การสนทนาครั้งนี้ดำเนินเกือบหนึ่งชั่วโมง
ส่วนคาย์อัน เฟโรกิอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ในมุม ดื่มเหล้าและพูดคุยกับเลขาธิการอย่างสงบตั้งแต่ต้นจนจบ
จนกว่าเจี่ยนถงเดินออกมาจากประตูกระจกบานเลื่อนที่มีแค่ประตูบานเดียวกั้นไว้ ผู้ชายถึงวางแก้วในมือลงอย่างสง่าและลุกขึ้นมา
“ไปเถอะ นั่งเครื่องบินมาตลอดทางไม่เคยได้พักผ่อนเลย คงเหนื่อยแย่เลย ผมส่งคุณกลับไปห้องพัก?”
“คาย์อัน รอแป๊ปหนึ่งสิ เพื่อนเก่าเจอกันที ไม่ดื่มกับผมหน่อยเหรอ”
มิแฟรี่พิงอยู่ข้างๆ ประตูกระจก ยิ้มมองมาทางนี้
พอเจี่ยนถงได้ยิน ปราสาทที่ตึงขึ้นมาก็คลายออกแล้ว “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รบกวนสองท่านพูดคุยกันแล้ว”
ปฏิกิริยานี้ของเธอ ถูกคาย์อัน เฟโรกิจับได้อย่างคล่องแคล่วแน่นอนอยู่แล้ว นัยน์ตาอันลึกซึ้งมืดลงเล็กน้อย เขาเป็นคนฉลาด รู้ว่าอะไรควรถอยหลังหนึ่งก้าว จึงไม่ได้พยายามยืนหยัดจะส่งเจี่ยนถงกลับไปด้วยกัน
“ก็ดี” ผู้ชายหันหน้าไปข้างๆ พูดกับมิแฟรี่ที่พิงอยู่ข้างประตูและโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อยว่า “แต่ว่ามันดึกแล้ว ให้คุณหญิงกลับไปด้วยตัวคนเดียว ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษคนหนึ่ง” กำลังพูดอยู่ หางตาก็เหลือบไปเห็นเลขาธิการที่อยู่ข้างๆ ใบ้ให้ว่า “ไม่เอ็นดูเลขาธิการที่ต้องวิ่งอีกหนึ่งรอบเลยเหรอ”
มิแฟรี่ดูเหตุการณ์เป็น บอกให้เลขาธิการที่อยู่ข้างๆ ว่า “คุณส่งคุณหญิงคนนี้กลับไปห้องพัก ต้องส่งคนไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยนะ”
“ครับท่าน”
คนไปแล้ว ท่ามกลางห้องรับแขกอันกว้างใหญ่ เหลือแค่ผู้ชายสองคนที่ต่างคนต่างเก่ง
“คือเธอใช่ไหม เหตุผลที่ทำให้นายไม่เสียดายที่ติดหนี้น้ำใจฉันหนึ่งครั้ง เชิญฉันให้บินมาครั้งนี้โดยเฉพาะ
เธอสำคัญมากเหรอ” มิแฟรี่เดินไปข้างเคาน์เตอร์บาร์อย่างสง่า เทเหล้าวิสกี้ให้ตนเองเหมือนเดิม “อีกแก้วไหม” ให้สัญญาณโดยที่ยกแก้วขึ้นมาไปทางคาย์อันว่า
“คือคนที่ฉันอยากได้มากๆ อยากจะซ่อนเธอเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นเลย” สำคัญมากไหม เขาไม่รู้ คาย์อัน เฟโรกิไม่ได้บอกให้ชัดเจน “ลู่เชนให้ฉันมาถามคนหนึ่งกับนายดู คนนั้น สบายดีไหม”
“เชน?
เฮ้อ~ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ยังวางลงไม่ได้สักทีเลยเหรอ
เมื่อก่อนฉันรู้สึกตลอดเลยว่า มีแต่คนเอเชียถึงอีนุงตุงนังแบบนี้
แต่ตอนนี้พอฉันเห็นนายถึงรู้ว่า แกก็ไม่รอดแล้วเหมือนกัน”
คาย์อัน เฟโรกิไม่ได้อธิบายอะไรมาก ขำเบาๆ เสียงหนึ่ง “นายกับลู่เชนคิดไปเองว่าตัวเองถูกอย่างนี้เลยเหรอ”
มิแฟรี่เงยหัวขึ้นดื่มเหล้าในแก้วให้หมดในคำเดียว “เธอเก่งมาก”
“ฉันรู้ เธอเก่งมากมาตลอด” พอพูดถึงเจี่ยนถง หน้าของคาย์อันภาคภูมิใจมาก เหมือนกับว่าเป็นของของตัวเองถูกชื่นชมอย่างนั้น
“เทคนิคในการเจรจาของเธอเยี่ยมจริงๆ เลย พระเจ้า ตกลงเธอไปเรียนกับใครมาเนี่ย
ฉันว่านะ คนที่สอนให้เธอมีเทคนิคในการเจรจาอันขั้นเทพแบบนี้จ้องเก่งมากแน่ๆ เลย”
“ปกตินายไม่ค่อยประเมินใครได้สูงแบบนี้เลยนะ มิแฟรี่ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ อย่ามีความคิดอะไรอย่างกับเธอนะ” ตาของคาย์อันมืดลง
มุมปากของมิแฟรี่กระตุกทีหนึ่ง “ทีนี้แกจบเห่แน่เลย คาย์อัน จุ๊ๆ นี่ยังเป็นนักล่าที่ฉันรู้จักอยู่ไหมเนี่ย”
“ไม่เกี่ยวกับนาย นายแค่จำไว้ว่า อย่ามีความคิดอะไรอย่างกับเธอก็พอ”
มิแฟรี่อดมองบนไม่ได้
“ฉันก็แค่ชื่นชมเทคนิคในการเจรจาของเธอ
ฉันเคยเจอผู้ชำนาญด้านการเจรจาทั้งในประเทศและนอกประเทศมากมาย
ถ้าจะพูดถึงเทคนิคในการเจรจาเพียงด้านเดียว อย่างนั้นเธอถือว่ายังอ่อนอยู่
ที่ฉันบอกว่าเทคนิคในการเจรจาของเธอยอดเยี่ยม ก็เพราะเธอไม่เพียงมีแค่เทคนิค ในเวลาเดียวกันก็ได้คงความจริงใจไว้ด้วย
เธอแสดงความคิดที่อยากร่วมมือกันอย่างตรงไปตรงมา และก็แสดงข้อบกพร่องของฝั่งตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ในเวลาเดียวกันยังได้อธิบายว่าถึงแม้จะมีข้อบกพร่องเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถมีความมุ่งมั่นและความสามารถในการจัดการรายละเอียดต่างๆ ได้ดี ฉันชอบความมั่นใจที่อยู่ในความจริงใจของเธอนี้
ผู้ร่วมมือที่แจ้งแต่เรื่องดีไม่แจ้งเรื่องร้ายมีตั้งมากมาย ความจริงใจของเธอ ความมั่นใจในความจริงใจ วิเคราะห์ถึงทุกๆ ด้าน มีความโน้มน้าวในทุกๆ ขอบเขต ผู้ร่วมมือแบบนี้ทำให้จิตใจคนสงบนิ่งลงมาฟังความคิดเห็นของเธอได้ง่ายมาก
Kane นายนี่สมกับเป็นHunterจริงๆ เลยนะเนี่ย”
ไม่รู้ทำไม ชื่อเรียกHunterนี้ เมื่อก่อนทำให้คาย์อันรู้สึกภูมิใจ แต่วันนี้พอได้ยินแล้วกลับรู้สึกแทงหูยิ่งขึ้น ไม่มีเหตุผล จิตใจสับสนวุ่นวาย จับผมหลังหัว คาย์อัน เฟโรกิอยู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ยกเหล้าที่อยู่ข้างหน้าขึ้นมา ดื่มลงไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเป็นนักล่าสำหรับเธอแค่คนเดียว” ขณะที่หงุดหงิดอยู่ ความรู้สึกดิ้นตามหัวใจ ปากเปิดตามความรู้สึก ไม่ได้คิดอะไรมาก กล่าวความหงุดหงิดที่ไร้เหตุผลนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว
หันหลังกลับจากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ จากไป
มิแฟรี่มองด้านหลังที่จากไปอย่างเร่งรีบนั้นอย่างงงงัน…… “พระเจ้า!”
นี่แต่ละคนบ้าไปหมดแล้วเหรอ
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหลุมศพ ยังจะตกลงไปด้วยรอยยิ้มอีก?
ไม่ๆๆ ไม่ เขาจะไม่เดินตามหลังสองคนนี้เด็ดขาด
……
เมื่อรู้ว่าจะได้เจอมิแฟรี่ที่เป็นชั้นยอดในอุตสาหกรรมนี้ มือถือของเจี่ยนถงก็ปิดเสียงไว้เรียบร้อยดีแล้ว
กลับมาถึงห้องพัก อาบน้ำให้สะอาด ตอนที่ห่มผ้าเช็ดตัวไว้นั่งอยู่หัวเตียง มือถือที่วางอยู่บนตู้หัวเตียงหน้าจอสว่างขึ้นมา เธอเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้เปิดเสียงที่ปิดไว้ของมือถือเลย
หยิบขึ้นมาอย่างราบรื่น พอเห็นชื่อของวิเวียนก็ได้ลังเล
“ฮาโหล” ในที่สุดก็กดปุ่มรับสายอยู่ดี
“เสี่ยวถง ทำไมเธอถึงเพิ่งรับมือถือ ฉันโทรไปตั้งหลายสาย ติดต่อเธอไม่ได้สักที ฉันเกือบไปแจ้งตำรวจแล้ว”
อีกฝั่งของมือถือ วิเวียนกล่าวอย่างเร่งรีบ เจี่ยนถงรีบขอโทษทันที “อย่าโกรธเลย เมื่อกี้ฉันมีเรื่องสำคัญน่ะ”
“เรื่องสำคัญอะไร ทำให้เธอแม้กระทั่งเวลารับสายยังไม่มีเลย” เจี่ยนถงรู้จักลูกน้องคนนี้ดี วิเวียนดูฉลาดทำงานเก่ง จริงๆ แล้วถ้าโมโหขึ้นมาน่ากลัวมาก เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีเหตุผล จึงเอามิแฟรี่ออกมาอ้างทันที
“มิแฟรี่ ฉันได้เจอกับมิแฟรี่แล้ว”
อีกฝั้งของมือถือเสียงหายไปในกะพริบตา หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที……เจี่ยนถงนับเลขในใจ
“มิแฟรี่??? มิแฟรี่ของเตอร์เมนกรุ๊ป?????”
เสียงตื่นเต้นแหกปากดังออกมาจากไมโครโฟน เจี่ยนถงรีบวางมือถือไว้ไกลๆ หู “เธอเบาเสียงลงหน่อย หูฉันจะระเบิดแล้ว”
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้น เธอรีบบอกฉันมาสิ คือมิแฟรี่ของเตอร์เมนกรุ๊ปประเทศฝรั่งเศสใช่ไหม”
“เธอเจอตัวจริงของมิแฟรี่แล้วเหรอ
เขาหล่อไหม
พวกเธอพูดคุยกันหรือยัง
พูดอะไรบ้าง
เขารู้จักเจี่ยนซื่อไหม
พวกเธอคุยถึงเรื่องร่วมมือกันหรือยัง
เขาตกลงหรือยัง
วิเวียนเพิ่งถามเสร็จหนึ่งข้อ เจี่ยนถงกำลังจะตอบ ก็ถูกคำถามต่างๆ ถามจนเริ่มเมาหัวแล้ว
จำเป็นต้องเรียกให้หยุด
“สำหรับเรื่องที่ร่วมมือกัน ฉันอยากขอโอกาสหน่อย วิเวียน ตัวจริงของมิแฟรี่เหมือนจะสนใจการเสนอของฉันมากเลย ส่วนแผนโครงการที่เราปรึกษากันเป็นส่วนตัวนั้น ฉันคิดว่าคืนนี้คุณน่าจะต้องทำโอที จัดเอกสารให้เรียบร้อย ส่งมาที่อีเมลของฉัน
ฉันต้องรักษาเวลาไว้รีบทำแผนโครงการออกมา”
“ใช่ๆๆ! น้ำขึ้นให้รีบตัก! ประธานเจี่ยน คุณไว้ใจได้เลย ทั้งคืนนี้ฉันจะรวบรวมเอกสารทำเป็นไฟล์ ส่งไปที่อีเมลของคุณ”
เจี่ยนถงยกคิ้วเล็กน้อย…… วิเวียนนี่นะ เวลาโมโห ก็จะเรียก “เสี่ยวถงๆ” ตรงๆ พอเจอเรื่องงาน ก็กลายเป็น “ประธานเจี่ยน” ทันทีเลย
แน่นอน ท่าทีการทำงานและจุดยืนแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกแบบนี้ดีที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว
แค่ ความเร็วการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เธอกลัวจริงๆ
“อ่ะ ใช่แล้ว!
เกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว
เสี่ยวถง เรื่องที่เธอมอบหมาย ไอ้โง่……ประธานเสิ่นเขาดีมาก เธออยู่ที่ซานย่าตรงนั้นทำแผนโครงการอย่างไว้ใจได้เลย ไม่ต้องห่วงนะ เขาไม่ดื้อ ข้าวก็ได้กิน ยังทำเองอีกด้วย”
“……อืม” ใช่แบบนี้เหรอ?
เพราะฉะนั้นเธอหนีเพราะเขาแล้ว
ส่วนเธอจะอยู่หรือไม่อยู่ สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกันหมด มีหรือไม่มีก็ได้?
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเขาที่มีสติอยู่ หรือเป็นเขาที่ไม่มีสติ เจี่ยนถง ก็แค่รหัสที่มีหรือไม่มีก็ได้ในชีวิตของเขา เป็นชื่อหนึ่งที่ไม่มีความหมายอะไร?
เธอเปลี่ยนชุดนอน เดินไปที่บนระเบียง ลมพัดมาที่ตัว ซานย่าไม่หนาว
เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังถือสาอะไรอยู่ และทำไมหนีมาถึงที่นี่แล้ว กลับยังรู้สึกขาดลมหายใจอย่างทรมาน เจ็บปวดอย่างมิอาจหายใจได้
ห้ามดีกับเขา ไม่ควรสนิทกับเขา แต่เช้าวันนั้นกลับช่วยเขาทำเรื่องใกล้ชิดแบบนั้น……ด้วยตัวเอง เธอไม่ควรมีความเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว!
ใช่สิ เธอไม่ได้ทำผิด ไม่ควรใจอ่อนกับเขาอยู่แล้ว
ประสิทธิภาพของวิเวียนน่าตกใจมาตลอด
เมื่อเจี่ยนถงตื่นขึ้นมา ได้รับอีเมลจากวิเวียนโดยที่ไม่รู้สึกคาดคิดไม่ถึงเลย
กริ่งประตูดังขึ้น
“บริการรูมเซอร์วิสเหรอ รอแป๊ปหนึ่งนะ”
ตอนเช้าเธอเพิ่งตื่นมา ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ยังใส่เสื้อคลุมชุดนอนอยู่ จัดเสื้อคลุมให้เรียบร้อยเบาๆ เปิดประตูห้องออก
“อรุณสวัสดิ์”
“คุณ……เช้าขนาดนี้เลยเหรอ” เธอดูเสื้อคลุมชุดนอนบนตัวของตนเอง ถือว่ายังสะอาดเรียบร้อยอยู่ และมองคนที่มาต่อ “เข้ามาก่อนสิ”
“ทำงานเหรอ”
เจี่ยนถง “อืม” เสียงหนึ่ง “คาย์อัน ครั้งนี้ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยแนะนำให้ฉัน ช่วยฉันได้เยอะมากเลยจริงๆ” เธอเดินไปที่ห้องน้ำชา “ดื่มอะไร ชาหรือกาแฟ”
“น้ำร้อนก็พอ”
“รอแป๊บหนึ่ง” เธอต้มน้ำไปด้วย ล้างแก้วที่อยู่ข้างๆ ไปด้วย
หน้าอ่างล้างมือ ด้านหลังผู้หญิงจู่ๆ ก็มีเงาสูงใหญ่คนหนึ่ง กลิ่นแบบฮอร์โมนของผู้ชาย เต็มทั้งช่องจมูกทันที “นำเรื่องงานเข้ามาอยู่ในการพักผ่อน เป็นนิสัยที่ไม่ดีสักเท่าไหร่เลยนะ”
ผู้หญิงถอยออกมาจากห้องน้ำชาอย่างไร้ร่องรอย
“นี่คือโอกาสที่ดีมากๆ คาย์อัน ฉันแพ้ไม่ได้ เจี่ยนซื่อ แพ้ไม่ได้” เธอมองไปที่ดวงตาคู่หนึ่งของคาย์อันอย่างลึกซึ้ง ความลึกซึ้งและความหนักแน่นในดวงตานั้นแย่งลมหายใจของผู้ชายไปภายในชั่วขณะแล้ว กดดันจนเขารู้สึกหายใจไม่ออกนิดหน่อย และในชั่วขณะนั้น กลับมองผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามนั้นไม่ออก
ไม่ใช่คำพูดของเธอ คือตาของเธอ เหมือนกับแย่งเวลานาทีสุดท้ายของนักพนันคนหนึ่ง
ทันใดนั้นในใจตันอย่างหวาดหวั่น ตั้งใจทำเป็นไม่สนใจ พูดเสียงดังเฮๆ ฮาๆ ว่า
“เสี่ยวถง ทานอาหารเช้า?
อาหารเช้าของวิลล่าเยว่หรงดีมากเลยนะ
ถึงจะทำงาน ก็ต้องกินให้อิ่มถึงจะมีแรง ใช่ไหม”
“คุณรอสักครู่นะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวหนึ่ง” ก็สมเหตุสมผลอยู่ กินอิ่มเพื่อที่จะได้มีแรงทำงานมากกว่าเดิม
หนึ่งอาทิตย์ที่หลังจากนี้ เธอปิดตัวเองไว้ในห้องนอน ทำแผนโครงการที่อยู่ในมือตลอด คาย์อันก็จะมาหาเธออยู่บ่อยๆ บางครั้งเรียกเธอทานข้าวด้วยกัน บางครั้งกลับเห็นว่าเขาไม่ทำอะไรเลย จับมือถือไว้เล่นRoV พอเล่นแล้วก็คือเล่นทั้งบ่ายเลย และยังนอนอยู่บนโซฟาของเธออีกด้วย
เขาก็ไม่ได้รบกวนเธอ หลายครั้งมากแล้วเธอก็เห็นจนชินแล้ว
ส่วนเธอใช้ทั้งกายและใจ ในหนึ่งสัปดาห์นั้นอยู่กับแผนโครงการที่ใหม่ที่สุก ไม่มีเวลาอื่นสักนิดเลย
วิเวียนไม่โทรหาแล้ว แต่เป็นติดต่อทางวีแชท ถ้าทุกวันนี้ไม่ฟ้าร้อง เขาดีมาก กินข้าวดีมาก สุขภาพร่างกายแข็งแรง
จัดการได้มิแฟรี่ เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดคิดและคาดคิดไม่ถึง วินาทีที่สองฝ่ายเซ็นชื่อ ไม่มีใครเห็นผู้หญิงที่เงียบคนนั้น แป๊บเดียวทั้งคนก็เหมือนกลับมีชีวิตใหม่ เหมือนเรื่องที่รอนานมากในที่สุดก็ได้สำเร็จ
และก็คือวินาทีนี้ เหมือนเธอไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว
“ขอบคุณมากนะ คาย์อัน”
ช่วยเธอได้เยอะมากๆ จริงๆ ถ้าไม่มีมิแฟรี่ เธออาจจะต้องเดินอ้อมวงใหญ่มาก
ถ้าไม่มีคาย์อัน ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอมิแฟรี่
เธอก้มตัวลง ไหว้เป็นก้าวสิบองศา แน่นอนว่าอันนี้ไม่พอแน่นอน แต่กลับสามารถแสดงความรู้สึกขอบคุณของเธอได้
ไหว้เป็นก้าวสิบองศา กลับถูกมือใหญ่อันมีแรงจับไหล่ไว้ เธอเงยหัวขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
เห็นแต่คางอันดูดีแข็งแรงของผู้ชาย ผู้ชายก้มหัวลงช้าๆ จ้องผู้หญิงด้วยสายตาเร่าร้อน เสียงแหบและดึงดูดใจคน
“ขอบคุณ……เหรอ
เจี่ยนถง ผมไม่เอาคำขอบคุณที่พูดด้วยปากเปล่า”
“ฉันรู้ คุณช่วยเยอะมากๆ เลย ก็ต้องไม่เป็นเพียงแค่คำขอบคุณที่พูดด้วยปากเปล่า ถ้าอะไรที่ฉันสามารถทำได้……”
“จุ๊~” ผู้ชายห้ามคำพูดของผู้หญิงไว้ หรี่ตามองเธอ “เสี่ยวถง ถ้าคุณอยากขอบคุณผมจริงๆ ผม……เอาแค่คุณ”
ครืน–
ฟ้าผ่าตรงข้างหู สักพักแล้วยังตั้งสติไม่ได้เลย พอตั้งสติได้แล้วถึงเข้าใจความหมายของประโยคนั้นตอนทีหลัง
ช้าๆ เธอยืนตัวตรง ดึงฝ่ามือของเขาออก หันหลังกลับ จากไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
ในใจผู้ชายใจร้อนมาก จู่ๆ ก็ยื่นมือจับแขนของเธอไว้ “เสี่ยวถง ผมล้อเล่นนะ คุณอย่าคิดจริงจัง……”
“ใช่เหรอ” ใบหน้าอันสงบนิ่งของเธอไม่มีคลื่นใดๆ เลย จ้องสองตาของเขา “ล้อเล่นจริงเหรอ ถามคุณเองสิ ใช่ไหม”
ถามคุณเองสิ ใช่ไหม……หัวใจแน่นขึ้นทันที!
คำโกหกกลับไม่สามารถพูดออกมาอีก
ไม่สามารถ หลอกตัวเอง
ล้อเล่นเหรอ ล้อเล่นจริงๆ เหรอ
ผู้ชายกัดฟันไว้แน่นๆ “ไม่ใช่ล้อเล่นแล้วจะทำไม” เขาเก่งไม่พอเหรอ เขาเทียบคนที่มีนามสกุลเป็นเสิ่นไม่ได้เหรอ เขาทำกับเธอดีกว่าผู้หญิงคนไหนๆ เยอะมากๆ!
“ไม่ใช่ล้อเล่น……” บนใบหน้าอันสงบนิ่งของผู้หญิงมีรอยยิ้มค่อยๆ โผล่ขึ้นมา แต่กลับไม่มีความสุขเลย ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า “แล้วคุณต่างอะไรจากสามปีก่อน”
คุณต่างอะไรจากสามปีก่อน!
ประโยคเดียว ก็ตีผู้ชายจนตัวแข็งทื่อทันทีเลย “มี สามปีก่อนผมเข้าใจคุณผิด แต่คุณไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดแบบนั้น ปัจจุบันผมถึงยิ่งรู้จักตัวตนจริงๆ ของคุณ”
ผู้หญิงมองลงไปข้างล่าง ปิดบังการเยาะเย้ยตัวเองในตา……ตัวตนจริงๆ ของเธอ
ตัวตนจริงๆ ของเธอเป็นยังไง เธอเองก็ดูไม่ชัดแล้ว
สามปีก่อน เขาใช้เงินล่าสิ่งที่คุณอยากได้ สามปีผ่านไป เขาใช้โอกาสหนึ่ง ยังคงเพื่อแค่อยากล่าโดนสิ่งที่เขาอยากได้
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือ เงินในตอนนั้น วันนี้กลายเป็นโอกาส ถ้าจะให้พูดถึงความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ ก็น่าจะเป็นผู้ชายคนนี้โตแล้ว เกม ก็ยิ่งเหมาะกับที่ผู้ใหญ่เล่นแล้ว
ผู้ชายที่แสบสาแหรกขาดจะโยนเงินไปเลย ผู้ชายที่มีอายุหน่อยก็จะชอบสิ่งที่ไม่ค่อยตรงไปตรงมาขนาดนั้นแล้ว
แต่ว่า มันมีอะไรต่างกันไหม
ในที่สุด ผู้หญิงก็ไม่ได้พูดคำพูดทำร้ายคนเหล่านี้ แค่จ้องมองใบหน้าอันแข็งแรงของผู้ชายไว้
“เงินในตอนนั้น โอกาสในวันนี้ มันเหมือนกันหมดแหละ คาย์อัน คุณคือนักล่าที่เก่งมาก นักล่าที่เก่ง เติบโตอยู่เรื่อยๆ แต่เป้าหมายของนักล่า ก็แค่ล่าโดนเหยื่อที่อยู่ในตา” คำพูดถึงตรงนี้ เธอรู้ เขาฟังเข้าใจแล้ว