บทที่ 60 คุณทำฉันเจ็บ แต่กลับซ้ำเติมโดยน้ำมือด้วยตัวเอง
เจี่ยนถงนอนหลับและตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย เธอเหนื่อยเหลือเกิน ตัวร้อนจี๋ ร่างกายของเธออ่อนแอมาก
ทันทีที่ตื่นขึ้น แวบแรกที่ลืมตาก็พบกับเพดานสีขาว เธอคิดว่าที่นี่คือเมฆหมอก โดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ตื่นแล้วเหรอ”
จู่ๆเสียงที่เป็นเหมือนกับแม่เหล็กก็ดังขึ้น
เจี่ยนถงตกใจ รีบหันหน้าไปก็พบว่าที่ข้างเตียงของเธอ มีชายหนุ่มนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ดูดี ในมือถือเอกสารบางอย่าง
ในขณะที่เจี่ยนถงมองผ่าน ก็พบว่าดวงตาเรียวที่เหมือนกับนกฟีนิกซ์ของชายหนุ่มละออกจากเอกสารที่อยู่ในมือ ก่อนจะเหลือบมองมาที่ตัวเอง “หิวไหม”
หลังจากที่เอ่ยถาม เขาก็กลับไปมองเอกสารที่อยู่ในมืออีกครั้ง
ริมฝีปากของเจี่ยนถงแห้งกร้าน เธอหันหน้าไปมองรอบๆ “ขอบคุณประธานเสิ่นนะคะที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล ที่ทำให้ประธานเสิ่นต้องลำบาก ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เสิ่นซิวจิ่นกำแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือไว้แน่น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเสียงที่แหบแห้งนี้ถึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกันนะ
ขอบคุณประธานเสิ่น ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก…นอกจากคำเหล่านี้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้วงั้นเหรอ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับ เธอเองก็ลงตามองต่ำไม่ได้มองเขาอีก
“ฝึบ” เสียงพลิกหน้ากระดาษ
เสียง“ฝึบ”ดังขึ้นอีกครั้ง
ฝึบ ฝึบ ฝึบ…
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้พูดอะไรออกมา เจี่ยนถงก็เช่นกัน มีเพียงแค่เสียงพลิกเอกสารเท่านั้น
ทั้งสองสัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วน
ไม่มีใครทำลายความรู้สึกแปลกๆนี่
จนในที่สุดก็เปลี่ยนเจี่ยนถงที่ทนต่อไปไม่ไหว
“ประธานเสิ่นคะ”
เธอเปิดริมฝีปาก เปล่งเสียงออกมาเบาๆ
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเตียงยังคงสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ โดยไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเธอ
เจี่ยนถง “……”
จากนั้นไม่นาน เจี่ยนถงก็รู้สึกอึดอัดมายิ่งขึ้น “ประธานเสิ่นคะ”
ครั้งนี้เธอเรียกเสียงดังขึ้น
แต่การตอบสนองสิ่งเดียวที่เขาทำคือ “ฝึบ” พลิกหน้ากระดาษ
“……” หลังจากนั้นไม่นาน “ประธานเสิ่นคะ” ครั้งนี้เธอเรียกเสียงดังยิ่งขึ้น
“มีอะไร” ชายหนุ่มวางเอกสารที่อยู่ในมือ พลางเลิกคิ้วขึ้นหันมองเจี่ยนถง
“ฉินมู่มู่เธอไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
ตูม!
ระเบิด!
ต่อให้เสิ่นซิวจิ่นจะฝึกฝนความอดทนมาดีแค่ไหน แต่ภายใต้คำพูดของเจี่ยนถงในเวลานี้ มันก็ระเบิด!
“เจี่ยนถง เธอนี่ชักจะซื่อบื้อเกินไปแล้ว ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ ยังจะห่วงคนอื่นอยู่อีกเหรอ”
เจี่ยนถงกัดริมฝีปากของตัวเอง พลางมองไปที่เสิ่นซิวจิ่นอย่างจริงจัง “ประธานเสิ่นผิดแล้วล่ะค่ะ ที่ฉันช่วยเธอ ขอให้แค่คุณไว้ชีวิตเธอ และให้เธอมีร่างกายที่แข็งแรง ส่วนเรื่องอื่นๆก็ตามใจประธานเสิ่นเลยค่ะ”
“ฉันก็นึกว่า ความใสซื่อของเธอจะทำให้เธอเป็นเพื่อนกับคนที่ทำร้ายเธอได้ซะอีก” คำพูดของชายหนุ่มแฝงไปด้วยการประชดประชัน
เจี่ยนถงไม่ได้ยอกย้อน เพียงแค่มองไปที่เขาอย่างจริงจังเช่นเดิม “เธอเป็นพนักงานของคุณ ประธานจะลงโทษเธอก็ได้อยู่แล้ว ฉันแค่ขอให้ครั้งนี้ประธานเสิ่นไว้ชีวิตเธอก็เท่านั้น
สำหรับอนาคตแล้ว ถ้าฉินมู่มู่ยังทำอะไรให้ประธานเสิ่นไม่พอใจอีกล่ะก็ ประธานเสิ่นจะทำอะไร ฉัน
“ทั้งชีวิตฉัน ไม่อยากติดหนี้ชีวิตใครอีกแล้ว”
เธอพูดด้วยความรู้สึกที่กำลังแบกหนี้ก้อนโตเอาไว้
เสิ่นซิวจิ่นมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่สับสน
“ในที่สุดเธอก็ยิมรับแล้วสินะ เจี่ยนถง”
“ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอติดหนี้ชีวิตใครบางคนไว้อยู่”
“เจี่ยนถง เธออย่ายอมรับสิ”
“เจี่ยนถงเมื่อสามปีก่อนไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด อย่างงั้นสามปีต่อมาก็ต้องไม่ยอมรับสิ”
“ทำไม ทนความทุกข์ทรมานที่อยู่ในใจไม่ไหวแล้วเหรอ”
เจี่ยนถงลดสายตาต่ำลง แผงขนตาปกปิดความเฉยเมยในนั้น อีกทั้งยังปิดกั้นทุกสิ่งบนโลกนี้
คำพูดนี้ คือคำพูดที่เสิ่นซิวจิ่นพูดกับตัวเธอเมื่อสามปีก่อน เธอต้องอธิบาย ต้องอธิบายแม้จะสิ้นหวังก็ตาม
แต่สามปีให้หลังจนถึงวันนี้ เธอไม่เอาอีกแล้ว
เจี่ยนถงไม่ใช่เจี่ยนถงอีกต่อไป เจี่ยนถงที่ไม่หยิ่งในศักดิ์ศรี ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของความเป็นเจี่ยนถง เธอยังเป็นเจี่ยนถงอยู่หรือเปล่า
แต่แค่ยังดีที่เธอและเจี่ยนถง คุณหนูคนโตของตระกูลเจี่ยน แห่งเมือง S มีชื่อเดียวกัน
“พูดสิ ฉันบอกให้เธอพูด เธอไม่มีอะไรจะอธิบายงั้นเหรอ” ใบหน้าของชายหนุ่มดูเย็นชาราวกับว่าปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่ในดวงตาที่ล้ำลึกนั้นแฝงไปด้วยความคาดหวังบางอย่าง ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคาดหวังคำอธิบายอะไรจากเธอ
บางที คำอธิบายอย่างขอไปทีของเธอ ก็อาจจะทำให้เขาโล่งใจ
แต่เจี่ยนถงยังคงเฉยเมย…ที่จะอธิบาย?
เมื่อสามปีก่อน เธอคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูเหล็กลานบ้านตระกูลเสิ่น เธอคุกเข่าทั้งๆที่เป็นคืนที่ฝนตก แค่ห้านาทีเขายังไม่ฟังในสิ่งที่เธอจะอธิบาย
แต่แล้ววันนี้ จะให้อธิบายอะไรอีกล่ะ
“ให้ติดคุกฉันก็ติดมาแล้ว ให้รับโทษฉันก็ยอมรับแล้ว” เจี่ยนถงค่อยๆพูดอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า แต่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ยินอย่างนั้น “จะอธิบายหรือไม่อธิบาย มันก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะค่ะ”
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ร่างของเสิ่นซิวจิ่น “หรือประธานเสิ่นอยากจะเอาฉันไปทิ้งไว้ที่นั่นอีกเหรอคะ ครั้งนี้จะกี่ปีดี สามปี ห้าปีหรือสิบปีดีคะ”
ดวงตาของเธอดูเฉยเมย ราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่ใจ ราวกับว่าเรื่องที่สำคัญกับเธอนี้ มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย
สีหน้าของเสิ่นซิวจิ่นตึงเครียด เขาเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่บนเตียงด้วยความโกรธที่ยากที่จะอธิบาย
“ใช่ มันไม่สำคัญว่าจะอธิบายหรือไม่อธิบาย เพราะเธอได้ยอมรับออกมาจากปากของตัวเองแล้ว ว่าเธอติดหนี้ชีวิตอยู่” สายตาของเสิ่นซิวจิ่นดูเย็นชา “แล้วเธอคิดว่าจะชดใช้ให้กับชีวิตนี้ยังไง!”
“ชีวิตที่เหลือของฉันนับจากนี้ พอไหมคะ” เจี่ยนถงพูดเนิบๆ “ถ้ายังไม่พอ ฉันจะชดใช้ต่อในอีกชาติหน้า และถ้ายังไม่พออีก ฉันก็จะชดใช้ในชาติต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่พอใจ”
เธอไม่ได้พูดเลยว่า การติดหนี้ชีวิตในครั้งนี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเซี่ยเวยหมิงเลย
เพราะเธอเคยพูดไปแล้ว แต่เป็นเขาเองที่ไม่เชื่อ
“ประธานเสิ่น นี่กี่โมงแล้วคะ”
“ห้าโมงครึ่ง”
เจี่ยนถงร้องอ๋อ “งั้นฉันไปทำงานแล้วนะคะ”
พูดจบก็ยกผ้านวมขึ้น พลางจะลุกออกจากเตียง
แต่มือข้างหนึ่งของเสิ่นซิวจิ่นจับเธอไว้ก่อนจะเอ่ย “วันนี้เธอลาป่วยได้。”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ”
เสิ่นซิวจิ่นหรี่ตาลง “เธอไม่ต้องการงั้นเหรอ เจี่ยนถง ร่างกายเธอขาดอะไรไป เธอไม่รู้เหรอ เธอไม่ต้องการพักผ่อนหรือไง ฮะ?”
เจี่ยนถงราวกับถูกฟ้าผ่า
จู่ๆเธอก็เบิกตากว้าง ฝ่ามือกำเป็นหมัดแน่น!
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถยับยั้งการสั่นไหวของฝ่ามือได้!
เขาพูดออกมาจนได้!
เขาพูดในสิ่งที่เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้มากที่สุดออกมาต่อหน้าเธอ!
และคนที่เป็นฝ่ายเริ่มเรื่องก็คือเขา !
“ประธานเสิ่น ฉันขาดอะไรไป ฉันรู้ตัวดี!คุณไม่จำเป็นต้องมาเตือนฉัน!” เธอหายใจหอบจนตัวสั่นเทา ดวงตาสีแดงก่ำ
“ทั้งหมดนี่ ต้องขอบคุณในความเมตตาและความดีของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องคอยเตือนฉันซ้ำๆว่าฉันต้องรับในความกรุณา ความห่วงใยของคุณ!”
โกรธ เจ็บปวด เศร้า!
เสิ่นซิวจิ่น คุณทำให้ฉันเจ็บปวด แล้วยังซ้ำเติมฉันด้วยน้ำมือของคุณเอง!