ชีวิตในรั้วโรงเรียนเข้าสู่ปีที่3แล้ว
สวัสดีค่ะ แมรี่ เลกาเลีย อายุ 12 ปีค่ะ
เรียนมา 3 ปีจึงคุ้นเคยกับมันแล้ว สามารถผ่านขั้นตอนต่างๆไปได้อย่างราบรื่น ในปีนี้ฉันก็ยังคงเป็นนักเรียนของอาเรย์ออส จะเรียนรู้เวทย์มนต์ให้เต็มที่เลย
「อื้ม ขนาดเองก็พอดีเลยล่ะ」
ฉันยืนหน้าหน้ากระจกหมุนตัวครึ่งรอบตรวจสอบความสบายตัวระหว่างสวมใส่ แม้ว่าจะเป็นชุดที่มีดีไซน์แบบเดียวกับในปีสอง แต่ขนาดที่เปลี่ยนไปในหลายจุดก็ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปด้วย รูปร่างของฉันเองก็เริ่มเปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงไปเป็นผู้หญิง มีส่วนเว้าส่วนโค้ง จึงต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขขนาดให้สอดรับกับจุดโค้งเว้านั้น เพราะในชาติก่อนฉันอ่อนแอ ทำให้เนื้อหนังตามร่างกายดูแล้วน่าผิดหวัง เวลาที่หน้าอกใหญ่ๆนั้นส่ายซ้ายขวาหรือกระเพื่อม จึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ*มู่ๆ*ต่อสิ่งนั้นอย่างช่วยไม่ได้
พูดถึงเรื่องดีไซน์ของยูนิฟอร์ม ในปีนี้ องค์ชายกับซาฮะอยู่ในชุดยูนิฟอร์มชาย ซึ่งมีดีไชน์แบบเดียวกันกับชุดที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ ซึ่งนั่น เริ่มต้นการที่องค์ชายเห็นชุดของจากฉัน ซาฟีน่า กับมากิลูก้า มีดีไซน์ของยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน แล้วบอกว่าควรทำให้ชุดยูนิฟอร์มเป็นหนึ่งเดียวกัน
ต้องดีไซน์ชุดให้ราชวงศ์เนี่ย คิดแล้วปวดท้องแต่ก็ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ องค์ชายส่งแบบให้ร้านเฉพาะของราชวงศ์เป็นผู้จัดทำ ซึ่งทางนั้นเป็นฝ่ายจัดเตรียมชุดให้ซาฮะกับองค์ชายเอง
「คุณหนู ได้เวลาแล้วค่ะ」
พยักหน้ารับคำพูดของทุตเต้ที่คอยอยู่ข้างหลัง แล้วฉันก็มุ่งหน้าไปยังโถงทางเข้า
「เอาล่ะ ปี3แล้ว ปีนี้ฉันจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขค่ะ」
「หวังว่าสินะคะ~ 」
ฉันประกาศเป้าหมายครั้งใหม่แล้วก้าวขึ้นรถม้า เพราะอะไรบางอย่าง ทุตเต้ทำหน้าเหมือนรู้แจ้ง ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน ตบเบาะ แล้วนั่งลงตรงหน้าฉัน
「อื้ม ฉันรู้ ก็ทำพลาดมาตั้งสองปี ตอนนี้รู้ตัวแล้วล่ะ แต่ว่าแต่ว่า ปีนี้ ทำตัวเป็นตัวละครจืดจางราวกับอากาศธาตุก็ได้ไม่ใช่เหรอ สู้ๆนะตัวฉัน! จะเป็นอากาศให้ได้เลย!」
「อะ อากาศหรือคะ… คุณหนูที่มีภาพลักษณ์สะอาดบริสุทธิ์และงดงามจะเป็นอากาศได้อย่างงั้นหรือคะ…」
ฉันกำหมัดสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองภายในรถม้า ในขณะที่ทุตเต้ทำหน้าไม่ถูกพูดกลับมา แต่เพราะน้ำเสียงที่เบาลงฉันจึงได้ยินเฉพาะแค่ท่อนแรกเท่านั้น
พอมาถึงโรงเรียน ทุตเต้ก็นำทางมายังห้องนั่งเล่นของอาเรย์ออส เมื่อมาถึงฉันก็นั่งบนเก้าอี้ที่ว่าง พลางมองดูคลาสมาสเตอร์อย่างมากิลูก้าที่กำลังพูดอธิบายนักเรียนใหม่ที่รวมกันอยู่ด้วยสายตาอบอุ่น ลองทดสอบการลบตัวตนดูซิว่าจะได้ผลเป็นยังไง
เริ่มจาก อยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ทำตัวเป็นก้อนหิน
ไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็ต้อง*ปุ๊ฮ่า~*พ่นลมออกมา ตามด้วย*ซูด~ฮ่า~ซูด~ฮ่า~* จนคนรอบข้างหันมามอง
「คุณหนู… ไม่ควรกลั้นลมหายใจนะคะ」
「ซูด~ ฮ่า~ นั่นสินะ เกือบจะหมดสติไปแล้ว」
「กำลังทำอะไรอยู่หรือคะนั่น」
เพราะฉันกลั้นหายใจ จึงถูกทุตเต้พูดเตือน รู้ตัวอีกทีก็พบว่ามากิลูก้าเข้ามาใกล้ทำหน้า*พูดจบหรือยังคะ*ยืนกอดอกของตนอยู่
「โอ้ มากิ ลู…ก้า」
*อะฮะฮะ*ฉันหัวเราะออกมาให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้า บางทีคงเป็นเพราะสติหลุดลอยไปล่ะมั้ง เหนือวงแขนของเธอมี*มุนิ้ววว*เจ้าผลไม้อวบอิ่มดูนุ่มนิ่มปรากฏอยู่ ความมั่นใจในตนเองของฉันถูกเจ้าสิ่งนั้นกระแทกเข้าอย่างจังโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย
ฉันยืนขึ้นแบบไร้เสียง มองไปทางเธอ
*เฮะ?* มากิลูก้าคลายวงแขนออกมองฉัน ฉัน*อุฟุฟุ*หัวเราะ เอื้อมมือทั้งสองข้างไปคว้าเจ้าผลไม้อวบอิ่มอย่างไร้ซึ่งความลังเล
「「นะ!」」
จังหวะเดียวกันกับที่มากิลูก้าส่งเสียงตกใจออกมา ฉันเองก็ส่งเสียงแสดงความประหลาดใจออกมาเช่นกัน
「นะ นั่นทำอะไรกันคะ! 」
「ยัง โตได้อีกเหรอออ」
มากิลูก้ายกแขนสองข้างขึ้นมาไขว้กอดปกป้องหน้าอกของตนพร้อมก้าวถอยห่างออกไป ส่วนฉันมองมือของตัวเองที่กำลังสั่น*หงึกๆ*เพราะช็อคกับข้อเท็จจริงอันน่าตื่นตะลึง ปีที่แล้ว ฉันจับหน้าอกเธอไปทีนึงแบบมุกตลกขำๆ แต่ความรู้สึกในตอนนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าปริมาณของมันเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว
「คุณหนู ไม่เป็นอากาศแล้วหรือคะ?」
「ฮะ!」
ทุตเต้แทรกขึ้นมา ทำให้ฉันรีบหันไปมองรอบๆ และพบว่ากลายเป็นจุดสนใจอย่างสมบูรณ์ ยิ่งกว่านั้น เหล่านักเรียนใหม่ที่กำลังให้ความสนใจฟังคลาสมาสเตอร์อย่างมากิลูก้าก็ทำตาโตมองมาทางนี้ด้วยเช่นกัน
「…อะแฮ่ม」
ฉันกระแอมไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงไปทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า มีเสียงจากตรงนั้นตรงนี้ 「นั่นคือองค์หญิงสีขาวเหรอ」「ผู้ชนะงานศิลปะการต่อสู้ แถมยังเป็นนักเวทย์อัจฉริยะที่ใช้เวทย์มนต์ได้ทุกประเภทด้วย」และอื่นๆ จนเหล่านักเรียนใหม่เองก็ให้ความสนใจด้วย
(อา อยากจะด่าตัวเองเมื่อกี้จริงๆเลย!)
แล้วฉัน ก็ได้แต่นั่งนิ่งยิ้มแข็งค้างไม่ขยับเขยื้อน ส่งทุกคนที่ทยอยเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปจนหมด
――――――――――
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ช่วงหลังเลิกเรียน ฉันอยู่ในห้องนั่งเล่นประจำที่อาคารเรียนเก่า นั่งที่นั่งประจำ เพลิดเพลินกับชาที่ทุตเต้ชงให้เช่นเคย
「ฉัน ทำตัวเป็นอากาศได้ดีแล้วสินะ~ 」
「ไม่ค่ะ กลายเป็นแบบอย่างให้เหล่ารุ่นน้องไปแล้วค่ะ」
ฉันเหลือบมองอย่างเป็นทุกข์ไปทางคุณเมดที่จี้ใจดำด้วยความจริงขณะจิบชา
「ก้อออ เวทย์มนต์มันสนุกนี่นา จะให้ทนไหวได้ยังไงล่าาา」
ฉันวางถ้วยลง ทำท่าเลียนแบบการร้องไห้*กระซิกๆ*ปาดน้ำตาที่หางตา ก็เพราะ ในชั้นปีสามมีการเรียนเวทย์มนต์อย่างอื่นนอกเหนือไปจากเวทย์โจมตี ซึ่งหนึ่งในนั้นที่โดนใจฉันเข้าอย่างจังคือเวทย์ลอยตัว
สามารถบินในอากาศด้วยเวทย์มนต์ ตอนถูกบอกอย่างงั้นนี่ฉันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นเต็ม max เลย รู้สึกมีความสุขมากเลยที่สามารถเรียนรู้ได้ในเวลาสั้นๆ แล้วก็บินไปบนฟ้า พอรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ในขณะที่คนอื่นต้องพยายามกันแทบแย่ ฉันกลับ*ฟิ้วๆ*บินไปบินมา รุ่นน้องที่เห็นแบบนั้นก็มองมาด้วยสายตา*ปิ๊งๆ* ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามองมาที่ฉัน อย่างไรก็ตาม มากิลูก้าเองก็เรียนรู้สำเร็จตามฉันมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบที่สูง พอบินขึ้นไปได้ก็หน้าซีดแล้วรีบลงมาอย่างไว ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ส่วนฉันที่ลอยตัวอยู่ตลอดจึงเป็นจุดสนใจกว่า
「คุณหนู คิดจะทำตัวเป็นอากาศจริงๆหรือเปล่าคะ?」
「…ค่ะ จะยับยั้งชั่งใจค่ะ」
ทุตเต้เติมชาลงในถ้วยที่ว่างเปล่า ถอนหายใจให้กับฉันที่อับจนคำพูดแก้ตัวนั่งซึมอยู่กับโต๊ะ แล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงเชียร์ดังกรี๊ดกร๊าดมาจากทางนอกหน้าต่าง
「เป็นคนดังจังนะ ตานั่น」
ฉันลุกขึ้นยืนมองไปทางหน้าต่าง ค่อยๆเดินแล้วหยุดมองลงไป ก็เห็นเหล่าเด็กชายเด็กหญิงกำลังล้อมวงส่งเสียงเชียร์ซาฮะกับองค์ชายที่ถือดาบจำลองซ้อมกันอยู่
นี่ก็เป็นหนึ่งในระบบที่องค์ชายเสนอขึ้นเมื่อต้นปีนี้ สร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนในแต่ละคลาสสามารถเรียนรู้และทำงานร่วมกัน ม่า ถ้าให้พูดง่ายๆก็กิจกรรมชมรมนั่นล่ะ
(ใช่ เพราะฉันเผลอหลุดพูดประเด็นเกี่ยวกับกิจกรรมชมรมออกไป แย่เลยนะ)
จนถึงตอนนี้ มีการจัดตั้งชมรมอย่างที่ว่ามาในอาคารเรียนเก่าเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น วิชาดาบที่เห็นกันจนชินตาซึ่งเป็นพื้นฐานที่นักเรียนโซลออสจะต้องเรียนรู้ ทำการเปิดรับคนของอาเรย์ออสและลาไลออสที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับหนึ่งไม่ถึงกับเต็มตัว แต่ว่า กลุ่มของเด็กสาวคงมาด้วยจุดหมายอื่นนอกจากการฝึกซ้อมอย่างแน่นอน
(ม่า หนุ่มหล่อสองคนกำลังซ้อมฟันดาบกัน ก็ต้องอยากมองอยู่แล้วสินะ)
ฉันมองดูองค์ชายที่กำลังกวัดแกว่งดาบอย่างมีความสุข แล้วคิดออกมาแบบนั้น ในเมื่อฉันเติบโตขึ้น องค์ชายกับซาฮะเองก็เริ่มมีหุ่นที่ดูสมชายมากขึ้นเช่นกัน ในด้านความสูงนั้นแซงหน้าพวกฉันไปเต็มๆ ในระดับว่าถ้าไม่เงยหน้าขึ้นคงมองใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้ ระดับการเปลี่ยนจากเด็กชายเป็นผู้ชาย พวกเขาดูสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะองค์ชายที่ดูสง่างามกว่าใครได้ยึดครองสายตาของเหล่าเด็กหญิงไปจนเกือบหมด ในขณะที่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคิดอะไรแบบนั้น องค์ชายที่จบช่วงฝึกซ้อมรับผ้าเช็ดตัวจากมากิลูก้า จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มสดใสพร้อมโบกมือให้ทางนี้
แน่นอน ไม่ต้องบอกเลยว่าเหล่าเด็กสาวที่สังเกตเห็นต่างหันมาที่นี่ ด้วยแรงกดดันฉันจึงโบกมือน้อยๆพร้อมยิ้มแข็งๆตอบรับองค์ชาย และค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพวกเขาเลิกมอง
「เฮ้ออ~ คิดว่าถ้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่โดดเด่นตัวตนของฉันจะจืดจางลง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสินะ」
「นั่นสินะคะ ถ้าจะถามว่าทุกท่านมองคุณหนูยังไงล่ะก็ บางทีคงจะยังไม่รู้ แต่ทุกท่านมองว่าคุณหนูเป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่มค่ะ」
「ไหงเป็นงั้นล่ะ」
「เพราะคุณหนูเปี่ยมไปด้วยความรู้ สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้สารพัด จึงถูกมองว่าพึ่งพาได้มิใช่หรือคะ? ไม่เคยรู้เลยหรือคะ」
「นั่น จริงๆแล้วเป็นความทรงจำจากชาติก่อนน่ะ ที่แนะนำสิ่งต่างๆ รวมถึงคำพูดที่ใช้จัดการพวกที่พูดไม่ฟัง… เอิ่ม เป็นงั้นเหรอออ」
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนล้าหมดแรง
「ตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหานั้นปัญหานี้เข้ามาด้วยสิ สงบสุขแบบนี้นี่ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ」
「เดี๋ยว! ทุตเต้! นั่นมันปักธง」
ฉันลุกพรวดขึ้นมาด้วยประโยคที่ดูเหมือนกับการปักธงของทุตเต้ พยายามจะเข้าไปปิดปากของเธอ ทันใดนั้น *ก๊อกๆ*ก็มีเสียงเคาะประตูดังขั้น
(ไม่นะ ลางสังหรณ์มาเต็มๆเลยเนี่ยยย!)
ฉันกุมศีรษะกรีดร้องอยู่ภายในใจ ขณะที่ทุตเต้รีบเดินไปเปิดประตูต้อนรับ