Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 13 ก่อนอื่นก็เริ่มจากการเป็นเพือนกันก่อน

แมรี่ & มากิลูก้า : [ [ขอประทานโทษเจ้าค่ะ ฝ่าบาท!] ]

  พอเขาเข้ามาภายในห้อง ฉันก็คุกเข่าทั้งสองข้างก้มหัวลงจนหน้าผากจรดพื้น โดยที่ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยสักนิด
หรือก็คือการ 「คุกเข่า・ขอ・ขมา」ทันทีนั่นเอง
พอแอบๆชำเลืองมอง ก็เห็นมากิลูก้ากำลังทำท่าเดียวกันอยู่ข้างๆ
ตัวฉันนั้นคุกเข่าขอขมาโดยที่ไม่มีความลังเล จนดูเหมือนว่าจะพาให้เธอทำตามโดยที่ไม่รู้ความหมายไปด้วย
การที่มีสาวน้อยสองคนมาทำท่าคุกเข่าขอขมาอยู่ต่อหน้าหนุ่มน้อยนั้นคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ องค์ชายที่เผลอฝืนยิ้มออกมา ก็เดินเข้ามาใกล้พวกเรา

แมรี่ : [ฝ่าบาท! ต้องขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงจริงๆเจ้าค่ะ คำพูดเมื่อกี้เป็นเพียงแค่การพูดเล่นกันตามประสาผู้หญิงเท่านั้น ถ้ากรุณาทำเป็นไม่ได้ยิน จะเป็นพระคุณมากเจ้าค่ะ]
มากิลูก้า : [ใช่ค่ะ พวกเราแปลกเองค่ะเรืองคำพูดเหล่านั้นกับเรืองกลั้นหัวเราะถ้ากรุณาลืมไปได้จะเป็นพระคุณมากค่ะ]

  โถ่ ตอนนี้ฉันกำลังออกอาการแตกตื่นจน เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าพวกเราพูดอะไรออกไปบ้าง
พอมองดูดีๆ หน้าผากกำลังถูกับพื้นจนพื้นเป็นรอยนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรืองนั้นสักหน่อย

เรย์ฟอส : [ไม่เป็นไรๆ ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวขนาดนั้นหรอก แล้วก็ท่าแบบนั้นน่ะไม่เหมาะกับพวกเธอหรอกนะ]

  ฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายหัวเราะแห้งๆออกมา

(แย่แล้วววววววววววว! โกรธสินะ กำลังโกรธอยู่สินะะะะะะะะะ)

เรย์ฟอส : [แล้วก็ ถ้าพวกเธอพูดมาแบบนั้นล่ะก็….คงใช่สินะ ถ้างั้นต่อจากนี้จะเปลี่ยนใหม่นะ]
แมรี่ : [เห๊ะ? เปลี่ยนใหม่?]
มากิลูก้า : […..คำพูดและการกระทำของฝ่าบาทน่ะเลียนแบบมาจากท่านพ่อของเขาค่ะ ไม่ใช่บุคลิกของตัวเขาจริงๆค่ะ]

  ฉันตกใจกลับคำพูดขององค์ชาย จนฉันเผลอหลุดพูดเสียงเบาๆออกมาทั้งที่ยังอยู่ในท่าคุกเข่าขอขมา แล้วมากิลูก้าจึงอธิบายเพิ่มเติมด้วยเสียงเบาๆให้ฉันโดยที่ยังอยู่ในท่าคุกเข่าขอขมาเหมือนกัน

แมรี่ : [ท่านพ่อหรอ…หรือว่า ราชาของอาณาจักร? เอ๊ะ! นั่นน่ะ ฝ่าบาทเลียนแบบมาหรอ]
มากิลูก้า : [ค่ะ….ท่านพ่อของดิฉันเล่าให้ฟังว่าตอนที่พระราชายังหนุ่มๆ มีนิสัยชอบเกี้ยวพาราสีผู้หญิงไปทั่วด้วยคำพูดและการกระทำแบบนั้นทำให้ผู้หญิงที่อยู่รอบๆทุกคนโดนแทะโลมกันหมด จนนิสัยแบบนั้นมันฝั่งลากลึกลงไป จนตอนนี้เองก็ยังมีเผลอปล่อยกิริยาวาจาแบบนั้นอยู่บ้าง….ด้วยเหตุนั้นฝ่าบาทก็เลย ได้ซึมซับพฤติกรรมเวลาที่มีการพบปะหญิงชายค่ะ]

  (เอาจริงดิ….ทั้งๆที่ฉันยังไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับอาณาจักรนี้แท้ๆแต่พระราชาของที่นี่กลับกลายเป็นคนขี้กะล่อนสุดๆซะงั้น)

มากิลูก้า : [ดิฉันที่คอยอยู่ข้างๆเองก็ยังห้ามไม่ได้เลยค่ะ เรืองที่ห้ามไม่ได้เนี่ยก็เหมือนกับที่ห้ามพระราชาไม่ได้นั่นแหละค่ะ]
แมรี่ : [ก็นั่นสิน๊า…] 
มากิลูก้า : [เพราะงั้นแล้ว อย่างน้อยๆแล้วก็ไม่อยากให้เรืองนั้นของฝ่าบาทแพร่งพรายออกไป ก็เลยพยายามไล่พวกผู้หญิงที่พยายามจะเข้ามาตีสนิทค่ะ….แต่เพราะคุณแท้ๆทุกอย่างเลยล่มไม่เป็นท่าเลยค่ะ]
แมรี่ : [อายจนมองหน้าไม่ได้เลยค่ะ….]
เรย์ฟอส : [ทั้งสองคนเองก็ ช่วยเงยหน้าขึ้นมาได้หรือป่าว อยู่ในสภาพแบบนี้มันออกจะหน้าอายนะ]
มากิลูก้า : [ต แต่ว่า การที่พวกเราดูหมิ่นแล้วยังไม่ได้รับการการลงโทษแบบนี้มันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับคนอื่นนะเจ้าคะ]
แมรี่ : [เดี๋ยว! ก็เขาบอกว่ายกโทษให้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอไง]

  ฉันที่ตกใจกับความจริงจังเกินเหตุแบบแปลกๆของมากิลูก้า ก็เลยพูดตำหนิเธอเบาๆ แย่จริงๆเลยนะ ฉันเนี่ย

เรย์ฟอส : [หืม บทลงโทษสินะ…]

  พอพูดแบบนั้นองค์ชายก็เริ่มใช้ความคิด

เรย์ฟอส : [ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้เวลาคุยกับผมช่วยคุยเหมือนตอนคุยกับเพือนนะ]
แมรี่&มากิลูก้า : [ [เอ๊ะ!] ]

  เพราะไม่เข้าใจความหมายที่พูดออกมา พวกเราทั้งคู่ก็เลยเงยหน้าขึ้นเหมือนกัน

เรย์ฟอส : [อ๊ะ แต่ว่า ถ้าเป็นสถานที่สาธารณะก็ควรจะต้องแยกแยะได้ด้วยนะ]

  องค์ชายคุกเข่าลงใกล้ๆ แล้วจับมือพวกเราคนล่ะข้าง แล้วก็ลุกขึ้นยืนทั้งๆแบบนั้น พวกเราก็เลยถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนด้วยเหมือนกัน

เรย์ฟอส : [แบบนั้นได้หรือป่าว?]

มากิลูก้า : [ค…ค่ะ หากนั้นเป็นประสงค์ของฝ่าบาทล่ะก็]

  มากิลูก้าทำหน้างงๆและตอบออกมาแบบนั้นองค์ชายที่มองจนพอใจแล้วก็มองมาทางฉัน แล้วก็พยักคอกึกกึกกึกอย่างเร็วไปหลายครั้ง

เรย์ฟอส : [ฮึฮึ อ๊ะ ซาฮะเองก็ได้รับโทษแบบเดียวกัน เพราะอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะ]
ซาฮะ : [เอ๊ะ? ไหงฉันโดนด้วย…อืม~ เอาเถอะ ไม่เห็นเป็นไร ต้องมาฝืนทำแบบนั้นก็ไม่ค่อยถนัดด้วย แน่นอนว่าแบบนี้สบายกว่าเยอะ แล้วก็กำลังไม่เข้าใจคำพูดสุภาพที่รู้นอกเหนือจากนี้อยู่พอดี]
มากิลูก้า : [จู่ๆก็พูดแบบสบายๆเกินไปแล้วนะคะ! เจ้าบ้าเอ้ยย!]
ซาฮะ : [อั่ก!]

  จู่ๆซาฮะก็เผยธาตุแท้ในการพูดออกมารวดเดียวมากิลูก้าที่อยู่ข้างๆก็เลยตุ้ยท้องเข้าให้

(เหอะๆ หล่อนที่อยู่ต่อหน้าองค์ชายก็เสียมารยาทเหมือนกันแหละ แบบนั้นอะ)

  พอได้พักหายใจจนผ่อนคลายแล้ว ความเครียดที่สะสมมาก็เริ่มบรรเทาลงฉันจ้องมองสองคนนั้นและแสดงรอยยิ้มออกมา ส่วนองค์ชายก็ส่งรอยยิ้มสดใสเหมือนกับทุกที

เรย์ฟอส : [ฮึฮึ ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอช่างวิเศษราวกับอัญมณีจริงๆ รอยยิ้มนั้นน่ะเยียวยาหัวใจของผมได้เสมอเลย ถ้าเพื่อรอยยิ้มนั้นแล้วไม่ว่าอะไรผมก็จะทำ องค์หญิง]

  พอพูดออกมาแบบนั้น แล้วก็ยื่นมือมาจับที่แก้มของฉัน

แมรี่ : [พรืด!]

  อุตส่าห์คิดว่าคงจะไม่ทำอีกแล้วแท้ๆแต่พอโดนโจมตีทีเผลอ ก็ทำให้ฉันเผลอหลุดออกมา

เรย์ฟอส : [อ๊ะ…]

  เผลอทำไปอีกแล้วพอองค์ชายรู้สึกตัวแบบนั้นก็เลยเกาแก้มตัวเอง ท่าทีแบบนี้แหละถึงดูเป็นเด็กผู้ชายสมวัย เพียงแปปเดียวก็รู้สึกว่าได้สนิทกันมากขึ้น

แมรี่ : [ดีจริงๆหรอคะ ฝ่าบาท]
เรย์ฟอส : [เลิกเรียกว่าฝ่าบาทเถอะนะ ท่านแมรี่ เรย์ฟอสเฉยๆก็ได้]
แมรี่ : [ถ้าอย่างนั้น…เอ่อ ท่าน….เรย์ฟอส]

  ถ้าไปเติมว่าคุณกับองค์ชาย แล้วเรียกแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นคืออายด้วย แบบนั้นแล้วฉันก็ขอเติมคำว่าท่านไว้ก่อนละกัน

ซาฮะ : [นี่~~ องค์ชาย ช่วยทำอะไรกับยัยผู้หญิงป่าเถือนนี่ที]
มากิลูก้า : [คุณน่ะจะทำตัวตีสนิทเกินไปแล้ว!]

  ซาฮะที่หนีจากมากิลูก้าไปทางองค์ชายพร้อมกับพูดจาหยาบคาย ฉันก็เลยตีศอกใส่ลำตัวเข้าให้

(นี่ไม่ใช่ การแก้เขินแล้วเอาไปลงทีคนอื่นหรอกนะคะ อืม…)

  และแล้ว ทุตเต้ก็พาพวกเราทั้ง 4 คนไปปาร์ตี้น้ำชา ส่วนสถานที่นั้นก็ย้ายกันไปที่สวนแทน

***********************************************************************************

ซาฮะ : [จะว่าไปแล้ว ทำไมองค์ชายถึงอยากเป็นเพือนกับยัยพวกนี้? เจ็บบบบ]

  พวกเรานั่งล้อมรอบโต๊ะวงกลม และประโยคที่พูดออกมาของซาฮะหลังจากดื่มชาที่ทุตเต้ยกมาเสริฟให้เข้าไปหนึ่งอึก ทำให้ฉันกับมากิลูก้าเหยียบเท้าของหมอนี้ที่อยู่ใต้โต๊ะพร้อมกัน และอีกอย่าง ท่อนบนของร่างกายที่มองเห็นบนโต๊ะนั้นกำลังจิบชาด้วยท่าทีอันงดงามพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

เรย์ฟอส : [อืม~….นั้นสินะ ก็พวกเธอน่ะแบบว่า จะว่าไงดีล่ะ คุยด้วยง่าย และก็น่าสนใจ…ล่ะมั้ง ก็นั่นไง ผมเป็นเชื้อพระวงศ์ ทุกคนก็เลยให้ความเคารพกันแบบนั้นมันก็น่าเบื่อออก]

  คงจะไม่รู้ถึงการต่อสู้กันบริเวณใต้โต๊ะ องค์ชายจึงเริ่มพูดต่อ

เรย์ฟอส : [อีกอย่าง คนที่คอยอยู่ข้างๆผมก็มีแต่พวกผู้ใหญ่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็เลยไม่ได้พูดคุยกับคนวัยเดียวกัน แล้วก็ออกนอกปราสาทไม่ได้ด้วย พออยากจะทำอะไรไอนั่นก็ไม่ได้ ไอนี่ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนหายใจลำบากล่ะมั้ง…]

  องค์ชายที่ระบายอยู่คนเดียวพร้อมกับฝืนยิ้ม ฉัน ไม่สิ ตัวฉันในชาติก่อนเลยมีความรู้สึกร่วมด้วย ถึงแม้ว่าทั้งชาติกำเนิดทั้งสถานะจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าการที่ถูกผู้ใหญ่รายล้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ออกไปจากห้องห้องผู้ป่วยก็ไม่ได้ หาเพือนก็ไม่ได้ต้องอยู่ในโลกที่ถูกปิดกั้นแบบนั้น นั่นคือความทรงจำในชาติก่อนของฉัน และสถานที่พักใจนั้นก็คงจะคล้ายๆกัน 
  ส่วนตัวฉันในตอนนี้ ที่ได้รับชีวิตใหม่มา ทำให้หลุดออกมาจากตรงนั้นได้
อย่างนั้น ถ้าเกิดว่านี่มันเป็นโชคชะตาอะไรบางอย่าง ก็อยากให้องค์ชาย
ได้รับรู้ว่า ณ ตรงนี้ มันมีโลกที่แสนสนุกแบบนี้อยู่ ฉันเองก็จะให้ความร่วมมือด้วย สาบานแบบนั้นอยู่ในใจ และฉันก็ขอเติมชาอีก

  ท่านเทพ ถึงจะมีเรืองอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นแต่วันนี้หนู ได้เพือนๆที่แสนวิเศษมาแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ

  ใช่แล้วฉัน ส่งจดหมายจากในใจแก่ท่านเทพ

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset