต่ต้องการให้เธออับอาย ยิ่งต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะถูกเธอถลกหนังออก
ท่านแก่เสิ่นไม่เพียงไม่โจมตีเธอ แถมยังให้ผู้หญิงคนนี้โต้ตอบ สายตาคนแก่เย็นชาอย่างยิ่ง มุมปากกดลงอย่างรุนแรง “หึ!น่ารังเกียจเหมือนกับปู่ที่ตายไปแล้วของเธอ!”
เจี่ยนถงตั้งใจมองท่านแก่เสิ่น……คาดไม่ถึงว่าคุณท่านคนนี้จะรังเกียจคุณปู่ที่ล่วงลับไปแล้วของตนเองขนาดนี้
เธอหรี่ตาลง แววตามีความไม่เข้าใจ
“คุณท่านตามฉันมากลางดึกแบบนี้ เพื่อคุยเล่นกับฉันรึคะ?”
ท่านแก่เสิ่นกวักมือเรียก พ่อบ้านใหญ่หยิบกล่องหนังวัวสีกากีจากตู้ลิ้นชักด้านข้าง เดินมาตรงหน้าเจี่ยนถง วางลงบนโต๊ะด้านข้างเธอ และเคาะลงบนกล่องเบาๆ
นี่เป็นการทำท่า “เชิญ” กับเจี่ยนถง
“นี่คืออะไร?” แววตาของเธอปรากฏความตื่นตัว
ท่านแก่เสิ่นกระตุกมุมปากอย่างไร้รอยยิ้ม
“ไม่ต้องกังวล ไม่ใช่ระเบิด”
ในขณะพูด ก็ชี้กล่องที่เปิดอ้าอยู่ “เธอดูสิ สิ่งเหล่านี้ เธอพอใจหรือเปล่า”
สายตาของเจี่ยนถงมีความไม่เข้าใจ พร้อมกับความสงสัย ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋า หนีบผ้าเช็ดหน้า หยิบของออกมาจากกล่อง
ท่านแก่เสิ่นเห็นการเคลื่อนไหวเช่นนี้ของเธอ พูดเยาะเย้ย “เธอระมัดระวังตัวอย่างว่องไว หรือยังกลัวว่าฉันจะลอบกัดเธอ”
เจี่ยนถงหยิบเอกสารขึ้นมา ได้ยินคำพูดของท่านแก่เสิ่น จึงชายตามอง “คนเรา เคยทุกข์ เคยเจ็บช้ำ ต้องจำไว้เสมอ
ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ถึงจะทุกข์น้อยลง
คุณท่านแก่ใกล้จะลงโรงแล้ว ส่วนฉัน ยังใช้ไม่ถึงครึ่งของชีวิต กลับเจ็บปวดเกินพอแล้ว”
เธอพูดไปพลาง พร้อมกับดูสิ่งของในกล่องอย่างคร่าวๆ
บนศีรษะ สายตาที่แผดเผาสองดวงจ้องเธออยู่ เธอรู้ นั่นคือท่านแก่เสิ่นที่กำลังสังเกตการเคลื่อนไหวของเธอ
ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอยิ่งดูเงียบสงบ มองดูของในกล่องคร่าวๆ โดยไม่พูดอะไร และวางลงอย่างสงบ ถึงจะเงยหน้ามองไปทางท่านแก่เสิ่น
“ท่านช่างใจกว้างจริงๆ ”
เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
มองดูโอนอ่อนผ่อนตาม แววตาท่านแก่เสิ่นปรากฏความเข้าใจแจ่มแจ้ง “ถ้าเธอยอม งั้นก็ดี”
มือของเจี่ยนถง เคาะลงบนโต๊ะ “ขอฉันคิดก่อน……”
ท่านแก่เสิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ทำไม เธอไม่ยอมรึ ?”
“เรื่องใหญ่แบบนี้……”
“เหอะๆ ~ความทะเยอทะยานไม่น้อย กลัวว่าท้องของเธอจะกินอาหารว่างไม่ไหว กินลงคงท้องแตกไปแล้ว”
“คุณท่าน” นัยน์ตากระจ่างใสของเจี่ยนถง ปรากฏแสงขึ้นมาแวบหนึ่ง “ไม่ทราบว่าปกติท่านเล่นอินเทอร์เน็ตไหม”
“เธอจะดึงเข้าเรื่องไร้สาระทำไม!” คุณท่านโมโห
“มีตลกเรื่องหนึ่งแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต คุณท่านคะ ฉันเล่าให้ฟังเอาไหม?” เจี่ยนถงไม่สนใจคุณท่าน พูดเองเออเอง
“มีผู้หญิงคนหนึ่งดูละครไต้หวัน เรื่องราวมีอยู่ว่า ท่านประทานหลงรักซินเดอเรลล่า แม่ของท่านประธานไม่เห็นด้วย แต่ก็จนปัญญาเพราะท่านประธานรักซินเดอเรลล่าไม่ยอมเลิกรา
แม่ของท่านประธานจึงพบกับซินเดอเรลล่าเป็นการส่วนตัว เจอหน้ากันจึงเซ็นเช็คธนาคารให้สิบล้าน บอกว่า แค่เธอออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน สิบล้านนี้จะเป็นของเธอ ซินเดอเรลล่าไม่ยอม……เพื่อความรัก”
“เธอจึงคิดจะทำตามซินเดอเรลล่า?”
“ใจเย็นสิคะ……” เจี่ยนถงพูดขัด “คุณท่านลองเดาดูสิ หญิงสาวที่ดูละครเรื่องนั้น เห็นฉากนี้ เธอจะพูดอะไร?”
เธอไม่ได้ต้องการคำตอบจากคุณท่านจริงๆ พูดต่อว่า “เธอบอกว่า ถ้าเธอเจอกับเรื่องแบบนี้ จะรับเช็คสิบล้านแล้วจากไป มีสิบล้าน จะหาผู้ชายแบบไหนก็ได้”
“แล้วเธอล่ะ?เจี่ยนถง เธอจะรับของแล้วจากไปไหม?”
เจี่ยนถงยิ้มบางๆ มองไปที่ท่านแก่เสิ่นอันสูงส่งด้วยรอยยิ้มในแววตา “ผู้หญิงคนนั้นเลือกเงินสิบล้าน เพราะเธอไม่มีสิบล้าน”
รอยยิ้มในแววตาของเจี่ยนถงชัดเจนขึ้น “คุณท่าน” กระตุกมุมปากเอ่ยเบาๆ “แต่ฉันมีแล้ว”
“เธอ……”
เธอขัดจังหวะคุณท่านอีกครั้ง มองลงไปที่โต๊ะ ชี้นิ้วไปที่กล่องสีดำ “นี่คือเงื่อนไขที่ท่านเสนอให้แก่ฉัน……น่าเสียดาย” เธอเงยหน้าขึ้นทันที สบตากับท่านแก่เสิ่น “ฉันมีหมดแล้ว ”
“สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ท่านสามารถโน้มน้าวใจเสิ่นซิวจิ่นได้ไหม!”
จะไปหรือไม่ไป แต่ไหนแต่ไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ
ยิ่งกว่านั้น ท่านแก่เสิ่นใช้วิธีนี้ นั่นคือการทำให้เธออับอาย