ซาฮะ : [เฮ๋~~เกิดเรืองแบบนั้นขึ้นด้วยหรอเนี่ย แบบนี้ยอมไม่ได้นะเนี่ย]
และเช่นเคย หลังจากจบการฝึกแล้วซาฮะก็มาขอเข้าร่วมเวลาน้ำชาด้วย จนพักนี้รู้สึกว่าการที่อยู่ด้วยกัน 3 คนกลายเป็นเรืองปกติไปแล้ว พอจบการฝึกซ้อมแล้ว เขาก็เข้ามาถามว่าเป็นไงมั่ง? ก็เลยเล่าให้ฟัง เรืองที่เกิดขึ้นตอนไปปราสาท แล้วก็ได้รับความเห็นแบบนั้นมา
ทุตเต้ : [จริงๆเลยค่ะ ดิฉันโกรธทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆมากเลยค่ะ?]
(ทุตเต้ที่พูดพร้อมกับทำท่าโกรธน่ารักจังแหะ)
แมรี่ : [เอาเถอะ เพราะด้วยเหตุนั้นก็เลยทำให้หนีออกมาจากปราสาทได้ก็เลยรู้สึกขอบคุณอยู่เหมือนกัน…แต่เรืองนั้นก็ส่วนเรืองนั้น เรืองนี้ก็ส่วนเรืองนี้ ยังไงก็ต้องตอบแทนคุณคนร้ายสักหน่อยเนอะ♪]
ฉันปั้นหน้ายิ้มแย้ม และปล่อยออร่าชั่วร้ายออกมา
และดูเหมือนว่าจะสัมผัสกันได้ ทั้งสองคนเลยตัวสั่นเล็กน้อย
ซาฮะ : [จะว่าไป มันก็แปลกๆนะ…]
พูดแบบนั้น แล้วซาฮะก็ทำหน้าเหมือนกับใช้ความคิด
(โอ้วว แปลกมากนี่กำลังใช้สมองที่ไม่มีอยู่งั้นหรอ?)
แมรี่ : [มีอะไรแปลกอย่างงั้นหรอ?]
ซาฮะ : [ภายในปราสาทมีการกางเขตแดนอยู่ และถ้ามีการใช้การโจมตีด้วยเวทมนต์ล่ะก็พวกอัศวินจะรีบรวมพลกันและเมื่อรู้สถานที่ ก็จะรีบยกโขยงกันมาทันทีท่านพ่อเคยเล่าให้ฉันฟังก่อนหน้านี้น่ะ]
ทุตเต้ : [แต่ว่าในตอนนั้นก็ไม่มีรายงานว่าจับตัวคนร้ายได้นะคะ]
แมรี่ : [ไม่หรอก นั่นน่ะไม่ใช่เวทมนต์โจมตี เป็นเวทมนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันน่ะ คิดว่า เพราะแบบนั้นเขตแดนก็เลยไม่ทำงานน่ะ]
ทุตเต้ : [เอ๊ะ! นั่นเป็นเวทมนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรอคะ? เพราะถ้าดูจากปริมาณน้ำล่ะก็นั่นนับได้ว่าอยู่ในเวทมนต์ละดับ 1 เลยนะคะ…]
แมรี่ : [อาจจะเพราะว่า ปกติใช้เวทมนต์ประจำวันบ่อย จนแข็งแกร่งพอที่จะทำให้มีลำดับเวทมนต์อยู่ที่ 2 ก็ได้]
ซาฮะ : [อื~ม…ก็จริงการใช้ชีวิตประจำวันนั้นขาดเวทมนต์ประจำวันไปไม่ได้เลยแม้แต่ภายในปราสาทก็ใช้กันเป็นเรืองปกติเพราะงั้นก็เลยอาจจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่คนที่ใช้ได้ในระดับนั้น ก็มีอยู่เยอะและคงจะไม่มาแกล้งด้วยวิธีเด็กๆแบบนี้หรอก และพวกผู้ใหญ่ที่โตๆกันแล้วเขาไม่ทำกันหรอกนะ แบบนั้นน่ะ]
แมรี่ : [นั่นสินะ ถ้าเกิดว่ามีเด็กอายุประมาณพวกเรา ที่ครอบครัวมีความรู้หรือความเกี่ยวข้องกับเรืองเวทมนต์ล่ะก็ หรือว่าจะ…………ก็น๊าา ไม่มีหรอกเนอะ เด็กแบบนั้นอะ]
เฮ้อ~~ถอนหายใจออกมา และดื่มชาเข้าไป
ดูเหมือนว่าคำพูดของฉันจะไปสะกิดความคิดอะไรเข้า ซาฮะก็เลยตีมือตัวเอง
ซาฮะ : [อ๊ะ ฉันรู้จักคนแบบนั้นอยู่คนนึง ยัยนั่นตรงตามเงือนไขนั่นเป๊ะเลย]
แมรี่ : [เอ๊ะ! งั้นหรอ จริงดิ]
ซาฮะ : [อาา ถ้าจำไม่ผิด มากิลูก้า ฟูทรูริก้า เป็นเด็กผู้หญิงอายุเท่ากับพวกเรานี่แหละ]
ด้วยความที่ข้อมูลไม่เพียงพอทำให้มีเครืองหมาย ? ลอยอยู่บนหัวฉันทุตเต้ที่อยู่ข้างๆก็เลยมากระซิบเสริมข้อมูลให้กับฉัน
ทุตเต้ : [ตระกูลมาร์ควิสฟูทริรูก้านั้นในยุครุ่นปู่ทวดถูกเรียกขานกันว่านักปราชญ์เป็นผู้ใช้เวทมนต์ละดับหัวกระทิและได้สร้างผลงานแก่ตระกูลด้วยค่ะ ปัจจุบันนั้นได้เป็นนักเวทประจำปราสาทและคอยรับใช้เชื้อพระวงศ์ค่ะ]
ซาฮะ : [ตระกูลเอเรคซิลของฉันคือด้านวิชาการต่อสู้ ส่วนฝั่งนั้นจะเป็นด้านเวทมนต์ตระกูลฟูทรูริก้ายังไงล่ะ พวกเราทั้งสองตระกูลต่างก็รับใช้เชื้อพระวงศ์เหมือนกันก็เลยค่อนข้างมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และ ก่อนหน้านี้ ก็ได้เจอหน้ากันด้วยน่ะ]
แมรี่ : [นายนี่จำเด็กผู้หญิงคนนั้นได้แม่นจังเลยนะ หรือว่า นายจะ….อุฮุฮุ♪]
(ไม่คิดเลยว่าเจ้าสมองกล้ามจะจำเด็กผู้หญิงได้ด้วย นี่มันจะต้องใช่แน่ๆ…)
ซาฮะ : [ใช่แล้ว เพราะว่าแข็งแกร่งยังไงล่ะ ก็เลยจำได้]
(อะ แบบนั้นหรอกหรอ)
แมรี่ : [เอาเถอะ ก็จริง ถ้าเป็นบุตรีของตระกูลขุนนางจะไปอยู่ในวังก็ไม่แปลก และยังไงก็ใช้งานเวทมนต์ได้เก่งกว่าพวกเราด้วยคงไม่ใช่เรืองแปลกหรอก]
ทุตเต้ : [แล้วทำไม บุตรีของตระกูลฟูทรูริก้าถึงได้ทำแบบนั้นกับคุณหนูล่ะคะ?]
แมรี่ : [นั่นก็ยังไม่ใช่เรืองที่ยืนยันได้แน่นอนหรอกนะ ทุตเต้]
ทุตเต้ : [นั่นสินะคะ…ขอประทานโทษค่ะ]
แมรี่ : [ค่าค่า เรามาลืมเรืองนี้กันเถอะ! ด้วยเรืองในครั้งนี้คิดว่าทางนั้นคงจะยังไม่กล้าเชิญให้ไปอีกรอบง่ายๆหรอก]
ทุตเต้ : [นั่นสินะคะ…อื๋อ?]
ทุตเต้ที่ทำหน้างงๆและออกห่างจากฉันไป ตรงนั้นมีหัวหน้าเมดที่กำลังรีบร้อนเข้ามาหาอยู่พอรู้ตัวว่าถูกเรียกอยู่ ก็คำนับให้ฉันและมุ่งหน้าไปทางนั้น มีเรืองด่วนอะไรกันงั้นหรอ พอทุตเต้ได้ฟังฉันก็เห็นเธอทำหน้าซีด
(มีเรืองอะไรกันนะ สัมผัสได้แต่ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีซะแล้วสิ)
ตอนนี้ภายในใจของฉันกำลังเต้นตุ้มๆต่อมๆ แต่ก็แสร้งทำเป็นว่าใจเย็นอยู่
ดูเหมือนว่าจะคุยกันเสร็จแล้ว หัวหน้าเมดก็รีบออกไปจากตรงนั้น ส่วนทุตเต้ก็รีบร้อนวิ่งมาทางนี้
ทุตเต้ : [คือว่า….คุณหนูคะ….]
แมรี่ : [อย่าพึ่ง ไม่ต้องพูดก็ได้ ดูจากท่าทางแบบนั้นแล้ว คงจะมีจดหมายส่งมาอีกแล้วใช่ไหม? แล้วจะต้องไปอีกครั้งเมื่อไหร่ล่ะ]
เพราะว่าพอที่จะเข้าใจภาพรวมได้ ฉันที่ไม่อยากจะยอมรับความเป็นจริงก็เลยพูดออกมาเอง
ทุตเต้ : [ป่าวค่ะ ไม่ใช่ค่ะ คือว่า…กำลังมาค่ะ]
แมรี่ : [เอ๊ะ? อะไรหรอ?]
ทุตเต้ : [คือ ตัวองค์ชายเอง จะมาพบทางนี้เองค่ะ และก็ตอนนี้ด้วยค่ะ…]
สถานการณ์นี่มันยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ทั้งฉันทั้งซาฮะต่างก็ตกตะลึงกันทั้งคู่ ตัวแข็งค้างในท่าถือถ้วยอยู่แบบนั้น
และไม่กี่วิผ่านไป
ซาฮะ : [งั้น ฉันขอตัวลาก่อนล่ะนะ ขอบคุณที่เลี้ยง ชา!]
คนที่เคลือนไหวก่อนก็คือซาฮะ ทั้งๆที่ไม่เคยจะพูดขอบคุณอะไรเลยสักครั้งเดียวแล้วลุกขึ้นยืน ฉันก็เลยคว้าไหล่ของเขาและกดลงไปให้นั่งที่เดิม ค่อนข้างจะใช้แรงนิดหน่อย
แมรี่ : [หยุดก่อนเลยนะ อะไร คิดจะเอาตัวรอดไปคนเดียวงั้นหรอ? นายเองก็ต้องอยู่ต้อนรับองค์ชายที่นี่ด้วยเหมือนกัน]
ซาฮะ : [เจ็บๆๆๆๆๆๆ ไม่เอา ฉันไม่เกี่ยวด้วยนี่ เจ็บๆๆๆๆ ไอแรงนั่นของเธอมันอะไรกัน]
(ในกรณีฉุกเฉินแบบนี้ถ้าเพื่อหาเพือนร่วมชะตากรรมได้ล่ะก็ ต่อให้เรืองพลังแตกขึ้นมาก็ไม่สนแล้ว)
กึดๆนิ้วก้อยของฉันกดกล้ามเนื้อหัวไหล่ของซาฮะซะบุ๋มเลย
ซาฮะ : [ท่านแมรี่ เข้าใจแล้ว ยอมแล้ว ช่วยปล่อยมือออกไปหน่อยยยย]
และคนที่ยอมแพ้ก่อนก็คือซาฮะ ฉันจึงค่อยๆปล่อยมือ และมองไปทางทุตเต้
แมรี่ : [จะรีบไปเปรียนชุดเดี๋ยวนี้ล่ะ อีกนานเท่าไหร่กว่าองค์ชายจะมาถึง]
ทุตเต้ : [เรืองนั้น….น่าจะ…ใกล้มาถึงแล้วค่ะ]
ถ้าไม่เชื่อทุตเต้ที่ทำท่าจะร้องไห้พูดออกมาล่ะก็จะให้ไปเชื่อใครได้ฉันกับซาฮะมองหน้ากัน
(ก็อดแดมมมมมมม! ตามปกติแล้ว จะต้องส่งจดหมายแจ้งล่วงหน้ามาก่อน แล้วค่อยเดินทางมานี่เป็นเรืองสามัญสํานึกที่รู้โดยทั่วกันไม่ใช่หรือไง! องค์ชายนั่น เล่นโยนทิ้งไปซะหมดเลย)
แต่ถึงฉันจะบ่นไปก็เท่านั้น ไปแต่งตัวจะดีกว่า พอกลับมาที่ห้องก็บอกไปว่า ซาฮะควรจะหาชุดที่มันดีๆเปรียนหน่อยและออกคำสั่งกับเมดคนอื่นไป นี่ก็เพื่อกันไม่ให้ซาฮะหนีได้ยังไงล่ะ
พวกเราในตอนนี้ต่างก็กำลังยุ่งกันอยู่ แต่สภาพของเหล่าคนใช้ภายในคฤหาสน์ที่วิ่งวุ่นกันอยู่นั่นก็แย่สุดๆเลยล่ะ เพราะว่าการต้อนรับของตระกูลเรกาเลียนั้นจะต้องดีที่สุดไม่งั้นจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้
และ หลังจากที่วิ่งวุ่นกันมาตลอดที่ด้านหน้าของคฤหาสน์ก็มีรถม้าหรูหรามาจอด
(มาจริงๆด้วย องค์ชายนั่น…)
ฉันในตอนนี้นั้นแต่งตัวซะสวยเต็มยศ และเหล่าเมดก็เช็คเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังหน้าคฤหาสน์
ในขณะที่ กำลังรู้สึกแปลกๆแถวๆคอเสื้อจึงใช้นิ้วจับๆดู ซาฮะก็มาอยู่ข้างหลังฉันจะไปด้วยกันหรอช่างเป็นเรืองน่ายินดีจนตกใจเลย มิตรภาพคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สินะฉันที่กำลังรู้สึกประทับใจก็มองเขาครั้งนึงพร้อมกับพยักหน้า และก็นำเหล่าผู้ติดตาม ออกไปข้างนอก