แสงแดดที่สาดส่องสะท้อนออกมาเป็นแสงสีดำขมุกขมัวทั่วทั้งตัว ร่างที่โปร่งแสงนั้น*ปุโยๆ*กระเพื่อมไปมาดูน่าขยะแขยง เจ้าวัตถุที่ดูคล้ายกับก้อนเยลลี่กำลังตรงมาทางนี้ นั่นคือสไลม์ ถึงแม้ในเกมส่วนใหญ่จะจัดให้เป็นศัตรูที่อ่อนแอที่สุด แต่อันที่จริงแล้วเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งและยุ่งยากมากทีเดียว แล้วทำไม ถึงมาเดินอยู่ในบริเวณโรงเรียนได้ล่ะ แถมยัง*อุนิ้วๆ*เคลื่อนที่จนร่างกระเพื่อมทั้งตัวตรงมาทางนี้ด้วย
(บอกตรงๆเลยว่า น่าขยะแขยง ขนลุกไปหมดเลยเนี่ย นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากันว่าไม่เป็นที่ยอมรับในทางสรีรวิทยาสินะ)
ฉันรู้สึกกลัวจนขนลุกซู่*บรื๋อ*ตัวสั่นอยู่ภายใต้เกราะ ต้องการจับแมนเดรกแล้วออกจากที่นี่โดยไว ทว่า ไม่ได้ เจ้าแมนเดรกในตอนนี้ กำลังว่ายน้ำด้วยท่วงท่าสง่างามหนีออกห่างจากมากิลูก้าที่ลอยตัวอยู่ในอากาศและพยายามที่จะจับมัน
「ว่าแต่ว่าทำไม ถึงมีสไลม์มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะ!」
พอเข้าใจสถานการณ์ ฉันก็ตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าถามใคร ในทิศทางเดียวกันตรงจุดที่ห่างจากสไลม์เข้ามา องค์ชายกับนักเรียนชายจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ สไลม์เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า แถมทั้งที่พวกองค์ชายซึ่งมาทีหลังแซงผ่านไป มันก็ยังไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลย
「หมวก ส่งถึงสินะครับ ค่อยยังชั่ว ถ้ายังถอดอยู่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น」
「ท่านเรย์ฟอร์ซ ต้องขออภัยที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ」
พอองค์ชายมาถึงจุดที่ฉันยืนอยู่ *เห้อ*ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนฉันก็โค้งให้ทั้งที่อยู่ในสภาพชุดเกราะเต็มตัว
「ว่าแต่ สไลม์นั่นมันอะไร?」
ด้วยความที่ไม่แน่ใจในสถานการณ์ ฉันจึงถามองค์ชายที่เพิ่งมาจากทิศทางเดียวกับสไลม์ว่ารู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้างไหม
「เรื่องนั้นให้พวกเราอธิบายเองครับ!」
ก่อนที่ฉันจะถามองค์ชายจบ ก็มีกลุ่มนักเรียนชายจากไหนไม่รู้ยืดอกเข้ามาแทรก ฉันจึงส่งสายตาเย็นชามองผ่านหมวกเกราะกลับไป
「อะโน คนพวกนี้คือ?」
「พวกเรา สมาชิกกลุ่มวิจัยสไลม์ครับ เนื้อหากิจกรรมหลัก คือการศึกษาระบบนิเวศและการสืบพันธุ์ของสไลม์ครับ!」
องค์ชายที่ยิ้มด้วยสีหน้าลำบากใจอยู่ข้างๆให้กับฉันที่ตั้งคำถาม และก็ได้รับคำตอบจากกลุ่มคนในชมรมวิจัยจึงหันกลับไปมอง คำพูดของพวกเขาทำให้รับรู้อะไรบางอย่าง
「หรือว่า สไลม์นั่นเป็นของพวกคุณ?」
「แม่นแล้ว! ผลงานวิจัยชิ้นเอกที่ดีที่สุดของพวกเรา ตั้งใจว่าจะเอามาจัดแสดงในปีนี้เลยครับ!」
ไม่รู้ว่าอ่านสถานการณ์ไม่เป็นหรือยังไง ทั้งที่เกิดเหตุวุ่นวายอย่างนี้ นักเรียนพวกนี้ก็ยังยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ ฉันรู้สึกปวดหัวจนต้องเอามือก่ายหน้าผากทั้งที่ยังสวมหมวกเกราะอยู่
「พวกนาย สไลม์ตัวใหญ่ขนาดนี้ ยังเก็บไว้ได้อีกนะเนี่ย」
「เปล่าเลย เดิมทีมันมีขนาดแค่พอบรรจุลงถังไม้เท่านั้นเองครับ」
「หือ? ถังไม้?」
ฉันสะดุดกับคำหนึ่งที่นักเรียนพวกนี้เพิ่งพูดออกมา จึงหันหน้าไปมอง
「ใช่แล้ว ในตอนที่เคลื่อนย้ายถังไม้! ทันใดนั้น ก็มีนางฟ้าสีขาววิ่งผ่านหน้าพวกเรา ชนเข้ากับถังไม้กระจายเป็นเสี่ยงๆ จากนั้น จากน้าน! ช่างน่าอัศจรรย์ เจ้าสไลม์ขยายขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นอย่างนี้ล่ะครับ! นี่คือ การชี้นำของเทพธิดา! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! โปรดดู ขนาดของมัน! การ*ดึ๋ยๆ*นั่น! ที่สุดของที่สุดเลยครับ! การแสดงผลงานในปีนี้จะต้องตกเป็นของพวกเราแน่นอนเลยครับ!」
นักเรียนคนนั้นอ้าแขนออกพูดด้วยความตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง *ฮะๆๆ*องค์ชายมองมาทางนี้แล้วก็หัวเราะแห้งๆ ผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างซาฟีน่ากับทุตเต้ และมากิลูก้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ ต่างหรี่ตามองมาจนรู้สึกเจ็บปวด ทุกคนต่างมองตรงมาที่ฉันเพราะคำว่า「นางฟ้าสีขาว」
「และ นั่นคือเหตุผลครับ」
「ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ! ท่านเรย์ฟอร์ซ!」
คำอธิบายจากทางฝั่งองค์ชาย ทำเอาฉันอยากลงไปหมอบกราบขอขมาทุกคน แต่ด้วยสถานการณ์และรูปลักษณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ฉันจึงต้องกลั้นใจเลือกโค้งต่ำเพื่อขอโทษแทน
「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมมันใหญ่โตถึงขนาดนั้นล่ะคะ」
มากิลูก้ายกเลิกการลอยตัวลงมาที่พื้น ตั้งคำถามกับพวกเรา ซึ่งก็มีนักเรียนคนหนึ่งตอบออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
「นั่นน่ะ ไม่ใช้สไลม์ที่พบได้ทั่วไปหรอกนะครับ! จากการค้นคว้าวิจัยและเพาะเลี้ยงนานนับปีบวกกับความบังเอิญทำให้เกิดขึ้นมา มีคุณสมบัติในการดูดซับพลังเวทย์และขยายตัวใหญ่ขึ้น ใช่แล้ว ที่ถูกเรียกว่าเดรนสไลม์ (Drain Slime) ยังไงล่ะครับ!」
「ขยายร่าง แล้วยังไงต่อคะ?」
「แค่นั้นแหละครับ พอดูดซับพลังเวทย์ มันก็จะโตขึ้น เป็นสไลม์ที่มีแค่นั้นล่ะครับ ยอดเยี่ยมใช้ม้า!」
*ฮึๆ*นักเรียนชายพ่นลมหายใจออกทางจมูก หลังจากที่ถามยืนยันไปแล้ว พวกเราก็หันกลับไปที่มันอีกครั้ง ซึ่งมัน*ปุโยๆ*กำลังตรงมาทางนี้
(ทำไมเจ้าสไลม์น่ารำคาญนี่…)
「เอโตะ สรุปคือ ตอนที่ท่านแมรี่ทำลายถังไม้ สไลม์ได้สัมผัสและดูดซับพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาจากตัวเกราะ พอเกราะห่างออกไปแล้ว ก็เริ่มขยายร่างจนเป็นแบบนี้ จะบอกอย่างนั้นสินะคะ?」
「ว่ายังไงนะ เจ้าตัวน่าขนลุกนี่! ไล่ตามมางั้นเหรอ?」
จากการสรุปของมากิลูก้า ทำให้ฉันกอดตัวเองผ่านเกราะเอาไว้แน่น
「ทุตเต้ ฉันถูกไล่ตามอีกแล้วใช่ไหม?」
ฉันอ้าแขนเข้าหาคุณเมดที่รออยู่ข้างหลัง ทุตเต้จับเกราะส่วนใบหน้าเข้ากับตัว โอบกอดและลูบศีรษะพร้อมพูดปลอบว่าไม่เป็นไรนะคะ จนฉันเอามือลูบอก*เฮ้อ*ออกมา
「อะโน… ระหว่างที่ทำแบบนั้น สไลม์มันเข้ามาใกล้มากแล้วนะคะ รีบหนีดีกว่าไหมคะ?」
ซาฟีน่าพูดด้วยท่าทางหวาดๆ ฉันจ้องไปทางสไลม์ที่เข้ามาใกล้ตาไม่กระพริบ
「ทำไมมันถึงตรงมาทางนี้ล่ะ?」
「หรือว่า จะเป็นเพราะเสน่ห์ของท่านแมรี่ หรือเปล่าครับ?」
คำตอบที่องค์ชายหลุดปากมาออกต่อคำถามธรรมดาของฉัน ทำให้ทั้งบริเวณถูกแช่แข็ง
「เสน่ห์ของท่านแมรี่นี่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ!」
「สมแล้วที่เป็นท่านแมรี่! ก้าวข้ามได้แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์!」
「ไม่ไม่ จริงซะที่ไหนล่ะ! ฉัน ตอนนี้สวมหมวกเกราะอยู่น้าาาา! อย่าพูดว่าไม่ธรรมดาหรือก้าวข้ามเผ่าพันธุ์นะ! กล่าวหากันชัดๆ!」
ได้ยินคำวิจารณ์กับยกย่องจากมากิลูก้ากับซาฟีน่า ฉันจึงตะโกนแก้ตัวด้วยเสียงที่ดังพอๆกับทั้งสองคนรวมกัน
「ถ้าเช่นนั้น ทำไมกัน?」
「อาจจะ ถูกดึงดูดมาด้วยพลังเวทย์ที่น่าทานก็ได้ครับ อย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ ว่าสไลม์นี่ดูดซับแต่พลังเวทย์」
องค์ชายที่มองดูการปฏิสัมพันธ์ของพวกเราถามขึ้น แล้วเด็กนักเรียนชายก็ตอบกลับมา
「พลังเวทย์… อ๊ะ ท่านแมรี่… ไม่สิ แมนเดรกสินะคะ」
มากิลูก้าได้ยินคำตอบจากนักเรียนชายและกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่โดนฉันจ้องผ่านหมวกเกราะจนเธอสะดุ้ง แล้วเรียบเรียงถ้อยคำใหม่ ตามที่ฟีเนลเคยพูดไว้ว่าแมนเดรกอุดมไปด้วยพลังเวทย์ เสริมอีกนิดว่า ในมุมมองของสไลม์นั้นแมนเดรกก็เหมือนกับงานเลี้ยงที่เสิร์ฟเนื้อวัวลายหินอ่อน ดังนั้น จึงน่าจะตามมัน บางทีนะ…
「ยิ่งไปกว่านั้น! สไลม์นั่นเป็นของพวกนายใช่มั้ย สั่งให้มันหยุดสิคะ」
ฉันพูดเปลี่ยนเรื่อง หันไปแยกเขี้ยวใส่ทางฝั่งนักเรียนชายพวกนั้น พวกเขา*ฟุ*ยิ้มสบายๆแล้วหันมา
(โอ้ ท่าทางแบบนี้ แปลว่า คาดหวังได้ใช่ไหม?)
คิดๆดูแล้ว การที่พวกเขาดูสบายๆในสถานการณ์แบบนี้ คาดว่าน่าจะมีมาตรการรับมือบางอย่างอยู่ ฉันจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
「ฟุ การที่พวกเราเพาะเลี้ยงสไลม์ขึ้นมาก็ไม่ได้แปลว่าจะควบคุมมันได้หรอกนะจริงมั้ย แถมนั่นยังเป็นผลลัพธ์ที่เกิดมาจากความบังเอิญ พวกเราจึงต้องขอยอมแพ้ครับ สมกับที่เป็นผลงานชิ้นเอกของพวกเราจริงๆ」
「จะมาภูมิใจทำบ้าอาร้าาาาย!」
ขณะที่พวกเรากำลังเล่นมุกตลกติงต๊องกันอยู่นั้น ในที่สุดเจ้าสไลม์ก็มาถึงคลองส่งน้ำ ซึ่งห่างจากพวกเราไปประมาณสิบเมตร
「ทางนี้ค่ะ ท่านแมรี่! รีบหนีกันเถอะ!」
「ไม่ค่ะ หากทำเช่นนั้นคงคลาดสายตาจากแมนเดรกแน่ ฉันไปจากตรงนี้ไม่ได้ สถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือการที่มันถูกเจ้าสไลม์นั่นกินเข้าไป」
มากิลูก้าเผยความรู้สึกออกมาว่าอยากถอนตัว แต่ฉันปฏิเสธ พลางส่งสายตาแสดงความเกลียดชังไปยังเจ้ารากผักที่ตอนนี้ก็ยังคงว่ายน้ำด้วยท่วงท่าสง่างาม
「ถะ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ… แล้วถ้ากำจัดเจ้าสไลม์นั่นล่ะคะ?」
「ก็อยากอยู่หรอกค่ะ… อ้า โม่ว ในเวลาแบบนี้คุณซาฮะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ!」
เพราะมีมอนสเตอร์อยู่ตรงหน้าแต่ผู้ชายที่เป็นกำลังหลักแนวหน้ากลับหายหัว ฉันจึงหลุดปากบ่นออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้องค์ชายทอดสายตาไปไกลอย่างไร้แววตาพึมพำบางอย่างออกจากปาก
「ตอนนี้ อาจจะกำลังทุกข์ทรมานจากความละอายใจและเกลียดตัวเองอยู่ ปล่อยเขาไปเถอะครับ คิดว่าคงไม่เป็นไร」
(อ่า~ เอิ่ม ค่ะ… ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
ครึ่งหนึ่ง หรือจะว่า ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันนั่นล่ะ พอได้ยินคำพูดขององค์ชาย ฉันก็เลิกคิดที่จะใช้งานซาฮะ
「ยังไงก็เถอะ เป้าหมายของเราคือแมนเดรกค่ะ จะปล่อยให้โดนขโมยไปไม่ได้เด็ดขาด」
ฉันปรับอารมณ์ หันมาเผชิญหน้ากับ*อุนิ้วๆ*เจ้าวัตถุน่าขนลุกที่เลื้อยเข้ามา
「พวกเราจะเข้ารับมือกับสไลม์ พวกนายช่วยไปจับแมนเดรกมาให้ด้วยค่ะ ฝ่าบาทกรุณาออกถอยมาด้วยค่ะ เนื่องจากการโจมตีทางกายภาพไม่ค่อยส่งผลกับมัน คุณซาฟีน่าคอยคุ้มกันฝ่าบาทด้วย」
มากิลูก้าที่ยืนประกบอยู่ข้างฉัน ออกคำสั่งกลุ่มเด็กนักเรียนชายให้ไปช่วยเก็บแมนเดรกกลับมา องค์ชายกับทุตเต้ให้ถอยไปอยู่ข้างหลัง โดยมีซาฟีน่าคอยคุ้มกัน การโจมตีทางกายภาพไม่ค่อยมีผลกับสไลม์ การรับมือกับมอนสเตอร์ประเภทนี้จึงเป็นหน้าที่ของนักเวทย์อย่างพวกเรานี่คือสิ่งที่รับรู้กันทั่วไป
ทันใดนั้น สไลม์ก็หยุดเคลื่อนไหวเหมือนเตรียมตัวพุ่งเข้าใส่เหยื่อที่พบ
「มาแล้วค่ะ! ไม่ยอมให้ได้แมนเดรกไปหรอก อิย้าาาาาา!」
ฉันพยายามป้องกันไม่ให้สไลม์ได้แมนเดรกไปออกคำสั่งกับมากิลูก้า จ้องไปยังสไลม์อีกครั้ง มันกำลัง*อุนิ้วๆ*คืบคลานเข้ามา รู้สึกเหมือนกับว่าความเร็วที่พุ่งเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว…
นอกจากนี้ ฉันคิดว่าถ้ามันยืดร่างเหลวๆลื่นๆทั้งตัวในครั้งเดียว อาจจะยืดไปถึงแมนเดรกที่กำลังลอยตัวอยู่บนผิวน้ำได้ จึงคอยเหล่ตามองแมนเดรกไว้ตาไม่กระพริบ แต่เจ้านั่นกลับยืดเข้าหาฉันด้วยแรงมหาศาล จนฉันต้องกระโดดถอยหลังกรีดร้องออกมา
มากิลูก้าที่ยืนเตรียมรับมืออยู่ข้างๆถูกเมินเฉยโดยสมบูรณ์ หนวดของสไลม์พุ่งเข้าหาตัวฉันที่อยู่ข้างหลังราวกับเล่นหนังซ้ำด้วยความเร็วที่มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น จากตอนแรกที่คืบคลาน*อู~ นิ้วๆ*อย่างเชื่องช้าก็กลายเป็น*อุนิ้วๆๆ*ด้วยความเร็วสูงอย่างน่ากลัว
「「「……」」」
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างไม่เข้าใจ ได้แต่ยืนนิ่งค้าง มองดูฉันกับสไลม์สลับกันไปมา
「ทำไมถึงพุ่งเข้ามาหาฉันกันล่าาาา! ฉันไม่ใช่แมนเดรกซักหน่อยยยย!」
ภาพของคนใส่ชุดเกราะเต็มตัวกำลังถูกสไลม์ขนาดยักษ์ไล่ตาม มองจากรอบนอก อาจเป็นภาพที่ดูตลกขบขัน แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างฉันขำไม่ออกเลยซักนิด บางคนอาจจะบอกว่าสู้ไปเลยก็ได้ไม่ใช่เหรอ แต่นั่นไม่ได้อยู่ในความคิดของฉันตอนนี้
ทำไมน่ะเหรอ ก็มันน่าขยะแขยงยังไงล่ะ
กับพวกตัวละครสายหนวดตัวฉันที่เป็นสาวน้อยนั้นรับไม่ได้อย่างแรง นอกจากนี้ การขยับตัวอันน่าขนลุกด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายหยึยๆที่พุ่งเข้าใส่ฉันอย่างแรง จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่สัญชาตญาณของฉันจะบอกให้หนีเอาไว้ก่อน
และแล้ว ฉันก็หนีออกจากบริเวณคลองส่งน้ำ มุ่งหน้ากลับไปทางอาคารเรียนอีกครั้ง สไลม์เองก็ไล่ตามโดยพยายามยืดหนวดเข้าใส่ในระหว่างนั้น คนอื่นที่ถูกทิ้งไม่สนใจต่างคิดในใจเหมือนกันว่า「เห็นมั้ย สไลม์มันหลงเสน่ห์จริงๆด้วยล่ะ」…
「ไม่ใช่น้าาาา! ไม่ได้หลงเสน่ห์น้าาาา! เพราะเกราะ เพราะเกราะต่างหาาาาก!」
รู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคน ฉันจึงกรีดร้องข้อแก้ตัวที่เข้าใจยากอีกครั้ง ในตอนนี้ การถูกไล่ตามเปลี่ยนมาเป็นถูกไล่ล่าแทนซะแล้วล่ะ